LOGIN
“ปรางค์ วันนี้รายงานตัวเข้าฝึกงานไม่ใช่เหรอลูก รีบแต่งตัวสิ เดี๋ยวรถจะติดไปไม่ทันกันพอดี”
สดศรีมารดาของปรางค์รวีเอิ่นบอกลูกสาวที่กำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง เมื่อมองดูนาฬิกาบนฝาบ้านที่บอกเวลาหกโมงครึ่ง นางกลัวว่าการจราจรอันแสนคับคั่งจะทำให้เธอไปสายในวันแรกของการฝึกงาน
“ค่ะแม่ ปรางค์เสร็จแล้วค่ะ” เจ้าของเสียงเดินออกมาจากห้องพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน
“แม่ไม่อยากให้ปรางค์ไปสาย ไปทำงานวันแรกเราก็ต้องตรงต่อเวลา ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การฝึกงานก็เถอะ”
สดศรีเป็นคนตรงต่อเวลา นางจะไปไหนมาไหนต้องเผื่อเวลารถติดเสมอ หากไปถึงก่อนเวลาก็ไม่มีอะไรเสียหาย แต่ถ้าไปถึงหลังเวลานัดอาจจะถูกมองในแง่ไม่ดีได้ และส่งผลตรงถึงหน้าที่การงาน
“ปรางค์รู้ค่ะแม่ ปรางค์ถึงรีบออกจากบ้านเร็วไงคะ กว่าจะฝ่าดงรถยนต์ไปถึงที่ทำงานได้ก็คงใช้เวลาชั่วโมงนึง แต่ถ้าไม่ทันจริงๆ ปรางค์จะขึ้นวินมอ’ ไซค์ค่ะ รับรองไปทันแน่ๆ ค่ะ”
ปรางค์รวีเตรียมแผนการเดินทางของตนไว้เรียบร้อย เนื่องจากระยะทางระหว่างบ้านหลังนี้ไปที่ทำงานไม่ไกลเท่าไหร่มากนัก แต่ทว่ารถติดเหลือกำลัง จึงต้องเผื่อเวลาไว้เรื่องนี้ด้วย
“แม่ไปซื้อโจ๊กกับปาท่องโก๋มาให้ปรางค์ด้วย กินก่อนแล้วค่อยไปนะลูก มีอะไรรองท้องบ้างเพราะกว่าจะได้กินอีกทีก็เที่ยง”
พูดจบก็เดินไปหยิบอาหารที่เตรียมไว้ให้หลานสาวมาว่งไว้บนโต๊ะตัวเล็กที่นั่งประจำของปรางค์รวี
“ขอบคุณค่ะแม่” ปรางค์รวีลงมือทานอาหารเช้าที่มารดาเตรียมไว้ให้ เธอใช้เวลาทานประมาณสิบนาทีโจ๊กในชามก็เกลี้ยง “ปรางค์ไปก่อนนะคะแม่ สวัสดีค่ะ”
“โชคดีนะลูก ขอให้ลูกแม่เจอแต่คนดีๆ ให้ความเมตตานะลูก”
“ขอบคุณค่ะแม่” ปรางค์รวีไหว้และกล่าวขอบคุณในคำอวยพรของผู้เป็นแม่ แล้วเดินทางออกจากบ้านทันที
สดศรีมองตามร่างของปรางค์รวีด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยกมือท่วมหัว ภาวนาขอให้เพื่อนร่วมงานและเจ้านายของลูกสาวเป็นคนดี มีจิตใจเมตตา มีความเอื้อเฟื้อต่อปรางค์รวี นางคิดว่าหากเจ้านายและเพื่อนร่วมงานดี การทำงานก็ราบรื่น
แต่นางจะรู้หรือไม่ว่า กำลังมีเสือร้ายรอเขมือบร่างของปรางค์รวี ที่ไม่เพียงแค่นั้นยังเป็นคนที่สร้างความเสียใจให้กับเธออย่างมากมายด้วย
ตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทำให้ปรางค์รวีต้องรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากยิ่งขึ้น อีกสิบห้านาทีเธอจะต้องเข้าไปรายงานตัวกับแผนกบุคคล เป็นนักศึกษาฝึกงานคนแรกของบริษัททีทีอาร์ กรุ๊ป เธอถูกคัดเลือกจากหนึ่งในร้อยของนักศึกษาที่ยื่นความจำนงขอฝึกงานด้วย
“ทำไมมาช้าจังยัยปรางค์ นี่ได้เวลาแล้วนะ” ภัทราหันมาต่อว่าเพื่อนสนิท ที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในตัวอาคาร
“รถติดมากเลย นี่ก็รีบสุดๆ แล้วนะ” ปรางค์รวีพูดเสียงปนเหนื่อยหอบ
“ไปเถอะ กว่าจะรอลิฟต์อีกเดี๋ยวสายกันพอดี”
ภัทราบ่นอุบ วันนี้ทั้งสองสาวต้องมารายงานตัวเป็นนักศึกษาฝึกงานที่นี่ หากแต่คนละบริษัท ภัทราฝึกงานในบริษัทประกันชีวิต ที่เช่าสำนักงานในอาคารแห่งนี้ ส่วนปรางค์รวีโชคดีได้ฝึกงานกับบริษัทเจ้าของตึก เพื่อนรักทั้งสองจึงนัดหมายเจอกันที่นี่
สองสาวยืนรอลิฟต์อยู่เกือบห้านาที หากแต่ลิฟต์ยังไม่เดินทางมาถึงชั้นล่าง ปรางค์รวีก้มมองดูนาฬิกาข้อมือหลายครั้ง ด้วยความกระวนกระวายใจ เหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบนาทีเท่านั้นก้จะถึงเวลานัดหมายเข้ารายงานตัว เวลาที่เหลือน้อยนิด เธอจึงภาวนาขอให้ลิฟต์มาจอดถึงชั้นล่างเร็วๆ
ขณะเดียวกันประธานหนุ่มไฟแรงของบริษัททีทีอาร์ กรุ๊ป บุรุษที่มากด้วยเสน่ห์และเจ้าชู้อย่างร้ายกาจ เดินมายังลิฟต์โดยสารของอาคาร โดยมีลูกน้องคนสนิทที่เป็นทั้งคนไทยและอิตาลี เดินขนาบเจ้านายหนุ่ม ก่อนที่ทั้งหมดจะมาหยุดยืนหน้าลิฟต์สำหรับเจ้าของบริษัทดังกล่าวใช้งานได้เพียงคนเดียว
รังสรรค์เสียบการ์ดลงไปในช่องหน้าลิฟต์ ก่อนจะกดปุ่มเปิดลิฟต์ เมื่อลิฟต์เปิดออกทั้งหมดก็ก้าวเข้าไปภายใน ในช่วงจังหวะนั้นเอง ภัทราหันมามองทางด้านหลังเมื่อเห็นว่าลิฟต์อีกตัวเปิดอยู่ มีกลุ่มชายฉกรรจ์ยืนอยู่ภายใน เธอจับข้อมือของเพื่อนสาว ลากเดินเข้าไปในลิฟต์ ไม่ทันได้อ่านป้ายที่เขียนว่า “สำหรับผู้บริหารเท่านั้น” คนที่อยู่ภายในลิฟต์จะบอกก็บอกไม่ทัน เพราะประตูลิฟต์ปิดเสียก่อน
“โชคดีนะเนี่ยที่ลิฟต์ตัวนี้มาเสียก่อน ไม่งั้นไม่ทันแน่เลย”
ภัทราบ่นอีกตามเคย เอื้อมมือไปกดปุ่มชั้นที่เธอต้องการ หากแต่ไม่มีตัวเลขชั้นที่เธอต้องการ เพราะมีอยู่สามหมายเลขเท่านั้นคือ 46, 47, 48
“อ้าวแล้วเธอจะไปชั้นที่ยี่สิบสองได้ยังไงล่ะ มันไม่มีหมายเลขชั้นนั้นนี่” ปรางค์รวีเอ่ยถามเพื่อนรัก เมื่อนิ้วเรียวยาวเอื้อมมือไปกดปุ่มหมายเลขชั้นที่ต้องการ แต่ไม่มีหมายเลขชั้นที่ภัทราฝึกงานอยู่
“สงสัยเมื่อกี้รีบร้อนเลยเข้าลิฟต์ผิด ไม่เป็นไร.ถือว่าภัทรมาส่งปรางค์ก็แล้วกัน” ภัทราพูดด้วยรอยยิ้ม ลิฟต์บางอาคารแยกเป็นสัดส่วนชั้นคี่กับชั้นคู่ เธอจึงไม่ติดใจอะไรกับลิฟต์ตัวนี้
ปรางค์รวีมองไปรอบๆ ตัวลิฟต์ บุคคลที่อยู่ในลิฟต์ตัวนี้ดูน่าเกรงขาม แต่ละคนใบหน้านิ่งราวกับเป็นหุ่นยนต์ มีจุดเด่นอยู่คนเดียว ใบหน้าของเขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล หล่อเหลาผิวขาว เส้นผมของเขาสีน้ำตาลประกายทองถูกจัดแต่งทรงอย่างสวยงาม หนวดเคราขึ้นบางๆ ที่สันแก้มทั้งสองข้าง โดดเด่นมากที่สุดคงเป็นดวงตาสีเขียว
เขาช่างหล่อบาดใจเธอยิ่งนัก หัวใจของปรางค์รวีเต้นรัวเมื่อได้ที่สบสายตาแสนเสน่ห์นั้น เหมือนมีแรงดึงดูดมหาศาล ยิ่งมองยิ่งร้อนวูบวาบ จนเธอต้องเบนหน้าหนีก่อนที่ร่างกายของเธอจะละลาย สติของเธอถูกดึงกลับมาเมื่อเพื่อนสาวเอ่ยถามคำถามบางอย่าง
Chapter 7“คุณเสือคะปรางค์ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ” ปรางค์รวีตัดสินใจพูด หญิงสาวรู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากที่นั่งเป็นอาหารตาของเพื่อนของเขา โดยที่วิตโตริโอไม่มีทีท่าว่าจะปกป้องเลยแม้แต่นิดเดียว“อืมไปสิ” เขาหันมาพูดกับเธอ ก่อนจะสนทนากับเพื่อนต่อไป“วิโตรู้สึกว่านายจะกินอาหารจานนี้เกินกว่าจานอื่นๆ นะ”บุรินทร์ผู้ชายที่มีนิสัยเจ้าชู้ เอ่ยถามวิตโตริโอทันทีที่ร่างของปรางค์รวีเดินออกไปจากโต๊ะ“ใครว่ากินนาน ฉันยังไม่ได้กินต่างหาก” เขาตอบเพื่อนสนิท สีหน้าของบรรดาเพื่อนๆ ที่อยู่ร่วมโต๊ะ ไม่เชื่อคำพูดของเขา ไม่คาดคิดว่าเพลย์บอยแห่งยุคจะปล่อยให้อาหารหวานลอยนวลได้นานขนาดนี้“เป็นไปได้ยังไงวะอย่างนายเนี่ยเหรอยังไม่ได้กินอาหารหวานจานนี้ ฉันนึกว่าเสร็จนายไปนานแล้วเสียอีก” ธีรยุทธ์พูดเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อ เนื่องจากผู้หญิงที่อยู่ใกล้วิตโตริโอ ไม่เกินหนึ่งวันผู้หญิงคนนั้นต้องกรายมาเป็นอาหารหวานของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้ทุกราย“อาหารจานนี้ฉันอยากจะพิถีพิถันในการกินมากกว่าจานอื่นๆ ค่อยๆ กินทีละนิดๆ มันถึงจะอร่อยและเร้าใจ บุ่มบ่ามกินอย่างตะกละตะกลามมันจะไปอร่อยอะไร กินไม่กี่ครั้งก็เบื่อพวกนายว่าจริงไหม” น้ำ
Chapter 6สองสัปดาห์มานี้ปรางค์รวีคลายความอึดอัดลงมาก เมื่อเขาไม่เคยล่วงเกินเธอเกินกว่าการจับมือถือแขน วิตโตริโอให้เกียรติอย่างที่หญิงสาวคาดไม่ถึง ทำให้เธอกล้าพูดคุยหยอกล้อกับเขามากขึ้น หากแต่ปรางค์รวียังคงระวังตัวกลัวจะเผลอไผลไปกับสัมผัสรัญจวนเช่นครั้งนั้น ทว่าเธอลืมระวังหัวใจไม่ให้หลวมตัวรักเขาและตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หัวใจของเธอก็กำลังจะพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์อันเหลือล้นของเขา ที่มาพร้อมกับความเอาใจสารพัด พูดจาอ่อนหวานระคนนุ่มหู พาไปทานอาหารกลางวัน ไปรับไปส่งทุกเช้าและเย็น เขาทำหน้าที่มากกว่าเจ้านายกับลูกน้อง ความรู้สึกดีเริ่มก่อเกิดในจิตใจ ดอกรักค่อยๆ เบ่งบานในหัวใจที่ไม่เคยสัมผัสคำว่าความรัก แต่ถึงกระนั้นปรางค์รวีก็ยังไม่เปิดใจรับเขาเต็มที่ เพราะคิดว่าคนอย่างเขาคงไม่ปักใจรักหญิงสาวธรรมดาเช่นเธอ เพราะในสังคมของเขามีสตรีที่เทียบเทียมกับเขามากเหลือเกิน“ปรางค์ วันนี้เพื่อนฉันเปิดผับใหม่เป็นวันแรก ฉันกะว่าจะไปเปิดงานให้เสียหน่อย ปรางค์ไปกับฉันนะ” เขาเอ่ยชวน ปรางค์รวีมีท่าทางลังเล เพราะเธอไม่เคยเที่ยวยามราตรีมาก่อน อีกข้อหนึ่งมารดาของปรางค์รวีป่วยกระเซาะกระแซะมาหลายวันแล้ว หากเธอไปก็จะไม่ม
Chapter 5“ปรางค์มีเพื่อนอีกคนที่เค้าฝึกงานที่นี่ พาเพื่อนของปรางค์ไปด้วยได้หรือเปล่าคะ”“ได้สิจ้ะ ทำไมจะไม่ได้ ว่าแต่เพื่อนของปรางค์ฝึกงานที่บริษัทไหนล่ะ”“บริษัทประกันชีวิตค่ะ” โสภาพยักหน้ารับรู้ก่อนจะยิ้มให้และลงมือทำงานต่อไปก่อนเวลาอาหารรับประทานอาหารกลางวันห้านาที เสียงโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะของโสภาดังขึ้น“ค่ะท่านประธาน” เธอกรอกสายผ่านเครื่องโทรศัพท์ การสนทนาเกิดขึ้นไม่นานนักก็ยุติลง หลังจากที่โสภาวางโทรศัทพ์ลงที่แป้นเธอก็หันมามองปรางค์รวีที่นั่งทำงานอยู่อย่างขะมักเขม้น ความสงสารสงสารและเห็นใจปรางค์รวีท่วมท้นจิตใจ ภาวนาให้ผู้หญิงบอบบางคนนี้รอดพ้นจากเจ้านายหนุ่ม ที่เปรียบเสมือนเสือคอยตะปบเหยื่อสาวๆ สวยๆ ตลอดเวลา ถ้าเธอไม่แต่งงานมีสามีและมีลูก เธอคงหนีไม่พ้นเป็นดอกไม้ประดับแจกันของเขาแน่นอน และอีกข้อถือว่าเป็นความดีที่เจ้านายหนุ่มมี คือจะไม่ยุ่งกับพนักงานสาวในบริษัท แม้ว่าหลายคนจะทอดสะพานรอไว้ให้เขาเดินข้ามาก็ตาม แต่งานนี้เห็นทีวิตโตริโอจะแหกกฎเหล็กเสียแล้ว“ปรางค์ท่านประธานให้เข้าไปพบ” ปรางค์รวีเงยหน้ามองผู้พูด หัวใจของเธอเต้นเร็ว มือที่จับปากกาอยู่เริ่มสั่น เขาจะเรียกเธอไปพบทำไม
Chapter 4“แค่จูบนิดเดียว ใจเสาะเป็นลมซะแล้ว ถ้าทำอย่างอื่นมีหวังได้หัวใจวายแน่ๆ” เขาพูดกับร่างที่หลับใหล เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง นั่งทำงานอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทอดสายตามองนางแมวยั่วสวาทเป็นระยะ ร่างกายของเขาร้อนขึ้นมาทุกครั้งที่มองมาที่เธอ กระโปรงนักศึกษาที่สั้นเหนือเข่า ร่นขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ เผยให้เห็นเรียวขาสวย ทรวงอกที่ดันเสื้อออกมาทำให้เขาหายใจติดขัดไม่ทั่วท้อง ไม่มีสมาธิทำงาน อย่างจะทำอย่างอื่นมากกว่า วิตโตริโอตัดสินใจคว้าสูทของเขา เดินมาหานางแมวยั่วสวาทคลุมร่างกายของเธอให้มิดชิดกว่านี้ ก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว หลังจากนั้นเขาเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง และก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียวหนึ่งชั่วโมงผ่านไปไม่ขาดไม่เกิน ร่างอรชรเริ่มขยับตัว ดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเชื่องช้า มองเพดานสูงชั่วครู่เพราะรู้สึกมึนงงจากนั้นจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใบหน้าของปรางค์รวีแดงขึ้นเรื่อยๆ มือบางยกขึ้นแตะที่ริมฝีปากของตัวเธองอย่างเผลอไผล รสชาติของการจูบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน มันช่างวาบหวิวเสียจนหัวใจของเธอสั่นยามเมื่อคนที่จูบตนแล้วเมื่อนึกถึงวิตโตริโอ ที
Chapter 3“ฉันชื่อวิตโตริโอ ดิมาร์ชี หรือว่าคุณเสือ ผู้ชายที่เธอวิจารณ์ในลิฟต์ไง” เขาพูดเป็นภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ไม่แปลกที่เขาจะพูดภาษานี้ได้เพราะมารดาของเขาเป็นคนไทย น้าของเขาทั้งสองก็เป็นคนไทย เพราะฉะนั้นที่บ้านจึงพูดอยู่สองภาษาคือภาษาไทยและภาษาอิตาเลี่ยนปรางค์รวีไม่มีเวลาคิดว่า เหตุใดเขาถึงได้พูดภาษาไทยได้ชัดไม่แพ้คนไทย เนื่องจากกำลังสั่นผวากับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของตน จนอยากจะเป็นลมหรือไม่ก็กลายเป็นสายลมพัดหายออกไปจากห้องนี้ คราวนี้เธอต้องตายแน่ๆ ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานต้องโดนไล่ออกเสียแล้ว“ปรางค์ขอโทษค่ะ ปรางค์ไม่ได้ตั้งใจจะพูดออกไปอย่างนั้น พอดีปรางค์ไม่เคยรู้จักท่านมาก่อน ปรางค์ขอโทษจริงๆ นะคะ”หญิงสาวพนมมือไหว้ขอโทษเป็นการใหญ่ เขาเดินเข้ามาหาเธอราวกับว่าเขาเป็นเสือจ้องตระคลุบเหยื่อ ปรางค์รวีเริ่มหน้ามืด เหงื่อตกมือไม้สั่น เหมือนกับร่างกายที่สั่นตามแรงจังหวะหายใจที่ไม่สม่ำเสมอ ใบหน้าของเขาดูเรียบไม่แสดงออกทางอารมณ์ ดวงตาของเขานั้นเล่าที่เธอมองเห็น มันลุกวาวโชติช่วงด้วยเปลวแห่งไฟ ผสมผสานกับความร้อนจากดวงตะวัน เหมือนกับอสูรร้ายก็ไม่ปาน ทำให้ร่างกายเธอร้อนๆ หนาวๆ คล้ายจะจับไข้ทั
Chapter 2“ปรางค์ มีคนพูดกับฉันหลายคนนะว่าเจ้าของบริษัทที่เธอจะไปฝึกงานด้วย ชื่อเสือ ชื่อดุน่าดูเลย ปรางค์ว่าเขาจะหน้าตาเป็นยังไง”เจ้าของดวงตาสีเขียวมรกตสะดุดชื่อเล่นที่สองสาวกล่าวถึง เพราะชื่อเสือ เป็นชื่อเล่นของเขาเช่นกัน คราแรกเขาก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่ตนเองหรือไม่ แต่พอมาวิเคราะห์อะไรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชั้นที่คนถูกถามไปนั้นก็เป็นชั้นที่ตั้งบริษัทของตน เขาคิดว่า เสือ ที่ทั้งคู่พูดถึงนั้นคือตนแน่นอนวิตโตริโอเลือกที่จะเงียบและโบกมือให้รังสรรค์ที่กำลังจะอ้าปากพูดให้หุบปาก เพราะต้องการรู้ว่า คำตอบที่กำลังจะถูกขับออกมาจากปากของสาวสวยร่างเล็กว่าเป็นอย่างไรปรางค์รวีทำท่าคิดได้น่ารัก ใสซื่อจนคนที่มองดูเธออยู่ถึงกับเคลิ้ม เขาไม่เคยพบผู้หญิงคนไหนยิ้มได้สวยอย่างนี้มาก่อนเลย เวลาเธอยิ้มทำให้ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา คืนชีพได้อย่างไม่น่าเชื่อ“อืม อายุก็คงหกสิบกว่าๆ อ้วนลงพุง หน้าตาดุๆ เหมือนกับชื่อกระมัง อ้อ...มีเขี้ยวสองข้างด้วย เอาไว้คอยขย้ำลูกน้องที่ทำงานไม่ได้ดั่งใจ” ปรางค์รวีตอบเพื่อนด้วยการคาดเดา เธอคาดคะเนจากหลายประการ บริษัทแห่งนี้เติบโตมากกว่า 34 ปี เพราะฉะนั้นเจ้าของบริษัทน่าจะอายุประมาณหก







