บทที่ 10 กลับไปกับข้า /1
แต่ก่อนที่กระบี่เล่มนั้นจะถึงตัวรวี่เยว่ องครักษ์ระดับหยวนอิงของตำหนักเทพอนันต์ และองครักษ์ระดับหยวนอิงของตำหนักเทวาอนธการ ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ทั้งคู่ใช้พลังหยุดกระบี่เล่มนั้นไว้ ภายในชั่วพริบตากระบี่เหล็กกล้าก็แหลกละเอียดเป็นผุยผงต่อหน้าทุกคน ปลิวหายไปกับสายลมที่พัดผ่าน รวี่เยว่ทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นเพราะเสียขวัญ คาดไม่ถึงว่าจะมีคนใจร้าย หมายเอาชีวิตนางต่อหน้าผู้ชมหลายพันคนเยี่ยงนี้ ริมฝีปากจิ้มลิ้มสั่นระริก ดวงตาดอกท้อกลมโตเอ่อท้นด้วยน้ำตา กำลังจะส่งเสียงสะอื้นไห้ ทว่าแม่นมชุนทะยานมากอดนางไว้ได้ก่อน ถึงแม้รวี่เยว่จะเก่งกาจและกล้าหาญ ทว่านางก็เป็นเพียงเด็กอายุเก้าหนาวคนหนึ่งเท่านั้น… "คุณหนู คุณหนูของแม่นม บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าเจ้าคะ" แม่นมชุนน้ำตาไหลอาบใบหน้า ตกใจไม่แพ้ร่างเล็ก หากคุณหนูของนางเป็นอะไรขึ้นมา นางจะไปสู้หน้ารองแม่ทัพเยว่หนิงลี่ในปรโลกได้อย่างไร กลุ่มคนที่มาชมการประลองรอบสุดท้าย ต่างพากันส่งเสียงสาปแช่งเจ้าของกระบี่เล่มนั้นกันกระหึ่ม ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เผยหลง พี่ชายของเผยหู่นั่นเอง หลายคนเป็นประจักษ์พยาน ว่าเห็นเขาซัดกระบี่ใส่เด็กหญิง เพราะโกรธแค้นที่เห็นน้องชายของตนพ่ายแพ้ตกเวทีและสลบไป ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยา ปรายตามองเจ้าสำนักกระบี่จันทราด้วยแววตาเย็นเยียบ เอ่ยวาจากับชายวัยกลางคนอย่างดูแคลน "เป็นถึงศิษย์ฝ่ายในระดับตบะจู้จีขั้นปลาย แต่กลับลอบทำร้ายเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ทั้งที่นางเอาชนะน้องชายของเขาในการประลองได้อย่างใสสะอาด ช่างน่าอัปยศเสียจริง!!… เจ้าสำนักปู้! ท่านจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร" ในชั่วขณะที่เจ้าสำนักกระบี่จันทรากำลังจะอ้าปากตอบคำถาม ร่างของเผยหลงก็ถูกเหวี่ยงมาตกอยู่แทบเท้าของเขาเสียก่อน ชายหนุ่มเส้นลมปราณขาดสะบั้นทั่วทั้งร่าง จุดตันเถียนพังพินาศกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์ องครักษ์ระดับหยวนอิงของฮั่วเฮ่อฉีที่เป็นผู้เล่นงานเผยหลง ยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ หลุบตามองปู้จงด้วยสายตาเย็นชาราวมองศพ "ศิษย์แบบนี้มีไป ก็รังแต่จะนำความเสื่อมเสียมาให้สำนัก หากบิดาของเจ้าหนุ่มคนนี้อยากถามหาความรับผิดชอบ ก็เชิญมาพบองค์ไท่จื่อฮั่วเฮ่อฉีที่หอโอสถเทพอนันต์" หลังกล่าววาจาโอหังตามคำสั่งของนายเหนือหัวจบ เจ้าตัวก็แวบหายไปจากตรงนั้น และไปปรากฏอยู่ข้างกายฮั่วเฮ่อฉีที่กำลังลุแก่โทสะ จนบีบที่วางแขนของเก้าอี้หินอ่อนพังยับเยินเป็นที่เรียบร้อย อวี้เหวินเทียนหยาหยัดกายขึ้นเต็มความสูง ร่างสูงสง่าในชุดผ้าไหมสีดำราคาแพงลิบลิ่ว ตบะระดับหยวนอิงขั้นสมบูรณ์ปลายยอด ขยับกายแวบหายไปจากเฉลียง ปรากฏกายอยู่ตรงหน้ารวี่เยว่ ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือกอบน้ำตานองหน้า พาให้ผู้พบเห็นปวดใจ เขาย่อตัวลงเพ่งพิศดวงตาดอกท้อคู่งาม ที่เปียกชุ่มราวดอกสาลี่ต้องหยาดฝน สายตาปกติที่เย็นชาอยู่เป็นนิจอ่อนลงหลายส่วน "เด็กน้อย ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังกลัว แต่หากเจ้ายอมกลับไปกับข้า ข้าสัญญาว่าจะไม่มีใครในมหาพิภพทงเทียนเหอกล้าแตะต้องเจ้าอีก ข้าอวี้เหวินเทียนหยา ชินอ๋องแห่งตำหนักเทวาอนธการขอรับรอง" เสียงของชายหนุ่มดังกึกก้องไปทั่วสนามประลอง วาจาของอวี้เหวินเทียนหยา สร้างความตกตะลึงให้เกิดขึ้นครั้งใหญ่ เหตุผลเป็นเพราะตำหนักเทวาอนธการ ไม่เคยเปิดรับมนุษย์คนใดเข้าเป็นศิษย์มาก่อน สายเลือดมารสวรรค์แข็งแกร่งและทรงอำนาจ จึงไม่จำเป็นต้องรับศิษย์เพื่อสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับสำนัก อีกทั้งทุกคนต่างรู้ว่าอาณาเขตของตำหนักเทวาอนธการ ถึงแม้จะกว้างใหญ่หากแต่ซับซ้อนราวเขาวงกต สภาพอากาศหนาวเหน็บเข้ากระดูกตลอดทั้งปี คงเป็นเพราะพลังหยินระดับสูงของสายเลือดมารสวรรค์ จึงยากนักที่มนุษย์ปกติจะใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นได้! แต่ถึงกระนั้น ภูผาสูงของที่นั่นกลับอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรปราณล้ำค่า และสัตว์อสูรหายากหลายสายพันธุ์ อวี้เหวินเทียนหยายิ้มในหน้า หมุนข้อมือหนึ่งครั้ง ไฟธาตุสีดำพลันปรากฏ เสียงสูดหายใจลึกของผู้คนดังขึ้นพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย "อัคคีนิลกาฬ!!!" ชายหนุ่มปลดปล่อยพลังของอัคคีนิลกาฬเพียงเล็กน้อย ทว่าพลานุภาพของตบะระดับหยวนอิงขั้นสมบูรณ์ กลับทำให้บรรยากาศในสนามหนาวเยือกขึ้นมาได้ในพริบตา รวี่เยว่มองอัคคีนิลกาฬในมือของอวี้เหวินเทียนหยาตาปริบๆ นางเงยหน้ามองเขา ก่อนหันไปสบตาแม่นมชุนและชุนอิ่ง ที่เวลานี้ลงมาอยู่บนลานประลองร่วมกับนาง “หม่อมฉันขอขอบพระทัยชินอ๋องจากใจเพคะที่ทรงเมตตาคุณหนู เพียงแต่ตอนนี้คุณหนูกำลังเสียขวัญ รอให้นางหายตกใจและเก็บเรื่องนี้ไปไตร่ตรองด้วยตัวของนางจะได้หรือไม่เพคะ” แม่นมชุนเลี้ยงเด็กหญิงมาตั้งแต่เกิดเพียงแค่สบตาก็รู้แล้วว่าร่างเล็กต้องการสิ่งใด อวี้เหวินเทียนหยาเก็บพลังของตน พยักหน้าให้แม่นมของรวี่เยว่ หันไปกล่าวกับเด็กหญิงด้วยสุ้มเสียงอ่อนโยน "ตำหนักเทวาอนธการเปิดประตูรับเจ้าเสมอเด็กน้อย หากเจ้าหายตกใจและเข้าใจในสิ่งที่ข้าต้องการจะสื่อ ไปหาข้าได้ทุกเมื่อ พวกเราพร้อมต้อนรับเจ้าเสมอ จำเอาไว้" ชายหนุ่มถอดหยกห้อยเอวมอบให้รวี่เยว่แทนคำสัญญา ร่างสูงลุกขึ้นยืนคลี่ยิ้มบางเบาให้เด็กหญิง ก่อนหายไปจากตรงนั้นพร้อมองครักษ์ทั้งสี่ติดตามมา "ระดับพลังกึ่งเทพเป็นแบบนี้เองสินะ" เสียงของตัวแทนจากสี่สำนักใหญ่หลายคนล่องลอยมาตามสายลมตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล