“เสี่ยวฉู่...ข้าเหมือนสาวใช้รึ?”
“เอ๋?” สาวใช้หันมามองผู้เป็นนายแล้วกวาดตาขึ้นลง “ทำไมฮูหยินถามเช่นนั้นเจ้าคะ”
“ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
“ใครมันตาไร้แววมองฮูหยินเป็นสาวใช้ บอกข้ามาเลยเจ้าค่ะ ข้าเสี่ยวฉู่จะไปจัดการเอง!”
จ้าวจื่อรั่วหัวเราะออกมา เจ้าแพะน้อยเงยหน้ามองเจ้าของมือเรียวที่กำลังบิแป้งทอดให้มันกิน หัวทุยๆ ดันมือของนางเบาๆ ราวกับจะร้องขอของกินเพิ่ม
“แกจะกินทุกอย่างไม่ได้นะเปาเป่า”
เสี่ยวฉู่แยกเขี้ยวใส่แล้วยื่นมือไปคว้าแป้งทอดที่เหลือครึ่งแผ่นยัดใส่ปากตัวเอง เจ้าแพะน้อยไม่พอใจที่ถูกแย่งของกิน พุ่งเข้าใส่ เสี่ยวฉู่ถึงกระโดดหลบไปมา ทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะจนน้ำตาคลอเบ้า
“แป้งทอดมีตั้งหลายชิ้น เจ้าจะไปแย่งของเปาเป่าทำไมกัน” จ้าวจื่อรั่วส่ายหน้าไปมา นึกถึงเฟยฉีและเฟยหลิง-น้องชายทั้งสองชอบกินขนมที่นางทำมาก ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไร ได้กินอิ่มนอนหลับ กลางคืนมีคนห่มผ้าให้หรือไม่
“ก็ของอร่อยเช่นนี้ ข้าก็หวงเป็นธรรมดา”
“แค่แป้งทอดเอง”
“ฮูหยินทำให้ท่านแม่ทัพกินด้วยสิเจ้าคะ”
จ้าวจื่อรั่วชะงักไป “ท่านแม่ทัพคงไม่กินของเช่นนี้หรอกกระมัง”
“ฮูหยินไม่รู้อะไร” เสี่ยวฉู่ทำตาโต “ท่านแม่ทัพของเรากินง่ายอยู่ง่าย ไม่เช่นนั้นคงจ้างพ่อครัวจากโรงเตี้ยมใหญ่ๆมาแล้ว แต่เพราะต้องการจ้างท่านป้าที่สูญเสียลูกชายไปในสนามรบ แม้จะทำอาหารที่ชาวบ้านกินกัน แต่ท่านแม่ทัพก็ไม่เคยบ่นสักคำ ตั้งแต่ฮูหยินเข้าครัวไปทำอาหารเอง ท่านแม่ทัพของเรากินข้าวเยอะขึ้นกว่าเดิมอีกนะเจ้าค่ะ”
“จริงรึ”
หญิงสาวหันไปถามสาวใช้ นางแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ และในฐานะที่ตนเป็นฮูหยินก็ต้องดูแลสามีให้ดี ข้าวปลาอาหารและเสื้อผ้า รวมทั้งเรื่องในบ้าน นางควรรับผิดชอบให้ดี จึงทำตามหน้าที่แต่ไม่คิดว่าคนผู้นั้นจะชอบรสอาหารที่นางทำ
“จริงเจ้าค่ะ ถ้าฮูหยินไม่เชื่อ เรียกบ่าวคนอื่นมาสอบถามก็ได้”
“ไม่ต้องหรอก” จ้าวจื่อรั่วก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม “เจ้าอยู่กับท่านแม่ทัพมานาน เขา...เขาชอบกินอะไรบ้างล่ะ”
เสี่ยวฉู่หยุดคิดเล็กน้อย ปกติท่านแม่ทัพไม่เคยเรื่องมากเรื่องอาหาร อาจเพราะอยู่ในกองทัพจนชินชา เรียกว่ากินให้อิ่มท้องแต่จะอร่อยลิ้นหรือเปล่าก็ไม่อาจรู้
“ข้าก็เห็นท่านแม่ทัพกินได้ทุกอย่าง” นางพูดเสียงเบาแล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ก็รีบพูดขึ้น “ฮูหยินก็กินอาหารกับท่านแม่ทัพสิเจ้าคะ จะลองสังเกตดูว่าท่านแม่ทัพชอบอะไร”
คราวนี้จ้าวจื่อรั่วยิ้มไม่ออก เขาไม่เคยเรียกนางไปกินอาหารด้วย มีแต่สั่งให้นางนำอาหารไปส่งให้แม่นางเฉียวฉู่ คิดถึงเรื่องนี้แล้ว นางก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำอาหารเอาใจสามีไปทันที
“เปาเป่ากลับไปนอนที่คอกของตัวเองได้แล้วนะ”
แพะน้อยได้ยินก็ไม่ค่อยพอใจนัก มันวิ่งมาใช้หัวดันฝ่ามือของจ้าวจื่อรั่ว
“ไม่ได้ อย่าดื้อ ข้าต้องไปเย็บผ้าอีก” นางหัวเราะออกมา หากไม่มีแพะน้อยแล้ว นางคงไม่รู้จะพูดคุยกับใครอีก “เสี่ยวฉู่ เจ้าพาเปาเป่าไปเข้าคอกแล้วก็กลับไปพักผ่อนได้”
“ไม่ให้ข้าดูแลฮูหยินอีกหน่อยหรือเจ้าคะ ยังไม่ค่ำเลย”
“ไม่มีอะไรแล้ว” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ อย่างไรคนผู้นั้นก็ไม่มาหานาง ไม่จำเป็นต้องให้บ่าวไพร่อยู่รอปรนนิบัติ “ข้าจะไปปักผ้า”
“เจ้าค่ะ”
เสี่ยวฉู่รู้ว่าฮูหยินต้องการอยู่เพียงลำพัง นางก็ไม่รู้จะช่วยฮูหยินที่แสนดีอย่างไร ท่านแม่ทัพก็เป็นนายที่นางจงรักภักดี หากท่านแม่ทัพจะรับภรรยาเพิ่มจริงๆ แม้นางไม่พอใจ แต่จะทำสิ่งใดได้ นางกับคนอื่นในจวนก็ได้แต่เห็นใจฮูหยินเท่านั้น
จ้าวจื่อรั่วมองสาวใช้จูงแพะน้อยออกไปแล้วก็เดินกลับเข้ามาในเรือน แต่เดิมนางก็ไม่มีสาวใช้ข้างกาย ออกจากเมืองหลวงก็ไม่มีผู้ใดติดตามมา ใช้ชีวิตทำอะไรด้วยตนเองจนคุ้นชินไปหมดแล้ว นางเข้ามาอาบน้ำอุ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดนอน พลันนึกถึงที่ตนถูกคนทักว่าเป็นสาวใช้ถึงสองครั้ง หญิงสาวก้มมองเรือนร่างตนเอง พลางคิดถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ เมื่อครั้งที่อยู่ในจวนสกุลจ้าว นางก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งกายงดงามนัก ใส่ได้เพียงแค่เสื้อผ้าสีเรียบๆ
ท่านแม่สอนงานเย็บปักและทำอาหาร นางยังจดจำได้ว่าท่านแม่เพียรพยายามเอาอกเอาใจท่านพ่อมากเพียงใด ต้องคอยดูสีหน้าคนในจวน ปักถุงเงินให้ผู้อื่นเป็นสินน้ำใจ เพียงเพื่อให้ลูกทั้งสามได้กินอิ่ม การมีบุตรชายถึงสองคนควรจะนำพาให้ชีวิตความเป็นอยู่ของมารดาให้ดีขึ้น ทว่ามารดากลับถูกกลั่นแกล้งสารพัด ท่านพ่อก็จะพาน้องชายทั้งสองไปให้ฮูหยินใหญ่เลี้ยงดู แต่มารดาของนางขอร้องไว้ จนกระทั่งนางสิ้นใจ แม้ฮูหยินใหญ่รับน้องชายทั้งสองไปเลี้ยง แต่ความเป็นอยู่ก็ไม่ได้ดีนัก นางต้องดูแลอยู่ห่างๆ ข้าวปลาอาหาร เสื้อผ้าที่สวม รวมทั้งคอยเคี่ยวเข็ญให้ทั้งสองฝึกอ่านตำรและเขียนอักษร
จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเบาๆ นึกถึงที่น้องรองเคยโกรธที่นางเคี่ยวเข็ญให้อ่านตำราอย่างหนัก ยามนี้นางไม่ได้อยู่ใกล้ๆ พวกเขาไม่ต้องทนฟังนางบ่นอีก คงมีความสุขดีไม่มีใครคิดถึงพี่สาวคนนี้แล้วกระมัง
ความน้อยใจทำให้หัวใจเจ็บแปลบ นางได้แต่หัวเราะโชคชะตา เป็นถึงฮูหยินแม่ทัพใหญ่ แต่...มีคนทักว่าเป็นสาวใช้...
นางเปิดกล่องเครื่องประดับแล้วก็ถอนหายใจเบาๆ มีสร้อยไข่มุกหนึ่งเส้น กำไลหยกหนึ่งวง ต่างหูมุกอีกหนึ่งคู่ ปิ่นหยกสองอัน ช่างดูอัตคัดยิ่งนัก ก็สมควรแล้วที่ถูกผู้อื่นคิดว่าเป็นสาวใช้ มือเรียวปิดกล่องเครื่องประดับแล้วหยิบแปรงมาหวีผมพลางมองตนเองในกระจกเงา เสื้อผ้านางก็มีแค่สีเรียบๆ แม้นางมีฝีมือในการปักผ้าแต่ไม่กล้าปักลวดลายเพิ่มให้อาภรณ์ของตนเอง เกรงว่าผู้อื่นจะคิดว่านางแต่งกายยั่วยวนบุรุษอื่น ยิ่งอยู่ในจวนแม่ทัพที่มีบุรุษเดินเข้าออกตลอดวัน แม้นางใช้ชีวิตในเรือนแทบไม่เจอผู้ใดก็ตาม มีสตรีใดบ้างเล่าไม่ชอบแต่งกายสวยงาม
รถมาที่เตรียมไว้อบอุ่นและพรั่งพร้อมสำหรับการเดินทาง เนื่องจากกู้ตงหยางต้องการดูแลภรรยาอย่างใกล้ชิดทำให้ไฉ่หงออกมานั่งข้างสารถีซึ่งเด็กสาวก็ยินดี เพราะได้มองทิวทัศน์ระหว่างเดินทางจ้าวจื่อรั่วอยู่ในรถม้าอย่างสุขสำราญ การเดินทางกลับสบายราวกับมาท่องเที่ยวต่างจากยามที่เข้ามามาก จนกระทั่งเดินทางมาถึงชายแดนอี้ซวนมาส่งจะกล่าวคำอำลา“เจ้าจะทำอย่างไรต่อไป” กู้ตงหยางเอ่ยถาม การเดินทางราบรื่นด้วยเพราะมีทหารลับของซย่าเจียวซิ่งคุ้มกันตลอดเส้นทาง เขาส่งข่าวมาล่วงหน้าแล้ว คนของตนก็รออยู่ที่ชายแดนจึงไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวลนัก“ถามข้า...ข้าก็ใช้ชีวิตพรานป่านะสิ” อีซวนหัวเราะเสียงดังตามประสานิสัยของเขา“แล้ว...”“แล้วอะไรกัน?”กู้ตงหยางเลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนยิ้มมุมปาก “อย่างไรข้ากับเจ้าก็นับเป็นสหาย เป็นดุจคนในครอบครัว หากอยากให้ข้าช่วยยกสินสอดทองหมั้นก็บอกมา อย่าให้ผู้อื่นดูแคลนฐานะของเจ้าได้”“หากบุรุษแต่งงานมีภรรยาแล้วพูดจาไร้สาระเช่นเจ้า ข้าไม่แต่งดีกว่า” อี้ซวนเบ้ปากแต่กลับได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแว่วมาจากในรถตู้ ใครเลยจะคาดคิดว่านักรบปราบศัตรูเช่นกู้ตงหยางจะพ่ายแพ้แก่สตรีตัวเล็กๆไร้วรยุทธ์ผู้หนึ
สองบุรุษหนุ่มนั่งเผชิญหน้ากันโดยมีกาสุราตั้งอยู่บนโต๊ะ กู้ตงหยางมีท่าทีเฉยชาไร้ความวิตกกังวลใดราวกับเตรียมพร้อมรับมือกับทุกเรื่อง “เมื่อฮูหยินของข้าทำตามที่ลั่นวาจาไว้แล้ว ข้าก็จะพานางกลับแคว้นแม้เจ้าจะไม่ไปส่ง ข้าก็หาทางกลับเองได้”ผู้บัญชาการซย่าได้ยินก็กระตุกยิ้มมุมปาก เขารู้ดีว่าฝีมือระดับแม่ทัพกู้ผู้นี้คงเคยเข้าออกแคว้นของเขาเป็นว่าเล่น เช่นเดียวกับตัวเขาเองก็ยังเคยไปสืบข่าวที่แคว้นของอีกฝ่ายเช่นกัน“ถ้าหากข้ารั้งท่านหมอหญิงไว้ให้อยู่ต่อ ดูแลจนหลี่หรูคลอดลูกเล่า”“ไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องอยู่ต่อ การที่ฮูหยินของข้ารักษาคุณหนูหลี่หรูให้แล้วนั้นแล้วก็นับว่าทำตามที่ผู้ลั่นวาจาไว้เรียบร้อยแล้ว แม้เจ้าจะไม่ไปส่งข้าก็ต้องหาทางพาภรรยากลับอยู่ดี เจ้าคิดหรือว่าคนของเจ้าแค่นี้จะสามารถสกัดกั้นข้าได้ หรือเจ้าอยากลองเปิดศึกสองแคว้น”“ท่านอยากฉีดสัญญาสงบศึกหรือ?” ซย่าเจียวซิ่งรินสุราให้ตนเอง“ข้าย่อมไม่ต้องการทำให้ชาวบ้านต้องเดือดร้อน เจ้าก็รู้เหมือนที่ข้ารู้ การศึกคราใดผู้ที่เดือดร้อนที่สุดก็คือชาวบ้านตาดำๆ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่จำเป็น ข้าไม่ต้องการให้เกิดศึกสงคราม ไม่ว่ากับผู้ใดก็ตาม
เพียงริมฝีปากสวยเผยอขึ้น องุ่นปอกเปลือกแล้วก็ถูกส่งเข้าปาก ปลายนิ้วหยาบกระด้างสัมผัสริมฝีปากชุ่มฉ่ำ ชายหนุ่มทอดสายตามองภรรยาสาวที่ช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาทะเล้น บุรุษร่างสูงใหญ่ถึงกับถอนหายใจเบาๆ อาการสิ้นหวังนี้กลับทำให้จ้าวจื่อรั่วหัวเราะเคี้ยวองุ่นด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่” หญิงสาวหยอกเย้าสามี รู้ว่าเขาอดทนอดกลั้นมากเพียงใด แต่เพราะหลายวันก่อนนางถอนพิษให้หลี่หรูจนร่างกายอ่อนเพลียเป็นลมไป กู้ตงหยางคอยดูแลไม่ห่างแม้นางฟื้นขึ้นยืนยันว่าตัวเองปลอดภัยดี เขาก็ยังคงไม่วางใจจึงหักห้ามใจหากจะร่วมรักกับนางในช่วงเวลานี้ “เจ้าแข็งแรงดีเมื่อใด เราจะเดินทางกลับทันที” “อืม ข้าเชื่อฟังท่าน” หญิงสาวเอนหลังพิงหัวเตียง “ข้าทำตามคำพูดตนเองแล้ว รักษาแม่นางหลี่หรูให้ฟื้นได้สำเร็จ ส่วนเรื่องที่เหลือนนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับข้าอีกแล้ว” สีหน้ากู้ตงหยางค่อยดีขึ้นเมื่อได้ยินภรรยารักพูดเช่นนั้น หากนางยังดื้อดึงจะอยู่ต่อ เห็นทีเขาคงต้องลักพาตัวภรรยากลับบ้านแล้ว “แท้จริงแล้ว เรื่องโลหิตเป็นยาขับพิษนั้นเป็นเรื่องจริงหรือเจ้าต้องการลองใจรัชทายาท”
“ข้ายินดี ท่านหมอหญิงโปรดใช้เลือดของข้าเถิด” เฉียนฟานกล่าวไร้ความลังเล แววตาที่มองหญิงสาวในวงแขนเต็มไปด้วยความรักและเมื่อเงยหน้าสบตากับหมอหญิง แววตาของเขาก็จริงจังดั่งคำที่กล่าวไป “ดี เช่นนั้นโปรดยื่นแขนของท่านมา” “ได้!” ชายหนุ่มขยับตัวม้วนแขนเสื้อขึ้นยื่นท่อนแขนของตนให้หมอหญิง จ้าวจื่อรั่วโน้มตัวลงมองท่อนแขนกำยำนั้นแล้วพยักหน้ารับ “ท่านยอมรับว่าเด็กในครรภ์แม่นางหลี่หรูเป็นบุตรของท่าน” “นางมีข้าเพียงคนเดียว ข้าเป็นผู้ชั่วช้าที่พรากความบริสุทธิ์ของนาง” เฉียนฟานเอ่ยแล้วสบตากับซยาเจียวซิ่ง “ข้ายอมรับว่าก่อนหน้านี้ข้าตั้งใจเพียงหลอกนาง เพื่อให้เจ้าเจ็บปวดใจ แต่เมื่อได้รู้จักและใกล้ชิดหรูเอ๋อร์ นางทำให้ข้ารู้ว่าความรักที่แท้เป็นเช่นไร ข้าไม่เคยคิดทอดทิ้งนางเพียงแต่เรื่องราวบานปลายมาถึงจุดนี้เพราะข้าสารภาพเรื่องนี้กับเสด็จแม่ คิดว่าท่านจะช่วยส่งเสริมข้า แต่กลับกลายเป็นว่า...หรูเอ๋อร์ต้องมารับเคราะห์กรรมแทนข้า เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว แม้เอาชีวิตข้าไปก็ยังไม่สาสมกับความชั่วช้าที่ได้ทำลงไป” โทสะในอกพลันดับลง บุ
รัชทายาทเฉียนฟานเข้ามาพร้อมกับองครักษ์ข้างกายอีกสองคน แม้ภายนอกดูเป็นบุรุษเสเพลแต่หาใช่อ่อนด้อยเรื่องเพลงยุทธ์ ทหารลับของซย่าเจียวซิ่งแม้ฟังเพียงคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ก็ไม่กล้าลงมือรุนแรงกับผู้ที่เป็นรัชทายาทนัก“ช่างกล้านัก มิคิดว่าเจ้าจะกล้ามาเหยียบที่นี้!”ซย่าเจียวซิ่งกัดฟันกรอดแล้วชักกระบี่ออกมาหมายเด็ดชีวิตของเฉียนฟานโทษฐานที่ทำให้หลี่หรูต้องอยู่ในสภาพนี้ มือของเฉียนฟานที่จับกระบี่รับคมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งสั่นระริก เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมบริเวณหน้าผาก เขากัดฟันแน่นไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ รัชทายาทแม้เป็นผู้ฝึกยุทธ์แต่ไม่เคยลงสนามศึกจริง พละกำลังของตนย่อมด้อยกว่าผู้บัญชาผู้กรำศึกอยู่ชายแดน แววตาของซย่าเจียวซิ่งแดงก่ำราวกับสีโลหิตแต่เฉียนฟานก็ไร้ความหวาดกลัวเพราะเวลานี้ หัวใจของเขาร่ำร้องเพียงต้องการพบหลี่หรูเท่านั้นในขณะที่เรี่ยวแรงของเฉียนฟานถดถอยลงทำให้คมกระบี่ของซย่าเจียวซิ่งเข้าใกล้ใบหน้าเขามากยิ่งขึ้น หินก้อนหนึ่งพุ่งมาปะทะกระบี่ของผู้บัญชาการ ความเร็วและแรงที่ส่งมาถึงกับทำให้กระบี่เปลี่ยน ทิศทางคมกระบี่พ้นใบหน้าของรัชทายาท ดวงตาคมปลาบตวัดมองไปทางผู้ที่เดินเข้ามา“กู้-ตง-หยาง!”
เมื่ออยู่ในอ้อมกอดที่คุ้นเคย จ้าวจื่อรั่วก็ปล่อยให้ตัวเองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จนเมื่อร่างกายพักผ่อนเต็มอิ่ม ดวงตาที่ปิดสนิทจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือแววตาอ่อนโยนและห่วงใยของสามี “ท่านพี่นั่งเฝ้าข้ามานานเท่าใดแล้ว” หญิงสาวเอ่ยถามน้ำเสียงแหบแห้งแล้วยันกายขึ้นนั่ง กู้ตงหยางเห็นดังนั้นจึงขยับกายเข้าไปประคอง “ทำไมรีบตื่นเช่นนี้ เจ้าเพิ่งกลับไปชั่วยามเดียว” “ตั้งหนึ่งชั่วยาม” หญิงสาวเอนซบแผ่นอกแกร่ง ฝ่ามือหยาบกร้านวางบนหน้าท้องของหญิงสาวนางจึงวางมือของตนบนมือใหญ่โตของเขา “ลูกเป็นเด็กดี ไม่เกเรแม้แต่น้อย” “เจ้าก็ไม่ควรหักโหมเกินไป” “นี่ท่านตำหนิข้ารึ” นางเงยหน้าขึ้นเห็นหนวดเคราของผู้เป็นสามีก็รู้ว่าเขาแทบไม่ได้ดูแลตนเองเลย แต่กระนั้นนางก็ขยับกายเล็กน้อย ยื่นริมฝีปากไปประทบกับริมฝีปากหยักสวยของเขาเบาๆ ถูกนางเอาอกเอาใจเช่นนี้ หัวใจของเขามิใช่ก้อนหินจึงอ่อนยวบลงทันที ทุกวันนี้เขาแทบประคองนางไว้ในอุ้งมือแล้ว “รักษาเสร็จแล้ว เราก็เตรียมตัวกลับกันเลยดีไหม” “คุณหนูหล