แชร์

ตอนที่ 24 โบยพระชายา

ผู้เขียน: WangFei
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-23 03:46:42

สมรสพระราชทานระหว่างจางเซียวหรูและหานอี้ ถูกประกาศไว้ทั่วเมืองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยฝีมือของหยางเต๋อเฟย ไม่แพ้คราวที่จางอวิ๋นซีแต่งงานกับหานไท่หยางเลยสักนิด เป็นที่โจษจันกันทั่ววังหลวงว่าในอนาคตนี้ อ๋องใหญ่หานอี้อาจได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเป็นแน่

 ด้วยอุปนิสัยของหานอี้ที่เข้าถึงได้ง่าย มีจิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจางเซียวหรูที่เป็นถึงบัณฑิตหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นหาน ย่อมเหมาะสมยิ่งนักราวกับกิ่งทองใบหยก ข่าวดีนี้ทำให้มีเหล่าเสนาบดีน้อยใหญ่มากมายต่างมาผูกสัมพันธ์กับสกุลจางให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่เคยตราหน้าจางเซียวหรูว่าเป็นบุตรีฮูหยินรอง บัดนี้พวกนางต่างมานอบน้อมต่อจางเซียวหรูทั้งสิ้น

 ข้าวของเงินทองถูกนำมาเป็นของกำนัลล่วงหน้าในงานแต่งงาน ทรัพย์สินสมรสของหานอี้ถูกทยอยส่งมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีเครื่องประดับเพชรนิลจินดามากมายที่ถูกส่งมาจากหยางรั่วอวิ๋นหรือ หยางเต๋อเฟย

 “เครื่องประดับพวกนี้งดงามนักเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านย่าว่าอย่างไรเจ้าคะ” ไท่ฮูหยินที่เป็นย่าก็ร่วมยินดีที่หลานสาวคนโตได้แต่งงานกับหานอี้ด้วยเช่นกัน เช่นเดียวกับจางฮูหยินที่แสดงความยินดีด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

 “ของเหล่านี้เหมาะกับหรูเอ๋อร์ยิ่งนัก...” จางฮูหยินกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางมองเครื่องประดับมากมายที่ถูกส่งมา อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับคราวของซีเอ๋อร์บุตรสาวของนาง ของกำนัลครั้งนี้นับว่าน้อยยิ่งนัก

 ยิ่งคิดก็ยิ่งสะใจ

 “ขอบพระคุณแม่ใหญ่ที่ชื่นชม แต่คงไม่เยอะมากมายเท่าตอนของซีเอ๋อร์หรอกเจ้าค่ะ รายนั้นน่ะเป็นหลานสาวของฮองเฮา ย่อมไม่อาจเทียบลูกได้” จางเซียวหรูแสร้งเอ่ยด้วยความน้อยใจ จางเยี่ยนผู้เป็นบิดาจึงมอบเงินขวัญถุงจำนวนมากให้แก่บุตรสาว

 “สิ่งนี้พ่อมอบให้เจ้า เอาไว้ใช้จ่ายยามอยู่ที่จวนอ๋อง จะได้ไม่รบกวนเบี้ยหวัดของท่านอ๋องใหญ่” จางฮูหยินมองถุงเงินสีแดงที่ผู้เป็นสามีมอบให้จางเซียวหรู ด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาความรู้สึก

 “ท่านพ่อไม่คิดจะมอบสิ่งนี้ให้น้องหญิงบ้างหรือเจ้าคะ ท่านแม่ใหญ่คงเสียใจนักที่ท่านพ่อมอบให้ลูกเพียงผู้เดียว” จางเซียวหรูแสร้งกล่าวถึงจางอวิ๋นซีด้วยความเสียใจกับบิดา สายตาของนางกับหลี่ฮูหยินมองจางฮูหยินด้วยความสะใจ

 ไท่ฮูหยินตบไหล่สะใภ้ใหญ่เบาๆ อย่างปลอบใจ

 จางฮูหยินยิ้มกล่าวออกมา “เรื่องเบี้ยหวัดแค่นี้ สำหรับซีเอ๋อร์นางคงไม่ต้องการ เพราะทุกวันนี้สิ่งที่นางได้รับจากหานอ๋องและฮองเฮา ล้วนมากประมาณอยู่แล้ว คงไม่รบกวนเบี้ยหวัดของท่านพี่”

 “ตั้งแต่บุตรสาวเจ้าเปลี่ยนไป ปากคอเราะรายนัก” จางเยี่ยนก่นด่าภรรยาใหญ่อย่างไม่ชอบใจ ตั้งแต่จางอวิ๋นซีแต่งงานเข้าจวนอ๋อง นับวันนางก็ยิ่งยากจะคาดเดาความรู้สึก และยิ่งปีกกล้าขาแข็งมากขึ้นต่อเขาผู้เป็นสามีของนาง

 “น้องไม่กล้าหรอกเจ้าค่ะท่านพี่ เพียงแต่พูดในสิ่งที่คิดเท่านั้น” จางฮูหยินย่อตัวน้อยๆ ราวกับขอโทษ แต่เป็นการขอโทษที่แฝงไปด้วยความเย้ยหยันต่อฮูหยินรองและจางเซียวหรูอย่างชัดเจน

 “ตอนนี้ซีเอ๋อร์ได้ดิบได้ดีสุขสบายในวัง ท่านแม่ใหญ่ก็เปรียบเหมือนมารดาของข้า หากท่านต้องการความช่วยเหลือเรื่องใด ขอโปรดเอ่ยมาเถิด 

อย่างไรเสียข้าก็เคารพท่านประดุจมารดาเช่นกัน” จางเซียวหรูกล่าวอย่างนอบน้อม

 “แม่ต้องขอบใจเจ้านัก เอาไว้แม่จะรับน้ำใจเจ้าเอาไว้แล้วกัน...” จางฮูหยินกล่าวเสียงเรียบ จากนั้นนางจึงเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่ สีหน้าและแววตาเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน นางหันไปมองเรือนพักของจางเซียวหรูด้วยรอยยิ้มยากจะอธิบาย

 

 เมิ่งฉีขี่ม้ามาส่งจางอวิ๋นซีที่หน้าวังอ๋อง เขาอุ้มนางลงมาจากหลังม้าอย่างถือวิสาสะ แต่ยังโอบเอวนางไม่ยอมปล่อย จงใจให้บ่าวไพร่ในจวนของหานไท่หยางเห็นการกระทำเช่นนี้

 “ปล่อยข้า...มาส่งข้าที่จวนก็นับว่าเป็นน้ำใจ แต่อย่าทำเช่นนี้กับข้า ข้าไม่ชอบ!” นางกัดฟันกล่าวกับเมิ่งฉี ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่องค์หญิงซิ่วอิ่งเดินออกมาหน้าวังพร้อมกับซือเหลียน

 “ท่านพี่...อ้าว พระชายาเอกก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือเพคะ” นางแสร้งป้องปากอย่างตกใจ แต่กลับแสดงรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาเต็มที่

 “พระชายาเอกเสด็จไม่มาสอนสั่งองค์หญิงด้วยตนเอง แต่กลับออกไปนอกวังกับบุรุษอื่นเช่นนี้ ผิดธรรมเนียมข้อใดของวังหรือไม่เพคะ” ซือเหลียนว่าตามผู้เป็นนาย นายของนางเกลียดใครนางย่อมเกลียดตามไปด้วย

 “นายว่า ขี้ข้าพลอยเสียจริง” จางอวิ๋นซีกล่าวยิ้มๆ นางมองซือเหลียนอย่างดูหมิ่นดูแคลน

 “เป็นพระชายาเอกก็สมควรทำตนให้สมกับเป็นนายหญิงของวัง ไม่ใช่ออกไปเที่ยวกับบุรุษอื่น ทั้งๆ ที่ตนเองก็มีสามีอยู่แล้ว” เมิ่งฉียืนนิ่งเงียบ ปล่อยให้น้องสาวของตนต่อว่าจางอวิ๋นซีอย่างไร้มารยาท

 “พระชายาเอก!” เสียงตะโกนของหานไท่หยางดังมาถึงหน้าจวน ใบหน้าถมึงทึงปรากฏมาแต่ไกลพร้อมกับน้ำเสียงเจือโทสะ สองมือของเขาสั่นเทาเมื่อเห็นบุรุษอีกผู้หนึ่งยืนอยู่ข้างๆ ผู้เป็นพระชายาของตน

 “ท่านอ๋อง เสด็จมาทันเวลาพอดีนักเพคะ หม่อมฉันออกมาต้อนรับพี่ชาย แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอพระชายาเอกที่นี่ด้วย” ซิ่วอิ่งเอ่ยเสียงหวาน สองมือของนาง

คล้องแขนหานไท่หยางแสดงความเป็นเจ้าของออกนอกหน้าเต็มที่

 “เจ้าไปที่ใดทำไมไม่บอกข้า! ละทิ้งหน้าที่ที่ข้าสั่งเอาไว้อีก!” อ๋องหนุ่มถามเสียงแข็ง เขาสะบัดแขนออกจากซิ่วอิ่ง กระชากตัวนางเข้ามาหาอย่างแรง หลินกงกงไม่อาจห้ามได้ด้วยรู้ว่าโทสะเจ้านายตนเองตอนนี้รุนแรงเพียงใด

 นางมองหน้าเขาอย่างท้าทาย “ก็อยากให้ข้าสอนขนบธรรมเนียมให้กับพระชายาคนใหม่ไม่ใช่รึ ข้าก็ทำตามหน้าที่ให้ หยางกูกูไปสอนนางแล้วอย่างไรเล่า จะเอาสิ่งใดกับข้าอีก”

 ตาอ๋องบ้านี่! ประเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเสียจริง

 หานไท่หยางบีบปลายคางมนอย่างแรง เขาหึงจนแทบคลั่งนักเมื่อเห็นเมิ่งฉีโอบเอวภรรยาของเขาลงจากหลังม้า หากไม่ให้เขาหึงหน้ามืดตามัวก็ไม่รู้จะทำเช่นใดแล้ว

 “อาหยาง เจ้าทำเช่นนี้ก็คงรุนแรงกับนางไปหน่อย ข้าเพียงแค่มาส่งนางตามประสาคนรู้จักกันเท่านั้น” เมิ่งฉีกล่าวเป็นนัยๆ เขาหันมากล่าวกับน้องสาวตนเองเพียงนิด

 “พี่แค่แวะมาส่งพระชายาเอกเท่านั้น อีกไม่นานก็จะเดินทางกลับเมืองแล้ว ไว้จะส่งจดหมายมาหาเจ้า” เมิ่งฉีกล่าวแค่นั้น เขายิ้มให้หานไท่หยางและจางอวิ๋นซีอย่างจงใจ ก่อนจะควบม้าของตนเองกลับไป

 ซิ่วอิ่งมองการกระทำเบื้องหน้าด้วยความสะใจยิ่ง แวบหนึ่งนางเห็นเฉินหรงปรากฏกายมายืนเคียงข้างหานไท่หยาง สายตาคมปลาบขององครักษ์หนุ่มมองมาที่ซิ่วอิ่งอย่างจงใจ จนนางเบือนหน้าหนีไปทางอื่น

 “วันนี้องค์หญิงกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด ส่วนเรื่องโทษที่พระชายาแอบออกจากวัง ละเลยหน้าที่ที่ข้ามอบหมาย ข้าจะลงโทษตามระเบียบของวังเอง” หานไท่หยางมองจางอวิ๋นซีด้วยแววตาอำมหิต

 “เพคะ” ซิ่วอิ่งย่อตัวน้อยๆ น้อมรับอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินจากไปด้วยแววตาอำมหิต

 “หลินกงกง! กฎของวังมีไว้ว่าอย่างไร หากพระชายาเอกละเลยหน้าที่ที่พึงมี” อ๋องหนุ่มมองจางอวิ๋นซีด้วยแววตาอำมหิต หลินกงกงเอ่ยเสียงสั่นว่า

 “ต้องโดนโบยยี่สิบไม้พะยะค่ะ” หลินกงกงเอ่ยเสียงสั่น “แต่ว่าท่านอ๋อง พระชายาทรง...”

 หานไท่หยางผลักร่างของนางไปทางหลินกงกงด้วยแรงอารมณ์ โชคดีนักที่ขันทีอาวุโสรับร่างของนายหญิงแห่งวังเอาไว้ได้ทัน มิเช่นนั้นศีรษะของพระชายาเอกอาจกระแทกโดนบานประตูได้

 “เอานางไปโบยยี่สิบไม้ แล้วกักบริเวณไว้ในตำหนัก! หากไม่มีคำสั่งข้าใครห้ามเข้าพบนาง!” 

 จางอวิ๋นซีทนไม่ไหวอีกต่อไป นางตะโกนโพล่งขึ้นมา

 “มันจะมากเกินไปแล้วนะ! เจ้าไม่ฟังข้าอธิบาย แต่มาลงโทษข้าตามอำเภอใจ ข้าเป็นมนุษย์ ไม่ใช่สัตว์ที่เจ้าจะทรมานอย่างไรก็ทำได้! เจ้ามันบ้าชัดๆ หานไท่หยาง!”

 อ๋องหนุ่มยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว “ข้าบ้าได้มากกว่านี้ หากเห็นเจ้าเมิ่งฉีมายุ่งกับเจ้า!”

 กล่าวเสร็จแล้วส่งสายตาให้หลินกงกง ขันทีอาวุโสไม่รู้ควรทำเช่นไร นอกจากปฏิบัติตามคำสั่งของอ๋องหนุ่มและหาทางแจ้งเรื่องนี้แก่ไทเฮาและฮองเฮาให้ทรงทราบ

 

 คุกใต้ดินสำหรับลงทัณฑ์ของวังช่างมืดมนนัก หลินกงกงพาจาง อวิ๋นซีมายังสถานที่แห่งนี้ พลางขอโทษขอโพยในใจ เพราะตนเองต้องปฏิบัติตามคำสั่งของหานไท่หยางอย่างเคร่งครัด หากขัด

คำสั่งตนเองก็อาจมีโทษได้เช่นกัน

 สถานที่ที่หลินกงกงพามาคือห้องสำหรับลงทัณฑ์ผู้ที่กระทำผิด ภายในเต็มไปด้วยไม้หวายสำหรับโบยจำนวนมาก อีกทั้งยังมีแท่นนอนสำหรับถูกโบยซึ่งทำจากศิลาที่มีความแข็งแกร่งคงทน จางอวิ๋นซีมองภาพเบื้องหน้าอย่างสังเวชใจ หานไท่หยางเกลียดนางถึงเพียงนี้ เหตุใดไม่ลงโทษประหารนางให้ตายไปเลย บางทีนางก็ไม่อยากช่วยใครตามหาฆาตกรอีกแล้ว นางอยากตายแล้วกลับไปสู่ร่างเดิมของตัวเองเสียที

 “เหตุใดท่านอ๋องของพวกเจ้าจึงไม่ประหารข้าเลย ในเมื่อคิดว่าข้ามีใจต่อชายอื่นอยู่แล้ว” นางถามหลินกงกงเสียงเรียบ ภายในใจตัดพ้อหานไท่หยางยิ่งนัก นางอุตส่าห์คิดว่าเขาเป็นคนน่าสงสาร แต่สุดท้ายก็คือคนที่อำมหิตคนหนึ่งเท่านั้นเอง

 “พระชายา...” หรูหรงเรียกนายของตนเองเสียงเศร้า นางไม่มีอำนาจพอที่จะช่วยเจ้านายของตนเองให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ได้เลย

 “แต่ไหนแต่ไรมาข้าทำสิ่งใดก็ไม่เคยถูกใจใครอยู่แล้ว  อยากจะลงโทษข้าให้ตายก็เชิญ ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่แล้วเหมือนกัน” นางตัดพ้ออีกครั้งอย่างน้อยใจ พลางล้มนอนคว่ำหน้ากับแท่นศิลาขนาดใหญ่ หลินกงกงผู้เป็นขันทีอาวุโสไม่อาจขัดคำสั่งของหานไท่หยางได้ จึงได้แต่ยืนมองกับหยางกูกูเพียงสองคน ให้หยางกูกูรับหน้าที่ทำโทษพระชายาตามคำสั่งของหานอ๋องไท่หยางแทน

 “ประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเถิดเพคะพระชายา” หยางกูกูเอ่ยเสียงเศร้า พระชายาทรงเป็นนายหญิงที่ดีของวังมาตลอด แม้จะทรงดื้อรั้นต่อท่านอ๋องไปบ้าง แต่น้ำพระทัยอันงดงามและโอบอ้อมอารีของพระชายา ทำให้ทุกคนในวังแห่งนี้อยู่กันอย่างสงบสุข จนกระทั่งมีองค์หญิงซิ่วอิ่งเข้ามา วังแห่งนี้ก็เริ่มร้อนราวกับไฟสุม

 หานไท่หยางกลับตำหนักใหญ่ของตนเองด้วยความกระวนกระวายใจ ภายในใจนั้นร้อนรุ่มดั่งไฟสุม ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนสั่งลงโทษนางเอง แต่เหตุใดใจของเขาถึงกระวนกระวายเช่นนี้ อ๋องหนุ่มแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ ยิ่งคิดถึงยามที่ตนเองตัดสินใจลงโทษนางโดยพลการ 

 แต่ว่าเพื่อกีดกันนางจากอันตราย เขาจึงตัดสินใจทุกอย่างโดยอารมณ์ชั่ววูบ เมิ่งฉีมีจิตคิดพรากนางไปจากเขา คิดร้ายต่อแคว้นหานเรื่องที่ส่งองค์หญิงซิ่วอิ่งมาอภิเษกเป็นพระชายารองในครั้งนี้ คงมิใช่แผนการของเมิ่งฮ่องเต้อย่างแน่นอน แต่คงเป็นแผนของเมิ่งฉีที่คิดวางสายลับเอาไว้ในวังอย่างแยบยล คงหมายใจใช้มารยาสตรีเพื่อทำลายแคว้นหานของเขา!

 อีกทั้งองค์หญิงซิ่วอิ่งเองก็เต็มไปด้วยพิษสงรอบด้าน อันตรายต่อจางอวิ๋น

ซียิ่งนัก หากเขาให้ความโปรดปรานกับนางมากเกินไป แค่เพียงเขาแสร้งโมโหโกรธาใส่นาง ทั้งๆ ที่เขารู้ดีว่านางออกไปด้านนอกที่ป่านอกเมืองมา แต่ก็ยังพาลเอาอารมณ์หึงหวงทั้งหมดมาลงที่นางเพียงผู้เดียว นั่นก็เพื่อให้ซิ่วอิ่งตายใจว่าที่ผ่านมาเขาแสร้งทำดีกับจางอวิ๋นซีเพราะฐานะการสมรสพระราชทาน เพื่อกีดกันนางจากอันตรายทั้งปวงแต่ไม่คาดคิดว่าอารมณ์ชั่ววูบของตนเองจะเผลอทำร้ายนางขนาดนี้

 “ท่านอ๋อง ทรงตัดสินใจทำกับพระชายาเช่นนี้ หากความทราบถึงพระกรรณฝ่าบาทเข้า...” เฉินหรงกล่าวด้วยความเป็นห่วง เรื่องทั้งหมเกิดจากซิ่วอิ่งเพียงผู้เดียว สตรีผู้นั้นคิดเอาความโกรธแค้นทั้งหมดที่มีมาลงที่แคว้นหาน เพียงเพราะเขากลายเป็นคนทรยศต่อนาง

 “เรื่องนั้นปล่อยให้เกิดไป แต่เรื่องของเจ้ากับซิ่วอิ่งเล่า...” หานไท่หยางย้อนถามองครักษ์หนุ่มกลับ

 “เรื่องของกระหม่อมกับนางเป็นเพียงเรื่องในอดีตเท่านั้นพะยะค่ะ นางไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับกระหม่อมอีก” เฉินหรงยังคงยึดมั่นเช่นเดิม พี่ชายของซิ่วอิ่งทรยศต่อเขาก่อน แต่ผู้ที่ยื่นมือกลับมาช่วยเหลือคือหานไท่หยาง เขาไม่มีวันทรยศต่อหานไท่หยางเด็ดขาด

 อ๋องหนุ่มยิ้ม ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าองครักษ์ของเขาลึกๆ นั้นยังแอบมีใจให้องค์หญิงซิ่วอิ่งอยู่ดังเดิม

 “เรื่องราวของเจ้ากับองค์หญิงแต่หนหลังข้าล้วนไม่เกี่ยวข้อง หน้าที่การจับตาดูนางเจ้าก็ทำต่อไปเถิด...”

 เฉินหรงกลืนน้ำลายอึกเล็กลงคอ “พะยะค่ะ...”

 หานไท่หยางมองสีหน้าขององครักษ์หนุ่มที่กระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย ก่อนจะหวนคิดถึงตนเอง เขาสั่งลงโทษจางอวิ๋นซีคราวนี้ก็เพื่อกีดกันนางจากอันตรายที่จะเกิดจากขึ้นในภายภาคหน้า

 เฉินหรงมาที่ตำหนักขององค์หญิงซิ่วอิ่ง องครักษ์หนุ่มเดินดุ่มๆ เข้ามาอย่างถือวิสาสะ คนขององค์หญิงทั้งหมดไม่มีใครไม่รู้จักเขา ยกเว้นแต่ซือ 

เหลียนนางกำนัลที่รับใช้องค์หญิงมานาน แต่กลับไม่สามารถจดจำเขาได้แม้เพียงนิด

 “เจ้าเป็นใคร?” ซือเหลียนกางมือกั้นเอาไว้ มิให้องครักษ์หนุ่มเข้าไปด้านในโดยง่าย

 แต่เดิมทีเฉินหรงเป็นคนที่ใจเย็นมากที่สุด เขาใช้ความเลือดเย็นสังหารศัตรูในสนามรบให้ทรมาน วันนี้เขาอยากใช้ความเลือดเย็นสังหารซิ่วอิ่งยิ่งนัก นางไม่สามารถแยกแยะผิดชอบชั่วดี นางไม่ใช่คนเดิมที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไป

 องครักษ์หนุ่มไม่สนใจ เขาผลักร่างของซือเหลียนไปให้พ้นทาง ท่านอ๋องมอบอำนาจให้เขาจับตาดูซิ่วอิ่ง ด้วยเหตุผลที่เขาทราบดี เพราะหานไท่หยางทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซิ่วอิ่ง ว่าลึกซึ้งมากเพียงใด การกลับมาพบนางคราวนี้จะเป็นการย้ำเตือนเพื่อให้นางรู้ว่านางไม่สามารถทำสิ่งใดได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป แม้กระทั่งการแยกท่านอ๋องกับพระชายาให้จากกัน

 “ว้าย!” องค์หญิงคนงามซึ่งกำลังผลัดอาภรณ์อยู่ ต้องยกอาภรณ์ขึ้นมาสวมใส่แบบลวกๆ เมื่อองครักษ์หนุ่มถือวิสาสะพรวดพราดเข้ามา

 “เจ้า! หากเจ้าทำอันใดองค์หญิง ข้าจะทูลฟ้องท่านอ๋อง!” ซือเหลียนตะโกนเสียงดัง แต่นางกลับถูกเฉินหรงบีบสันกรามแน่นแล้วผลักร่างออกไปนอกตำหนักให้พ้นทาง ก่อนจะใช้วรยุทธ์ปิดประตูนั้นอย่างง่ายดาย

 “เจ้าเข้ามาทำไม! ออกไปนะ!” องค์หญิงคนงามปกปิดเรือนกายอย่างลวกๆ นางกระถดถอยหนี พยายามส่งเสียงร้องเรียกองครักษ์เงาของตนเองให้โผล่ออกมา แต่กลับไม่มีโผล่ออกมาหานางเลยสักคนเดียว น่าเจ็บใจยิ่งนัก

 “เจ้าวางแผนอยู่นานแล้ว หมายใส่ร้ายพระชายากับท่านอ๋อง จิตใจเจ้าทำด้วยสิ่งใดกันซิ่วอิ่ง!” เฉินหรงจับไหล่บางทั้งสองข้าง บีบแน่นจนนางรู้สึกเจ็บปวดราวกับกระดูกจักแตกเป็นเสี่ยงๆ 

 แม้ว่านางจะปวดไหล่ราวกับกระดูกจักแตก แต่นางก็ไม่สนใจความเจ็บปวดเหล่านั้น มีเพียงความทุกข์ที่นางเห็นบนใบหน้าของเขาเท่านั้นคือความสุขของนาง “ทำด้วยสิ่งใดหรือ? เจ้าก็ลองถามตนเองดูเถิด ว่าทรยศข้าได้อย่างไร! เจ้าทอดทิ้งข้าได้อย่างไร?!”

 “แต่เจ้าเอาความเกลียดทั้งหมดมาลงที่คนไม่รู้เรื่องอย่างท่านอ๋องกับพระชายา เจ้าโหดร้ายนักซิ่วอิ่ง” เฉินหรงเอ่ยอย่างผิดหวัง เขาผิดที่ไม่อาจเอ่ยเหตุผลกับนางตรงๆ ได้ เขายอมทนให้นางเกลียดชังเขา แต่ไม่คาดคิดว่านางจะเอาความเกลียดชังทั้งหมดลงมากับคนที่เขารักอย่างท่านอ๋องและพระชายาจาง

 “เจ้ากลับไปซะ! อีกไม่นานข้าก็จะเป็นพระชายารองของที่นี่ เจ้าไม่ควรมาหาข้า” นางกล่าวอย่างหยิ่งทะนง แต่เฉินหรงหาได้กลัวไม่ เขาเดินเข้ามาใกล้นางเรื่อยๆ และใช้สองมือแกร่งโอบเอวนางเข้ามาแนบชิดกับตนเอง นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ใกล้ชิดกับนางเช่นนี้มาหลายปี

 “ข้าจะไม่มีวันยอมให้ท่านแต่งงานกับท่านอ๋องเด็ดขาด” เขากระซิบข้างใบหูเล็กของนาง ลมหายใจอุ่นร้อนรินรดต้นคอจนร่างเล็กหายใจไม่สะดวกนัก

 “เจ้าไม่ใช่ข้า อย่ามาคิดตัดสินใจใดๆ แทนข้า ข้ารักหานไท่หยาง ข้าปรารถนาจะเป็นชายาของเขา เจ้าไม่มีทางมาขัดขวางข้าได้ แม้กระทั่งเจ้าที่ข้าเกลียดแสนเกลียด” นางท้าทาย แสดงท่าทีเกลียดชังเขาอย่างชัดเจน

 โกหก! นางไม่ได้รังเกียจเขาเลยสักนิด หากนางรังเกียจเขาจริงดังคำกล่าว นางคงผลักไสเขาไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เขากอดโอบเอวนางเช่นนี้แน่

 “ถ้าเจ้าคิดว่าท้าทายกับข้าแล้วจะชนะก็ลองดู อย่าลืมไปบอกพี่ชายเจ้าล่ะ เผื่อเขาจะส่งมือสังหารมาไล่ล่าข้า” เฉินหรงกระซิบกับนาง ริมฝีปากหนาขององครักษ์หนุ่มอยู่ห่างจากริมฝีปากของนางเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น ทำเอาองค์หญิงคนงามพระทัยเต้นส่ำ

 คล้อยหลังของเฉินหรงไปแล้ว ซิ่วอิ่งนั่งทรุดกายลงกับเตียงนอน นางเอามือกุมหน้าอกข้างซ้าย ซึ่งมีก้อนเนื้อที่เต้นรัวราวกับกลองรบด้วยความเหนื่อยหอบ เมื่อหวนคิดถึงอ้อมกอดที่เขาโอบเอวนางเมื่อสักครู่

 ไม่จริง!...นางตัดใจจากเขาได้ตั้งนานแล้ว คนทรยศผู้นั้น! นางไม่ควรนึกถึงเขาอีก

 จางอวิ๋นซีถูกหยางกูกูใช้แส้โบยที่หลังครั้งที่สิบกว่าแล้ว แม้หยางกูกูจะเบามือมาก แต่น้ำหนักของไม้หวายที่ฟาดลงมาที่หลังนางกลับสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างยิ่ง หานไท่หยางเองก็อดเป็นห่วงนางไม่ไหว จึงลอบลงมาดูเหตุการณ์ด้วยตนเอง เห็นนางทนรับความเจ็บปวดได้ ไม่ยอมเอื้อนเอ่ยคำใด หัวใจก็พาลเจ็บหนึบ สลับกับเมื่อนึกถึงตอนที่เมิ่งฉีโอบเอวนางลงมาจากหลังม้า ความรู้สึกทั้งหลายพลันตีรวนสลับกันไปหมด

 จางอวิ๋นซีนอนหายใจรวยรินบนแท่นศิลาลงทัณฑ์ ผมเผ้าและอาภรณ์ของนางยุ่งเหยิงไปหมด นางพยายามประคองสติตนเองให้ตั้งมั่น มิให้สลบไสลไปในตอนนี้ เกรงว่าหากหานไท่หยางมาเห็นนางในสภาพที่สลบไสล อาจหัวเราะเยาะนางได้ เขาสั่งลงโทษนางโดยไม่ถามเหตุผลสักคำ นางไม่ควรปักใจสงสารเขาอีกต่อไป และไม่ควรเห็นใจเขากับเรื่องในอดีตอันเลวร้ายที่ผ่านมา

 หยางกูกูหยุดโบยทันที เมื่อได้ยินเสียงหอบหายใจรวยรินราวกับคนใกล้หมดลมหายใจของจางอวิ๋นซี นางยังโบยอีกฝ่ายไม่ครบยี่สิบครั้งตามที่หานไท่หยางต้องการ ก็ต้องโยนไม้หวายทิ้งลงพื้นไป เมื่อผู้เป็นนายหญิงของวังกำลังบาดเจ็บหนักเพียงนี้

 “พระชายาเพคะ...” หยางกูกูพร้อมด้วยหลินกงกง ประคองร่างของจางอวิ๋นซีที่หายใจรวยริน ประคองใบหน้าของนางให้สูดรับอากาศรายรอบเต็มที่

 “เกิดสิ่งใดขึ้น!” หานไท่หยางพรวดพราดเข้ามาอย่างรวดเร็วเขาปรี่ตรงเข้าไปช้อนร่างของผู้เป็นภรรยาในอ้อมแขนอย่างทะนุถนอม 

 “พระชายา เอ่อ...” หยางกูกูไม่กล้ากราบทูลว่าสาเหตุเป็นเพราะหานไท่หยาง ตอนนี้อ๋องหนุ่มราวกับคนเสียสติทุกครั้งเมื่อเห็นพระชายาบาดเจ็บหรืออยู่กับบุรุษอื่น เป็นอารมณ์ที่คาดเดาได้ยากยิ่ง

 “ไปตามหมอหลวงมา!” อ๋องหนุ่มรับเสียงดัง หรูหรงจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงหมอยาของวังอ๋องแห่งนี้อย่างรวดเร็ว ภายในใจนึกดีใจที่หานไท่หยางยังมีความเป็นห่วงเป็นใยพระชายาของนางอยู่บ้าง แต่คิดแล้วนึกแค้นใจนัก หากองค์หญิงซิ่วอิ่งไม่หมายจะมาเป็นพระชายารองที่นี่ พระชายาเอกของนางคงไม่บาดเจ็บถึงเพียงนี้

 “ทะ...ท่านอ๋อง” นางพยายามปรือตาขึ้น มองบุรุษที่กำลังอุ้มนางออกจากคุกลงทัณฑ์ น้ำเสียงของนางแหบพร่าราวกับคนใกล้หมดลมหายใจ

 “ไม่ต้องพูดสิ่งใดอีกแล้ว เสี่ยวซี” เขาเอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยน แล้วพานางไปที่ตำหนักใหญ่อย่างรวดเร็ว แต่ทว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาองครักษ์เงาของซิ่วอิ่งที่คอยสอดแนมทุกเหตุการณ์ในวังอ๋องแห่งนี้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 24 โบยพระชายา

    สมรสพระราชทานระหว่างจางเซียวหรูและหานอี้ ถูกประกาศไว้ทั่วเมืองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยฝีมือของหยางเต๋อเฟย ไม่แพ้คราวที่จางอวิ๋นซีแต่งงานกับหานไท่หยางเลยสักนิด เป็นที่โจษจันกันทั่ววังหลวงว่าในอนาคตนี้ อ๋องใหญ่หานอี้อาจได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเป็นแน่ด้วยอุปนิสัยของหานอี้ที่เข้าถึงได้ง่าย มีจิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจางเซียวหรูที่เป็นถึงบัณฑิตหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นหาน ย่อมเหมาะสมยิ่งนักราวกับกิ่งทองใบหยก ข่าวดีนี้ทำให้มีเหล่าเสนาบดีน้อยใหญ่มากมายต่างมาผูกสัมพันธ์กับสกุลจางให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่เคยตราหน้าจางเซียวหรูว่าเป็นบุตรีฮูหยินรอง บัดนี้พวกนางต่างมานอบน้อมต่อจางเซียวหรูทั้งสิ้นข้าวของเงินทองถูกนำมาเป็นของกำนัลล่วงหน้าในงานแต่งงาน ทรัพย์สินสมรสของหานอี้ถูกทยอยส่งมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีเครื่องประดับเพชรนิลจินดามากมายที่ถูกส่งมาจากหยางรั่วอวิ๋นหรือ หยางเต๋อเฟย“เครื่องประดับพวกนี้งดงามนักเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านย่าว่าอย่างไรเจ้าคะ” ไท่ฮูหยินที่เป็นย่าก็ร่วมยินดีที่หลานสาว

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 23 ป่านอกเมือง

    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลล่าสัตว์เมื่อวันก่อน ทำให้ หยางเต๋อเฟยกังวลพระทัยอยู่หลายวัน เนื่องจากการมีองค์หญิงแคว้นเยว่เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะพระชายารองของหานไท่หยาง อาจส่งผลให้อำนาจของหานอี้บุตรชายของนางลดลง ดังนั้นวันนี้พระนางจึงเดินทางไปเข้าเฝ้าไทเฮา เพื่อทวงสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานระหว่างหานอี้กับจางเซียวหรูแต่ทว่าจังหวะที่กำลังเข้าเฝ้าอยู่นั้น องค์หญิงซิ่วอิ่งก็เดินทางเข้าวังมาถวายพระพรฮองเฮาและไทเฮาตามธรรมเนียมพอดี ทำให้พระนางต้องยืนรอให้อีกฝ่ายออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสียก่อน จึงริเริ่มแผนการสมรสพระราชทานเมื่อคล้อยหลังองค์หญิงซิ่วอิ่งแล้ว หยางรั่วอวิ๋นหรือหยางเต๋อเฟยจึงไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักคังเฉวียนทันที นางทวงถามสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานจากไทเฮา“ดูเจ้าจะรีบร้อนเสียจริง เรื่องการแต่งงานของหลานข้า หานอี้” ไทเฮาทรงจิบชาอย่างเกษมสำราญ มิได้ทุกข์ร้อนดังเช่นหยางเต๋อเฟย“แต่เสด็จแม่เคยให้สัญญากับข้าเอาไว้ แล้วว่าจะประกาศเรื่องสมรสพระราชทานในวันเทศกาลล่าสัตว์ ทรงลืมแล้วหรือเพคะ” หยางเต๋อเฟยกล่าวอย่างร้อนใจ

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 22 คิดถึงภรรยา

    ภายในใจของจางอวิ๋นซีในตอนนี้ ไม่ต่างกับไฟร้อนที่สุมทรวง นางไม่เข้าใจว่าอาการเหล่านี้คือสิ่งใด หากเป็นที่โลกปัจจุบันของนาง คงเป็นเพราะธาตุทั้งห้าในร่างกายกำลังแปรปรวนเป็นแน่หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในตำหนัก ปิดประตูไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น แม้กระทั่งหรูหรงและหยางกูกูก็ยังยืนรอแค่นอกห้อง“ทำไมข้าต้องรู้สึกโกรธที่เจ้าอยู่กับคนอื่นด้วยนะ” นางเอามือกุมหน้าอกที่กำลังร้อนรุ่มด้วยเหตุผลบางอย่าง จะว่านางประจำเดือนมาหรือไม่ก็คงไม่ใช่“หรูหรง หยางกูกู เข้ามาหาข้าที” ข้ารับใช้ทั้งสองรีบเดินเข้ามาเมื่ออีกฝ่ายมีรับสั่งเรียก“เพคะ พระชายา” หรูหรงเดินเข้ามา“หรูหรง เจ้าไปตลาดสด ซื้อสมองหมูกับไส้หมูมาให้ข้าที ส่วน หยางกูกู ท่านไปที่โรงครัว เตรียมมีดสั้นกับตะเกียบมาให้ข้าด้วย” นางสั่งยืดยาวหรูหรงและหยางกูกูมองหน้ากันอย่างงุนงง ของทั้งสองอย่างนั้นพระชายาของพวกนางจะเอามาทำสิ่งใดกันแน่“พระชายาจะเอาของพวกนั้นมาทำสิ่งใดเพคะ” หยางกูกูถามด้วยความอยากรู้

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 21 ลงโทษ

    องค์หญิงซิ่วอิ่ง นอกจากจะมีพฤติกรรมถือดี ยโสโอหังแล้วนั้น ยังแสดงความไม่เคารพต่อจางอวิ๋นซีผู้เป็นพระชายาเอกแห่งวังอ๋องอย่างชัดเจน“เป็นแค่พระชายาเอกต่ำศักดิ์ มีสิทธิ์อันใดหรือมาสั่งข้า” ซิ่วอิ่งกล่าววาจาดูถูกดูแคลนอย่างชัดเจน นางยืนกอดอกไม่แสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายเลยสักนิดจางอวิ๋นซียกยิ้ม “เจ้าอยู่ที่นี่ก็มิใช่แขกบ้านแขกเมืองอีกต่อไป ในเมื่ออีกหนึ่งปีต่อจากนี้เจ้าก็ต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองให้สามีข้า หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนเจ้าให้รู้ถึงกฎธรรมเนียมของวัง ย่อมเป็นหน้าที่ข้า ดังนั้นข้าจะทำเช่นใดกับเจ้าก็ย่อมได้”“แต่เดิมทีหน้าที่อบรมขนบธรรมเนียมเป็นหน้าที่ของกูกูใหญ่ ไม่ใช่หน้าที่ของพระชายาเอก” ซิ่วอิ่งแย้งทันควัน หยางกูกูลอบยกยิ้มส่งเสริมพระชายาเอกของนาง“เป็นดั่งที่พระชายาเอกทรงกล่าวเพคะ หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนองค์หญิง ย่อมเป็นหน้าที่ของพระนาง จะเป็นหน้าที่ของข้าก็ย่อมได้ แต่ในเมื่อพระชายาเอกทรงปรารถนาจะสั่งสอนองค์หญิงด้วยตนเอง หม่อมฉันก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ได้” หยางกูกูกล่าวเสริม นางนับถือจ

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 20 พระชายารอง

    องค์หญิงซิ่วอิ่งยกยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า นางหันมามองเมิ่งฉีผู้เป็นพี่ชายเชิงส่งสัญญาณ เมิ่งฉีรีบกล่าวทันที“ทูลฮองเฮา ที่น้องสาวกระหม่อมกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ เสด็จพ่อทรงปรารถนาให้น้องหญิง อภิเษกกับพระราชบุตรองค์ใดองค์หนึ่งของฝ่าบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองแคว้นพะยะค่ะ” เมิ่งฉีกล่าว สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันร้ายกาจ“เมื่อสักครู่ฝ่าบาท ฮองเฮา ไทเฮาและทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว ว่าหม่อมฉันได้ขี่ม้าตัวเดียวกับหานไท่หยาง เสด็จพ่อหม่อมฉันทรงปรารถนาให้หม่อมฉันอภิเษกกับหานไท่หยางเพคะ” ซิ่วอิ่งยกยิ้มมุมปาก นางหันไปเย้ยหยันจางอวิ๋นซีที่ยืนนิ่งทำสิ่งใดไม่ถูก“อาหยางของข้ามีชายาเอกอยู่แล้ว การที่องค์หญิงทำเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสม” หานไทเฮาทรงกล่าวพระสุรเสียงนุ่มนวล“แต่น้องสาวของข้ามาที่นี่เพื่อการอภิเษก หากพวกท่านทำเช่นนี้ ตามธรรมเนียมแล้วนางไม่สามารถอภิเษกกับบุรุษอื่นได้อีก พวกท่านทำเช่นนี้ เท่ากับพวกท่านไม่ให้เกียรติทางต้าเยว่ของข้า!” เมิ่งฉีแสร้งมีท่าทีเดือดดาล“ห

  • ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)   ตอนที่ 19

    จางอวิ๋นซีควบม้านำหานอ๋องไท่หยางผู้เป็นสามี จนกระทั่งมาถึงบริเวณสนามประลองใจกลางป่า ซึ่งมีธงสีแดงโบกพลิ้วไสวอยู่ ธงสีแดงที่โบกพลิ้วอยู่นี้เป็นสัญลักษณ์ของจุดรวมพล หลังจากเสร็จสิ้นการประลองก่อนหมดเวลาเพียงหนึ่งเค่อทุกคนจะต้องมารวมตัวกันที่นี่ทางด้านหลังของหานไท่หยางก็ยังมีองค์หญิงซิ่วอิ่งตามติดมาเช่นกัน อีกฝ่ายยังคงควบม้าตามสามีของนางไม่ลดละ หน้าไม่อายยิ่ง!“นึกว่าจะตามท่านอ๋องไม่ทันเสียแล้ว” นางยกสายบังเหียนขึ้นสูงบังคับให้ม้าหยุด พลางส่งยิ้มหวานให้หานไท่หยางอย่างออดอ่อยเต็มที่“ตามข้ามาทำไม” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายตรงๆ อย่างไม่ไว้หน้านาง ทำเอาองค์หญิงแคว้นเยว่หน้าชาไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่เคยมีบุรุษใดถามคำถามนางเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมอันงดงามของนางก็ยากจะมีชายใดปฏิเสธ แต่หานไท่หยางเป็นคนแรกที่กล้าทำเช่นนี้กับนาง“อะ เอ่อ คือ...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก “หม่อมฉัน ปรารถนาจะร่วมล่าสัตว์กับท่านอ๋องนะเพคะ”หานไท่หยางเบื่อหน่ายท่าทีขององค์หญิงผู้นี้นัก “ถ้าเช่นนั้นองค์หญิงก็ดูแลตนเอง เพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status