“งั้นพี่ก็คงไม่จำเป็นต้องโทร. หาผิงอีก...เพราะคนไร้น้ำใจอย่างผิง...คงไม่แคร์คนอื่นเท่าไร พี่ลาล่ะ” กันตัดบท ต่อความยาวสาวความยืด ก็ไม่รู้อะไรเพิ่ม เขาคงต้องหาวิธีใหม่ เมื่อฟาบริซหวงใบบัวนัก มันต้องมีอะไรสิ
เสียงตัดสัญญาณยิ่งทำให้พิศตราโมโหหนัก เขาโทรศัพท์หาเธอเพราะอยากรู้เรื่องอีเด็กนั่น หาได้เป็นห่วงเป็นใยเธอ กันช่างเป็นผู้ชายร้ายลึกเสียจริง เขามองข้ามเธอยังไม่เจ็บใจเท่า! เขาหันเหความสนใจไปที่ใบบัว อีเด็กก้นครัวนั่นมีอะไรดี ทำไมมีแต่คนรุมรักมัน!
“เห็นใบบัวไหม?” เธอสะกดความโกรธที่พลุ่งพล่านลง เอ่ยปากถามสาวใช้คนแรกที่มองเห็น
เจ้าหล่อนรีบส่ายหน้าหวือ และรีบเดินหนีเมื่อไม่สามารถตอบให้คนถามรู้ได้ ทุกคนในดีคอร์เนอร์รู้ทั้งนั้นแหละ ว่าเด็กสาวคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่มันเป็นสถานที่ต้องห้าม พวกเธอเลยไม่อยากยุ่งด้วย
“อะไรกั
“งั้นพี่ก็คงไม่จำเป็นต้องโทร. หาผิงอีก...เพราะคนไร้น้ำใจอย่างผิง...คงไม่แคร์คนอื่นเท่าไร พี่ลาล่ะ” กันตัดบท ต่อความยาวสาวความยืด ก็ไม่รู้อะไรเพิ่ม เขาคงต้องหาวิธีใหม่ เมื่อฟาบริซหวงใบบัวนัก มันต้องมีอะไรสิ เสียงตัดสัญญาณยิ่งทำให้พิศตราโมโหหนัก เขาโทรศัพท์หาเธอเพราะอยากรู้เรื่องอีเด็กนั่น หาได้เป็นห่วงเป็นใยเธอ กันช่างเป็นผู้ชายร้ายลึกเสียจริง เขามองข้ามเธอยังไม่เจ็บใจเท่า! เขาหันเหความสนใจไปที่ใบบัว อีเด็กก้นครัวนั่นมีอะไรดี ทำไมมีแต่คนรุมรักมัน! “เห็นใบบัวไหม?” เธอสะกดความโกรธที่พลุ่งพล่านลง เอ่ยปากถามสาวใช้คนแรกที่มองเห็น เจ้าหล่อนรีบส่ายหน้าหวือ และรีบเดินหนีเมื่อไม่สามารถตอบให้คนถามรู้ได้ ทุกคนในดีคอร์เนอร์รู้ทั้งนั้นแหละ ว่าเด็กสาวคนนั้นอยู่ที่ไหน แต่มันเป็นสถานที่ต้องห้าม พวกเธอเลยไม่อยากยุ่งด้วย “อะไรกั
บทที่11.ดั่งเช่นกาฝากพิศตรานั่งคอแข็งตาค้าง...เธอนอนพลิกตัวกลับไปกลับมา ก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้ทั้งคืน หลังจากรับรู้ความจริงที่ทำร้ายจิตใจตัวเองอย่างสาหัส เธอไม่ใช่ตัวเลือก...ให้ใครนำมาเพื่อเปรียบเทียบ ยิ่งกับคนไม่มีค่าอะไรเลยอย่างอีเด็กก้นครัวนั่นด้วยแล้ว...เธอมีค่ามากกว่าที่มันหรือใครคิดถึง หญิงสาวทรุดนั่งหน้ากระจก ควักเครื่องสำอางออกมาเพื่อเมคอัฟปิดบังความอิดโรย พร้อมกับปั้นหน้าทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น...แต่เธอจะไม่มีวันยอมแพ้อีเด็กก้นครัวนั่น! สักวันคงเป็นวันของเธอบ้าง วันนั้นเธอจะเขี่ยใบบัวให้กระเด็นออกไปจากบ้านนี้แบบคนไร้ค่า สาวโสภาเดินเฉิดฉายออกมานอกห้องนอน เธอเดินตรงไปยังห้องอาหาร เพราะหากออกรบเธอต้องมีแรงและฟาบริซน่าจะอยู่ที่นั่น พิศตราคาดการณ์ไม่ผิด... ชายหนุ่มนั่งจิบกาแฟอยู่จริงๆ มีสาวใช้คอยบริการและหนึ่งใน
บทที่10 น้ำตานองหน้า“ออกไปจากห้องบัวเถอะค่ะ...บัวไม่อยากให้คุณผิงรู้” หญิงสาวออกปากขับไสฟาบริซเสียงอ่อนๆ ในเมื่อเขารับพิศตราเข้ามาอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน มันหมายความว่าเธอควรจะหมดหน้าที่ลง และเตรียมตัวจากลา “ทำไม! พิศตรารู้แล้วจะเป็นไง...เธอกับฉันจะไม่เหมือนเดิมหรือไงล่ะ...ยังไงเธอก็เป็นของฉันนะหนูบัว!” ฟาบริซหงุดหงิด เขาไม่พอใจทีท่าเฉยชาของหญิงสาว นี่ขนาดพาผู้หญิงอีกคนเข้ามาพักในบ้าน หล่อนยังไม่รู้จักออดอ้อนให้เขาสนใจ มีแต่ผลักไส และขับไล่ เหมือนกับว่าเขาไม่สลักสำคัญอะไรเลย “บัวเป็นแค่ผู้หญิงขัดดอก และหากคุณจะจริงจังกับคุณผิง...บัวก็ยินดีด้วยค่ะ” หางเสียงของใบบัวสั่นพร่า แต่คนที่โมโหจับไม่ได้ เขากำลังจะคุ้มคลั่งเพราะไม่ว่าจะทำแบบไหน...หญิงสาวก็ยังเงียบเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ทำตัวเหมือนเป็นหุ่นยนต์ ไร้ชีวิต ไร้หัวใจ
“ไม่เป็นไร ฉันไปดูเอง” ฟาบริซตวัดแขนสวมเสื้อลวกๆ เขาเดินตัวปลิวเข้าไปในห้องรับรองแบบไม่ได้บอกล่วงหน้า พิศตราตาโต ผู้ชายที่เดินเข้ามานั้นหล่อกระชากใจ ใบหน้าคมเข้มแลดูดุดัน...เขาใส่เสื้อยับๆ กับกางเกงที่ยับย่นไม่ต่างกันเลย...ลักษณะของเขาดิบ เถื่อนและเซ็กซี่ได้ใจ เธอคลี่ยิ้มหวานหยดย้อย แต่ฟาบริซมองผ่านเหมือนไม่รู้สึก ชายหนุ่มเดินไปหยุดหน้าโซฟาตัวใหญ่และทรุดนั่งเอนตัวพิงเบาะ เอ่ยถามมารดาของเธอ ไม่ได้เหลือบแลสายตามาที่เธอสักนิด “มาตกลงเรื่องที่ฉันบอกไว้หรือเปล่า ถ้าใช่...คุณนายต้องการเพิ่มอีกเท่าไร?” แจ่มจันทร์กลืนน้ำลายเอือกๆ...เธอควรเอาไงดี พิศตรากดปลายเล็บลงไปบนผิวเนื้อหัวเข่าของมารดา เธอกรอกตาและบังคับให้ท่านพูด ไหนๆ...ก็มาถึงขั้นนี้แล้ว “เปล่าค่ะ แค
บทที่9.มือที่สามแต่ไม่ใช่คนไกล“แม่...คุณฟาบริซเขารู้จักกับแม่ได้ยังไง? ผิงเห็นเขามาหาแม่ที่ร้าน” พิศตราถามมารดาด้วยความอยากรู้ เธอมีเรื่องกังขาและคาใจหลายเรื่อง หลังจากที่ใบบัวหายตัวไป มารดาบอกกับเธอว่าให้เด็กนั่นไปทำงานที่อื่น เธอไม่ได้ติดใจ แต่เมื่อได้เห็นและเอามาประมวลเข้าด้วยกัน เธอคิดว่าสิ่งที่ตัวเองคิดน่าจะเป็นความจริง “เปล๊า!” แจ่มจันทร์ตอบบุตรสาวเสียงสูง เธอให้พิศตรารู้ไม่ได้ว่าตัวเองเป็นหนี้ชายหนุ่มผู้นั้น “แม่ไม่ต้องมาปิดผิงหรอกค่ะ...ผิงพอจะเดาออก...” หญิงสาวเดินมานั่งตรงหน้ามารดา เธอจับพิรุธบางอย่างได้ “อะไรยัยผิง!!...แม่ปิดอะไรเรา เขาก็แค่แวะมาซื้อขนม...แค่นั้น” นางตอบปัดๆ เสหยิบเงินในลิ้นชักขึ้นมานับ แล้วก็ถอนใจเฮือกๆ รายได้ลดลงไปเกือบครึ่ง เพราะไม่มีขนมจะขาย อีนังอ้อยก็ทำแค่เวลางาน และเมื่อหมดเวลาก็รีบเผ่นกลับ ไม่ไ
บทที่8.เจ้าชีวิตลิขิตทางเดินไม่มีใครรู้ใจใบบัวได้เท่ากับตัวหล่อนเอง มีสายตาหลายคู่คอยจับตามองหญิงสาว ก็มาจากสายตาของสาวใช้นางอื่นๆ ที่กระเหียนกระหือรือ อยากได้อยากมี และอยากคว้าโอกาสนั่นไว้ให้ตัวเองบ้าง เพียงแต่พวกหล่อนไม่มีหนทางได้ใกล้ชิดเจ้านายหนุ่ม เมื่อฟาบริชไม่เคยชายตาแลใคร ยามใดก็ตามที่ใบบัวว่าง หลังจากอยู่ใต้หลังคาดีคอร์เนอร์มาจนครบ1อาทิตย์ เธอแวะเวียนไปที่ก้นครัวเป็นประจำ เพื่อช่วยแบ่งเบางานของป้าแม่ครัวบ้าง ตัวเองจะได้ไม่รู้สึกไร้ค่าเกินไป “เสื้อสวยดีนี่ ไปทำอีท่าไหนล่ะ เจ้านายถึงได้ซื้อมาประเคนให้” เสียงกระแหนะกระแหนจากสาวใช้หน้าใส วัยรุ่นขบเผาะ หล่อนพูดจากระทบกระเทียบใบบัว ใบบัวละมือจากงานที่ทำ เธอส่งยิ้มให้...แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้ เมื่อมันมีแต่ทางพ่ายแพ้ เพราะเธอรู้อยู่แกใจว่าอยู่แล้วว่าเพราะอะไ
“เอาไปเถอะ...ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว เขารับคืนที่ไหนกันล่ะ เอาเป็นว่า...เธอช่วยปลอบใจฉัน ด้วยจูบหวานๆ สักทีก็แล้วกัน” “เอ่อ...” “น่า...นะ” ชายหนุ่มทำเสียงออดๆ เขาเถลตัวลงไปใกล้ๆ ใบบัว เพราะหากรอเธอเดินเข้ามาหาเอง คงได้รอจนเหนียงยาน... มือร้อนผ่าวเอื้อมจับหัวไหล่ของใบบัว หมุนตัวเธอมาเผชิญหน้า พร้อมกับโน้มตัวไปใกล้ๆ โดยที่ใบบัวไม่ทันได้เบี่ยงตัวหนีเขากดจุมพิตแผ่วๆ ที่มุมปาก ค่อยเคลื่อนปากที่ร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาประกบกลีบปากอิ่มที่เผยอขึ้นเหมือนจะห้าม...จากจุมพิตอ่อนโยนเต็มไปด้วยความอบอุ่นและหวานเชื่อม แปรเปลี่ยนเป็นจุมพิตร้อนแรงตอนไหน? หญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัว เธอทำได้แค่ยันมือไว้กับแผงอกแน่นตึงของเขา แหงนเงยใบหน้าขึ้นรับจุมพิตนั่นด้วยความเต็มใจ...หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อแผ่นหลังของเธอเอนแนบลงบนพื้นพรม โดยมีผู้ชายตัวใหญ่ๆ คร่อมทับ เขาเบี่ยงตัวนิดๆ เพื่อไม่ให้ทาบทับเธอไว้ทั
บทที่7.ลงทัณฑ์พิศวาสพิศตราละมือจากราวเสื้อผ้า เธอกำลังเลือกชุดเดรสสวยๆ สำหรับใช้ในงานวันเกิดเพื่อนคนหนึ่ง หางตาของเธอมองเห็นผู้ชายลักษณะภูมิฐาน...เดินผ่านไปแวบๆ เขาดูดีจนเธอสะดุดตา...จนต้องเดินตามมาเพื่อให้เห็นชัดๆ เต็มตา ผู้ชายใส่สูทเต็มยศ ไม่มีให้เห็นบ่อยนักที่จังหวัดเล็กๆ ติดฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อมีผู้ชายลักษณะแบบนั้น มันจึงแปลกตาสำหรับคนที่มองเห็น หญิงสาวอ้าปากค้าง เมื่อฟาบริซหมุนตัวกลับมา เหมือนเขามองหาอะไรสักอย่าง ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก เขาเดินผ่านหน้าพิศตราไปอย่างเฉียดฉิว เมื่อมองเห็นร้านค้าชื่อดังอยู่อีกด้านหนึ่งกับที่เขาเดิน เดเนียลถึงกับหอบแฮ่ก...เจ้านายเดินวนไป เวียนมาหลายสิบรอบ ทุกสิ่งที่หยิบฉวยมา แทบไม่มีของตัวเอง มีแต่ของผู้หญิง แล้วก็ของผู้หญิง กระเป๋า รองเท้า ชุดสวยๆ แม้กระทั้งชั้นในผู้หญิง แล้วที่เดินลิ่วๆ ไปนี่ เจ้านายเจออะไรอีกล่ะ 3 ชั่วโมงสำหรับการจับจ่าย มันนานเกินไปแล้ว เดเนียลไหล่ลู่ ถือของจนเมื่อยไปหมดทั้งอุ้งมือ
“ค่ะ ต่อไปบัวจะไม่ทำอีก” หญิงสาวกลืนน้ำตา เธอตอบกลับไปเสียงสั่นพร่า อะไรก็ตามที่ทำให้เขาไม่พอใจ เธอจะพยายามไม่ทำอีก เพื่อความสบายใจของทุกๆ คน โอกาสที่จะเจอกับกันคงไม่มี ต่อไปนี้เธอต้องพยายามเจียมตัว จนกว่าจะเป็นอิสระ เธอคงทำได้แค่รอ... “ดี...อย่าพยายามอ่อยใคร! เพราะมันทำให้ฉันหงุดหงิด” ฟาบริซกระแทกเสียงใส่ เขาร้อนรนไปทั้งเนื้อตัว ยามเห็นสายตาอ่อนโยนของผู้ชายคนอื่นทอดมองหญิงสาว เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ “ช่างเถอะ! เธอควรอยู่ในที่ของเธอ หากไม่ออกไปเดินเพ่นพ่านมันก็ไม่น่าจะมีปัญหา” ชายหนุ่มเดินวนไป วนมา เขาหาทางออกให้เธอ และมันคงทำให้เขากลับมาสงบได้เหมือนเดิม “ค่ะ” ใบบัวรับคำ เธอเองก็ไม่อยากวุ่นวาย เธออยากเป็นอิสระเร็วๆ และนับวันรอด้วยความเศร้านิดๆ “วันนี้ฉันจะออกไปทำงาน...เธอควรระวังตัวดีๆ ล่ะ