ทารกที่ 13เฉิงอ๋องหน้าหมู่บ้านหลิวชิ่ง เมิ่งจื่อมองดูเงาหลังสามีไกลลิบตา ครั้งนี้เมิ่งผู้พ่อปล่อยลูกเขยไปตามลำพัง เพราะถึงไปด้วยกันเขาก็ยิงสัตว์ได้ไม่มากเท่าใด “…”ยังคงเป็นริมลำธารแม้เมิ่งจื่อจะท้องแก่ แต่ชีวิตชาวบ้านชนบทก็มีอะไรให้ทำไม่มาก วันนี้นางมิได้หอบผ้ามาซัก หากแต่เพียงมาตกปลาเล่นกับผู้เป็นมารดาห่างไปไม่ไกลมีหญิงสาวสูงต่ำสิบกว่าคน หนึ่งในนั้นเป็นซ่งจูเอ๋อ เพียงแค่เห็นเงาร่างอุ้ยอ้ายของอีกฝ่ายนางก็จิกเล็บ ความจริงตั้งใจจะหอบเสื้อผ้ามาซัก แต่พอพบว่าผู้ใดนั่งอยู่ตรงนั้น นางก็เปลี่ยนเส้นทางเดินหนีทันทีนับตั้งแต่แต่งงาน ซ่งจูเอ๋อเติบโตขึ้นมาก นางมิเพียงได้เรียนรู้เรื่องโหดร้ายทางโลก ทั้งยังมีปากเสียงทะเลาะตบตีกับสามีเป็นประจำ อยากเช่นวันนี้ เบ้าตานางฟกช้ำขึ้นสีม่วง แต่ก็หนีไม่พ้นถูกแม่สามีจิกหัวใช้งานความอับอายของนางหมดไปนานแล้ว แต่มีเพียงผู้เดียวที่จูเอ๋อรู้สึกยอมไม่ได้นั่นคือเมิ่งจื่อเอง!จูเอ๋อไม่เข้าใจไฉนตนเองรู้สึกโกรธแค้น ยิ่งเห็นเมิ่งจื่อมีชีวิตที่ดี นางก็ยิ่งคับแค้นใจ...แต่นางหารู้ตัวไม่ ทุกวันนี้เมิ่งจื่อยังคงเป็นเมิ่งจื่อคนเดิมที่นางชอบกลั่นแกล้ง หากแต่ตัวนางเปลี
ทารกที่ 12ข้าอยู่นี่!ในความชุลมุนวุ่นวาย ชายหญิงหลายสิบบ้างถือไม้กวาดบ้างถือเก้าอี้วิ่งตามเซี่ยหานไป เมิ่งไท่อี้หนวดเคราสั่นระริก เขาแทบไม่เชื่อหูตนเองว่าบุตรเขยสุดประเสริฐจะทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้ เลยหยิบขาโต๊ะที่หักออกมาคิดนำไปทุบตีเซียวเฟิงให้ตาย!“ตับๆ ตับๆ ตับๆ” !!!“อ๊า อูววว อูววว” !!!“แรงอีกเจ้าคะพี่เซียว! แรงอีก!”ฟังจากเสียงคราง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนในห้องหับเมามันขนาดไหน นี่ไม่เหมือนที่พูดไว้ตอนแรก คนทั้งหมดนิ่งงันยืนงงอยู่หน้าห้อง ไหนว่าถูกข่มขืนมิใช่หรือ?“บัดซบ! เซียวอัน! เจ้าไสหัวออกมาให้กับข้าเดี๋ยวนี้!” ถึงผู้อื่นจะแข็งค้าง แต่เมิ่งไท่อี้โมโหจนอกจะแตกตายแล้ว ความจริงเขาคิดอาละวาดพังประตูเข้าไป แต่กับถูกเซี่ยหานและคนอื่นๆ ดึงตัวไว้ บอกว่าเข้าไปไม่ได้ หากพวกเราเข้าไปตอนนี้ จะให้พี่สาวของเขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง?นี่มิใช่การข่มขืน! แต่เป็นการเล่นชู้!ขณะเมิ่งผู้พ่อโวยวายอยู่หน้าห้อง คนด้านในก็เหมือนจะไม่ได้ยิน ยังคงกระแทกกันต่อด้วยความสะใจนานสองนาน ผู้คนบางส่วนหลบออกไปลานด้านนอก ตอนนี้เหลือเพียงคนสกุลเซี่ยเท่านั้น เพื่อพูดคุยหารือเรื่องงามหน้า ที่บุตรเขยตระกูลเมิ่งล
ทารกที่ 11เมิ่งจื่อท้องแล้ว!รุ่งเช้า ผู้ใหญ่บ้านเดินทางมาพบสกุลเมิ่งเป็นครอบครัวแรก ในมือท่านผู้เฒ่าถือหนังสือผ่านทางมาด้วยห้าฉบับ นี่เป็นสิ่งของที่แยกออกมาจากในหีบ ที่เมื่อวานเซียวเฟิงแบกใส่บ่ากลับมา“ทางการเข้มงวดมาก ช่วงนี้พวกเจ้าก็พกใบผ่านทางติดตัวตลอด อย่าได้หลงลืมวางทิ้งไว้ที่ใดละ”ผู้ใหญ่บ้านกำชับกับเมิ่งไท่อี้ เพราะเขาเป็นนายพรานต้องออกเดินทางบ่อยครั้งเพราะเป็นเขยแต่งเข้า ขั้นตอนการย้ายสำมะโนครัวจึงเป็นไปด้วยความง่ายดาย เนื่องจากญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวถือว่าเสียหน้า ดังนั้นจึงมักไม่ยอมรับ เพียงใช้เงินจำนวนหนึ่งติดสินบนขุนนางตรวจสอบ ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงทะเบียนราษฎร์ยืนยันให้ขายขี้หน้าอย่าว่าแต่เซียวอันใช้ศักดิ์ฐานะญาติฝั่งมารดา เมื่อมีนางเมิ่งซือรับรอง ตอนแต่งงานก็มอบของกำนัลให้ผู้ใหญ่บ้าน เขาจึงเข้าสู่ตระกูลเมิ่งได้อย่างราบรื่นหนังสือผ่านทางห้าฉบับนี้ หนึ่งใบเป็นของเซียวอัน เพราะทางอำเภอออกให้ในฐานะบุตรเขยตระกูลเมิ่งแห่งหลิวชิ่ง เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้หูตาเฉิงอ๋องมีหลายแสนก็ยากจะพบตัวสายลับที่ปะปนเข้ามาเซียวเฟิงจึงทำงานได้อย่างสะดวกสบาย!หลายเดือนต่อมาซ่งจูเอ๋อที่อยู่ข้างบ้า
ทารกที่ 10โรงสุราแม่นางอิ๋งก่อนแต่งกับเซียวเฟิง เมิ่งจื่อเพียงแค่รู้สึกชอบเขาเล็กน้อย หลังจากมารดาบอกว่า เขาจะเป็นสามีนางในอนาคต เมิ่งจื่อก็ไม่คิดถึงเรื่องพี่เสิ่นอีก เพราะนางยึดถือคำสอนที่ว่า อยู่บ้านเชื่อฟังพ่อแม่ ออกเรือนเชื่อฟังสามีแต่คำพูดฮูหยินพวกนั้นสะกิดแผลในใจนาง จะให้สามีนางสอบจิ่นสือเป็นขุนนาง แม้แต่นางยังไม่กล้าคิด นี่มันคำดูถูกเหยียดหยามชัดๆ เมิ่งจื่อพบว่าสามีไม่รู้กฎระเบียบก็อับอายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังถูกถากถางซึ่งหน้า จะให้นางไม่เสียใจได้ยังไงแต่ท่านพี่เพียงหวังดีกับนาง!เมื่อเทียบกันแล้ว พี่เสิ่นยามนี้คงเป็นขุนนางในราชสำนัก สมัยก่อนเขาสัญญาอะไรกับนางไว้ตั้งมาก บอกว่าพอเขาเข้าเมืองหลวง นางก็จะเป็นฮูหยินน้อย เขาจะซื้อเครื่องประดับเงินประดับทองให้นาง ทั้งยังจะพานางไปดูงิ้ว หลายปีให้หลังมีตำแหน่งสูงขึ้น เขาบอกว่านางจะได้เป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์ ถึงตอนนั้นยังสามารถปักปิ่นหงส์ใช่แล้ว กฎข้อบังคับระบุว่า มีเพียงฮูหยินบรรดาศักดิ์ขั้นสองขึ้นไปเท่านั้น ที่สวมใส่เครื่องประดับรูปหงส์ได้ ในชีวิตเมิ่งจื่อเกิดมาเคยแต่เห็นรูปหงส์ในกระดาษ แม้แต่เครื่องประดับแบบนั้นนางก็ไม่เคยเจอทั่วทั้ง
ทารกที่ 9ปิ่นปักผมกว่าจะถึงอำเภอ เวลาก็ไม่เช้าแล้ว เซียวเฟิงพาเมิ่งจื่อไปที่ว่าการเป็นอันดับแรก ติดต่อขอเข้าพบผู้ช่วยสวี เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูเหมือนจะรู้อยู่ก่อน พอบอกว่ามาจากหมู่บ้านหลิวชิ่ง ตรวจสอบเอกสารที่นำมาเล็กน้อย ก็พาคนทั้งหมดเดินอ้อมเข้าตึกหลัง ไปพบผู้ช่วยสวีที่ทำงานอยู่ด้านในระหว่างทางพวกเมิ่งจื่อเดินสวนกับสาวงามกลุ่มหนึ่ง ทุกนางแต่งตัวดูดีมาก ศีรษะมีเครื่องประดับเต็มไปหมด ไม่ว่าจะปิ่นหยกปิ่นเงินปิ่นทอง ล้วนมีทั้งนั้นพวกนางเองก็พบเห็นเมิ่งจื่อ แต่หญิงสาวเหล่านั้นหาได้สังเกตดูนางไม่ เพียงพินิจเซียวเฟิงแวบเดียว จากนั้นชักสายตากลับมาหัวเราะคิก มิทราบซุบซิบนินทาอะไรกันภายในห้องทำงานผู้ช่วยสวี บัณฑิตกลางคนกล่าวว่าลำบากพวกเจ้าแล้ว ที่อยู่ในกล่องนั่นเป็นใบผ่านทางทั้งหมด พวกเจ้าใช่ยกไปไหวหรือไม่เมิ่งจื่อมองไปที่หีบในหนึ่ง นางลอบปาดเหงื่อ คิดไม่ถึงว่าใบผ่านทางที่ผู้ใหญ่บ้านบอก จะมีมากมายปานนี้“…”ทีแรกนางคิดว่าต้องนำกลับไปเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น ใบผ่านทางมากขนาดนี้นางจะเอากลับไปไหวได้ยังไง?“โอ้! ไฉนมีมากมายปานนี้ขอรับ?”เซียวเฟิงแสร้งเป็นตกใจ อุทานถามผู้ช่วยสวี บัณฑิตกลางคนก็เอา
ทารกที่ 8ภาพวาดก่อนเมิ่งจื่อแต่งงานหนึ่งเดือน จู่ๆ ในอำเภอไท่หังมีร้านรับซื้อหนังสัตว์เปิดใหม่ เรื่องแบบนี้ถือว่าปกติมาก เพราะแดนส่านซีอยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองทางเหนือและใต้ขนจิ้งจอกขาวมีชื่อหาได้ยากอยู่แดนเหนือ ส่วนขนหมีและเสือส่วนมากอยู่ภาคกลางและใต้ พ่อค้าส่วนใหญ่จึงตั้งร้านรับซื้ออยู่ในแดนส่านซี เพื่อนำไปขายทำกำไลต่อในเมืองหลวงจินหลิงเป็นเมืองหลวงของต้าเว่ย นี่อยู่ห่างส่านซีถึงสามพันลี้ หากเดินทางไปกลับใช้เวลาเกือบสองเดือน ดังนั้นสมาคมพ่อค้าหนังจึงจัดตั้งหน่วยขนส่ง เพื่อรวมกลุ่มกันเดินทางขนสินค้าอย่างปลอดภัยร้านรับซื้อใหม่ที่เพิ่งเปิด ก็เป็นสมาชิกของสมาคมนี้เองร้านหนังสัตว์จูเก่อหลงจู๊พอจ่ายเงินค่าหนังสองผืนให้เซียวเฟิง เขาก็เดินกลับเข้าหลังร้าน ใช้คนงานให้เปลี่ยนมาเฝ้าร้านแทน ส่วนตัวเองพอถึงที่ลับตา ก็เดินออกทางประตูหลัง ปะปนกับผู้คนในตลาด จนกระทั่งมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดสะกดรอยตาม ถึงได้หายเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง“ท่านตรวจดู รายชื่อในภาพคุ้นชินหรือไม่?”ห้องใต้ดินของบ้านลึกลับ หลงจู๊ร้านหนังกางภาพวาดผืนใหญ่ลงบนโต๊ะ ภาพใบนี้เป็นเซียวเฟิงซุกซ่อนมากับหนังหมี ชายปริศนาเจ้าของบ้านก็