Masuk10 นาทีต่อมา...
ธีรยารีบเดินไปยังตึกทันทีตามคำบัญชา คฤหาสน์หลังใหญ่นั้นตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่นับสิบไร่ ความใหญ่โตและความหรูหราของคฤหาสน์หลังนี้บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของเป็นอย่างดี
“แม่ครับ กายหิวข้าวแล้วครับ”
‘กันต์ธี’ หรือ ‘กาย’ เด็กน้อยวัย 7 ขวบหันไปอ้อนผู้เป็นแม่ตามสัญชาตญาณในความเป็นเด็ก ซึ่งไม่ทราบและรับรู้เหตุการณ์เบื้องหน้าสักเท่าไหร่
“อดทนไว้นะกาย พี่ก็หิว แต่ต้องรอให้คุณแม่ทำธุระเสร็จก่อนนะ เราถึงจะได้กิน”
ผู้เป็นพี่สาวคอยปลอบน้อง วัยห่างกัน 2 ปี ทำให้พี่สาวจะรู้ความมากกว่าผู้เป็นน้อง
“ไปเร็วลูก...”
ธีรยาก้าวเข้าไปพร้อมกับลูกน้อยทั้งสอง ประตูบานใหญ่ถูกเปิดรอไว้อยู่แล้ว เธอกวาดสายตาทั่วบริเวณห้องรับแขกใหญ่ เธอก็พบว่านายหญิงของบ้านนี้กำลังมองมาที่เธอและลูกๆ โดยมีเด็กหนุ่มลูกครึ่งกับเด็กสาวน่าจะวัยไล่เลี่ยกันนั่งขนาบทั้งสองข้าง แต่เธอก็ไม่พบนายท่านอดัม ‘วันนี้ธีรยาจะโดนอะไรกันแน่’
“นั่งสิ! ยืนอยู่ทำไม!” ใบบัวสาวใช้กระชากเสียงสั่ง
“ค่ะ” ธีรยานั่งลงกับพื้นพร้อมกับลูกน้อย
“นี่เหรอคะคุณแม่...ที่แย่งบ้านของนายแม็กซ์ไป”
‘ณิศรา’ หรือ ‘ริต้า’ เด็กสาววัย 17 ปีเอ่ยถามผู้เป็นแม่ พร้อมกับใช้สายตาเหยียดมองคนทั้งสาม ณิศราคือลูกติดของนุชวรากับสามีคนเก่า ซึ่งทิ้งนุชวรากับลูกวัยสองขวบเอาไว้ ก่อนที่นุชวราจะเจออดัมพ่อของแม็กซ์เวล
“ใช่! มันนี่แหละที่อ้อนคุณพ่อ จนได้บ้านของตาแม็กซ์ไป...ลูกเห็นมั้ยแม็กซ์ ว่าอีสามแม่ลูกนี่แหละที่กล้าเข้าไปอยู่บ้านของลูก”
นุชวราหันไปบอกลูกชายวัย 15 ปี เด็กหนุ่มลูกครึ่งนิ่งเงียบและจ้องมองไปยังตัวต้นเหตุที่มายึดบ้านหลังน้อยของเขา มันเป็นที่ของแม็กซ์เวล เขารักมันมาก และทำไมคนพวกนี้ถึงมาแย่งไปจากเขาได้ ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะอธิบายไปแล้วก็ตาม แต่แม็กซ์เวลกลับไม่พอใจ!
“เอาของออกจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ฉันจะเผามันทิ้ง!”
‘แม็กซ์เวล มิลเลอร์’ หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ยืนขึ้นเต็มความสูงเกือบร้อยแปดสิบเซนติเมตร ชี้นิ้วไปยังตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาไม่พอใจ
“แต่พ่อของคุณให้ดิฉันอยู่แล้วนะคะ คุณท่านอดัมไม่ได้บอกคุณหรอกหรือคะ ดิฉันไม่มีที่ไปจริงๆ ค่ะ ได้โปรดเถอะค่ะ ข้าวของคุณที่อยู่ในห้อง ดิฉันไม่ได้แตะมันเลยนะคะ”
ธีรยายกมือไหว้เด็กหนุ่ม ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะมีวัยไม่ต่างกันกับลูกสาวเธอก็ตาม ธีรยาไม่คิดถึงเรื่องแบบนี้เลย เธอจะต้องอ้อนวอนให้คนพวกนี้เห็นใจและเมตตาเธอ ถ้าธีรยาไม่มีโรคร้ายอยู่ในตัวของเธอล่ะก็ ธีรยาก็คงไม่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนขนาดนี้ อนาคตที่เธอไม่รู้เลย ว่าเธอจะจากโลกนี้ไปตอนไหน แต่สิ่งที่ทำได้ในเวลานี้คือ เธอจะต้องสู้เพื่อความอยู่รอดให้ได้!
“อีหน้าด้าน!! ลูกฉันไล่ขนาดนี้แล้ว แกยังมีหน้ามาอ้อนวอนร้องขออีกเหรอ บ้านหลังนั้นมันเป็นของลูกชายฉัน แกต้องออกไปอยู่ในเรือนคนใช้! และถ้าจะให้ดี! แกออกไปพร้อมกับเงินที่ฉันจะให้แก แสนนึงพอมั้ย! ให้แกออกไปเดี๋ยวนี้! และตอนนี้!”
“ได้โปรดเถอะค่ะคุณผู้หญิง ให้ดิฉันอยู่ที่นี่เถอะนะคะ ดิฉันไม่มีที่ไปแล้ว จะให้ดิฉันทำยังไงก็ยอมค่ะ”
ธีรยาก้มลงกราบกับพื้น เพื่อขอความเห็นใจอีกครั้ง
“คุณแม่คะ...เราออกไปอยู่ข้างนอกเถอะนะคะ มิลินจะช่วยแม่ทำงานเองค่ะ ไม่ต้องมาอยู่กับคนใจร้ายพวกนี้หรอกนะคะคุณแม่...”
เด็กหญิงลุกขึ้นยืน พร้อมกับก้าวออกไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ ดวงตากลมโตจ้องไปยังใบหน้าคมเข้มที่มีความสูงมากกว่าเธอหลายเท่า
ปึก! ฝ่ามือหนาผลักเด็กหญิงร่างเล็กล้มลง
“อุ้ย!” ธีรยารีบคลานเข้าไปรับร่างของลูกสาวเอาไว้ แรงของเด็กหนุ่มทำให้หนูน้อยกระเด็นล้มลง ศีรษะเกือบฟาดพื้น ถ้าผู้เป็นแม่รับร่างนั้นไม่ทัน
“ฮือ ฮือ คนใจร้าย”
เด็กหญิงร้องไห้ออกมาทันที ตัวเด็กหญิงไม่ได้รับบาดแผลแต่อย่างใด แต่สภาพจิตใจของเธอต่างหากที่ทำให้เธอปล่อยโฮ
“ไปเอาของมันออกมาเผาเลยลูก...แม็กซ์...ก่อนที่พ่อของลูกจะกลับมา เรารีบไล่มันออกไปเถอะ”
นุชวราหันมาใส่ไฟกับลูกชายของเธอ เธอเป่าหูลูกทั้งสองจนสำเร็จ และใช้ลูกของเธอเป็นเครื่องมือในการห้ำหั่นครั้งนี้
“หยุดนะ!!!” เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น
“พ่อบอกแล้วไงแม็กซ์ ว่าพ่อจะสร้างบ้านให้ลูกใหม่ บ้านหลังนี้ให้พวกน้องๆ อาศัยไปก่อน”
อดัมกวาดสายตามองและจ้องไปยังลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา อดัมตามใจลูกชายเขาเกินไป จนแม็กซ์เวลเอาแต่ใจตัวเอง และแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบนี้
“ผมไม่อยากได้บ้านหลังใหม่ ผมอยากได้บ้านของผมคืน!”
แววตาคมกริบของเด็กหนุ่มดูโหดเหี้ยม กวาดตามองไปยังบุคคลทั้งสามและแฝงไปด้วยความรู้สึกอาฆาต
“พ่อขอร้องแม็กซ์...อย่าทำให้พ่อต้องลำบากใจไปกว่านี้เลย พ่อจะสร้างหลังใหม่ให้เร็วที่สุด ไม่เกินหนึ่งเดือน แต่ตอนนี้ลูกควรมีเมตตากับพวกเขาด้วยนะ”
อดัมสื่อสารกับลูกชายเป็นภาษาอังกฤษ ถึงแม้ลูกชายเขาจะเกิดประเทศไทย แต่อดัมเองก็ไม่อยากให้ลูกชายของเขาลืมสัญชาติอีกครึ่งหนึ่งของตัวเอง
“คุณทำร้ายจิตใจลูกมากเลยนะคะ” นุชวราพยายามสุมไฟนั้นต่อ เธอจะยอมแพ้ไม่ได้
“หยุดได้แล้ววรา! ถ้าคุณยังไม่หยุด ผมคงต้องมีมาตรการเด็ดขาดกับคุณแล้ว!! อย่าให้ผมต้องทำเลย...วรา”
“โอเคนะแม็กซ์ พ่อขอร้อง” อดัมหันไปพูดกับลูกชาย
“หนึ่งเดือน! ถ้าลูกไม่ได้บ้านคืน คุณพ่อต้องไล่พวกมันออกไป ไม่งั้นลูกจะเผาบ้านหลังนั้นทิ้ง!”
เด็กหนุ่มยื่นคำขาด พร้อมกับสาดแววตาอำมหิตออกไป...
....................
“คุณแม่คะ ทำไมเราต้องมาอยู่กับคนใจร้ายด้วยคะ ทำไมเราไม่ไปอยู่บ้านของเราคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามผู้เป็นแม่ หลังจากกลับมาจากบ้านหลังใหญ่
“เราต้องอยู่ที่นี่นะมิลิน...บ้านเราไม่มีแล้วลูก บ้านเราถูกธนาคารยึดไป เราไม่มีที่อยู่แล้วลูก”
น้ำตาเอ่อล้นอาบสองแก้ม ธีรยาพยายามอย่างที่สุดกลืนก้อนกลมๆ ลงไปในอก ความเจ็บปวดที่แสนจะทรมานไม่สามารถบอกใครได้ เธอจำเป็นต้องบอกกับลูกของเธอตรงๆ ปุณณดาจะต้องเข้มแข็ง และสามารถเผชิญเหตุการณ์ร้ายๆ เหล่านี้ได้ เธอจะต้องสอนลูกให้แข็งแกร่ง
“อึก! อื้อ!” เสียงร้องของปุณณดาถูกปิดกั้น เมื่อเธอได้สติหญิงสาวก็ดิ้นสุดฤทธิ์ จนทำให้เอกสารบนโต๊ะทำงานเขาร่วงหล่นบนพื้นกระจัดกระจาย คนที่อยู่ด้านนอกตกใจ พร้อมกับวิ่งกรูเข้าไปยืนลุ้นหน้าประตูใหญ่ด้วยความตื่นตระหนกและกระวนกระวายใจ “คุณจะเข้าไปไม่ได้นะคะ ถ้าท่านประธานไม่เรียก”เลขาแสนสวยเข้ามาขวางกันยกรทันที “แต่เพื่อนดิฉัน...” “ท่านประธานไม่ทำอะไรเพื่อนคุณหรอกค่ะ ท่านเป็นถึงประธานบริษัทนะคะ จะทำเรื่องไม่ดีอย่างที่คุณคิดได้ยังไง” “คุณก็พึ่งจะทำงานกับท่านประธานไม่กี่วัน คุณรู้ได้ยังไง”กันยกรกระชากเสียงใส่เลขาหน้าห้อง ด้านใน... เพี๊ยะ! ฝ่ามือบางฟาดลงบนใบหน้าคม เมื่อร่างกายของเธอเป็นอิสระจากการพยายามทำตัวเองให้หลุดพ้นจากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งนั่น “อุ๊บ!” ปากบางถูกบดขยี้อีกครั้งด้วยความรุนแรงและดุเดือดกว่าครั้งเก่า ลิ้นเล็กถูกตวัดด้วยลิ้นหนาของเขา ดูดเม้มเอาแต่ใจ ราวกับหิวโหยมานานแรมปี จูบร้อนนั้นดุเดือดกินเวลาไปหลายนาที จนร่างบางเริ่มอ่อนระทวย พรึ่บ! ร่างกำยำผละออกจากร่างบางทันที เมื่ออารมณ์ของเขาตอนนี้ค่อนข้างจะเ
@ โรงแรมสุดหรู ประเทศสิงคโปร์... “ทำไมห้องที่ฉันจองมาต้องติดกับนายคนนี้ด้วย”ณิศรากำลังเกรี้ยวกราดใส่พนักงานต้อนรับ เธอสื่อสารภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี โดยที่อีกฝ่ายก็พยายามที่จะอธิบาย “ห้องมันเต็มคุณก็เห็นอยู่ และอีกอย่างโรงแรมนี้ เป็นสถานที่จัดงานด้วย คุณจะยกเลิกและไปพักที่อื่นก็ได้นะ และถ้าคุณมาไม่ทันนัดของลูกค้าแต่ละครั้งล่ะก็ คงต้องให้พ่อของคุณมาจัดการล่ะมั้ง”สายตาเหยียดๆ ของกันต์ธีส่งถึงณิศราทันทีโดยไม่เกรงกลัวใดๆ “ฉันไม่ได้คุยกับแก ไม่ต้องออกความคิดเห็น”ณิศราตอบกลับทันทีเช่นกัน ทำยังไงเธอถึงจะจัดการไอ่บ้านี้ได้นะ “อืม...ก็แล้วแต่ อย่าให้ปัญหามันลามมาหาผมแล้วกัน”กันต์ธีหยักไหล่แบบไม่สนใจ เขาเบื่อหน่ายผู้หญิงแบบนี้มากๆ นอกจากเธอจะกรี๊ดกร้าดหนวกหูแล้ว ยังน่าเบื่ออีกต่างหาก “สรุปฉันขอเปลี่ยนห้องได้ไหมคะ”ณิศราหันไปต่อรองกับพนักงานของโรงแรม แต่คำตอบที่ได้คือ “ห้องเต็มครับ” “โอเค...”ณิศราหันมาถลึงตาใส่คนข้างหลังทันที นั่นมันเพราะนายนั่นแหละ ไม่งั้นฉันคงไม่เป็นแบบนี้แน่ๆ “อย่ามาพาลไม่เข้าเรื่อง อายุก็ไม
@ บ้านหลังใหญ่สไตล์โมเดิร์น... “กายลูกจะไปกี่วัน แม่จะได้เตรียมเสื้อผ้าให้ถูก”ธีรยาเอ่ยขึ้นในเช้าวันหนึ่ง เธอและลูกทั้งสองกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ “ต้องเตรียมไปสิบวันก่อนครับแม่ ผมยังไม่แน่ใจเลยครับ คือว่า...มีปัญหานิดหน่อยครับ”สิ่งที่นายท่านอดัมโทรมาบอกกันต์ธีเมื่อคืน มันทำให้เขารู้สึกไขว้เขวเป็นอย่างมาก อย่างหนึ่งคือบุณคุณ ‘ฝากริต้าหน่อยนะ คนนี้เอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย ยังไงลุงขอให้กายอดทนกับเธอสักหน่อย ถูกตามใจจนเคยตัว’ อีกอย่างหนึ่งก็คือ ‘ความแค้นที่รอการเอาคืนอย่างสาสม’ “มีอะไรเหรอกาย?” ปุณณดาเอ่ยถามอย่างสงสัย “นิดหน่อยครับพี่มิลิน ไปหลายวันผมคิดถึงแม่ครับ”กันต์ธีหลีกเลี่ยงคำตอบที่แท้จริง เขาไม่อยากให้แม่และพี่สาวทุกข์ใจกับเรื่องที่เขาคิดจะทำต่อจากนี้ “กายจะไปสิงคโปร์วันไหน เดี๋ยวพี่ไปส่งที่สนามบิน” “วันจันทร์ครับ” “แล้วไปกับ...เอ่อ...หัวหน้าฝ่ายการตลาดใช่ไหม?”ปุณณดารู้อยู่ก่อนแล้ว ว่าน้องชายเธอกำลังมีปัญหากับณิศราลูกสาวของบ้านนั้น กันต์ธีมักจะเล่าเรื่องราวให้เธอได้ฟังตลอด ปุณณดาห้ามน้องแ
@ แผนกไอที... “มิลิน แกเป็นยังไงบ้าง”กันยกรร้องเรียกเพื่อนสาวทันที เมื่อเห็นใบหน้าสวยแดงกล่ำ ย่ำเท้าก้าวเข้ามาภายในห้องทำงาน ที่ตอนนี้มีกันยกรนั่งรอปุณณดาอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เนื่องจากเป็นเวลาพักกลางวัน “สักครู่...ตัง”ปุณณดานั่งลงบนเก้าอี้อย่างหมดแรง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มันทำให้ปุณณดาเกิดภาวะแพนิคชั่วขณะ เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ ทำไมเขาถึงต้องการที่จะขอโทษเธอ เขาไม่แค้นเธอแล้วหรือ? เขารู้สึกผิดขนาดนั้นเชียวหรือ? “...” กันยกรมองหน้าเพื่อนสาวด้วยความรู้สึกลุ้นระทึกเช่นกัน เมื่อเธอได้ทราบข่าวเม้าท์จากแผนกประชาสัมพันธ์โดยหัวหน้าแผนก ‘มิลินไปทำอะไรให้ท่านประธานไม่พอใจหรือเปล่าไม่รู้...แต่ที่รู้คือตอนนี้โดนเรียกเข้าไปห้องท่านประธานแล้วแก...’ นี่คือสิ่งที่ขาเม้าท์กำลังแพร่กระจายข่าว จนเกิดเป็นวงกว้างในวงการสายนินทาโดยมีหัวข้อ ‘แจ๊คพอตมิลิน!’ “เขาเรียกฉันเข้าไปคุย...ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน”ปุณณดาเริ่มเล่าเรื่องราวเมื่อครู่ให้เพื่อนฟัง กันยกรผ่านทุกเรื่องราวทั้งหมดของเธอมาตลอด เธอจึงไม่คิดที่จะปิดบังเพื่อนรักของเธอเลยแม้แต่นิด
“แต่เขามองแรงจริงๆ นะมิลิน พี่ชักกลัวแล้วสิ...พี่ก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ...รางวัลพนักงานดีเด่นของปีที่แล้วก็การัณตีอยู่...เธอล่ะมิลิน...ไปทำอะไรผิดมาหรือเปล่า...ลองนึกดูสิ ไม่ใช่เรื่องดีเลยนะถ้าท่านประธานจะไม่ชอบหน้าเราน่ะ” “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่...มิลินว่าเขาน่าจะมองเราสองคน ที่พูดกันไม่หยุด รบกวนที่ประชุมมากกว่านะคะ”ปุณณดาหาเหตุระงับเสียงพูดของอีกฝ่าย “อืม...น่าจะใช่...^^” เวลาผ่านไปราว 30 นาที... “คุณปุณณดาคะ...เสร็จจากประชุมท่านประธานเชิญคุณที่ห้องทำงานนะคะ” “คะ? เอ่อ...เรื่องอะไรหรือคะ คือว่าดิฉันไม่น่าจะมีงานที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหารขนาดนั้นนะคะ”ปุณณดาตกใจอย่างที่สุด ที่อยู่ดีๆ เลขาของท่านประธานเดินเข้ามากระซิบบอกเธอ “ดิฉันไม่ทราบค่ะ ท่านให้ดิฉันมาบอกคุณค่ะ เดี๋ยวถ้ายังไงเชิญตามดิฉันมาเลยนะคะ” “อุ้ย! นั่นไง! พี่บอกแล้วไงว่าท่านประธานจะต้องมีอะไรแน่ๆ มิลินเธอทำอะไรผิดไว้หรือเปล่าเนี่ย เธอต้องใจเย็นๆ นะค่อยๆ คิดก่อนพูดนะ...ตายแล้ว! พี่ก็คิดว่าเป็นพี่ซะอีก รอดตัวไป...ขอให้โชคดีนะจ๊ะน้องสาว” “พี่ไปกับมิลิ
อีกด้านหนึ่ง...“เธอแวะทักทายใครเหรอไลลา...เธอรู้จักคนในบริษัทฉันด้วยเหรอ?”“น้องที่ฉันรู้จักมานานแล้ว เราเป็นเพื่อนกันน่ะ”“ฉันไม่ยักรู้นะ...ว่าเธอมีเพื่อนคนอื่นอีก นอกจากฉัน”“ฉันสนิทสนมกันมานานหลายปีแล้ว แต่เผอิญน้องเขาดันมาทำงานที่บริษัทของเธอด้วย”“อืม...”“หนูไลลา...ทำไมไม่ไปยืนข้างๆ ตาแม็กซ์ล่ะลูก ตอนนี้หนูควรจะเปิดตัวได้แล้วนะ”“เอ่อ...หนู”สิ่งที่กิริฎาไม่ชอบมากที่สุดก็คือ ‘การเป็นหุ่นเชิด’ เธอเหนื่อยหน่ายกับสิ่งแบบนี้เหลือเกิน กิริฎาต้องตามใจคนทุกคน เพื่ออะไรกัน? กิริฎาอยากเป็นตัวของตัวเอง เธอไม่ได้ต้องการแบบนี้เลยสักนิด...“เธอต้องฝึกไว้นะไลลา...อีกหน่อยถ้าเธอแต่งงานกับแม็กซ์แล้ว เธอเองก็ต้องออกงานสังคมบ่อยๆ เผลอๆ ฉันว่าเธอจะต้องลาออกจากการเป็นหมอด้วยซ้ำ”“เอาไว้ก่อนเถอะริต้า...การเป็นหมอคือสิ่งที่ฉันรักนะ”น้ำเสียงของกิริฎาเริ่มแข็งขึ้น เธอไม่ชอบให้ใครมาแตะเรื่องอาชีพของเธอเลย ‘กิริฎาจะทนกับผู้คนเหล่านี้ได้มากแค่ไหนกัน’“บ้านเรามีเงินมากพอที่จะเลี้ยงหนูไปทั้งชาติเลยนะ เพราะฉะนั้นแม่ว่า หนูควรจะวางแผนที่จะสร้างครอบครัว และมีลูกกับแม็กซ์ให้พ่อกับแม่ได้ชื่นใจดีกว่านะคะ อีกอย่







