เข้าสู่ระบบ“ได้อยู่แล้ว ว่าแต่คิดเงินพี่แพงไหม พี่เพิ่งขึ้นเป็นผู้บริหารกำลังควบคุมงบน่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ แพรไม่คิดเงินค่ะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ล้อเล่น”
“แพรพูดจริงๆ ค่ะ แค่พี่วียอมให้ดาราในสังกัดโปรโมทให้ฟรีก็พอแล้วค่ะ”
“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ตลอดเลยนะครับ”
“ขอบคุณพี่วีมากเลยนะคะ” และแล้วเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมา เธอรู้ว่าปฐวี โชติประภากรเป็นนักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบกว่ารูปหล่อพ่อรวยที่เป็นเจ้าของผับหรู อีกทั้งยังเพิ่งขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทสื่อชื่อดังแทนคนเป็นพ่อหมาดๆ เรียกได้ว่ากำลังฮอตในวงสังคมเลยทีเดียว ทว่าด้วยความที่แม่ของเขาและแม่ของเธอเป็นเพื่อนกันเลยทำให้เธอก็รู้จักและสนิทสนมกับชายหนุ่มเสมือนพี่ชายมากกว่าจะกลายเป็นคนรัก เธออยากพูดให้ปฐวีไปคุยกับผู้ใหญ่ว่าเธอไม่สามารถหมั้นกับเขาได้ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่เคยเปรยถึงเรื่องนี้เลยไม่กล้าพูดขึ้นมา
ทางด้านทองพญาและปานทิพย์ก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นเมื่อเห็นปฐวีและพิมแพรทองกำลังยืนพูดคุยกันยสองต่อสองอย่างกระหนุงกระหนิง เพราะปานทิพย์และทองพญาตั้งใจกันตั้งแต่ยังไม่ท้องแล้วว่าจะต้องให้ลูกของทั้งสองแต่งงานกันให้ได้ ด้วยความที่เป็นเพื่อนรักกันแต่ไหนแต่ไรจึงอยากเป็นครอบครัวเดียวกัน จะได้อุ่นใจหมดห่วงเรื่องชีวิตคู่ของลูกๆ กันทั้งคู่
“ดูสองคนนั้นสิ พูดคุยกันกระหนุงกระหนิงเชียว ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ยายแพรเพิ่งเรียนจบคุณแม่ท่าจะยอมให้สองคนหมั้นกันแล้วล่ะ” ทองพญาเอ่ยด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความเสียดายเป็นที่สุด
“นั่นน่ะสิ” ปานทิพย์เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนสนิทตนทุกคำ แอบเสียดายที่ทองพญามีลูกช้าไปหน่อย ไม่อย่างนั้นตอนนี้ปฐวีและพิมแพรทองคงได้แต่งงานกันไปแล้ว “แล้วยายพราวล่ะ ดูท่าจะมีแฟนกับเขารึยัง”
“ท่าจะยังนะ” ทองพญาส่ายหัวน้อยๆ “ฉันว่าคุณแม่น่าจะหวงยายพราวมากกว่ายายแพร”
“ก็ยายพราวซื่อซะขนาดนั้น เป็นฉันก็อดห่วงไม่ได้ แต่ถ้าผ่านไปอีกสักสามสี่ปีแล้วยายพราวไม่มีแฟนฉันก็พอจะมีคนแนะนำอยู่เหมือนกัน เพื่อนตาวีหน้าตาฐานะชาติตระกูลดีหลายคนอยู่เหมือนกัน นี่ถ้าฉันมีลูกชายอีกคนก็จะให้คู่กับยายพราว แต่ก็ดันมีตาวีคนเดียวเสียอีก”
“ไม่แน่คู่ยายพราวอาจจะมาก่อนที่เราจะหาให้ก็ได้ ดูอย่างทับทิมน้องฉันสิ แต่งงานก่อนฉันเสียอีก”
“อ่อ จริงด้วย พูดแล้วก็นึกถึงวันข้างหน้านะ เราสองคนก็จะเป็นปู่ย่าตายายกันแล้ว”
“ที่ฉันอยากให้ลูกเราหมั้นกันแต่งกันเร็วๆ ก็เพราะอยากอุ้มหลานตอนที่ยังไม่แก่นี่แหละ”
สองเพื่อนรักพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่พักใหญ่ เพราะมั่นใจว่าอย่างไรพวกเธอทั้งสองก็ต้องได้อุ้มหลานที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพิมแพรทองกับปฐวี เพราะลูกๆ ไม่มีใครเอ่ยคัดค้านที่พวกเธอจะจับให้พวกเขาหมั้นกัน และนั่นก็เท่ากับว่าลูกๆ ของพวกเธอพร้อมที่จะครองคู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันในวันหน้า หากว่าวันหน้าได้เห็นพิมแพรทองและปฐวีได้ลงเอยกันตามที่หวังคงมีความสุขจนอธิบายมาเป็นคำพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ปฐวีเดินถือจานคัพเค้กเข้ามายังบาร์น้ำ ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวตัวเล็กที่กำลังยืนกอดอกมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยแววตาเหม่อลอย เห็นทีเธอคงตกอยู่ในภวังค์ความคิดอะไรบางอย่างเพราะเขาจะถึงตัวเธออยู่แล้ว ทว่าดูท่าอีกฝ่ายยังไม่ยักจะหลบทาง
“ขอน้ำสักหนึ่งขวดได้ไหมครับ”
“อ๋อ ได้ค่ะ” ไหมพราวงามหลุดจากภวังค์เมื่อรู้ตัวว่ากำลังขวางทางแขกที่กำลังจะเข้าไปหยิบขวดน้ำในตู้แช่เย็น
“ขอบคุณครับ” เขาอมยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่ายที่เพิ่งสะดุ้งตกใจเพราะเสียงเรียกของตนก่อนจะเปิดตู้แช่เย็นหยิบน้ำแร่ขวดเล็กออกมา
“คัพเค้กรสชาติเป็นยังไงบ้างคะพี่วี พราวทำเองเลยนะคะ”
“อร่อยมากเลย มีฝีมือเหมือนกันนะเราน่ะ”
“ขอบคุณค่ะ น้าปานก็ชมว่าอร่อย ถ้าพี่วีชอบวันหลังพราวจะทำส่งไปที่บ้านน้าปานแล้วก็พี่วีด้วยนะคะ”
“ขอบคุณมาก พี่ได้ยินจากแพรว่าช่วงนี้พราวกำลังออกแบบเสื้อผ้าใหม่ให้ร่วมสมัยมากขึ้น ยังไงพี่จะรอดูนะครับ”
“ค่ะ แพรได้บอกหรือยังคะว่าจะส่งให้นักแสดงในสังกัดของพี่วี”
“บอกแล้วครับ พี่ถึงมาบอกกับพราวว่าจะรอดูฝีมือไง อีกอย่างพี่ไม่คิดค่าโปรโมทด้วยนะครับ”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะ”
“พี่ขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ” ไหมพราวงามมองตามหลังปฐวีไม่วางตา เธออมยิ้มน้อยๆ ทั้งสายตาที่มองเขาก็เต็มไปด้วยความชื่นชม แม้นเธอจะไม่ได้สนิมสนมกับชายหนุ่มเท่ากับพิมแพรทอง ทว่าก็พอจะรู้ความเคลื่อนไหวของเขาอยู่ตลอด ปฐวีมักจะเรียนได้เก่งกว่าใครเพื่อนเสมอ เธอนั้นได้ยินจากปากของปานทิพย์แม่ของชายหนุ่มอยู่บ่อยๆ ในตอนนี้ปานทิพย์มาเที่ยวที่นี่
และเธอก็เห็นได้อย่างประจักษ์แล้วว่าชายหนุ่มเก่งมากแค่ไหน เขาเป็นเจ้าของธุรกิจกลางคืนในตอนที่เพิ่งเรียนจบแถมกิจการยังไปได้สวย อีกทั้งตอนนี้ยังได้ขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทสื่อชื่อดังแทนพ่อของเขาในตอนที่อายุเพิ่งจะเลยเลขสามมาไม่เท่าไร
“ตัว!”
“ฮะ!” ไหมพราวงามสะดุ้งตัวโยน อ้าปากหวอเมื่อพิมแพรทองเข้ามาเขย่าตัว
“เหม่ออะไรอยู่ เค้ามายืนข้างตัวตั้งนานแล้ว ตัวก็เอาแต่ยืนยิ้มไม่เห็นหันมาสนใจเลย”
“เปล่า คิดอะไรเพลินๆ”
“คิดเรื่องอะไรเหรอ” พิมแพรทองจ้องมองลูกพี่ลูกน้องตาปริบๆ
“ก็...มีความสุขที่เห็นทุกคนในงานมีความสุขไง”
“จริงสินะ วันนี้ทุกคนมีรอยยิ้มกันมากกว่าวันอื่นๆ อ่อ...พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปหาลูกค้าแต่เช้า ตัวเตรียมพร้อมหรือยัง”
“พร้อมอยู่แล้ว อ่อ...เค้ามีเรื่องอยากถาม”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ได้อยู่แล้ว ว่าแต่คิดเงินพี่แพงไหม พี่เพิ่งขึ้นเป็นผู้บริหารกำลังควบคุมงบน่ะ”“ไม่หรอกค่ะ แพรไม่คิดเงินค่ะ”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่ล้อเล่น”“แพรพูดจริงๆ ค่ะ แค่พี่วียอมให้ดาราในสังกัดโปรโมทให้ฟรีก็พอแล้วค่ะ”“มีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้ตลอดเลยนะครับ”“ขอบคุณพี่วีมากเลยนะคะ” และแล้วเธอก็ไม่กล้าที่จะพูดสิ่งที่คิดออกมา เธอรู้ว่าปฐวี โชติประภากรเป็นนักธุรกิจหนุ่มวัยสามสิบกว่ารูปหล่อพ่อรวยที่เป็นเจ้าของผับหรู อีกทั้งยังเพิ่งขึ้นเป็นผู้บริหารบริษัทสื่อชื่อดังแทนคนเป็นพ่อหมาดๆ เรียกได้ว่ากำลังฮอตในวงสังคมเลยทีเดียว ทว่าด้วยความที่แม่ของเขาและแม่ของเธอเป็นเพื่อนกันเลยทำให้เธอก็รู้จักและสนิทสนมกับชายหนุ่มเสมือนพี่ชายมากกว่าจะกลายเป็นคนรัก เธออยากพูดให้ปฐวีไปคุยกับผู้ใหญ่ว่าเธอไม่สามารถหมั้นกับเขาได้ แต่เมื่อเห็นว่าเขาไม่เคยเปรยถึงเรื่องนี้เลยไม่กล้าพูดขึ้นมาทางด้านทองพญาและปานทิพย์ก็ยืนยิ้มหน้าระรื่นเมื่อเห็นปฐวีและพิมแพรทองกำลังยืนพูดคุยกันยสองต่อสองอย่างกระหนุงกระหนิง เพราะปานทิพย์และทองพญาตั้งใจกันตั้งแต่ยังไม่ท้องแล้วว่าจะต้องให้ลูกของทั้งสองแต่งงานกันให้ได้ ด้วยความที่เป็นเพื่อนรักกันแต่ไหนแต่ไรจ
งานวันเกิดของแสงโสมผ่านไปด้วยความอบอุ่นพร้อมหน้าพร้อมตาคนสนิท บรรยากาศมีแต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะสร้างความกระชุ่มกระชวยให้หัวใจของคนวัยชราอย่างแสงโสมได้ไม่น้อย เห็นทีความสุขในวันนี้จะเป็นความรู้สึกที่ถูกกักเก็บเอาไว้สร้างรอยยิ้มให้หยิงวัยชราได้เป็นปี“ดูเด็กๆ เขาร้องเล่นเต้นรำกันสิ ถ้าพ่อเรายังอยู่นะแม่พรรณ ป่านนี้คงได้จับไมค์ร้องเพลงไปแล้วล่ะ” แสงโสมเอ่ยกับมณีพรรณขณะมานั่งมองภาพความสุขอยู่บนชานบ้าน“นั่นสิคะคุณแม่ คุณพ่อไม่เคยพลาดเรื่องร้องรำทำเพลง ฉันเชื่อว่าตอนนี้ถ้าคุณพ่อมองลงมาก็คงจะมีแต่รอยยิ้มแล้วล่ะค่ะ”“ยิ่งเห็นหลานๆ จะมีครอบครัวก็รู้ได้ว่าตัวเองนั้นเป็นไม้ใกล้ฝั่งเต็มทนแล้ว” แสงโสมมองไปยังพิมแพรทองกับปฐวีนั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงเธอก็เอ่ยออกมาด้วยความปลงตก“พูดแบบนี้อีกแล้วนะคะคุณแม่ คุณแม่ยังต้องอยู่กับฉันอีกนานค่ะ แล้วเรื่องที่หลานจะมีครอบครัว ฉันเห็นว่าน่าจะไม่ใช่เร็วๆ นี้หรอกค่ะ”“แม่ได้ยินว่าแม่ทองกับแม่ปานกำลังจะให้ลูกทั้งสองหมั้นกันไม่ใช่เหรอ”“เรื่องนั้นฉันทราบค่ะ เด็กสองคนก็เหมาะสมกันดี ตอนนี้ตาวีก็มีงานการมั่นคงฉันก็ไม่ได้ติดเรื่องนั้น แต่ติดอยู่เรื่องเดียวก็คือเรื
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ คุณทวดสวยทุกวันอยู่แล้วค่ะ แต่วันนี้สวยเป็นพิเศษเพราะคุณทวดยิ้มตลอดเลย”“ใช่สิคะ พราวก็กำลังคิดอยู่ว่าเมื่อไรคุณทวดจะเมื่อยปากแล้วหุบยิ้ม แต่กล้ามเนื้อปากของคุณทวดแข็งแรงมากเลยค่ะ” ไหมพราวงามเอ่ยหยอกผู้เป็นทวด ทว่าก็ยิ้มแย้มได้เพียงครู่เธอก็ต้องก้มหน้างุดเพราะถูกผู้เป็นยายมองด้วยสายตาคาดโทษ“ยายพราว พูดเล่นกับผู้ใหญ่ไม่ได้นะ ยายสอนกี่ครั้งแล้ว”“ปล่อยให้เหลนฉันพูดเถิดน่า เราน่ะเลี้ยงหลานทั้งสองห้ามนั่นห้ามนี่จนหลานๆ แทบจะเป็นหุ่นยนต์ทำตามคำสั่งอยู่แล้วนะ เด็กสมัยใหม่กล้าคิดกล้าพูด ถ้ามันไม่ได้น่าเกลียดเกินงามก็ปล่อยๆ บ้างเถอะ” แสงโสมรู้ว่ามณีพรรณอยากจะอบรมเหลนทั้งสองของตนให้เป็นกุลสตรีที่สุด ทว่าโลกสมัยนี้มันก็ไม่ได้เหมือนสมัยก่อน เธอเองก็เคยพูดหลายครั้งหลายหนแล้วว่าลูกตนนั้นปล่อยวาง ทว่าก็ท่าจะทำไม่ได้“ก็ฉันอยากให้หลานเป็นกุลสตรีที่น่าชื่นชมทุกกระเบียดนิ้วนี่คะคุณแม่ ตระกูลของเราเป็นผู้ดีเก่าแก่นี่คะ ไม่อยากให้ใครต้องมาว่าพวกเราลับหลังได้ แล้วอีกอย่างผู้หญิงเรียบร้อยอ่อนหวาน ใครเห็นใครก็เอ็นดูค่ะ”“เฮ้อ...”เสียงถอนหายใจของแสงโสมนั้นเป็นสิ่งที่ตอบทุกอย่างแทนสองส
ซ่า ซ่า เกลียวคลื่นทะเลยามค่ำคืนซัดสาดเข้าสู่ชายฝั่งของเกาะส่วนตัวแห่งหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย ชายหนุ่มรูปหล่อคมเข้มในชุดเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวผ้าลินินตัวโคร่งสีขาวงาช้างได้เดินเท้าเปล่าระไปกับเกลียวคลื่น เขาเดินล้วงกระเป๋าเหม่อมองไปยังดวงจันทร์กลมโตที่กำลังส่องสว่างสะท้อนกับน้ำทะเลด้วยสายตาที่เรียบเฉย แม้นภาพตรงหน้าจะสวยงามสำหรับใครหลายๆ คน แต่กับนายหัวหนุ่มวัยสามสิบกว่าอย่างเขา ไม่ได้รู้สึกว่ามันสวยงามเลยสักนิดคนอย่างนายหัวรณภพ ศุภกาลโกศลใครก็ว่าเป็นคนไร้หัวใจ ทว่าที่ต้องเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาไม่เคยได้รับความรักจากคนที่ควรจะให้ความรักแม้แต่ครั้งเดียว แม่ของเขาเสียตั้งแต่เขาเริ่มจำความได้ ส่วนพ่อนั้นก็ไม่เคยเหลียวแลเพราะสนใจแต่ครอบครัวใหม่ที่มีหน้าตาทางสังคมมากกว่า เขามันก็แค่ลูกที่ถูกลืม ยังดีที่ชีวิตยังมีน้าสาวเป็นญาติผู้ใหญ่คอยเป็นหลักให้ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้เลยว่าจะโตมาได้อย่างดีหรือเปล่า“ทราบแล้วครับนายหัว” รณภพหลุดจากภวังค์หันหลังขวับไปตามเสียงของเอกภาพ คนสนิทที่เขาไว้ใจที่สุดในตอนนี้“นี่เป็นข้อมูลครับ” เอกภาพยื่นซองเอกสารให้กับเจ้านาย หลังจากที่ได้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนของ







