ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)

ทาสรัก ท่านอ๋องอำมหิต (ตอนที่ 1 - ปัจจุบัน)

last update최신 업데이트 : 2025-08-23
에:  WangFei방금 업데이트되었습니다.
언어: Thai
goodnovel16goodnovel
평가가 충분하지 않습니다.
24챕터
13조회수
읽기
서재에 추가

공유:  

보고서
개요
목록
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.

จางอวิ๋นซี เป็นแพทย์นิติเวชที่ย้อนเวลามาในอดีตนับพันปี ตามคำร้องขอของดวงวิญญาณผู้อาภัพ ที่นั่นนางได้พบกับ "หานไท่หยาง" ชินอ๋องรูปงาม ผู้มีนิสัยอำมหิต เย็นชาและโหดเหี้ยม พรหมลิขิตแห่งเวลาบันดาลให้นางมาใช้ชีวิตกับเขาในฐานะ "สามีภรรยา" แล้วนางจะทำวิธีใดเพื่อเอาชนะใจสามีผู้นี้ได้

더 보기

1화

ปฐมบท

“ขุดหลุมให้ลึกๆ กว่านี้!” เสียงแหลมแต่ทว่าทรงอำนาจสั่งกับชายฉกรรจ์ร่างกำยำสี่ถึงห้าคน เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้น กำลังใช้จอบขุดดินให้เป็นหลุมลึกท่ามกลางความมืดมิด เมื่อแน่ใจว่าขุดหลุมจนลึกมากพอ ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ทั้งหมดจึงนำโลงศพโลงหนึ่ง ซึ่งต่อจากโลงไม้เล็กๆ เตรียมฝังไว้ในหลุม ที่พวกตนช่วยกันขุด

            กึก! กึก!

            เสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นเป็นระยะในโลงไม้ขนาดเล็กนั่น ทำให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต้องโยนโลงไม้ลงด้วยความตกใจ สตรีในชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้าท่ามกลางความมืดตวาดใส่พวกมันเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ

            “ตกใจอันใดกัน! รีบฝังร่างมันเดี๋ยวนี้!” เสียงนั้นออกคำสั่งอีกครั้ง ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหันมามองหน้ากันอย่างหวาดกลัว แต่ทว่าเสียงในโลงไม้นั้นกลับดังเป็นระยะ

            กึก! กึก! กึก! กึก!

            เสียงที่ถูกเคาะมาจากด้านในโลงไม้ท่ามกลางความมืดมิดในป่าช้าอันเงียบเหงาแห่งนี้ พร้อมกับบรรยากาศรายรอบที่แสนวังเวง และสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาสร้างความหวาดกลัวยิ่งนัก

            ซ่า!

            เสียงฝนเทลงมาห่าใหญ่ ดินที่เคยแข็งบัดนี้กลับชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำฝนจนกลายเป็นขี้โคลนเปียกๆ กลุ่มใหญ่ เหล่าชายฉกรรจ์ตัดสินใจรีบฝังโลงไม้ลงในหลุมนั้นให้เสร็จเรียบร้อยตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ท่ามกลางฝนตกกระหน่ำและเสียงเคาะจากในโลงไม้ที่ดังขึ้นเป็นระยะ จนกระทั่งเกิดเสียงฟ้าผ่าชวนตกใจ พวกมันทั้งห้าคนทิ้งโลงไม้อย่างตกใจกลัว ร่างของหญิงสาวที่นอนตายตาเหลือกกระเด็นออกมาจากโลงศพนั้น ร่างของนางนัยน์ตาเหลือกลาน สองมือถูกมัดไว้ด้วยเชือกเส้นหนา ปากของนางถูกอุดเอาไว้ด้วยผ้าผืนใหญ่ ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองยิ่งนัก

            พวกชายฉกรรจ์กลุ่มนั้นต่างวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทางราวกับหวาดกลัว ทิ้งร่างไร้วิญญาณให้นอนแน่นิ่งมิได้สนใจไยดี

            ส่วนสตรีผู้ว่าจ้างนางนั้นกลับเดินออกไปอีกทางของป่าช้าด้วยความหวาดกลัวเช่นกัน

            ‘เซียวเหม่ยฉี’ ในร่างไร้วิญญาณของ ‘จางอวิ๋นซี’ ตื่นขึ้นมาพร้อมกับสภาพดินโคลนที่เปียกปอนบนร่างกาย นางพยายามประมวลผลภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เธอคือแพทย์สาวที่มาท่องเที่ยวในวันหยุด แต่สุดท้ายกลับต้องตายเพราะความปรารถนาดีอยากช่วยเหลือเด็กคนนั้นให้รอดพ้นจากอันตราย แต่แล้วแทนที่วิญญาณของเธอควรจะไปเข้าเฝ้าพระยม แต่นี่เธอกลับมาสิงร่างของสตรีที่นอนอยู่ท่ามกลางกองดินโคลนสกปรกเหล่านี้

            เซียวเหม่ยฉีเธอเป็นแพทย์ทำงานในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเมืองหลวงของประเทศจีน ในวันนั้นเธอแค่ออกมาท่องเที่ยวในวันหยุดเนื่องจากนานๆ ทีเธอจะสามารถแลกเวรกับเพื่อนร่วมแผนกได้ แต่ทว่าในวันนั้นกลับคาดไม่ถึงว่าจะเป็นวันชะตาขาดของเธอเองและยังต้องมาพบหญิงสาวที่น่าสงสารคนนั้นอีก

            ‘พี่สาวคนนี้มาช่วยแล้ว!’ เซียวเหม่ยฉีกล่าวขณะตะเกียกตะกายว่ายน้ำลงไปช่วยเด็กชายที่กำลังจมน้ำ ในสวนสนุกแห่งหนึ่งของเมืองหลวง เด็กชายคนนั้นอายุประมาณเพียงเจ็ดขวบแต่พ่อแม่กลับปล่อยปละให้เล่นน้ำเพียงลำพังโดยมิได้ดูแลแต่อย่างใด

            เมื่อคว้าร่างของเด็กชายตัวอ้วนมาได้ แทนที่เธอจะสามารถพาเด็กชายคนนั้นขึ้นฝั่งมาได้ แต่เหมือนกับมีบางสิ่งบางอย่างดึงขาของนางลงมาใต้น้ำ ไม่ว่านางจะพยายามตะเกียกตะกายอย่างไรก็ไม่อาจสะบัดตนเองหลุดจากการเกาะกุมลึกลับนั้นได้ จนในที่สุดร่างของเธอจึงค่อยๆ หมดลมหายใจลง

            และ...

                ‘ที่นี่ที่ไหน?’

            วิญญาณที่ลอยเวิ้งว้างอยู่กลางอากาศของเซียวเหม่ยฉีมองสิ่งรอบๆ ข้างด้วยความตกใจ รอบๆ ตัวนางนี้ว่างเปล่าไปหมด มีแต่สีขาวโพลนและจุดหมายปลายทางที่ไม่มีสิ้นสุด

            ‘เซียวเหม่ยฉี’ เสียงหวานแต่เจือปนไปด้วยความเศร้าร้องเรียกนางอยู่หลายครั้ง จนเซียวเหม่ยฉีต้องมองหาที่มาของเสียงด้วยจิตใจที่หวาดกลัว หญิงสาวหมุนร่างวนรอบๆ ตัว แต่ก็ไม่พบสิ่งใด มีเพียงแค่เสียงที่ลอยมาตามอากาศเท่านั้น

            ‘เซียวเหม่ยฉี’ เสียงหวานนั้นเรียกซ้ำอีกหลายรอบ จนกระทั่งผู้ขานเรียกหญิงสาวมาปรากฏกายตรงหน้า อีกฝ่ายคือสตรีหน้าตางดงาม แต่ทว่ากลับเจือไปด้วยความเศร้าโศกอย่างชัดเจน เซียวเหม่ยฉีมองใบหน้างดงามของหญิงสาวผู้เป็นเพียงร่างไร้วิญญาณเหมือนกับนางด้วยความสงสัย

                ‘เธอคือใคร?’ เซียวเหม่ยฉีเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับนาง

            ‘ข้าคือจางอวิ๋นซี ข้ามาหาเจ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ’ จางอวิ๋นซีแนะนำตนเองอย่างเป็นทางการ ใบหน้าเศร้าสร้อยของนางแต่ทว่างดงามนักกำลังมองเซียวเหม่ยฉี

            เซียวเหม่ยฉีกำลังรอฟังอีกฝ่ายกล่าวต่ออย่างใจจดใจจ่อ

            ‘ช่วยข้าด้วยนะ ช่วยแก้แค้นให้ข้าด้วย พวกมันสังหารข้า!’ จางอวิ๋นซีเว้าวอนต่ออีกฝ่ายทั้งน้ำตา ดวงตาที่เคยงดงาม บัดนี้เปลี่ยนเป็นความโกรธดุดันน่า

กลัวยิ่ง

            ‘เดี๋ยวๆ นะ ใครคิดทำร้ายเธอกัน ฉันไม่รู้จักเธอทั้งนั้น’ เซียวเหม่ยฉีปฏิเสธเสียงหนักแน่น

            ‘ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมดวงจิตสุดท้ายของข้าถึงมาหาเจ้า แต่เจ้าคือผู้ที่ถูกเลือก โปรดช่วยข้าด้วยเถิด’ จางอวิ๋นซีเว้าวอนทั้งน้ำตา

            ‘แต่ฉันคือวิญญาณที่ตายแล้ว เธอจะให้ฉันช่วยยังไง?’ เซียวเหม่ยฉีถาม นางสังเกตท่าทีของอีกฝ่ายในเพลานี้

            ‘เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่ช่วยข้า...ใช้ร่างของข้าตามหาคนร้ายที่ฆ่าข้า ดูแลท่านแม่ที่อ่อนแอของข้า ได้หรือไม่?’ จางอวิ๋นซีกุมมือข้างหนึ่งของเซียวเหม่ยฉีขึ้นมา

                ‘แล้วใครฆ่าเธอ?’ เซียวเหม่ยฉีถาม แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าไม่รู้

                ใครฆ่าตัวเองตายยังไม่รู้เลย ท่าทางจะศัตรูเยอะเหมือนกันนะ...เซียวเหม่ยฉีคิดในใจ

            ‘แต่ว่าถ้าฉันช่วยเธอ ฉันจะได้อะไรล่ะ...’ เซียวเหม่ยฉีพยายามต่อรองกับอีกฝ่าย

            จางอวิ๋นซีมีคำตอบในใจอยู่นานแล้ว เรื่องที่เจอเซียวเหม่ยฉีนั้นเป็นเรื่องที่นางจงใจให้เกิดขึ้น หลังจากที่นางตายไปไม่นานด้วยฝีมือของคนชั่ว วิญญาณนางก็ถูกพามาที่สวนสนุกแห่งนั้น และเซียวเหม่ยฉีนางได้เลือกเอาไว้แล้วว่าจะต้องช่วยนางแก้แค้นคนที่ฆ่านางได้แน่นอน

            ‘หลังจากจบเรื่องทุกอย่าง ข้าจะมารับเจ้ากลับไป ร่างกายเจ้าในภพนี้ยังคงอยู่เหมือนเดิม ข้าจะช่วยดูแลให้เพื่อตอบแทนที่เจ้าช่วยเหลือข้าในครั้งนี้’ จางอวิ๋นซียื่นข้อเสนอต่อรองกับอีกฝ่าย

            เซียวเหม่ยฉีไม่ค่อยมั่นใจกับจางอวิ๋นซีเท่าใดนัก แม้อีกฝ่ายในตอนนี้จะเป็นวิญญาณธรรมดา แต่กลับดูอมทุกข์และป่วยด้วยสารพัดโรคยิ่งนัก

            ‘แต่ว่าฉัน...’ เซียวเหม่ยฉียังคงลังเลอยู่

            จางอวิ๋นซีกล่าวเสียงดังด้วยความตกใจ “ไม่มีเวลาเอ่ยมากแล้ว..”

            ทันทีที่จางอวิ๋นซีกล่าวจบ นางรวบรวมพลังทั้งหมดคว้าแขนทั้งสองของ

เซียวเหม่ยฉี แล้วเหวี่ยงร่างของอีกฝ่ายใส่ร่างไร้วิญญาณของตนเองในโลงไม้นั่นทันที

            และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด...

                เซียวเหม่ยฉีฟื้นขึ้นมาอีกทีในร่างของจางอวิ๋นซี ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำลงมาไม่หยุดหย่อน เซียวเหม่ยฉีหรือจางอวิ๋นซีพยุงตนเองขึ้นจากกลุ่มดินโคลนที่พยายามดูดร่างของนางลงไป ตอนนี้เธอไม่ใช่เซียวเหม่ยฉี แพทย์แผนกฉุกเฉินอีกต่อไป แต่เธอคือจางอวิ๋นซีสตรีจากโลกอดีตและเป็นสตรีที่ถือกำเนิดใหม่เพื่อมาทำตามข้อแลกเปลี่ยนของเจ้าของร่างตัวจริง

            “คุณหนู!” เสียงเรียกใสแจ๋วท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เซียวเหม่ยฉีหรือจางอวิ๋นซีคนใหม่หันไปตามที่มาของเสียง เห็นหญิงสาวตัวน้อยกำลังกางร่มคันใหญ่ร้องเรียกนางเสียงดัง ก่อนจะปรากฏร่างของผู้ชายอีกห้าถึงหกคน

            “คุณหนูขอรับ!” พ่อบ้านมู่ของจวนสกุลจางตะโกนเรียกอีกฝ่ายอย่างดีใจ เขากับทหารของจวนรีบเข้าไปประคองร่างของจางอวิ๋นซี

            เซียวเหม่ยฉีพยายามขบคิดและตั้งสติกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  บัดนี้เธออยู่ในร่างของจางอวิ๋นซี ทำข้อตกลงกันทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้กับอีกฝ่ายทำให้เธอเริ่มมึนงงสับสนนัก

                ‘มีคนต้องการฆ่าจางอวิ๋นซีจริงๆ ด้วย’

            ท่ามกลางพายุฝนที่โหมกระหน่ำ แต่ทว่าเซียวเหม่ยฉีแทบไม่ได้สนใจเลยสักนิด ตอนนี้เธอกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง ภาพทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเหตุการณ์ราวกับความฝัน สตรีนางนั้นที่มาปรากฏตัวในขณะที่เธอกำลังจมน้ำ ช่างมาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ

            “คุณหนูเจ้าคะ!” สาวใช้ของจางอวิ๋นซีนามว่าหรูหรงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาพร้อมกับร่มคันใหญ่ในมือ นางกางร่มให้กับจางอวิ๋นซีด้วยใบหน้าที่เปียกโชกด้วยน้ำฝนจนเปียกปอนไปทั่วร่าง

            พ่อบ้านมู่ตะโกนสั่งหรูหรงท่ามกลางสายฝนที่ตกโหมกระหน่ำ

            “เจ้ารีบพาคุณหนูกลับไปหาไท่ฮูหยินก่อนเถิด!”

            เซียวเหม่ยฉีในร่างของจางอวิ๋นซีซึ่งในตอนนี้กำลังมึนๆ งงๆ กับเหตุการณ์ตรงหน้า นางถูกผู้ติดตามของพ่อบ้านมู่และหรูหรงนำขึ้นเกี้ยวพากลับไปยังบ้านเดิมของเจ้าของร่างนี้

            ความเหนื่อยอ่อนและบรรยากาศเย็นเฉียบจากพายุฝนที่ตกโหมกระหน่ำเช่นนี้ ทำให้เซียวเหม่ยฉีหรือจาง อวิ๋นซีเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน นางไม่มีเวลาให้มาคิดมากแล้ว หากสิ่งที่จางอวิ๋นซีคนก่อนต้องการให้นางทำคือการหาตัวคนร้ายที่แท้จริง ผู้ที่เป็นฆาตกรทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ เธอก็จะช่วยสุดความสามารถนั่นล่ะนะ

            ย้อนกลับไปเมื่อสามวันก่อน

                จางอวิ๋นซี บุตรีเพียงคนเดียวที่เกิดจากภรรยาเอกของจางเยี่ยนหรือใต้เท้าจาง อัครมหาเสนาบดีใหญ่แห่งแคว้นหาน ผู้มีรูปโฉมงดงามและอ่อนหวาน นางเป็นหลานสาวที่รักของไท่ฮูหยินและมารดาเป็นอย่างมาก แต่ทว่าต่อให้นางจะเป็นที่โปรดปรานของไท่ฮูหยินผู้เป็นย่ามากเท่าใด แต่นางยังคงเป็นที่รังเกียจของบิดา เนื่องจากตั้งแต่เกิดมานางก็ป่วยด้วยสารพัดโรค ไม่สามารถเป็นหน้าเป็นตาให้กับบิดาและสกุลจางได้นัก

            นางมีพี่สาวหนึ่งคนซึ่งเป็นบุตรีถือกำเนิดจากฮูหยินรองหลี่ นามว่าจางเซียวหรู พี่สาวผู้มีความเป็นเลิศในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหารหรือการเย็บปักถักร้อย แม้กระทั่งศาสตร์วิชาทั้งหกแขนงนางก็ร่ำเรียนได้จนแตกฉานนัก ทำให้บิดาอย่างจางเยี่ยนทั้งรักและโปรดปรานนางเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้นางกับมารดาซึ่งเป็นฮูหยินรองจะรังแกจาง อวิ๋นซีกับมารดาผู้เป็นภรรยาเอกเท่าใด จางเยี่ยนก็ไม่ใส่ใจนักและยังคอยปกป้องพวกนางทั้งสองอยู่ร่ำไป

            “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้รังแกท่านแม่รองและพี่หญิงใหญ่จริงๆ นะเจ้าคะ!” เสียงร่ำไห้ของจางอวิ๋นซีดังขึ้นพร้อมกับร่างของนางที่คุกเข่าลงต่อหน้าบิดา บิดาของนางผู้ซึ่งใบหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ แต่กลับมีสีหน้ายิ้มสะใจของหลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูปรากฏออกมาน้อยๆ

            สาเหตุที่จางอวิ๋นซีคุกเข่าต่อหน้าบิดาเช่นนี้ เนื่องจากนางถูกจางเซียวหรูใส่ร้ายว่าขโมยผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยด้วยความอิจฉาริษยาที่เห็นนางผู้เป็นพี่สาวได้ดีกว่า แต่ทว่าจางอวิ๋นซีไม่มีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น มารดาของนางสอนมาเสมอว่าให้เคารพฮูหยินรองดุจมารดาและเคารพพี่สาวประดุจพี่แท้ๆ แต่ทว่าสิ่งที่นางได้รับตอบแทนคือการกลั่นแกล้งแบบไม่มีที่สิ้นสุด

            “ท่านพี่ นางคงถือว่าเป็นคนโปรดของไทเฮากระมังเพคะ ทั้งไทเฮาและท่านย่าต่างก็โปรดปรานนางทั้งนั้น อีกทั้งฮองเฮาเองก็หมายตาให้นางเป็นไท่จื่อเฟย[1]นางคงคิดว่าจะทำอันใดกับพวกเราสองแม่ลูกที่ด้อยกว่าก็ได้เจ้าค่ะ” หลี่ฮูหยินแม้จะเป็นคนวางแผนจัดฉากทั้งหมด แต่ยังคงแสร้งบีบน้ำตาต่อหน้าผู้เป็นสามีได้อย่างน่าสงสารนัก

            “ท่านแม่รอง เหตุใดท่านจึงอ้างเช่นนี้ ผ้าไหมนั่นข้าไม่รู้เรื่องจริงๆ นะเจ้าคะ!” จางอวิ๋นซีแย้งกลับ แต่ผู้เป็นบิดาหาได้ฟังเหตุผลไม่ มิหนำซ้ำยังตวาดใส่บุตรสาวจากภรรยาเอกเสียงดัง

            “เจ้าอิจฉาพี่สาวเจ้ามาตั้งแต่เด็ก เจ้าเห็นนางได้ดีกว่า มีผู้คนรักใคร่มากกว่าเจ้าจึงคิดทำร้ายนางตลอดเวลา ข้าชิงชังนักที่มีลูกเช่นเจ้า!” ถ้อยคำที่ผู้เป็นบิดากล่าวออกมา วาจาร้ายกาจที่นางได้ยินนั้นเสียดแทงจิตใจนางยิ่งนัก ยามนี้จางอวิ๋นซีไม่สามารถตอบโต้ความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับนางได้เลยสักนิด

“แต่ข้ายืนกรานว่าอย่างไรข้าก็ไม่ได้ทำจริงๆ นะเจ้าคะท่านพ่อ ท่านแม่รองใส่ร้ายข้าทั้งหมด ข้าไม่รู้...” จางอวิ๋นซีพยายามโต้แย้งทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง แต่ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจนจบประโยค ฝ่ามือของหลี่ฮูหยิน ซึ่งมีฐานะเป็นภรรยารองของจางเยี่ยนกลับตบเข้าที่ใบหน้าของนางพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความสะใจ        

ส่วนจางเยี่ยนนั้นได้แต่ยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่สนใจ เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าบุตรีผู้นี้จะโดนกระทำเช่นไร

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เสียงของไท่ฮูหยินดังขึ้น นางเดินเข้ามาพร้อมกับจางฮูหยิน ซึ่งเป็นภรรยาเอกของจางเยี่ยนและมารดาของจางอวิ๋นซี ไท่ฮูหยินเดินเข้ามาประคองร่างของผู้เป็นหลานสาวที่ถูกตบจนเลือดกบปากด้วยฝีมือของลูกสะใภ้คนรอง

            นางมองหลี่ฮูหยินด้วยแววตาเดือดจัด “เจ้าเป็นภรรยารอง เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาตบตีหลานสาวข้า!”

            “ท่านแม่ เซียวหรูลูกข้าก็เป็นหลานสาวท่านเช่นกัน ซีเอ๋อร์ขโมยผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยไป ข้าจะโกรธแทนลูกสาวมิได้รึ? นางอิจฉาลูกข้ามาตั้งแต่เด็กยันโต คิดร้ายกับพี่สาวของนางได้อย่างไร!” หลี่ฮูหยินตั้งใจวางแผนนี้ทั้งหมดมาเพื่อกำจัดและกลั่นแกล้งจางอวิ๋นซี แต่นางไม่คาดคิดว่าไท่ฮูหยินจะมาห้ามและให้ความยุติธรรมแก่จางอวิ๋นซีเพียงผู้เดียว

            “ท่านแม่ ข้าขอร้องล่ะ...อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย” จางเยี่ยนเข้ามาปลอบประโลมอารมณ์ของผู้เป็นมารดา แต่ทว่าไท่ฮูหยินกลับสะบัดมือของบุตรชายออกอย่างไม่สนใจ

            จางฮูหยินเข้ามาปลอบประโลมบุตรสาวที่ถูกตบ นางทั้งเจ็บทั้งแค้นใจแต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้ เนื่องด้วยอำนาจในการดูแลบ้านนี้ทั้งหมดถูกมอบให้กับหลี่ฮูหยิน ซึ่งมีฐานะเป็นภรรยารองและเป็นบุตรสาวคหบดีผู้ร่ำรวย ส่วนนางในตอนนี้เป็นเพียงแค่น้องสาวของฮองเฮาที่สามีไม่เคยแยแสนับตั้งแต่แต่งงานร่วมหอมาด้วยกันเกือบยี่สิบปี สามีไม่เคยเหลียวแลนางกับลูกนางไม่เคยตำหนิ สามีรักหลี่ฮูหยินมากกว่านางก็ไม่เคยโกรธ แต่ว่าสิ่งที่หลี่ฮูหยินทำลงไปวันนี้นั้นเกินขอบเขตที่นางจะอดทนได้แล้วจริงๆ

            “นายท่าน...ท่านไม่เคยรัก ไม่เคยเมตตาลูก ข้ากับลูกก็อดทนมาตลอด แต่ ณ วันนี้วันที่ท่านไม่ได้ถามหาความจริง แต่ท่านกลับปล่อยให้ฮูหยินรองทำร้ายลูกอย่างไม่ยุติธรรม เช่นนี้แล้วความยุติธรรมนั้นมีจริงรึ!” จางเยี่ยนทำท่าจะตบภรรยาเอกของตนเองแทนด้วยความโมโห แต่ทว่าเสียงทรงอำนาจของไท่ฮูหยินผู้เป็นมารดาดังขึ้นห้าม

            “พอได้แล้ว!” ไท่ฮูหยินตวาดขึ้นเสียงดัง

            นางมองหน้าบุตรชายผู้เป็นจ้าวสกุลด้วยความไม่พอใจยิ่ง

            “ลูกภรรยาเอกกับภรรยารองแบ่งแยกกันอย่างชัดเจน เจ้าเลือกรักแม่ไม่ว่า แต่ซีเอ๋อร์นางคือลูกในไส้ของเจ้าเช่นกัน เจ้าทำกับนางเช่นนี้หากองค์ฮองเฮาทรงทราบขึ้นมา โทษหนักสถานใดเจ้ารู้หรือไม่?!”

            การที่ไท่ฮูหยินกล่าวถึงหลิวฮองเฮา เพราะว่าองค์ฮองเฮานั้นทรงเป็นพระญาติสนิททางฝั่งของจางฮูหยิน และทรงมีอำนาจในราชสำนักมากพอสมควรทีเดียว แต่ทว่าต่อให้พี่สาวของจางฮูหยินจะเป็นถึงฮองเฮา คนอย่างจางเยี่ยนก็แทบไม่สนใจไยดีนางนัก แม้จะไม่เคยตบตีนาง แต่ทว่ากลับปล่อยให้หลี่ฮูหยินรังแกนางกับบุตรสาวได้ตามอำเภอใจ

[1] ตำแหน่งพระชายาเอกในองค์รัชทายาท

펼치기
다음 화 보기
다운로드

최신 챕터

더보기

댓글

댓글 없음
24 챕터
ปฐมบท
“ขุดหลุมให้ลึกๆ กว่านี้!” เสียงแหลมแต่ทว่าทรงอำนาจสั่งกับชายฉกรรจ์ร่างกำยำสี่ถึงห้าคน เหล่าบรรดาชายฉกรรจ์เหล่านั้น กำลังใช้จอบขุดดินให้เป็นหลุมลึกท่ามกลางความมืดมิด เมื่อแน่ใจว่าขุดหลุมจนลึกมากพอ ร่างกำยำของชายฉกรรจ์ทั้งหมดจึงนำโลงศพโลงหนึ่ง ซึ่งต่อจากโลงไม้เล็กๆ เตรียมฝังไว้ในหลุม ที่พวกตนช่วยกันขุด กึก! กึก! เสียงสั่นสะเทือนที่ดังขึ้นเป็นระยะในโลงไม้ขนาดเล็กนั่น ทำให้ชายฉกรรจ์เหล่านั้นต้องโยนโลงไม้ลงด้วยความตกใจ สตรีในชุดคลุมสีดำปกปิดใบหน้าท่ามกลางความมืดตวาดใส่พวกมันเหล่านั้นอย่างไม่พอใจ “ตกใจอันใดกัน! รีบฝังร่างมันเดี๋ยวนี้!” เสียงนั้นออกคำสั่งอีกครั้ง ชายฉกรรจ์เหล่านั้นหันมามองหน้ากันอย่างหวาดกลัว แต่ทว่าเสียงในโลงไม้นั้นกลับดังเป็นระยะ กึก! กึก! กึก! กึก! เสียงที่ถูกเคาะมาจากด้านในโลงไม้ท่ามกลางความมืดมิดในป่าช้าอันเงียบเหงาแห่งนี้ พร้อมกับบรรยากาศรายรอบที่แสนวังเวง และสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาสร้างความหวาดกลัวยิ่งนัก ซ่า! เสียงฝนเทลงมาห่าใหญ่ ดินที่เคยแข็งบัดนี้กลับชุ่มชื้นไปด้วยหยาดน้ำฝนจนกลายเป็นข
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
จางอวิ๋นซีคนใหม่
“ท่านย่าเข้าข้างนางหรือเจ้าคะ!” เป็นจางเซียวหรูที่โวยวายออกมาเสียงดัง สายตาของนางที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกถึงความน้อยเนื้อต่ำใจยิ่งนัก ไท่ฮูหยินมิได้ตอบคำถามของผู้เป็นหลานสาวอีกคน แต่ทว่าสายตาของนางกลับจดจ้องที่หลี่ฮูหยินและจางเซียวหรูแทน จางเซียวหรูหยิบผ้าไหมพระราชทานจากหยางเต๋อเฟยขึ้นมาชูต่อหน้าทุกคน “ผ้าไหมนี้เป็นของพระราชทานที่พระสนมเอกทรงประทานให้กับลูก ท่านย่าก็ทราบดีความสัมพันธ์ระหว่างหลานกับองค์ชายใหญ่...” “เจ้าเลิกฝันลมๆ แล้งๆ เรื่ององค์ชายใหญ่ได้เลย พวกเจ้าแม่ลูกคิดการอันใดอยู่คิดว่าข้าไม่รู้รึ?” คิ้วของไท่ฮูหยินขมวดเข้าหากันขณะที่จ้องสองแม่ลูกคู่นั้น “ซีเอ๋อร์! เจ้าขโมยของของพี่สาวเจ้า ของสิ่งนี้เป็นสิ่งที่หยางเต๋อเฟยพระราชทานให้กับนาง หากเจ้าไม่โขกศีรษะขออภัยต่อนาง ข้าจะสั่งโบยเจ้า!” จางเยี่ยนไม่ได้สนใจความสัมพันธ์ของภรรยาเอกกับฮองเฮา หรือความสัมพันธ์ในฐานะบิดากับบุตรแต่อย่างใด เขารักและชื่นชมหลี่ฮูหยิน ภรรยาผู้เป็นรักเดียวและเป็นสตรีที่เขารักมาตลอด หาใช่ภรรยาเอกที่ถูกบังคับให้ตบแต่งด้วยไม่ จางฮูหยินขอร้องวิงวอนต่อสามีทั้งน้ำตา “นายท่าน นางก็เป็นบุตรีของท่านคนนึงเช่นกั
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
ผู้มีวาสนาเท่านั้นที่คู่ควร
‘นับจากนี้ไป ฉันจะเป็นจางอวิ๋นซีคนใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิมแน่นอน’ เซียวเหม่ยฉียิ้มขณะคิดในใจ หรูหรงกล่าวกับไท่ฮูหยินด้วยสีหน้าระคนตกใจกลัว “ไท่ฮูหยิน ฮูหยินเอกเจ้าคะ คุณหนูจำไม่ได้แม้กระทั่งข้าน้อยเลยเจ้าค่ะ” หรูหรงกล่าวสีหน้าของนางรู้สึกหวาดกลัวระคนเสียใจ นางกลัวว่าคุณหนูของนางอาจจะได้รับผลกระทบจากพิษไข้จนเสียสติไปเลยก็ได้ “จริงหรือซีเอ๋อร์ แม่จะให้ท่านหมอมาตรวจอาการเจ้าดีหรือไม่?” จางฮูหยินถามอย่างร้อนใจ จางอวิ๋นซีจึงปัดมือกล่าวตอบ “ไม่ๆ ไม่ต้องเจ้าค่ะท่านแม่ คือ...คือข้าสบายดี ไม่ได้เป็นอะไร” เนื่องจากเธอเคยดูหนังจีนกำลังภายในและหนังแนวย้อนยุคมาเยอะยามว่างจากการเข้าเวรที่โรงพยาบาล เธอจึงพอจำบุคลิกของตัวละครหญิงที่ทะลุมิติมาได้บ้างว่าควรต้องทำอย่างไร แต่เธอเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าเหตุการณ์เช่นนี้จะมาเกิดขึ้นกับเธอ “หลานแน่ใจนะซีเอ๋อร์ ย่าไม่สบายใจเลยนับตั้งแต่หลานหายตัวไป” ไท่ฮูหยินกล่าวกับนางด้วยสีหน้ากังวล จางอวิ๋นซีเม้มปากเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะสวมบทบาทเป็นจางอวิ๋นซีคนใหม่ จางอวิ๋นซีจับมือของไท่ฮูหยินกับฮูหยิน
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
เรื่องวุ่นวายในตลาด
จางอวิ๋นซีเดินเที่ยวตลาดในเมืองหลวงแคว้นหานอย่างสบายใจ หลังจากที่ได้สั่งสอนจางเซียวหรูกับคนที่เคยทำร้ายเจ้าของร่างนี้ในอดีต “เมืองหลวงใหญ่ขนาดนี้ มีแค่ตลาดของชาวเมืองแค่นั้นหรือ” จางอวิ๋นซีถาม ตามประวัติศาสตร์จีนโบราณนั้นแต่ละแคว้นเริ่มมีการติดต่อกับชาติตะวันตก และวิทยาการการแพทย์แบบตะวันตกน่าจะเริ่มเข้ามาอย่างแพร่หลายบ้างแล้ว “อยู่นอกตลาดนี้ออกไป เป็นท่าเรือและตลาดสินค้าใหญ่จากพ่อค้าชาวตะวันตกและพ่อค้าชาวต่างชาติเจ้าค่ะคุณหนู ฝ่าบาททรงมีนโยบายการค้าแบบเสรีกับต่างชาติไม่กี่ปีที่ผ่านมาเจ้าค่ะ” หรูหรงอธิบาย จางอวิ๋นซีครุ่นคิดสักครู่หนึ่งแล้วถาม “แสดงว่าการแพทย์ของพวกฝรั่งก็เริ่มเข้ามาแล้วน่ะสิ” หรูหรงยิ้ม “เจ้าค่ะ แต่ว่าก็ไม่ค่อยได้รับการยอมรับแบบแพร่หลายมากนัก” “ทำไมล่ะ” จางอวิ๋นซีถามด้วยความสงสัย “เนื่องจากพวกเราคุ้นเคยกับการรักษาแบบปัจจุบันมากกว่าเจ้าค่ะ อีกทั้งพวกฝรั่งเหล่านี้มียามากมายที่พวกเราไม่คุ้นเคยกัน” หรูหรง กล่าวเท่าที่นางรู้เพียงเท่านั้น “แบบนี้ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมา ก็รักษาด้วยสมุนไพรประคับประคองตามอาการเท่านั้นน่ะสิ แย่จัง” จางอวิ๋นซีบ่นอย่างแสนเสียดาย วิทยาการแบบตะว
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
การกลับมาของหานไท่หยาง
หรูหรงหาซื้อขมิ้นชันมาจากตลาดสมุนไพรในเมืองได้เป็นจำนวนมาก แม้นางจะสงสัยว่าคุณหนูของตนเองต้องการนำขมิ้นชันมาทำสิ่งใด แต่ก็มิกล้าเอ่ยถามออกไปด้วยเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องของตนที่ควรรู้ จางอวิ๋นซีรับห่อขมิ้นชันที่ยังเป็นแท่งมิได้หั่นออกเป็นแว่นหรือบดเป็นผงจากหรูหรง แม้ว่านางจะเป็นหมอสาวที่ใช้วิทยาการตะวันตกมาช่วยรักษาคน แต่เรื่องสมุนไพรนั้นเธอก็รู้มากอยู่มิใช่น้อย ทั้งสรรพคุณข้อดีและข้อเสียของสมุนไพรแต่ละชนิด นางล้วนศึกษามาอย่างละเอียดยิบจนจำได้ขึ้นใจ สาเหตุที่นางให้หรูหรงหาซื้อขมิ้นชันมานี้ เพราะว่าขมิ้นชันมีสรรพคุณช่วยบำรุงและรักษาเชื้อดื้อยาของผู้ที่เป็นวัณโรคปอดและวัณโรคร้ายแรงชนิดต่างๆ แต่ทว่าการใช้สมุนไพรในการแพทย์สมัยใหม่นั้นเป็นเพียงการบรรเทาอาการเท่านั้น หากจางฮูหยินได้รับการรักษาที่ถูกต้อง โอกาสหายจากวัณโรคปอดนั้นย่อมมีมากนัก “เจ้ารู้หรือไม่ว่าขมิ้นชันนี้ของดีนัก” จางอวิ๋นซีวางขมิ้นชันตรงหน้าหรูหรงพลางยิ้มกว้าง หรูหรงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “อย่างไรหรือเจ้าคะ” จางอวิ๋นซีเลี่ยงที่จะพูดถึงยุคปัจจุบันของนาง หญิงสาวกล่าวเพียงแค
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
กรรมตามสนอง
จางฮูหยินช่วยจางอวิ๋นซีแต่งตัวให้งดงามที่สุด เพื่อร่วมงานฉลองวันพระราชสมภพของหานไทเฮาในค่ำคืนนี้ ชุดพระราชทานที่ไทเฮาทรงพระราชทานมาให้นั้น เนื้อผ้าถูกตัดเย็บอย่างดีจากช่างฝีมือเลื่องชื่อของอินเดีย เป็นผ้าไหมที่เนื้อดีและนิ่มที่สุดที่เคยได้รับพระราชทานมา อีกทั้งปิ่นหยกสลักลวดลายบุปผางดงามวิจิตรยิ่งนัก ทรงผมของจางอวิ๋นซีถูกรวบครึ่งศีรษะ เรือนผมส่วนบนนั้นถูกรวบขึ้นเป็นมวยสูงประดับด้วยหวีเสียบผมรูปดอกบัวสีชมพู ส่วนเรือนผมส่วนล่างนั้นถูกปล่อยยาวสยายลงมาระกับชุดฮั่นฝูสีชมพูพระราชทาน แค่เพียงเท่านั้นกลับทำให้จางอวิ๋นซีงดงามอย่างยิ่ง งดงามดั่งจะหาสตรีใดเทียบ แม้แต่หรูหรงก็ยังอดชมเจ้านายของตนเองไม่ได้ “คุณหนูงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ ยิ่งสวมชุดพระราชทานจากไทเฮาด้วยแล้ว คุณหนูยิ่งงดงามนัก” หรูหรงกล่าวชมขณะกำลังแต้มชาดให้กับอีกฝ่าย จางฮูหยินคลี่ยิ้มหวานอย่างพึงพอใจ “ไปร่วมงานคราวนี้ เจ้าต้องทำตนให้เรียบร้อยอย่าได้ทำตนเยี่ยงที่พวกชาวบ้านเขาลือกันล่ะลูก ไม่เช่นนั้นพ่อของเจ้าอาจทำโทษเจ้าได้” จางฮูหยินลูบหัวบุตรสาวด้วยความเอ็นดู จางอวิ๋นซียิ้มรับคำของมารดา หญิงสาวกุมมือ
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
ตอนที่ 7 สมรสพระราชทาน
“หม่อมฉันขอถ่านหินหนึ่งก้อนและค้อนกับตะแกรงร่อนเพคะ” หานฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้ทหารผู้หนึ่งไปจัดเตรียมสิ่งที่จางอวิ๋นซีต้องการมาให้ครบ ทั้งถ่านหินแบบก้อนและค้อนที่นางต้องการถูกนำมาวางบนโต๊ะตรงหน้าแล้ว หญิงสาวหยิบก้อนถ่านหินขึ้นมาตรวจสอบดูสักครู่หนึ่ง ก่อนจะลงมือใช้ค้อนทุบจนแหลกละเอียดกลายเป็นฝุ่นผงแล้วนำไปร่อนใส่ตะแกรงอีกรอบหนึ่ง เป็นที่น่าสนใจของบรรดาแขกเหรื่อและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายนัก จางอวิ๋นซีจัดการทุบก้อนถ่านหินเหล่านั้นให้กลายเป็นผงละเอียด “ถ่านหินที่ถูกบดเป็นผงนี้ จะช่วยพิสูจน์ความยุติธรรมของหม่อมฉันได้ ตามตำราโบราณแล้วนั้น การตรวจสอบลายนิ้วมือมักใช้ฝุ่นผงจากถ่านหินเพื่อหารอยนิ้วมือแฝง ถูกต้องหรือไม่เจ้ากรมอาญา” จางอวิ๋นซีหันหน้าไปถามเสนาบดีแห่งกรมอาญา เสนาบดีแห่งกรมอาญาตอบหานฮ่องเต้ “พะยะค่ะฝ่าบาท กรมอาญาใช้วิธีการนี้ เพื่อตรวจหารอยนิ้วมือแฝงตามเนื้อตัวและสิ่งของต่างๆ พะยะค่ะ” จางอวิ๋นซีลอบยิ้มชอบใจกับคำตอบของเจ้ากรมอาญานัก “หากพี่สาวหม่อมฉันเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ก็ขอให้นางก้าวออกมาเพื่อพิสูจน์ความจริงด้วยเถิด หากนางไม
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
ตอนที่ 8 บุรุษผู้อบอุ่น
หลังจากงานฉลองวันพระราชสมภพของหานไทเฮาผ่านไป ฤกษ์การอภิเษกระหว่างหานไท่หยางกับจางอวิ๋นซีก็ถูกส่งมาที่จวนสกุลจางภายในไม่กี่วัน ในฤกษ์นั้นระบุว่าเป็นเดือนหน้าซึ่งเป็นฤกษ์มงคลสมรส ซึ่งการเตรียมสินสอดและทองหมั้นต่างๆ นั้น ทางหานไท่หยางได้รับปากกับไทเฮาและฮองเฮาแล้วว่าจะเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเองทั้งหมด แม้ว่าจางเยี่ยนจะไม่พอใจที่บุตรสาวคนรองได้อภิเษกกับหานไท่หยางก่อนผู้เป็นพี่สาวอย่างจางเซียวหรู แต่ก็ต้องยอมรับนักว่าอีกฝ่ายมิใช่บุรุษที่สตรีจะเข้าหาได้โดยง่าย หานไท่หยางเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญการศึก ความคิดยากจะหยั่งรู้ หากเป็นจางเซียวหรูเขาคงต้องค้านหัวชนฝาเป็นแน่ ใครจะได้เป็นรัชทายาทหรือพระชายารัชทายาทก็ไม่อาจทราบได้ หานอี้นั้นเป็นโอรสองค์โตที่ประสูติจากหยางเต๋อเฟย มีความรู้ความสามารถ ตระกูลนั้นเป็นถึงราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียง ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองนั้นมีมากมายนัก หากจางเซียวหรูได้แต่งงานกับหานอี้ ในวันข้างหน้าอาจกลายเป็นพระชายารัชทายาทแทนก็ได้ หลี่ฮูหยินปรึกษากับสามี “ท่านพี่ ตำแหน่งรัชทายาทไม่อาจเดาได้ อย่างไรหานไท่หยางก็เป็นโอรสที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา สิทธิ์ในราชบัลลังก์นั้นย่อมม
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
ตอนที่ 9 อภิเษกสมรส
หานไท่หยางวางร่างของจางอวิ๋นซีอย่างแผ่วเบา ราวกับรักหยกถนอมบุปผายิ่งนัก หญิงสาวนั่งตัวแข็งทื่อภายในใจรู้สึกขัดเขินอย่างหนัก นางทำตัวไม่ถูกนักเมื่อบุรุษที่นางไม่อยากแต่งงานด้วยทำดีกับนางถึงเพียงนี้ หรือนี่จะเป็นตัวตนที่แท้จริง ภายใต้หน้ากากที่เย็นชา “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ” นางก้มศีรษะพลางกล่าวขอบคุณ หานไท่หยางตีหน้าขรึม กล่าวด้วยน้ำเสียงดุ “เจ้าเป็นว่าที่พระชายาเอกของข้า ข้าไม่อยากให้มีข่าวเสื่อมเสียก่อนเจ้าจะแต่งเข้าตำหนัก” หมดกัน..! คำชื่นชมเมื่อสักครู่นางขอถอนคืนได้หรือไม่?! “เพคะ หม่อมฉันย่อมรู้ดีว่าท่านอ๋องไม่เต็มใจช่วยหม่อมฉันหรอก” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงแกมประชดประชัน “ขอบพระทัยท่านอ๋องนักเพคะ ที่พาซีเอ๋อร์มาส่งถึงเรือน” จางฮูหยิน ย่อกายคำนับอย่างนอบน้อม หานไท่หยางก้มศีรษะรับด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อจะมาคุยเรื่องสินสอดทองหมั้น แต่เห็นทีวันนี้คงไม่สะดวกเสียแล้ว เชิญฮูหยินใหญ่กับไท่ฮูหยินตามสบายเถิด” หานไท่หยางกล่าวแล้วเดินออกจากเรือนของหญิงสาวว่าที่พระชายา โดยมีหรูหรงกับพ่อบ้านมู่เดินออกไปส่งหน้าจวน จางฮูหยินกับไท่ฮูหยินน้อมส่งหานไท่หยาง หลังจากนั้นจึงเข้ามาด
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
ตอนที่ 10 เข้าหอ
ขบวนรถม้าของหานอ๋องไท่หยางและจางอวิ๋นซีขับเคลื่อนมาหยุดที่หน้าวังของหานไท่หยาง ตลอดเส้นทางที่ทั้งสองนั่งรถม้าคันเดียวกันมาถูกปกคลุมด้วยความเงียบ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ตื่นเต้นสำหรับการอภิเษกสมรสที่เพิ่งผ่านพ้นไป และในยามราตรีนี้คือฤกษ์แห่งการเข้าหอที่ทางราชครูของวังหลวงได้คำนวณฤกษ์ยามเอาไว้แล้ว หานไท่หยางลอบมองว่าที่พระชายาของตนเองเพียงนิดเดียว แม้ใบหน้าของนางจะถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมสีแดง แต่ความงดงามกลับเปล่งประกายชัดเจนยิ่งนัก เขานั้นรู้สึกว่านางงดงามอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งๆ ที่แต่ก่อนเขาแทบไม่เคยสนใจนางด้วยซ้ำ แต่นับจากวันนั้นที่เจอกันในตลาด นางกลับมีอิทธิพลในหัวใจของเขายิ่งนัก รถม้าของทั้งสองเคลื่อนมาหยุดที่วังของหานไท่หยางอย่างรวดเร็ว อ๋องหนุ่มเดินลงจากรถม้า โดยมีหลินกงกงคอยประคองลงจากรถม้า ก่อนจะหันมาหาจางอวิ๋นซีที่เดินออกมาพร้อมกับชุดแต่งงานที่ยาวรุ่มร่ามจนนางเกือบสะดุดล้มตกจากรถม้า “ว้าย!” จางอวิ๋นซีเกือบสะดุดอาภรณ์ของตนเองตกรถม้า หานไท่หยางรีบประคองนางด้วยความเป็นห่วงอย่างลืมตัว หลินกงกงและนางกำนัลต่างก้มหน้าซุกซ่อนรอยยิ้มของตนเองกับกิริยาข
last update최신 업데이트 : 2025-08-16
더 보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status