บทที่ 15 การกลับมาของจอมมาร /2
ด้านล่างห่างออกไปคือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของตำหนักเทพอนันต์ พระราชวังหลวงสีขาวทองสร้างจากศิลาอัคนีหยกขาว ตั้งอยู่ใจกลางหุบเขาเทพประทานพร สถานที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรปราณและปราณบริสุทธิ์จากธรรมชาติ แมกไม้เขียวขจี สายธารรินไหลจากที่สูงลงสู่ทะเลสาบนิรันดร์ ใจกลางตำหนักเทพอนันต์ ทัศนียภาพเบื้องหน้างดงามราวสรวงสวรรค์ “ตามองครักษ์ที่ติดตามข้าไปเมืองลวี่เฟิงเมื่อห้าปีก่อน บอกให้ไปรอที่ตำหนักนอกเมือง ข้าจะออกเดินทาง” “พะย่ะค่ะ” องครักษ์คนสนิทรับคำสั่งและแวบหายไปจากตรงนั้นราวกับไม่เคยมีอยู่ “...” อี้หรงแอบกลอกตามองฟ้า “เอ่อ ไท่จื่อ ท่านไม่คิดจะกลับไปตำหนักเทพอนันต์ เพื่อเยี่ยมเยียนพระอัยกาสักหน่อยก่อนหรือ” เดี๋ยวก็ได้งานเข้าอีกหรอก แหมมม ออกจากการกักตนปุ๊บ ก็จะหนีเที่ยวปั๊บเลยนะ! “ข้าย่อมกลับไปก่อนแน่ ป่านนี้ท่านปู่คงคิดถึงข้าแย่แล้ว รายนั้นติดข้าจะตาย หุหุ” สีหน้าของชายหนุ่มเป็นเปลี่ยนซุกซนยามเอ่ยถึงท่านปู่ผู้เข้มงวด ฮัดชิ้ว!! ฮั่วเซี่ยวเทียน จามออกมาขณะกำลังคัดเลือกสมุนไพร ร่างสูงหันกลับมาหาอี้หรง เอ่ยถามบางอย่างผ่านกระแสจิต ‘องค์ชายใหญ่กับมารดาของเขายังเล่นสกปรก ใส่ไฟข้ากับเสด็จปู่ให้ปลดข้าออกจากตำแหน่งอยู่รึเปล่า’ ‘ช่วงแรกๆ ก็ยังมีอยู่บ้าง แต่โดนองค์ราชินีเล่นงานกลับจึงยอมรามือ ส่วนคนอื่นๆ ต่างเก็บตัวฝึกวิชาเพื่องานประลองใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในอีกครึ่งปี’ “จริงด้วยสินะ ปีนี้น่าจะมีอะไรสนุกๆ ให้ชมมากมายเชียว ตำหนักเทวอนธการจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เจ้าพอรู้หรือเปล่าอี้หรง” “หากให้ข้าเดา ชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาน่าจะพาธิดาเทพมาร่วมงาน เพื่อเปิดตัวนางต่อหน้าธารกำนัลของอาณาจักรอู๋ซางในงานนี้ ส่วนเรื่องจะลงประลองด้วยหรือไม่นั้น ข้าตอบไม่ได้” จากนั้นพวกเขาก็เดินทางกลับตำหนักเทพอนันต์ ฮั่วเฮ่อฉีตรงไปหาพระอัยกาเป็นคนแรก ชายชราในชุดผ้าแพรสีขาว อายุเกือบเจ็ดสิบทว่าดูราวชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกลางๆ พลังตบะระดับฮว่าเสินขั้นปลายใกล้จะบรรลุสู่ขั้นสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปี กำลังยืนคัดแยกต้นอ่อนของสมุนไพรปราณที่เพาะเลี้ยงมากับมืออย่างทะนุถนอม “ท่านปู่ หลานกลับมาแล้วขอรับ” เสียงแหบทุ้มของชายหนุ่มดังขึ้นข้างกายฮั่วเซี่ยวเทียน ดวงตาสีฟ้าของชายชรา เหลือบมองหลานชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาห้าปีอย่างภาคภูมิใจ “ระดับหยวนอิงขั้นกลาง ไม่เลวๆ ถือว่าไม่ทำให้ข้าผิดหวัง โอสถทิพย์เบิกทางสวรรค์ที่ข้าตั้งใจหลอมให้เจ้าโดยเฉพาะนับว่าไม่เสียเปล่า พลังของอัคคีหิรัณย์เป็นอย่างไรบ้าง ไหนแสดงให้ข้าดูซิ” ฮั่วเฮ่อฉีกระตุกยิ้มซุกซนแบมือของตนออก ลูกไฟสีทองเจิดจรัสเปลี่ยนรูปเป็นสาวน้อยเต้นระบำยักย้ายส่ายเอวอยู่ในมือของชายหนุ่ม คนมองหนวดกระดิก เจ้าหลานชายตัวดีของเขา นิสัยยังคงซุกซนไม่เปลี่ยน มือใหญ่โบกสะบัดหนึ่งครั้ง อัคคีหิรัณย์ที่ทรงพลังกว่ากระแทกสาวน้อยเต้นระบำในมือของฮั่วเฮ่อฉีจนแตกกระจาย “เจ้าเด็กบ้า ตั้งใจยั่วโมโหข้าเพราะอยากให้ข้าตะเพิด แล้วเจ้าจะได้หาข้ออ้างหนีออกไปเที่ยวอีกล่ะสิ” อย่าคิดนะ ว่าปู่อย่างเขาไม่รู้ทันความคิดของจอมมารน้อยแห่งตำหนักเทพอนันต์ ตัวเขาเองก็เคยเป็นหนุ่มมาก่อน! “ท่านปู่ อย่ามองหลานในแง่ร้ายอย่างนั้นสิขอรับ หลานแค่อยากทำให้ท่านปู่หัวเราะเฉยๆ” ใครจะไปยอมรับว่าถูกรู้ทันกันเล่า “หึ! ไม่ต้องมาทำเฉไฉ รอบนี้เจ้าจะไปกี่วัน แล้วจะไปที่ใด” ฮั่วเซี่ยวเทียนแค่นเสียงขึ้นจมูก ละมือจากต้นอ่อนสมุนไพรปราณ เดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้จันทร์หอม โบกมือครั้งเดียวชุดน้ำชาและกระดานหมากล้อมก็ปรากฏขึ้น “เล่นกับข้าสักตาหนึ่งก่อน เจ้าถึงจะออกไปจากตำหนักได้” ฮั่วเฮ่อฉีเลยต้องจำยอมนั่งหน้ายับยู่ เล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนพระอัยกา เพื่อแลกกับการได้ออกไปเที่ยว… ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชินี เมิ่งอวี้เซียงในชุดสีน้ำเงินเข้ม เอนกายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งคนงามใกล้หน้าต่างวงเดือนในตำหนัก มือเรียวโบกเป็นสัญญาณว่าให้บ่าวรับออกไปทั้งหมด ในโถงพักผ่อนเวลานี้ จึงเหลือเพียงองค์ราชินีและหลานสาว เรื่องราวของชินอ๋องและรวี่เยว่ถูกถ่ายโดยเมิ่งเฟยหลิง ดวงหน้าสะคราญค่อนไปทางเย้ายวนเย็นชาขึ้นสามส่วน หลังฟังเรื่องราวจากปากหลานสาวจนจบ เมิ่งอวี้เซียงหยัดกายขึ้นนั่ง เพ่งพิศเมิ่งเฟยหลิงด้วยสายตาล้ำลึก “การคิดปองร้ายธิดาเทพมีโทษอย่างไรเจ้ารู้หรือไม่หลิงเอ๋อร์” “ข้าทราบเจ้าค่ะท่านป้า แต่หากนางตายเองเพราะอุบัติเหตุหรือด้วยเหตุสุดวิสัยล่ะเจ้าคะ” “เจ้าหมายความอย่างไร” เมิ่งอวี้เซียงหรี่ตามองอีกฝ่าย เมิ่งเฟยหลิงขยับเข้ามาใกล้ท่านป้าของตน เริ่มเล่าถึงแผนการที่นางคิดทบทวนมาหลายวันให้เมิ่งอวี้เซียงฟัง พวกนางสบตากันหลังจากนั้นอย่างมีเลศนัย รอยยิ้มร้ายผุดพรายบนใบหน้าของทั้งคู่ “หากใช้วิธีนี้ย่อมไม่มีใครคัดค้านแน่นอน แม้แต่ตัวชินอ๋องเองก็ตาม ฉลาดมากหลิงเอ๋อร์”ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล