บทที่ 28/1 คิดถึงเจ้าฮั่วเฮ่อฉีกลับถึงเมืองเทียนหวงในช่วงบ่าย หลังจากฟังรายงานเรื่องที่ให้คนไปสืบมา ใบหน้าหล่อเหลาบ่งบอกถึงความพอใจอยู่ไม่น้อย ยกยิ้มมุมปากดูเจ้าเล่ห์แต่กลับมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ“เป็นเช่นนี้เองสินะ พวกเจ้าออกไปได้”“พะย่ะค่ะ” สายสืบทั้งสองก้าวถอยออกไปจากห้องอย่างเงียบๆ“มิน่าเล่า มนตรามายาจิ้งจอกถึงใช้ไม่ได้ผล หึ! ดูท่าว่าฝ่าบาทเจอเรื่องท้าทายถูกใจใหม่เข้าแล้วสินะ” อี้หรงเห็นแววตาของคู่พันธะ มันสามารถคาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ“อี้หรง เจ้าสมเป็นสหายสนิทที่สุดของข้าจริงๆ ฟ่านจื่อ ต้วนคง ข้าจะไปหอโอสถเยว่เสียง “เขาคิดถึงรวี่เยว่น้อยใจแทบขาดอยู่แล้ว ไม่ได้เจอหน้านางห้าวัน เหมือนไม่ได้เจอหน้ากันห้าเดือนหอโอสถเยว่เสียงหลังหม่าฝานกลับไปเมื่อเช้า รวี่เยว่ก็กลับมายุ่งกับสินค้าตัวใหม่ที่กำลังจะเปิดขายในอีกสามวันสุราหยางจื่อ เพิ่มพลังสำหรับบุรุษ ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็น มีสรรพคุณช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของพลังปราณในร่างกาย เสริมความแข็งแรงให้กับเส้นลมปราณ สร้างสมดุลหยินหยาง ช่วยให้กระชุ่มกระชวยสุราบุปผางามนิรันดร์ สำหรับสตรี ดื่มครั้งละจอกเช้าเย็นเช่นกัน สรร
บทที่ 28/2 คิดถึงเจ้ารวี่เยว่ประคองกระถางดอกไม้ในมืออย่างระมัดระวัง กล่าวขอบคุณอีกฝ่ายเสียงหวาน นำไปวางไว้บนโต๊ะเล็กข้างโต๊ะทำงาน“ช่วงที่ข้าไม่อยู่ ยังมีใครมาเกาะแกะรวี่เยว่น้อยของข้าอยู่หรือเปล่า” ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่ก็อดที่จะถามไถ่ออกมาไม่ได้อี้หรงลอบกลอกตาขึ้นฟ้า องค์ไท่จื่อทราบอยู่แล้วจะถามเพื่อ?! ก่อนจะไหน้ำส้มแตก ทางที่ดีช่วยสารภาพความในใจกับรวี่เยว่เสียก่อน! เพราะดูจากลักษณะแล้ว หญิงสาวยังไม่รู้จักความรักด้วยซ้ำ สุดหล่ออันดับสองอย่างมันจะบ้าตาย!รวี่เยว่เอียงหน้ามองคนถามตาปริบๆ พลันเกิดความคิดขึ้นมา หรือว่าองค์ไท่จื่อต้องการเป็นผู้ปกครองของนางอีกคน ถึงได้เอ่ยถามนางด้วยคำถามนี้ เหมือนอย่างที่ชินอ๋องเขียนมาถามนาง ไวเท่าความคิดหญิงสาวจึงเอ่ยปากถามชายหนุ่มออกไปตรงๆ“พี่ชายถามข้าเช่นนี้ เพราะต้องการจะมาเป็นผู้ปกครองของข้าหรือเจ้าคะ”แค่กๆ คราวนี้เป็นฮั่วเฮ่อฉีที่สำลักน้ำลายพรืดดด กร๊ากกก ฮ่าๆๆๆๆ! ทั้งอี้หรงและเสี่ยวเฮยมาวที่เพิ่งกลับเข้ามา ไม่สามารถสะกดกลั้นอารมณ์ขัน ในความไร้เดียงสาเรื่องความรักของรวี่เยว่ได้อีกต่อไป ทั้งแมวมีปีกทั้งลูกสุนัขปุกปุย ต่างพากันหัวเราะจนตัวงออยู่
บทที่ 29/1 สารภาพรักแบบชัดๆ ขณะที่ก้อนเนื้อในอกของฮั่วเฮ่อฉี แทบจะทะลุออกมานอกอก รวี่เยว่กลับมองชายหนุ่มด้วยแววตากระจ่างใส “เจ้า จะไม่พูดอะไรหน่อยหรือ” ฮั่วเฮ่อฉีเริ่มใจคอไม่ดี ครุ่นคิดว่าตนเองทำสิ่งใดผิดขั้นตอนรึเปล่า ไฉนสาวน้อยตรงหน้า ถึงไร้ปฏิกิริยาตอบโต้โดยสิ้นเชิง เขาทำผิดตรงไหน!!! “ข้าพอทราบเรื่องนี้อยู่แล้วเจ้าค่ะ หากพี่ชายไม่ชอบข้า คงไม่อยากพาข้าไปปล่อยให้วิ่งเล่นอยู่ที่ตำหนัก ตั้งแต่ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก และคงไม่ส่งทั้งขนม โอสถ เสื้อผ้าและของขวัญอีกหลายอย่างมาให้ข้า ข้าพูดถูกใช่หรือไม่เจ้าคะ” “…” ฮั่วเฮ่อฉี “…เอ่อ…” หาคำพูดมาบรรยายความรู้สึกไม่ได้ ทางด้านเสี่ยวเฮยมาวและอี้หรงพากันกลอกตาขึ้นฟ้า จนลูกตาแทบจะหายเข้าไปด้านหลัง เสี่ยวเฮยมาวถึงกับซวนเซหลงทิศไปชั่วขณะ ตั้งแต่มันเกิดมาเป็นหมื่นปี ยังไม่เคยเจอสิ่งมีชีวิตที่ไหน ไร้เดียงสาสับสนเรื่องความรักระหว่างหนุ่มสาวเท่าคู่พันธะของมันมาก่อน โอ้ย สุดหล่อจะบ้าตาย! ปกติรวี่เยว่ฉลาดเป็นกรด ไหงกับเรื่องความรักถึงเข้าใจผิดไปได้!!! “ใครมียาดมบ้าง ขอหน่อยเถอะ ข้าจะเป็นลม” อี้หรงรีบใช้อุ้งเท้านุ่มฟูของมันตะปบตามตัว เพื่อหาดูว่
บทที่ 29/2 สารภาพรักแบบชัดๆ …แดนเทพ มหาเทพทั้งสองและมหาเทวี ต่างนั่งบิดแขนเสื้อของตนจนแทบขาด โดยเฉพาะมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ นางเขินไปกับศิษย์รักด้วย “แหม ศิษย์รักของข้านี่เกิดมาพร้อมชะตาหงส์โดยแท้ ถึงจะถูกคนชั่วพยายามเปลี่ยนชะตา ดึงนางลงมาให้ตกต่ำ แต่ก็ทำได้เพียงไม่นาน หงส์ตัวนี้ก็กลับมาผงาดอย่างสง่างามบนฟากฟ้าอีกครั้ง และที่สำคัญไม่ใช่แค่หนึ่งตำหนัก แต่มีถึงสามตำหนักที่แย่งชิงนางกัน โฮะๆๆๆ” มหาเทวีหัวเราะเสียงสูงด้วยความสะใจ “เมียจ๋าพูดถูกที่สุด นี่ ชิงหลง เมื่อไหร่เมียเจ้าจะออกจากการกักตนหรือ จะได้มาร่วมชื่นชมคนโปรดสวรรค์ไปพร้อมๆ กันกับพวกเรา” มหาเทพหวงหลงรินสุราน้ำค้างหยกห้าพันปีให้ศรีภรรยาอย่างเอาใจ ขณะหันไปถามสหาย “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ออกมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละ” มหาเทพชิงหลงเอนกายอย่างเกียจคร้าน มือยกจอกสุราขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสง่างาม “เจ้าไปเร่งนางหน่อยมิได้หรือชิงหลง” มหาเทพหวงหลงลองถามไถ่ “เฮอะ! ข้ายังไม่อยากถูกเพลิงมังกรแผดเผาจนหมดหล่อ ใครอยากเร่งให้นางออกจากการกักตน ก็เชิญไปเร่งเองเถิด ข้าไม่เอาด้วยคนล่ะ” มหาเทพชิงหลงแค่นเสียง ทำท่าขนลุกขนพองยามนึกถึงศรีภรรยาตอนอาละวาด
บทที่ 30/1 มารดากับบุตรชายเหวินไป๋เหลียนกรีดร้องด้วยความตกใจ ผู่หมัวมัวที่ติดตามมารับใช้รีบอาสาออกไปดู ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้ขยับตัว ร่างของเหวินไป๋เหลียนก็พุ่งออกไปจากตัวรถม้าเสียเองเวลานี้เหวินไป๋เหลียนลอยอยู่กลางอากาศเบื้องหน้าของรวี่เยว่ ผู่หมัวมัวรีบออกมาดู ครั้นเห็นว่าเจ้านายถูกควบคุมตัว ก็อ้าปากส่งเสียง รวี่เยว่เพียงปรายตามอง ร่างของผู่หมัวมัวก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าอีกคนจากนั้นจึงใช้พลังง้างปากของนางให้อ้าออก ทำในสิ่งที่เหวินไป๋เหลียนเห็นแล้วถึงกับกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งกรี๊ดดดดด!!!“มีลิ้นไว้สร้างแต่เรื่องโป้ปดมดเท็จ ใส่ร้ายกระทั่งเด็กตัวเล็กๆ ไม่ละอายต่อฟ้าดิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่สมควรที่จะมีลิ้นอีกต่อไป เห็นด้วยหรือไม่เหวินไป๋เหลียน”จากนั้นจึงขยับนิ้ว ส่งร่างของผู่หมัวมัวปลิวไปกระแทกต้นไม้ใหญ่อย่างแรง หญิงวัยกลางคนร่วงลงมากระแทกพื้น สภาพร่างกายบิดเบี้ยวผิดรูป แค่มองก็รู้ว่าหมดลมหายใจไปแล้วรวี่เยว่ไม่มีวันลืมว่าผู่หมัวมัว คือคนที่ชอบยุแยง ให้หวังซีเหยียนกลั่นแกล้งนางอยู่เป็นประจำ ทั้งยังชอบปั้นน้ำเป็นตัว ว่านางคอยหาเรื่องน้องชายก่อนเพราะริษยา ทำให้นางโดนฮูหยินผู้เฒ่าลงโท
บทที่ 30/2 มารดากับบุตรชายมือบางหยิบกระดาษที่มีรายชื่อขึ้นมาดู ดวงตาดอกท้อเย็นชายิ่งกว่าเก่า “คืนนี้ส่งคนไปพา เหวินฉาน มาหาข้า”เสียงของรวี่เยว่เย็นเยียบ อุณหภูมิในห้องลดลงกระทั่งเสี่ยวเฮยมาวยังรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ ดวงตาสีเขียวของมันวาวโรจน์ดูราวกับกำลังพอใจ“อาาา อากาศร้อนๆ แบบนี้ ได้ไอเย็นมาช่วยคลายร้อนค่อยดีขึ้นหน่อย รวี่เยว่ เจ้าอย่าเพิ่งเก็บไอเย็นล่ะ ข้ากำลังสบาย”“…” รวี่เยว่ มีแบบนี้ด้วยหรือเจ้าคะหม่าลั่วลอบยิ้ม รีบออกไปสั่งการตามคำสั่งของรวี่เยว่ก่อนจะหลุดขำเหวินฉาน คือพี่ชายของเหวินกุ้ยเหริน หรือก็คือลุงของหวังเหลียง ชายชรามีตำแหน่งเป็นหมอหลวง ทำงานใกล้ชิดนักปรุงโอสถของราชวงศ์ จึงไม่แปลกใจที่เขาจะเรียนรู้วิธีปรุงโอสถ มาจากผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นหลังออกมาจากหอโอสถเยว่เสียง หวังเหลียงก็สั่งให้คนบังคับรถม้าตรงกลับจวนทันที มีเรื่องที่เขาต้องคุยกับมารดาเรือนฟาหยางฮูหยินผู้เฒ่าเหวินเอนกายอยู่บนตั่งด้วยอารมณ์หดหู่ หลังจากเหวินไป๋เหลียนถูกส่งไปอยู่วัดเมื่อเช้านี้ หลานสาวคนโปรดก็ถูกสั่งกักบริเวณห้ามออกจากเรือน ห้ามกระทั่งไม่ให้มาพบนางในขณะกำลังทอดถอนใจอยู่นั้น หวังเหลียงก็
บทที่ 31/1 รวี่เยว่งานยุ่งทั้งวันทั้งคืน ใบหน้าของหวังเหลียงดำคล้ำ เมื่อรับรู้ว่าบุตรชายออกไปหาเจิ้งเป่า เด็กหนุ่มเสเพลบุตรชายคหบดีใหญ่ ศิษย์สำนักเพลิงจักรพรรดิรุ่นเดียวกันกับหวังซีเหยียน เขาเคยห้ามบุตรชายไม่ให้คบหากับเจิ้งเป่า แต่กลายเป็นว่าหวังซีเหยียนขัดคำสั่งไม่ปฏิบัติตาม “ไปพาตัวคุณชายกลับมา หากเขาขัดขืนข้าอนุญาตให้จับมัดแล้วลากตัวกลับจวน!” หวังเหลียงเอ่ยสั่งองครักษ์ส่วนตัวเสียงเข้ม “ขอรับ!” ราวหนึ่งเค่อถัดมา ฮูหยินผู้เฒ่าเหวินก็ฟื้นคืนสติ หลังจากดื่มยาที่หมอจี๋เค่อ หมอประจำจวนจัดไว้ให้ก็รีบเอ่ยถามจูหมัวมัว “อาเหลียงล่ะ จูหมัวมัว” “ท่านเสนาธิการไปหาคุณชายเจ้าค่ะ” จูหมัวมัวบอกแค่นั้น แต่ไม่ได้บอกว่าไปหาหวังซีเหยียนที่ใด “เจ้ามาช่วยข้าแต่งตัว ข้าต้องไปพบท่านผู้นั้นเพื่อแจ้งเรื่องสำคัญ” สีหน้าของหญิงชราแฝงความกังวลอยู่หลายส่วน หากไม่จำเป็นจริงๆ นางเองก็มิได้ต้องการที่จะไปรบกวนคนผู้นั้น หอโอสถเยว่เสียง หลังจากที่ฮั่วเฮ่อฉีไปยืนคิด นั่งคิด นอนคิด กลิ้งคิดมาหลายตลบ ในที่สุดชายหนุ่มก็ค้นพบ กลยุทธ์ผูกมัดรวี่เยว่ทางอ้อมขึ้นมาได้หนึ่งอย่าง อีกทั้งยังช่วยรวี่เยว่น้อยของเขา หาเงินเ
บทที่ 32/2 รวี่เยว่งานยุ่งทั้งวันทั้งคืน จวนตระกูลเหวิน อากาศในค่ำคืนนี้อบอ้าวกว่าทุกวัน เหวินฉานจึงต้องเปิดหน้าต่างนอน เสียงลมพัดแผ่วเบาเคล้าเสียงใบไม้เสียดสีดังลอดเข้ามาในห้อง มีบางจังหวะที่ฟังคล้ายเสียงคนผิวปาก ชายชราเพิ่งล้มตัวลงนอน ยังไม่ทันเคลิ้มหลับ พลันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวภายในห้อง ไพล่คิดว่าคงเป็นแมวของหลานสาว แอบเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดอ้าไว้ เขาเปิดเปลือกตาขยับขึ้นมานั่ง เพ่งสายตามองหาแมวผ่านแสงจันทร์รำไร จนประสบเข้ากับเงาดำที่ยืนอยู่ปลายเตียง กำลังจะอ้าปากส่งเสียง ทว่าช้ากว่าผู้มาเยือนยามวิกาล ในห้องใต้ดินของหอโอสถเยว่เสียง เหวินฉานนั่งสลบไสลศีรษะตกห้อยคางชิดอก อยู่บนเก้าอี้โลหะหนา พนักวางแขนมีขนาดกว้าง ที่ดูเหมือนถูกหลอมขึ้นมาเป็นพิเศษ “เจ้าสับท้ายทอยเหวินฉานแรงไปรึเปล่าโส่วจิน“ หม่าลั่วยืนกอดอกถามลูกน้อง มองเหวินฉานที่ยังหัวห้อยด้วยสายตายากคาดเดา จากนั้นจึงหันไปสั่งลูกน้องอีกคน “โส่วอิ๋น ไปเอาน้ำเย็นมา อ้อ ใส่น้ำแข็งลงไปครึ่งก้อนด้วยล่ะ” คนสั่งกลัวไม่เย็นพอเลยขอเพิ่มน้ำแข็งไปด้วย ไม่ฟื้นให้มันรู้ไป! “ขอรับ หัวหน้า” ซ่าส์…ในคืนที่อากาศร้อนอบอ้าวจนเหงื่
บทที่ 57/2 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด เหวินไป๋เหลียนคนรักของเขาที่งดงามสดใสราวดอกทานตะวัน เทียบไม่ได้เลยกับความงามสง่าโดดเด่น ประหนึ่งดอกหมู่ตานตรงหน้า จากที่คิดว่าจะออกไปจากห้องหอทันทีหลังเปิดผ้าคลุมหน้าสาว หวังเหลียงกลับเปลี่ยนใจ เดินไปรินสุรามงคลมายื่นให้เยว่หนิงลี่แทน และใช้เวลาอยู่กับนางทั้งคืน ทว่าหลังจากนั้นเพียงเจ็ดวัน หวังเหลียงก็พาเหวินไป๋เหลียนเข้าจวน นับเป็นการหยามเกียรติฮูหยินเอกเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเยว่หนิงลี่กล้บไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางสงบนิ่งเยือกเย็นราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับตน กลับเป็นชุนหมัวมัวและหลานสาวนามชุนอิ่งที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน ครึ่งปีต่อมาหวังเหลียงก็พาอนุอีกคนเข้าจวน เหวินไป๋เหลียนแล่นมาหาเยว่หนิงลี่ให้จัดการเรื่องนี้ ทว่าเยว่หนิงลี่ที่กำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนกลับนิ่งเฉยไม่สนใจ ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางอีกนั่นแหละ เหวินไป๋เหลียนที่กำลังตั้งครรภ์เช่นกันยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เพราะไม่สามารถยุแยงให้อีกฝ่ายออกโรงได้ “นางเป็นก้อนหินหรืออย่างไรกัน ถึงได้เย็นชาไร้อารมณ์เยี่ยงนี้ น่าโมโหที่สุด! หวังเหลียงนะหวังเหลียง!” เกือบสี่เดือนห
บทที่ 57 1 ข้าขอเป็นคนเลวสักครั้งในชีวิตเถิด @เรื่องราวบางส่วนในบทนี้ค่อนข้างอ่อนไหว โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ สิบหกปีก่อน เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง นับตั้งแต่บอกลากับอวี้เหวินเทียนเหิง เยว่หนิงลี่กลายเป็นคนเงียบขรึม ทั้งที่ปกติหญิงสาวเป็นคนร่าเริงมีชีวิตชีวาราวลูกกวางน้อยวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แม้แต่ต้าอ๋องยังรู้สึกประหลาดใจ ครั้นถามไถ่หญิงสาวเพียงคลี่ยิ้มบาง และกล่าวว่าอาจเป็นเพราะต้องจากพี่น้องทหารร่วมรบไปอยู่เมืองหลวงจึงรู้สึกใจหาย หนึ่งเดือนก่อนงานแต่ง ค่ำคืนนี้เยว่หนิงลี่ออกมาเดินเล่นเตร็ดเตร่กับชุนหมัวมัวเพราะนอนไม่หล้บ ครั้นมองเห็นหอสุราที่ตนเคยมากับอวี้เหวินเทียนเหิง หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปด้านในอย่างไม่รู้ตัวราวต้องมนตร์ จากนั้นจึงถามหาห้องส่วนตัวที่เคยมา เสี่ยวเอ้อร์เดินนำขึ้นบันไดไป ทว่าระหว่างเดินผ่านห้องส่วนตัวอีกห้อง เสียงสนทนาของบุรุษกลุ่มหนึ่งดังลอดออกมา “นี่ หวังเหลียง เรื่องที่เจ้ากำลังจะแต่งงานกับรองแม่ทัพเยว่หนิงลี่จากแดนใต้ผู้นั้น ไม่ทำให้แม่นางเหวินไป๋เหลียนยอดดวงใจของเจ้าเสียใจแย่รึ” เสียงของบุรุษคนหนึ่งเอ่ยถามบุรุษอีกคนที่ชื่อ หวังเหลียง “นั่น
บทที่ 56/2 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง อวี้เหวินเทียนหยาได้แต่ทอดถอนใจ หันไปถามความเห็นของเยว่หนิงลี่ ด้วยความที่หญิงสาวเติบโตมากับบุรุษ จึงทำให้นางมีนิสัยใจกว้างและจริงใจเป็นทุนเดิม เมื่อเห็นว่าคนตำหนักเทวาอนธการ มีใจอยากชื่นชมความมีชีวิตชีวาของเมืองหลวงเผ่ามนุษย์ จึงตบปากรับคำอย่างเต็มใจ เพราะอย่างไรเสีย นางก็ชอบออกมาเดินเล่นเพื่อสอดส่องความปลอดภัยของชาวเมืองยามค่ำคืนเป็นปกติอยู่แล้ว ผูกมิตรไว้ดีกว่าเป็นศัตรู นั้นคือคำที่ต้าอ๋องผู้เฒ่าสั่งสอนนางมาตั้งแต่เด็ก “ได้เจ้าค่ะ ข้ายินดีช่วยพาพี่ชายองครักษ์เที่ยวชมเมืองหลวงยามค่ำคืน” เสียงสดใสจริงใจสะท้อนไปถึงจิตใจขององค์ราชาหนุ่ม จนก้อนเนื้อในอกเต้นแรงไม่เป็นระส่ำ “ถิงซี เรียกข้าว่าถิงซีเถิด” อวี้เหวินเทียนเหิงบอกชื่อกลางของตน ที่ปกติมีเพียงญาติพี่น้องเท่านั้นที่เอ่ยเรียกนามนี้ แค่กก!! ผู้เป็นน้องสำลักน้ำลายรอบที่สอง นับจากคืนนั้น ถิงซี ก็จะมารอพบเยว่หนิงลี่ที่สะพานหิน ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารทะเลไปราวครึ่งลี้ทุกคืน แม้ฝนจะตกเขาก็จะกางร่มมายืนรอนางไม่เคยขาด หลังจากผ่านไปสองอาทิตย์ ในที่สุดชายหนุ่มก็มีความกล้า เอ่ยปากชวนนางออกมาเที่ย
บทที่ 56 รักแรกของอวี้เหวินเทียนเหิง ตำหนักเทวาอนธการ องค์ราชาอวี้เหวินเทียนเหิงวางสาส์นที่น้องชายส่งมาถึงลงบนโต๊ะหลังจากอ่านจบ ร่างสูงสง่าใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มมองออกไปไกล ดวงตาเรียวยาวคู่คมเจือความเศร้าอยู่หลายส่วน “หนิงลี่ ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องหรือทำร้ายลูกสาวของพวกเราได้อีกแล้ว…ไยเจ้าถึงไม่บอกว่าตั้งครรภ์กับข้า ก่อนที่จะแต่งให้เจ้าสารเลวชั้นต่ำหวังเหลียงคนนั้น!” เพียงแค่รู้สึกขุ่นเคืองใจ ของตกแต่งภายในห้องทรงอักษรทั้งหมดก็แตกละเอียด ดวงตาสีเทาทรงอำนาจคมกริบปิดลง ความทรงจำเมื่อสิบเจ็ดปีก่อนหวนกลับมา เมืองเทียนหวง อาณาจักรอู๋ซาง ในพิธีเปิดงานประลองของอาณาจจักร อวี้เหวินเทียนเหิงปลอมตัวเป็นองครักษ์ของน้องชาย เพื่อออกมาท่องเที่ยวดูโลกภายนอกในรอบสิบปี องค์ราชาหนุ่มในวัยยี่สิบแปดเดินทางลงจากภูผาหยินซาน หลังจากพระบิดาเดินเข้าแดนบำเพ็ญแห่งเทวา เพื่อกักตัวระยะยาวอย่างไม่มีกำหนด ชายหนุ่มสวมหน้ากากโลหะสีดำปกปิดใบหน้าเหมือนองครักษ์คนอื่นๆ เพียงแต่มิอาจปกปิดรัศมีสูงส่งรอบกาย จึงทำให้หลายคนรู้สึกยำเกรงองครักษ์ของชินอ๋องผู้นี้มากกว่าคนอื่นๆ ค่ำคืนหลังจบพิธีเปิดงาน อวี้เหวินเที
บทที่ 55/2 หารือ หลังจากปล่อยให้ฮั่วเมิ่งเหยา ทำความรู้จักมักจี่กับรวี่เยว่พอสมควร ครู่ต่อมาฮั่วเฮ่อฉีจึงสั่งให้ฟ่านจื่อพาน้องสาวไปส่งยังที่พัก ท่าทางผ่อนคลายของฮั่วเฮ่อฉีก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาขออนุญาตรวี่เยว่ ก่อนกางม่านพลังป้องกันไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป จากนั้นจึงเอ่ยเรื่องสำคัญ “รวี่เยว่ข้ามีเรื่องสำคัญต้องบอกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเจ้าโดยตรง ข้าเองไม่แน่ใจ ว่าเจ้าเคยรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคำพยากรณ์สำคัญ เมื่อสิบกว่าปีก่อนหรือไม่” “หากเป็นเรื่องนี้ข้าพอรู้อยู่บ้างเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ไม่คิดปิดบัง ในเมื่อชายหนุ่มเอ่ยขึ้นมาก่อนแบบนี้ แสดงว่าเขาต้องรู้หรือได้ยินอะไรมา ทั้งคู่หารือกันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปพบชินอ๋องอวี้เหวินเทียนหยาด้วยกัน …ตำหนักรับรองริมทะเลสาบ โถงรับรองส่วนตัวในเรือนพักชินอ๋อง คำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวพันกับรวี่เยว่ ถูกถ่ายทอดให้อวี้เหวินเทียนหยาฟังจากปากของฮั่วเฮ่อฉี อีกทั้งเรื่องนี้โยงใยไปถึงความขัดแย้งระหว่างสองอาณาจักร หากสำนักกระบี่สวรรค์คิดทรยศอาณาจักรอู๋ซาง ไปเข้าฝ่ายอาณาจักรหวงซาอย่างที่คาดไว้จริง เช่นนั้นก็มิอาจนิ่งเฉย เพ
บทที่ 55/1 หารือ เรือนกายสูงสง่าของฮั่วเฮ่อฉีก้าวเข้ามาในห้อง ตามมาด้วยลูกสุนัขสีขาวเจ้าประจำ มันตรงดิ่งไปหาแมวสีเข้มที่ย้ายตัวเอง ไปนอนเอกเขนกอยู่บนตั่งอย่างคุ้นเคย “รวี่เยว่ของข้า สบายดีหรือไม่ ช่วงนี้พี่ชายถูกพวกตัวยุ่งจากตำหนักเทพอนันต์รั้งตัวไว้ เลยปลีกตัวมาหาไม่ได้ คิดถึงเจ้าใจแทบขาด” มาถึงปุ๊บก็รีบเอ่ยวาจาออดอ้อนสาวเจ้าปั๊บ ทำคนฟังเขินอายจนแก้มเนียนใสซับสีระเรื่อ ไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังถือวิสาสะ เดินมากอบกุมมือเล็กขึ้นมาแนบอก สบตานางในดวงใจตาหวานซึ้ง คงเพราะเห็นว่าผู้ปกครองของหญิงสาว ไม่ได้มีท่าทีกีดกันเขาอีกต่อไป ฮั่วเฮ่อฉีเลยเดินหน้าเต็มกำลัง เพื่อพิชิตหัวใจของรวี่เยว่อย่างเปิดเผยมากขึ้น “พี่ชาย ท่านทำข้าใจสั่นไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” รวี่เยว่ยังคงใสซื่อเรื่องความรักไม่ปลี่ยน รู้สึกอย่างไรก็พูดออกมาอย่างนั้น จนอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตู ยกมือขึ้นมาประกบแก้มหัวเราะคิกอยู่ในใจ ‘ข้าชอบนางยิ่งนัก นางน่ารักเหลือเกิน’ ถ้อยคำอันใสซื่อของรวี่เยว่ ประดุจน้ำทิพย์ชโลมหัวใจของชายหนุ่ม เขายินดีเป็นล้นพ้นยามได้ยินว่านางใจสั่น ‘นางเริ่มมีใจให้ข้าแล้ว!’ ฮั่วเฮ่อฉีหัวใจลิงโลด อยากจะ
บทที่ 54/2 อย่าทำให้ข้าโมโห จากนั้นก็ลงมือทุบตีจิกข่วน จนใบหน้าของวั่งเฉาบวมเป่งกลายเป็นหัวหมู ผ่านไปครู่หนึ่งโส่วจินจึงลากร่างอันบอบช้ำของ ของเล่นชิ้นใหม่ เอ้ย นักโทษคนใหม่ ไปแยกขังไว้ในห้องข้างๆ ช่วงสายของวันรุ่งขึ้น หวังเหลียงเดินกระสับกระส่าย วนไปวนมาอยู่หน้าจวนแม่ทัพปราบทักษิณ มารดาของเขากับจูหมัวมัวออกมาพบต้าอ๋องตั้งแต่เมื่อวานช่วงบ่าย จนถึงบัดนี้ทั้งคู่ยังไม่กลับจวน ทหารที่เฝ้าประตูกลับออกมาพร้อมพ่อบ้าน กล่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าและจูหมัวมัว ออกไปจากที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานแล้ว ซึ่งถือเป็นความจริงไม่ได้โกหกเลยสักนิดเดียว หญิงชราถูกส่งไปหอโอสถเยว่เสียง ส่วนร่างไร้วิญญาณของจูหมัวมัวถูกพาไปทิ้งยังป่าอสูรในเวลาเดียวกัน ส่วนคนขับรถม้าอย่างฝานจื่อหรือหม่าฝาน ก็กลับมายังคฤหาสน์ตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่า นางบอกให้เขากลับมารอรับหวังเหลียงตอนเลิกงานเหมือนทุกวัน นางกับจูหมัวมัวจะหารถม้ากลับคฤหาสน์เอง เพราะต้องใช้เวลาในการสนทนากับต้าอ๋องค่อนข้างนาน หวังเหลียงเดินกลับขึ้นรถม้า ในอกเต็มด้วยความวิตกกังวล มารดาของเขาหายตัวไป หลังมาขอพบต้าอ๋อง เรื่องนี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ อยากจะถามไถ่มาก
บทที่ 54 อย่าทำให้ข้าโมโห วั่งเฉาละล่ำละลักเอ่ยวาจา เตรียมปลดปล่อยพลังธาตุ…ทว่ากลับไร้ปฏิกิริยาใดๆ พลังธาตุวารีระดับเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์ปลายยอดระดับคอขวด ถูกกดข่มไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ชายวัยกลางคนตื่นตระหนกจนแทบจิตหลุด มองหญิงสาวราวเห็นภูตผี ใบหน้าของเขาซีดขาวมิต่างจากกระดาษ ในแววตาเต็มไปด้วยความสับสนระคนหวาดกลัว ในมหาพิภพทงเทียนเหอ สิ่งที่สามารถกดข่มพลังธาตุของนักพรตคนอื่นๆได้ในบัดดล มีเพียงสองประการ ประการแรกคือ เขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ของผู้ครอบครองธาตุแสงระดับหยวนอิงขึ้นไป และประการที่สอง พลังที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ทั้งปวง ทวยเทพ! ถึงแม้หญิงสาวเบื้องหน้าจะมีตบะระดับหยวนอิง หากแต่นางหาใช่เผ่ามนุษย์สายเลือดสัตว์เทพเหมือนเช่นเชื้อพระวงศ์ของตำหนักเทพอนันต์ จะมีเขตแดนแห่งแสงพิสุทธิ์ได้อย่างไร เรื่องที่นางมีธาตุมืดนั่นก็น่าเหลือเชื่อจนทำให้เขาประหลาดใจมากพอแล้ว “เจ้าเป็นใครกันแน่! เจ้าไม่ใช่หวังลี่ถิง แต่เป็นตัวปลอมใช่หรือไม่!” วั่งเฉาตกอยู่ในความหวาดผวาโพล่งวาจาออกมาขณะก้าวถอยหลัง “ถามมากเสียจริง หนวกหู” เสียงหวานดังขึ้นคล้ายรำคาญก่อนที่จะ… ครืนนน!! ปึ้ก!! แร
บทที่ 53/2 ช่วงเวลาแห่งความสนุก กระต่ายน้อยพองขนขู่ฟ่ออีกรอบ หันมาแหวใส่อีกฝ่ายทันควัน กล่าวว่าตนไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย ปีหน้าก็จะปักปิ่นแล้ว ถึงเวลานั้นจะกลับมาท้าเขาแข่งดื่มสุรา ใครแพ้ต้องยอมเรียกอีกฝ่ายว่า ลูกพี่ “ตกลง แล้วข้าจะรอแข่งร่ำสุรากับเจ้า! เตรียมล้างคอไว้ได้เลยอวี้เหวินอิงเอ๋อร์” “ท่านต่างหากที่ต้องเตรียมล้างคอไว้รอ หวงฝู่ฮ่าวอวี่” หลังจากปะทะคารมกันจบ ก็กลับมานั่งกินข้าวกันต่อ ทั้งคู่วางความแค้นลงชั่วคราว แต่กลับมาประลองฝีมือด้วยการแย่งชิงอาหารกันบนโต๊ะแทน รวี่เยว่ถึงกับส่ายหน้าให้กับความซุกซนของทั้งคู่ คืนนั้นองค์ชายใหญ่เสด็จกลับวังด้วยอารมณ์เบิกบานใจอย่างถึงที่สุด เขาไม่ได้สนุกเช่นนี้มานานแล้ว กงกงประจำตำหนักรีบไปรายงานจ้าวกุ้ยเฟยเป็นการเร่งด่วน องค์ชายใหญ่อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทางด้านรวี่เยว่หลังจากส่งกระต่ายน้อยพุงโตถึงเรือน นางก็แวะไปดูสภาพของเล่นใหม่ที่ต้าอ๋องส่งมาให้ตามคำขอ ภายในคุกใต้ดินเวลานี้ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง บนร่างกายของฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยรอยตะปบ จากกรงเล็บของเสี่ยวเฮยมาว หญิงชรานั่งขดตัวกลม ยกมือปิดหน้าร้องไห้คร่ำครวญขอชีวิตปานขาดใจ ทว่าเสียงที่เ