 LOGIN
LOGINสาเหตุที่ขวัญข้าวไม่ให้น้องกลับมาด้วย นั่นก็เป็นเพราะ เธอยังไม่รู้สถานการณ์ของวรารักษ์เมธานนท์เลยว่าจะเป็นอย่างไร ทุกคนยังเกลียดเธอกับน้องเหมือนเดิมอยู่ไหม เธอเลยต้องมาดูสถานการณ์ก่อน
“หนูภัทรคงจะโตเป็นหนุ่มแล้ว อยู่คนเดียวได้สบายแล้วแหละครับ เรียนหมอด้วย เก่งมากๆ เลยครับ คุณท่านคงดีใจนะครับถ้าได้รู้ว่าหนูทั้งสองคนเติบโตเป็นอย่างดี”
“ค่ะ ถ้าคุณลุงยังอยู่ ท่านก็คงมารับหนูด้วยตัวเองนะคะ”
ขวัญข้าวหวนคิดถึงวันเก่าๆ ถ้าเธอไม่ได้รับความเมตตาจากหม่อมราชวงศ์นวพลล่ะก็ ป่านนี้ชีวิตของเธอและน้องคงไม่ได้มาถึงจุดนี้แน่นอน อดีตที่แสนเลวร้ายของตัวเอง เธอก็พยายามลืมเลือนมันไป ขวัญข้าวคนเดิมคนนั้นได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว คนปัจจุบันต่างหากที่จะไม่ยอมให้ใครมารังแกเธอได้อีกแล้ว...
[คฤหาสน์วรารักษ์เมธานนท์]
รถยนต์สีดำคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดบริเวณหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ ความยิ่งใหญ่และความสวยงามของคฤหาสน์นี้ยังคงเดิม เหมือนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ต้นตระกูลวรารักษ์เมธานนท์สืบทอดกับมาหลายชั่วอายุคน ความมั่งคั่งของวงศ์ตระกูลไม่เคยลดน้อยลงไปเลย จากบรรพบุรุษจนถึงหม่อมราชวงศ์อคิราห์รุ่นล่าสุด กลับมีความรุ่งเรืองเพิ่มไปอีกในด้านของความร่ำรวยจนติดหนึ่งในสิบของเมืองไทยเลยทีเดียว
“เชิญครับคุณขวัญข้าว”
ประคินลงจากรถและรีบเดินไปเปิดประตู
“เอ่อ คุณลุงไม่ต้องเรียกข้าวว่าคุณหรอกนะคะ เรียกข้าวเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ข้าวไม่ได้มีตำแหน่งหรือยศอะไรทั้งนั้นค่ะ เรียกแบบนั้นไม่ชินเลยนะคะคุณลุง”
“อ่อ ก็ได้ครับ เรียกหนูข้าวแล้วกันนะครับ ถ้าเทียบอายุของลุงก็น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของหนูแหละนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณลุง แล้วห้องที่ข้าวพักอยู่ คือห้องเดิมใช่ไหมคะคุณลุง”
ดวงตากลมโตกวาดมองไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของเธอ การเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นเลยก็คือ ความสวยงามสะอาดสะอ้าน รวมไปทั้งไม้ดอกไม้ประดับที่ตกแต่งบริเวณรอบตัวคฤหาสน์นั้นทำให้ความสวยงาม ราวกับปราสาทราชวังในเทพนิยายเลยทีเดียว
“ครับ ท่านชายคินน์ให้แม่บ้านจัดห้องทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วครับ หนูข้าวพร้อมอยู่ได้เลยครับ”
ความเป็นจริงประคินอยากจะนำเสนอมากกว่านี้ด้วยซ้ำ ว่านายท่านนั้นได้จัดเตรียมห้องเพื่อเธอคนนี้โดยเฉพาะ ระยะเวลาเจ็ดปี เหตุผลที่ท่านชายคินน์ไม่ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับใคร ก็เพราะเธอคนนี้หรือเปล่า ทั้งที่อายุของท่านชายคินน์ก็เข้าวัย 36 ปีเข้าไปแล้ว ไม่ยอมที่จะแต่งงานซะที
“ค่ะ คุณลุง ข้าวไม่แน่ใจว่าจะอยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนเลยค่ะ”
ขวัญข้าวกำลังคิดที่จะซื้อบ้านจากเงินเก็บสะสมของเธอและน้อง เธอไม่ได้อยากอยู่บ้านหลังนี้ไปจนตายหรอกนะ อีกอย่างขวัญข้าวไม่อยากสร้างความลำบากให้กับตระกูลวรารักษ์เมธานนท์ ซึ่งถ้าพูดกันจริงๆ แล้วเธอก็คือคนนอก ไม่ได้เป็นสายเลือดเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลย
“งั้น หนูข้าวก็คงต้องคุยกับท่านชายคินน์เลยนะครับ ช่วงค่ำๆ ท่านชายก็คงจะกลับมาแล้วครับ เดี๋ยวนี้ท่านชายกลับบ้านทุกวันครับ”
นับตั้งแต่หม่อมราชวงศ์นวพลจากไปเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ท่านชายคินน์ก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากหน้ามือเป็นหลังมือ เขามุ่งมั่นแต่การทำงาน ดูแลบริษัทและทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากผู้เป็นพ่อ บวกกับความเป็นผู้ใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นจนไม่เหลือเค้าโครงของหนุ่มเพลย์-บอยเลยสักนิด
แกร๊ก! เสียงประตูบานใหญ่ถูกเปิด พร้อมกับร่างอวบอิ่มกำลังกวาดสายตามองเข้าไปยังบริเวณห้องของเธอ
‘ทำไมจัดโทนห้องสีฟ้ากันนะ ทำเหมือนเราเป็นเด็กเลย’ ขวัญข้าวสำรวจข้าวของใช้ทุกอย่างที่เคยเป็นของเธอ มันยังคงวางอยู่ที่เดิม แต่ที่เพิ่มเติมคือสไตล์การตกแต่งห้องนั้น เหมือนมีการจัดการเพิ่มสีสัน ราวกับห้องของเด็กน้อยหรือเจ้าหญิงอย่างนั้นแหละ อย่าบอกนะว่าคนที่บงการในการจัดคิดว่าเรายังเป็นเด็กน่ะ
ตึ๊ด! ตึ๊ด! เสียงสมาร์ทโฟนดังขึ้น
“อืม...เตย ข้าวพึ่งถึงน่ะ”
“เตยขอโทษด้วยนะ คือว่าเตยติดสัมภาษณ์งานน่ะ เลยไม่ได้ไปรับข้าวเลย”
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วผลการสัมภาษณ์เป็นยังไงบ้างล่ะ โอเคไหม”
“โอเคสิ...เตยได้งานแล้วนะข้าว ตำแหน่ง Sales Engineer วิศวกรฝ่ายขายน่ะ ให้ทายว่าบริษัทอะไรที่เตยไปสมัคร เงินเดือนสตาร์ทครึ่งแสนเลยนะข้าว”
“ข้าวเดาไม่ถูกหรอก เอาเป็นว่าข้าวยินดีกับเตยด้วยนะ ที่จบแล้วก็มีงานทำเลย งั้น พรุ่งนี้เราไปฉลองกันดีมั้ย ข้าวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเตยเอง”
“ได้สิ...แต่ขอบอกไว้ก่อนนะ ว่างานที่บริษัทเตยไปสมัคร เขายังรับอีก 2 ตำแหน่งนะ เขาเน้นเรื่องภาษา ข้าวมาสมัครสิ รับรองได้ชัวร์ ดีกรีจบนอกและเกียรตินิยมอันดับหนึ่งซะด้วย แทบไม่ต้องสัมภาษณ์เลยแหละ”
“เว่อร์ไปเตย ข้าวก็ต้องไปสมัครตามขั้นตอนอยู่แล้วป่ะ เกียรตินิยมก็ใช่ว่าเขาจะรับเลย มันก็ต้องอยู่ที่ความสามารถด้วย”
“นั่นแหละ เอาเป็นว่าวันนี้ข้าวพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวยังไงพรุ่งนี้เราค่อยเจอกันนะ เตยต้องเตรียมตัวที่จะเริ่มงานอะไรหลายๆ อย่างด้วย”
“อือ...เอางั้นก็ได้”
ก๊อก! ก๊อก! เสียงประตูถูกรบกวนในเวลาต่อมา
แกร๊ก!
“คุณผู้หญิงบอกให้มาตามแก...เอ่อ...เธอไปพบ”
“ค่ะ คุณอบเชย”
ขวัญข้าวมองหัวหน้าสาวใช้ขาโหดคนเดิมเพิ่มเติมคือเธอแลดูมีอายุเพิ่มขึ้น
“แล้ว...ห้องที่ท่านชายคินน์สั่งคนให้จัดให้ โอเคนะ”
อบเชยมองเด็กสาว อืม ไม่ใช่เด็กสาวเสียแล้วสิ เป็นหญิงสาว ที่สำคัญสวยจนอบเชยจำแทบไม่ได้ ความสูงที่เพิ่มขึ้นจนเธอต้องแหงนหน้ามอง นี่ขนาดเธอสูง 160 แล้วนะ
“อืม ไม่รู้สิคะ ข้าวบอกไม่ได้หรอกค่ะ อีกอย่างไม่ต้องจัดให้ข้าวหรอกค่ะ ข้าวไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่อยู่แล้วค่ะ”
“นอกจากเธอจะดูโตขึ้น เธอยังปากเก่งขึ้นอีกนะขวัญข้าว”
“ค่ะคุณอบเชย ขอบคุณนะคะที่ชมข้าว”
“ฉันไม่ได้ชมเธอ...รีบเถอะคุณหญิงท่านรอ”
“อืม ก็ไปสิคะ คุณอบเชยนำไปเลยค่ะ”
ขวัญข้าวยักไหล่ราวกับไม่ได้เกรงกลัวคนตรงหน้าเธอแล้ว เด็กข้าวคนเดิมไม่มีอีกแล้วจากนี้ ด่ามาด่ากลับ ขวัญข้าวไม่ยอมให้ใครรังแกเธอได้อีกแน่นอน
“ฮึ่ม...นังเด็กบ้า!”
อบเชยกระทืบเท้านำไปอย่างหัวเสีย เด็กคนนี้ไม่ใช่นังเด็กข้าวที่เธอจิกหัวใช้ได้อีกแล้ว เจ็บใจนัก
[ห้องรับแขก]
ขวัญข้าวเดินตามหัวหน้าคนใช้มายังห้องรับแขกขนาดใหญ่ ที่เมื่อเจ็ดปีที่แล้ว เธอเคยนั่งคุกเข่ากับน้องชาย และฟังพวกที่เกลียดชังเธอพ่นคำด่าอย่างนับไม่ถ้วน
“สวัสดีค่ะ”
ขวัญข้าวยกมือไหว้ท่านผู้หญิงบงกรเพชรที่นั่งตัวตรงหน้าเชิดบนโซฟาตัวใหญ่ ข้างกายยังมีแพรพิไลลูกสาวคนเล็กซึ่งมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอมองจิกมายังขวัญข้าวเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน
 ทรายแมว
ทรายแมวกดหัวใจ คอมเมนท์ = หนึ่งกำลังใจนะคะ ฝากกดติดตาม เพิ่มเข้าชั้น และรับแจ้งเตือนตอนใหม่ เรื่องใหม่ค่ะ ทรายแมว : เขียน

“พักเรื่องงานไว้ก่อนครับ วันนี้ผมขอดื่มฉลองมิตรภาพของเราก่อนนะครับ”วิลเลี่ยมยกแก้วเครื่องดื่มชูขึ้น สายตาคมสีฟ้าของเขามองไปยังเลขาแสนสวยที่อยู่ในชุดเดรสสีแดงที่มีความเซ็กซี่อย่างที่สุด“อ่อ ครับ ผมนี่แย่จริงๆ นะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่พูดเรื่องงานซะเยอะเลย ความจริงวันนี้ผมก็พาคุณมาผ่อนคลายครับ”ธนนท์รีบยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นเพื่อเป็นการขอโทษ“สองสาวนี่ไม่ต้องห่วงนะครับ วันนี้พักเรื่องงานสักวัน เดี๋ยวผมขออนุญาตเจ้านายคุณเองครับ...โอเค มั้ยครับคุณธนนท์”“ได้ครับ หมดเวลางานแล้วครับ” ธนนท์หันไปพยักหน้าให้กับสองสาวเพื่อยืนยันในสิ่งที่เขาพูด“ค่ะ/ค่ะ”“อืม ขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวคุณ...เขม หน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณมีครอบครับหรือยังครับ”วิลเลี่ยมเปิดประเด็นคำถามในสิ่งที่เขาสนใจทันที เขารู้สึกถูกใจหญิงไทยคนนี้มาก“ยังค่ะ ดิฉันยังโสดค่ะ” เขมมิกาตื่นเต้นอย่างที่สุด สุดท้ายแล้วเธอก็เข้าตาหนุ่มสายฝอเข้าแล้ว ^^“ไหนๆ คุณเขมก็ถูกท่านประธานถามเรื่องนี้ไปแล้ว จริงๆ ผมก็อยากรู้เหมือนกันนะครับ ว่าคุณชมพูนุทตอนนี้คุณยังโสดเหมือนกับคุณเขมหรือเปล่าครับ”ปรเมศยิงคำถามต่อจากเจ้านายของตัวเองทันที“เอ่อ
“ค่ะ...” “ฉันอยากจะขอโทษเธอ...ขวัญข้าว ขอโทษในสิ่งที่ฉันทำไม่ดีกับเธอและน้องของเธอ อภัยให้ฉันเถอะนะ...” “ค่ะคุณผู้หญิง ดิฉันให้อภัยคุณผู้หญิงค่ะ และดิฉันเชื่อว่าแม่ของดิฉันก็คงจะคิดเหมือนกันค่ะ เรื่องราวในอดีต ดิฉันไม่ได้เก็บเอามาคิดอีกแล้วค่ะ คุณผู้หญิงไม่ต้องคิดมากนะคะ” “ขอบใจเธอมากนะขวัญข้าว ฉันขอบใจเธอจริงๆ บ้านหลังนี้เธออยู่ได้สบายเลยนะ ไม่ต้องย้ายออกไปอยู่ที่ไหนแล้ว นอกเสียจากเธอจะแต่งงานมีครอบครัวไป นั่นก็แล้วแต่เธอนะ ฉันไม่ได้มีอำนาจที่จะตัดสินใจ อย่างที่บอก ชายคินน์ต่างหาก ที่เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้ และในตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งชายคินน์กับนนท์ลูกชายของฉัน ทำไมถึงยังไม่แต่งงานมีครอบครัวกันอีก เรื่องนี้ก็ทำให้ฉันกลุ้มใจอยู่พอสมควร” “ท่านชายคินน์กับคุณนนท์อาจจะมีแล้วก็ได้นะคะ คุณทั้งสองอาจจะยังไม่เปิดตัวก็ได้ค่ะคุณผู้หญิง” “ไม่มีหรอก...ฉันตามสืบมาหมดแล้ว” “ห๊ะ! อะไรนะคะ คุณผู้หญิงตามสืบเหรอคะ”คำพูดของคุณหญิงบงกชเพชรทำให้ขวัญข้าวตกใจเป็นอย่างมาก หัวใจเธอเต้นแรงแทบจะทะลุออกจากอก ขวัญข้าวกังวลเรื่องเธอกับท่านชายในอดีต
[บ้านวรารักษ์เมธานนท์...ในเวลายามเย็น] “นั่นลูกจะออกไปไหนอีกล่ะ พึ่งกลับเข้ามาไม่ใช่เหรอ”คุณหญิงบงกชเพชรมองบุตรีของตัวเองที่อยู่ในชุดพร้อมที่จะออกจากบ้าน “แพรนัดเพื่อนไว้ค่ะคุณแม่ วันนี้วันเกิดมิ้นท์ค่ะ เราจะไปฉลองกันค่ะ” “เรื่องเรียนของลูกไปถึงไหนแล้ว ตามแก้รายวิชาครบแล้วหรือยัง แล้วเทอมนี้จะจบหรือเปล่าลูก” “ยังค่ะคุณแม่ คงต้องจบเทอมหน้าค่ะ เพราะเหลืออีกแค่สองตัวค่ะ ยังไงแพรก็ต้องเรียนจบอยู่แล้วค่ะ คุณแม่ไม่ต้องห่วงค่ะ” “อะไรนะ! ไหนลูกบอกว่าเทอมนี้จะจบ แล้วนี่เลื่อนไปเทอมหน้าอีกเหรอ ตายแล้วยัยแพร ทำไมเรียนแค่นี้ ถึงไม่จบซะที ดูพี่นนท์เราสิ ถึงแม้จะเกเรยังไงแต่ก็ยังเรียนจบ ทำไมลูกถึงไม่เอาอย่างพี่นนท์บ้างล่ะลูก” “ก็อาจารย์ที่ ‘มหาลัยสิคะคุณแม่ แกล้งแพรค่ะ ความจริงแพรก็จะจบเทอมนี้แหละค่ะ”แพรพิไลกุเรื่องเพื่อโกหกผู้เป็นแม่ ความเป็นจริง เธอเองต่างหากที่ไม่อยากเรียนจบ เพราะถ้าเธอเรียนจบแล้ว แม่ของเธอจะต้องจับเธอยัดเข้าทำงานที่บริษัทพี่ชายของเธอเป็นแน่ “แม่ไม่เชื่อที่ลูกบอกหรอกนะแพร ครั้งที่แล้วลูกก็บอกว่าอาจารย์แกล้งแบ
“อึก! อึก!” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตกใจที่จู่ๆ ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ฉกวูบลงมาด้วยความเร็วแสงประกบจูบปากของเธออย่างรวดเร็ว ขวัญข้าวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ทว่าก็ถูกมือใหญ่บีบปลายคางของเธอเอาไว้ ลมหายใจปัดผ่านข้างใบหน้าใกล้ชิด ลิ้นหนาเกี่ยวกวัดลิ้นเล็กไว้ในปากอย่างหิวกระหาย อีกมือก็เกี่ยวกระหวัดร่างบางเข้ามาแนบร่างแกร่งราวกับงูใหญ่กำลังรัดเหยื่ออย่างหิวโหย“อึ้ม...” ขณะที่ริมฝีปากของเขาแนบสนิทก็ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มอันพึงใจไว้ได้ ความหวานที่เคยลิ้มลองไม่เคยลดน้อยลงไปเลยสักนิด ชายหนุ่มตะโบมจูบอย่างร้อนแรงและหนักหน่วงจนได้ยินเสียงอู้อี้ในลําคอของอีกฝ่าย“ไม่! อึก!” ขวัญข้าวพยายามดิ้นเพื่อหนีริมฝีปากร้อน แต่เธอก็ไม่สามารถจะหลบหลีกริมฝีปากความเร็วแสงนั้นได้ มือทั้งสองข้างของเธอผลักอกแกร่งจนสุดแรง แต่ทว่ามันก็เหมือนกับผลักหินผาก็ไม่ปาน สะโพกมนเกยอยู่บนโต๊ะทำงานในสภาพกึ่งนั่งกึ่งยืน โดยที่ตัวของชายหนุ่มใช้ร่างของเขากันเธอเอาไว้ ไม่ให้หนีออกไปได้สำเร็จ“อืม...หวานเหมือนเดิมนี่”อคิราห์ถอนริมฝีปากของตัวเองออก พร้อมกับก้มมองใบหน้าของเธอ ที่ตอนนี้มีสภาพแดงเห่อไปทั่วทั้งหน้า ชายหนุ่มยกยิ้มอย
[อีกด้านหนึ่ง...ห้องทำงานบริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะยุ่งยากตรงไหนเลย เธอมาสมัครงานตามที่นายนนท์บอกเธอไว้แล้วนี่ เธอก็รู้อยู่แล้ว ทำไมจะต้องทำเรื่องนี้ให้วุ่นวายไปอีก ฉันไม่เข้าใจ”หม่อมราชวงศ์อคิราห์มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขา และต้องการที่จะพบเขาในเวลานี้ เหตุผลของเธอเพียงเพื่ออยากสมัครงานตามระบบแค่นั้นหรือ เขาไม่เข้าใจเลย “ดิฉันคิดว่ามันไม่ถูกต้องค่ะ ดิฉันไม่อยากจะใช้เส้นค่ะ ดิฉันแค่ต้องการได้สอบและสัมภาษณ์ตามปกติเหมือนคนทั่วไป ก็แค่นั้นเองค่ะท่านชาย” “แล้วเธอได้อะไร จากสิ่งที่เธอกำลังเรียกร้องอยู่ตอนนี้” “ดิฉันไม่ได้เรียกร้องค่ะ แค่ต้องการทำให้มันถูกต้องตามระบบก็เท่านั้นเองค่ะท่านชาย”ดวงตากลมโตจ้องกลับใบหน้าคม เอาจริงๆ วันนี้เป็นครั้งแรกของขวัญข้าวเลยก็ว่าได้ ที่เธอได้มองหน้าเขาได้ชัดเจนและเต็มตามากขนาดนี้ เธออยู่ห่างจากเขาไม่ถึงเมตรเลยด้วยซ้ำ ลมหายใจร้อนเป่ารดมาที่เธอ จนเธอสัมผัสได้ และทำให้เธออดนึกถึงความรู้สึกบางอย่างเมื่อเจ็ดปีที่แล้วไม่ได้... “ผลสุดท้าย เธอก็ต้องเข้าทำงานอยู่ดี ทำไมต้องเรื่องมาก” “นี่
[บริษัทวรารักษ์เมธานนท์] “ขอโทษนะคะ คือว่าดิฉันยังไม่ได้สอบข้อเขียน และสัมภาษณ์เลยนะคะ คุณจะให้ดิฉันเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยเหรอคะ”ขวัญข้าวมาสมัครงานที่บริษัทวรารักษ์เมธานนท์ในวันรุ่งขึ้น ในตำแหน่ง Sales Engineer ตามที่บริษัทได้ประกาศรับ เธอพึ่งจะกรอกใบสมัครไปใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที ขวัญข้าวก็ทราบผล เธอรู้สึกไม่โอเคกับสิ่งที่คุณธนนท์ทำมากนัก เธอไม่อยากเป็นเด็กเส้นในสายตาของคนอื่น สังคมการทำงานของเธอก็จะลำบากมากขึ้น “คุณธนนท์เธอได้บอกไว้แล้วค่ะ ว่าถ้าคุณขวัญข้าวมา ก็รับได้เลยแค่กรอกใบสมัครก็พอค่ะ รายละเอียดต่างๆ ในการทำงานอยู่ซองกระดาษนี่นะคะ ดิฉันเตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ” “ดิฉันขอคุยกับคุณธนนท์หน่อยได้มั้ยคะ” “คุณธนนท์ไม่อยู่ค่ะ เธอไปจังหวัดระยองกับเลขา และฝ่าย Sales Engineer คนใหม่ตั้งแต่เมื่อเช้าค่ะ” “Sales Engineer คนใหม่เหรอคะ เอ่อ ไม่ทราบว่าเธอชื่อชมพูนุทหรือเปล่าคะ”เมื่อเช้าเพื่อนของเธอได้แชทหาเธอตั้งแต่เช้า ว่าจะรีบออกไปทำงาน วันแรกของชมพูนุทก็ดูจะรีบร้อนไปหมด “ใช่ค่ะ คุณชมพูนุทพึ่งมาทำงานวันนี้วันแรกค่ะ เผอิญมีลูกค้าใหญ่ที








