ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อย่างอ่อนเพลียทั้งที่เมื่อคืนเข้านอนเร็วกว่าปกติตั้งหลายชั่วโมง เพราะไม่ได้อ่านหนังสือลากยาวอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ทำไมเช้านี้ฉันถึงปวดเมื่อยไปทั้งตัวก็ไม่รู้ ฉันลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจไปมา หันหน้าไปเจอหนังสือปกหนาดูเก่าแก่และมีมนตร์คลังวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ ฉันก็เข้าใจได้ในทันที
และไม่ว่าเหตุการณ์ในห้องหนังสือของคุณยายจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือว่าฉันแค่มโนไปเอง แต่ดูเหมือนฉันได้ใช้พละกำลังที่มีอยู่ไปมากมายเหลือเกิน และตัวฉันก็กระแทกนั่น กระแทกนี่ทั้งขาไปและขากลับในความฝันนั้น เมื่อหาเหตุผลได้แล้ว ฉันก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมออกไปทำงาน
เช้านี้คงจะเป็นเช้าแรกที่ฉันจะแค่ชงกาแฟดื่มโดยที่ไม่ได้แตะอ่านหนังสือเล่มไหนเลยก่อนออกเดินทาง เมื่อกาแฟอึกสุดท้ายไหลลงคอ ฉันก็พร้อมเริ่มวันใหม่แล้ว
ขณะนั่งรถไฟฟ้า ไม่ใช่สิ! .. ขณะที่ฉันยืนบนรถไฟฟ้า ไปทำงาน ใจก็นึกทวนกลอนบทนั้นอยู่ขึ้นมาอีก
ตาต้องตาสบพักตร์ แปลว่าการที่คนสองได้มาพบเจอกันสินะ .. ใช่มั้ย? ฉันพยายามแปลภาษาโบราณที่กวีชอบใช้เวลาเขียนคำกลอน ตั้งสติดึงสมองส่วนที่เคยได้ร่ำเรียนมาตั้งนมนานแล้วออกมาให้ได้
โอ้ความรักที่รอคอย อันนี้ไม่ยากฉันแปลออกในทันที
ดารารายเคลื่อนคล้อย แปลว่าดวงดาวเคลื่อนที่หรือเปล่านะ การโคจรของดวงดาวสิท่า
คู่แท้พลอยพานพบเอย อันนี่แหละบทสรุป มันแปลว่าฉันกำลังจะได้เจอคู่แท้อย่างนั้นเหรอ เพราะเดฟบอกว่า ( โอ้ว .. ให้ตายเถอะ ฉันนึกถึงกระต่ายตัวน้อยพูดได้แบบหน้าตาเฉย แบบนี้ได้อย่างไรกันนะ ) ช่างเถอะ ..
เดฟบอกว่า กลอนบทนี้เป็นคำทำนายของฉัน แล้วฉันก็นึกถึงคำทำนายของแม่หมอคนล่าสุด .. หรือว่าฉันต้องกลับไปหาเธออีกครั้งเสียแล้ว เพื่อให้ไขความกระจ่างใจให้ที
แล้วพอฉันนึกไปถึงเงื่อนไขแปลกประหลาดที่เธอบอกให้ทำ ฉันก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ไม่เอาดีกว่า
ในขณะคิดปฏิเสธฉันก็รู้สึกคันยุบยิบขึ้นมาตรงบริเวณที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกาย บ้าจริง! .. พักนี้ฉันคันคะเยอเลย แล้วฉันก็อายหน้าแดงอยู่คนเดียว
ฉันมีหนังสืออยู่กับมือแล้ว ฉันจะหาคำตอบด้วยตัวเอง ขณะที่ฉันทำข้อตกลงกับตัวเองอยู่ จู่ ๆ ชายร่างใหญ่ที่นั่งหลับเป็นตายไม่ได้สติอยู่ตรงหน้าก็ลุกขึ้นยืน เขาหยิบกระเป๋าสะพายที่กอดไว้บนหน้าตักพาดขึ้นไหล่ ขยับกางเกงขายาวให้เข้าที่ดูแล้วไม่มีท่าทางงัวเงียเลยแม้แต่น้อย แล้วเขาก็เดินออกจากรถไฟไปในทันทีที่ประตูเปิด .. หูเขาคงดีมากจริง ๆ ฉันเผลอตัดสิน
ฉันเหลือบตามองตามเขาเดินจากไปเล็กน้อย ก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งทับที่ของเขา นี่เขาแกล้งหลับมาตั้งนานเลยหรือไงนะ ฉันคิดอีกแค่แวบเดียวก็หลับตา
กลอนบทนั้นหลอกหลอนฉันทั้งวันเลย ไม่ว่าฉันจะจัดหนังสืออยู่ หรือว่านั่งกินข้าวอยู่ ก็เป็นต้องคอยนึกแปลความหมายของกลอนบทนี้อยู่เรื่อยเลย จริงอยู่ที่ฉันนึกอยากมีความรักกับเขาบ้าง เพราะอย่างที่รู้ ตั้งแต่โตมาจนป่านนี้ฉันยังไม่เคยมีความรักเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่า .. ใครจะมารักฉันนะ
มันรวมถึงเรื่อง .. ฉันจะไปรักใครเข้า ก็ยังไม่เคยมีเลย!
ฉันแค่อยากรู้ว่า .. ความรักที่เขาว่ามันงดงามนัก ความจริงแล้วมันจะเป็นอย่างไรเท่านั้นเอง
แม่บอกว่า เป็นเพราะฉันเติมเต็มตัวเองจนล้นแล้วมากกว่า ฉันก็เลยไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเติมอะไรให้กับฉันอีก เรื่องนั้นมันก็อาจจะจริงอย่างที่แม่ว่า ฉันอยู่คนเดียวได้ โดยไม่เคยรู้สึกเศร้าหรือว่าเหงาเลยแม้แต่น้อย จะว่าไปฉันก็ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้อยู่เหมือนกัน
เพียงแต่พอเวลาผ่านมาเรื่อย ๆ ฉันก็เริ่มอยากแชร์ความสุขที่ฉันมีให้กับใครสักคนที่เขารักฉัน และฉันก็รักเขา แบบว่าไม่ต้องชอบอะไรเหมือนกันกับฉันก็ได้ แต่แค่ตกหลุมรักในตัวของอีกฝ่ายแบบไม่มีเงื่อนไข แบบหลงรักกันจนทำให้สามารถเรียนรู้และรักโลกของอีกฝ่ายได้ แม้จะไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมารักมาชอบอะไรแบบนี้ได้เลย
อะไรประมาณนั้นน่ะ .. ฉันว่ามันโรแมนติกมาก
ฉันฝันเฟื่องคิดไปว่ามันก็คงจะดีไม่น้อยเลย ฉันก็เลยไปดูดวง เพราะฉันชอบโหราศาสตร์ และอยากสื่อถึงอะไรบางอย่างได้ที่ฉันเชื่อว่ามันมี แต่ฉันมองไม่เห็น นั่นแหละคือสาเหตุ
ฉันเขียนกลอนบทนั้นลงกระดาษแผ่นใหญ่ แล้วติดมันเข้าไปที่กระดานดรีมบอร์ดเหนือคอมพิวเตอร์ของฉัน ให้มันรวมอยู่กับบรรดาความปรารถนาทั้งหลายแหล่ของฉันบนนั้น ฉันถึงขั้นเพ้อหนัก นั่งมองมันนิ่ง ๆ มาหลายวันแล้วเวลากลับจากทำงาน ทั้งที่มันไม่ได้ทำให้มีอะไรเกิดขึ้นเลย
จนเย็นวันนี้ ฉันเลิกงานตามปกติจากหอสมุดใหญ่กลางเมือง ฉันปฏิเสธที่จะไม่ไปทานข้าวร่วมกับเพื่อนร่วมงาน เอ๊ะ .. ขอเปลี่ยนคำพูดให้ถูกต้องดีกว่า ปฏิเสธไม่ไปทานข้าวกับพี่ร่วมงาน ที่นี่มีฉันคนเดียวที่อายุน้อยที่สุดแล้ว
เย็นนี้คุณรุ่นพี่รุ่นใหญ่ที่ทำงานออกปากชวนฉันไปกินข้าวร่วมกับแผนกอื่นอีกสามสี่คน แต่ฉันไม่สะดวกใจ ฉันเลยปฏิเสธ รุ่นพี่คนเดียวในหอสมุดแห่งนี้ที่ฉันสังสรรค์ด้วย คือคุณยายเท่านั้น ไม่มีเหตุผลใดเป็นพิเศษ ฉันแค่สุขใจที่จะทำแบบนี้
.. ไม่เป็นไรหรอกพวกเขาน่าจะชินแล้วนะ
ดังนั้นพอเคลียงานที่เป็นหน้าที่ของฉันจนเสร็จสิ้น ฉันก็รวบข้าวของส่วนตัวลงกระเป๋าสะพายปากกว้างคู่ใจ เดินดุ่ม ๆ ตรงไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับคอนโดในทันที
เมื่อฉันก้าวขาเข้าห้องอันเงียบสงบของตัวเองได้ ร่างกายก็ผ่อนคลายลงอย่างชัดเจน ความเงียบและความเป็นส่วนตัวช่วยบรรเทาฉันได้จริง ๆ แล้วก็ต้องนึกขำความประหลาดของตัวเอง ขนาดฉันได้ทำงานอยู่กับกองหนังสือทั้งวี่ทั้งวันแทบไม่ได้พูดคุยกับใครอยู่แล้ว แต่ก็ยังโหยหาความสงบเงียบเพื่อการผ่อนคลายอีกหรือนี่
แหม .. มันจะมากเกินไปแล้วนะยัย ลลิตา
นึกล้อเลียนตัวเองอยู่ครู่เดียว ก็กลับมาเข้าโหมดสงสัยใคร่รู้อีกแล้ว ฉันต้องการนั่งจมอยู่ในห้วงเวลาของตัวอักษรให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ฉันจึงรีบจัดแจงอาบน้ำอาบท่า กินมื้อค่ำให้เรียบร้อยภายในเวลาที่สั้นมากอย่างเหลือเชื่อ แล้วก็คว้าตำราเล่มใหญ่เล่มนั้นมานั่งคลุกอยู่ในผ้าห่มผืนหนาบนเตียงนอน เปิดแอร์เย็นฉ่ำชื่นใจ
เอาล่ะ! .. ฉันพร้อมแล้ว
ฉันเปิดหนังสือปกหนาออก เสียงของสันปกดูดกับกระดาษรองปกเสียงดังเสียจนฉันตกใจ นึกว่าฉันทำสมบัติล้ำค่าของคุณยายเสียหายเสียแล้ว พอตรวจดูพบว่าหน้ากระดาษยังอยู่ในสภาพปกติก็โล่งอก นิ้วมือของฉันจึงค่อย ๆ ไล้ไปที่ริมขอบของกระดาษด้วยความละเมียด เปิดหน้ากระดาษไปทีละหน้า วันนี้ฉันจะเริ่มอ่านตำนานของไพ่ทาโร่ต์ก่อนเลย
ในหนังสือกล่าวว่า ศาสตร์ของไพ่ทาโร่ต์เกิดขึ้นจากผู้วิเศษ ณ ดินแดนอันไกลโพ้นและมีมาช้านานโดยที่ไม่มีใครสามารถระบุวันเวลาที่แน่นอนได้ จนกระทั่งถูกถ่ายทอดมายังดินแดนของมนุษย์เมื่อไม่กี่ชั่วอายุคน
ตามตำนานเล่าว่ามนุษย์กลุ่มแรกที่ค้นพบคือ พวกยิปซีเร่ร่อน ไม่มีที่พักพิงเป็นหลักแหล่งแน่นอน คาดกันว่าชาวยิปซีที่ว่านี้เป็นชาวอินเดียที่พเนจรไปทั่ว ทั้งอาหรับ อียิปต์และเปอร์เซีย จนกระทั่งศาสตร์แห่งการพยากรณ์ศาสตร์นี้ได้รับการนิยมและเผยแพร่ไปทั่วโลก
ดั่งถูกมนตร์สะกด! ฉันหลงเข้าไปในถ้อยคำที่กำลังอ่านอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ฉันไล่สายตาไปยังบรรทัดถัดไปโดยไม่ยอมละสายตาเลย
บนหน้ากระดาษเขียนว่า (ฉันขมุบขมิบปากอ่านออกเสียงเบา ๆ ) ไพ่ทาโรต์เทียบกับดวงดาว
ว้าวววว .. มันจะตื่นเต้นไปกันใหญ่แล้ว
เลื่อนสายตาตามลงมา
ตำรากล่าวว่า ไพ่THE SUN เทียบได้กับดาวอาทิตย์ มีความหมายถึงเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ ความโด่งดัง ความเป็นใหญ่ ความสำเร็จ
ไพ่THE HIGH PRIESTESS (มาแล้ว ๆ ไพ่ใบที่ฉันชอบ ) เทียบได้กับดาวจันทร์ อู้วว.. งดงาม ฉันชอบเธอจัง! .. ฉันอ่านต่อ ความหมายคือความอ่อนไหว สับสน เรรวน ปรวนแปร (เอาล่ะ! .. ฉันเริ่มคิ้วผูกโบอีกแล้ว) สูดหายใจเข้าออกแล้วอ่านต่อไป ความลี้ลับ ความเพ้อฝันช่างจินตนาการ โอเค .. ฉันชอบ
กวาดสายตาอ่านต่อ ไพ่TOWER เทียบได้กับดาวอังคาร มีความหมายถึงเรื่อง ความเสียหาย โค่นล้ม พังทลาย ความสูญเสีย อุบัติเหตุ การผ่าตัด ทะเลาะวิวาท ( ไพ่ใบนี้น่ากลัวจังฉันรีบเลื่อนตาโดยไว )
ไพ่THE MEGICIAN เทียบได้กับดาวพุธ มีความหมายถึง การเจรจา ความคิดสร้างสรรค์ มีไอเดียตลอดเวลา เฉลียวฉลาดมีสติปัญญาล้ำเลิศ หมายถึงนักโหราพยากรณ์ด้วย
ใบต่อไป ไพ่THE WHEEL OF FORTUNE เทียบได้กับดาวพฤหัส มีความหมายถึง มรดก อสังหาริมทรัพย์ หลักทรัพย์ก้อนใหญ่ โชคลาภ
ไพ่ใบต่อมา ไพ่ THE EMPRESS เทียบได้กับดาวศุกร์ มีความหมายถึง ความรัก (ฉันฉีกยิ้ม ฉันเองก็ชอบดาวศุกร์นะ แบบนี้ฉันจะชอบไพ่ใบนี้ด้วยก็แล้วกัน ) ฉันอ่านต่อ หมายถึง การแต่งงาน ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ การเป็นแม่ .. ดีจัง
ฉันอ่านต่อไป พลางไถตัวเลื่อนลงต่ำไปเรื่อย ๆ จากทีแรกนั่งหลังตรงพิงหมอน ตอนนี้ฉันนอนเอนกายเรียบร้อยแล้ว เอามือขยี้ตาเบา ๆ สองสามที รู้สึกตาแห้งมากเลย แอร์มันเป่ามาโดนตาฉันแหงเลย แล้วก็เพ่งอ่านต่อไป
ไพ่ THE WORLD เทียบกับดาวเสาร์ อืม ..ฉันพอรู้จักอยู่นะดาวเสาร์แปลว่า ดาวโทษทุกข์ ยาวนาน ต้องฟันฝ่า ฉันอ่านเรื่อยไป ไพ่ THE FOOL เทียบกับดาวยูเรนัส ไพ่ THE HANGMAN เทียบดาวเนปจูน และเอ่อ .. ฉันเพ่งสายตาอีกรอบ ไพ่ THE JUDGEMENT เทียบกับดาว พ พ พลูโต ..
โลกตรงหน้าฉันดับวูบ!
สี่ไม้เท้า ห้าถ้วย และสามถ้วย ฉันจ้องมองหน้าไพ่ทาโร่ต์ที่ฉันสั่งมาทางออนไลน์ เพราะในที่สุดฉันก็แพ้ความปรารถนาของตัวเอง เช้านี้หลังจากตื่นมาอย่างสดชื่นแบบไม่มีเสียงนาฬิกาปลุก เพราะเป็นวันหยุดงานวันแรกของฉัน และพึ่งบอกปฏิเสธการไปทริปครอบครัวที่ญี่ปุ่นกับแม่ไปเรียบร้อย โดยบอกว่าฉันนัดกับลิลลี่เอาไว้ก่อนแล้ว แม่ไม่ตัดพ้อไม่ต่อว่า แม่แค่บอกว่าอยากให้ฉันออกไปท่องเที่ยวบ้าง และพอรู้ว่าฉันมีแผนอยู่แล้วแม่ก็โล่งใจ ตอนนี้ฉันยังไม่มีจิตใจจะไปท่องเที่ยวที่ไหน นอกจากที่นั่นอีกแล้ว .. น้ำเสียงแม่ก็ดูปกติดีบอกว่าคิดถึงฉัน ฉันเองก็คิดถึงท่านทั้งสอง ไว้ฉันจะไปชดเชยให้ทีหลัง จากนั้นฉันจึงนั่งลงทำใจให้สงบแล้วลองจับไพ่ดูบ้าง ฉันทดลองสับไพ่อย่างที่เคยเห็นผู้ทำนายแต่ละคนทำ ดูเหมือนง่ายดายแต่เอาเข้าจริงไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย ไพ่ร่วงกราวใบแล้วใบเล่า จนฉันต้องตั้งสติและค่อยเป็นค่อยไป เมื่อสับไพ่ได้จนพอใจแล้ว ฉันก็คลี่ไพ่บนโต๊ะทำงานของฉัน คลี่มันออกเป็นครึ่งวงกลมอย่างที่ฉันเคยเห็นเดฟทำประจำเลย
ฉันตื่นขึ้นอีกครั้งในเวลาเช้ามืดก่อนนาฬิกาจะปลุกเสียอีก ซึ่งนั่นเป็นที่น่าแปลกใจอยู่มาก เพราะโดยปกติถ้าฉันเข้านอนดึกมากอย่างเมื่อคืนล่ะก็ .. ฉันจะนอนลากยาวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวไปจนถึงเที่ยงวัน คงเป็นเพราะขณะนี้หัวใจของฉันว้าวุ่นไปหมด ฉันนึกถึงคำพูดและแววตาห่วงหาอาลัยของเขาอย่างแจ่มชัดทันทีที่ลืมตาตื่น นี่ฉัน .. กำลังคิดถึงชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่จริง ๆ เหรอ มันเป็นเรื่องใหญ่และใหม่มากเลย สำหรับผู้หญิงที่มีชีวิตวนเวียนซ้ำซากอย่างฉัน แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ใช่ชายหนุ่มทั่วไป แต่ .. แต่เขา .. เป็นชายที่งดงามที่สุดเลย ฉันขอใช้คำนี้เลยแล้วกันเพราะมันบอกความเป็นท่าน เอเดนได้ตรงใจฉันที่สุดแล้ว ท่าน เอ เดน .. ฉันเอ่ยเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ในใจ พลางยิ้มด้วยความเขินอาย เปิดผ้าห่มออกและก้าวขาอย่างมั่นใจไปยังระเบียง เมื่อแหวกเปิดม่านออก บรรยากาศภายนอกสดชื่น โลกของฉันก็มีอากาศแบบนี้ด้วยเหมือนกันนะฉันไม่ยักสังเกต ปกติก็หายใจเข้าออกทุกวันไปอย่างอัตโนมัติไม่เคยได้ฉุกคิด หรือหยุดซาบซึ้งกับอะไรพวกนี้เลย ฉันคิดแล้วสูดมันเข้าไปใ
เมื่อฉันคลายข้อข้องใจลงแล้ว ฉันก็ลองถามคำถามตรงหน้าดูว่าไพ่ทั้งสามใบนั้นหมายถึงอะไร “ไพ่เด็กถือไม้ หมายถึง การริเริ่ม ริรักขอรับ ใบนี้คือ หนึ่งเหรียญ หมายถึงของมีค่า ของรักหรือการพบนางหรือชายในฝัน และใบนี้ใบสุดท้ายคือ สองดาบ หมายถึง ความวิตกกังวล คิดอะไรไม่ถูกมองอะไรไม่ออก สับสนลังเล ขอรับคุณผู้หญิง อยากให้ข้า เอ่ยคำพยากรณ์ออกมาหรือไม่ขอรับ” กระต่ายน้อยถามฉันด้วยอาการมีเลศนัย ฉันอึกอักบอกใบ้ว่าไม่ต้อง พร้อมกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ฉันได้ยินเสียงกระถางต้นไม้หล่นลงพื้นบริเวณสวนหน้าบ้าน ท่านเอเดนออกไปทำอะไรเสียนานสองนาน นั่นเขาจะพังสวนของเขาหรือไงกันนะ ฉันคิดพลางลนลานเปลี่ยนเรื่องคุย แล้วฉันก็พุ่งเป้าไปที่เจ้าของคนเดิมของหนังสือเล่มนั้น ใช่สิ! .. คุณยายล่ะ “ขอถามอีกเรื่องได้มั้ยคะ” ฉันนึกเกรงใจเดฟขึ้นมานิดหน่อย คนรอบตัวฉันบางทีก็แสดงอาการระอาใจกับเรื่องความขี้สงสัย อยากรู้ไปเสียหมดของฉัน ฉันจึงขออนุญาตถามเขาอีกที “ได้เสมอขอรับ คุณผู้หญิง” เดฟสุภาพจนฉันชักจะเกรงใจเขาขึ้นมาจริง ๆ แล้ว ฉันจะถามแต่คำถ
ราวกับฉันหลุดไปอีกโลกหนึ่งอีกครั้งเสียแล้ว ฉันจะเลิกประหลาดใจกับดินแดนแห่งความหวังแห่งนี้ได้เมื่อไหร่กันนะ วิหารหินและบรรยากาศแสนสดชื่นเมื่อครู่นี้ คล้ายจะธรรมดาไปเลย เมื่อเทียบกับสถานที่ตรงหน้า บ้านเมืองที่นี่ .. จะเรียกว่าไงดี ให้ตายเถอะ .. คุณพระช่วย .. มัน .. ว้าววว!! ฉันปล่อยมือจากการเกาะเกี่ยวบุรุษหนุ่มรูปงาม แล้วหันมาเพลิดเพลินเจริญใจกับสิ่งตรงหน้า ราวกับว่าตัวฉันกำลังหลุดไปอยู่ในเทพนิยายเสียแล้ว สองข้างทางเต็มไปด้วยบ้านเรือนที่สร้างจากก้อนหินทรงสี่เหลี่ยมสีขาวปนครีม แต่เมื่อถูกแสงอาทิตย์อัสดงฉาบทาก็มองคล้ายเป็นสีทองอร่ามไปทั่ว ตามกำแพงบ้านมีดอกไม้บานสะพรั่งเลื้อยเกาะคลุมไปทั่ว บางจังหวะดอกไม้ก็ยอมเว้นช่วงเผยให้เห็นความงามและความแข็งแกร่งของกำแพงอิฐ ไฟสีทองนวลตาถูกเปิดต้อนรับรัตติกาลแล้วในขณะนี้ มันอาบย้อมบรรยากาศทั้งเมืองให้สว่างไสว คล้ายต้องการส่องสว่างโชว์ให้ที่แห่งนี้นั้น โดดเด่นที่สุดในจักรวาล มันสวยงามจนฉันอ้าปากค้างตกตะลึง เขาทั้งสองเ
ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงกับภาพตรงหน้า จึงรีบหลุบตามองต่ำหัวใจเต้นแรง แล้วก็ทำใจกล้าเหลือบตามองไปยังที่แห่งนั้นอีกครั้ง ชายหนุ่มรูปงาม โอ้ว .. เขารูปงามมาก ๆ ฉันไม่อาจนึกได้เลยว่า เคยเห็นเค้าโครงหน้าและรูปร่างที่งดงามขนาดนี้มาบ้างหรือเปล่า อาจจะเคย .. แต่ก็เป็นเพียงในจินตนาการจากการอ่านนิยายของฉันเท่านั้น แต่นี้ .. มันอะไรกัน เขานั่งคุกเข่าข้างเดียวทำท่าทางเหมือนกำลังคุยปรึกษากับเดฟอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ฉันจะปรากฏกาย ในขณะที่ฉันกำลังใจเต้นระส่ำ ชายคนนั้นก็ยืนขึ้น เขาเองก็จ้องฉันไม่วางตาเช่นกัน เขาคงตกใจและสงสัยแน่นอนว่าฉันเป็นใคร เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำทับด้วยกั๊กสูทสีเทาพอดีตัว และกางเกงขายาวสีดำ ดูเป็นทางการแต่ก็ลำลองในทีอยู่ด้วยเหมือนกัน มันเป็นสไตล์แบบไหนกัน ฉันไม่ค่อยรู้เรื่องแฟชั่นเท่าไหร่นัก ถ้าเป็นลิลลี่เพื่อนรักล่ะก็เธอต้องรู้แน่ ฉันเหลือบมองตัวเองอยู่ครู่หนึ่งนึกขอบคุณตัวเองมากเหลือเกิน ที่วันนี้ฉันเลือกชุดนอนเป็นชุดกระโปรงสีครีมผ้าสองชั้น ชายกระโปรงยาวกรอมเท้า แขนเส
ช่วงนี้ฉันหมกมุ่นอยู่กับตำราเล่นนั้นมากเหลือเกิน ทุกเย็นเมื่อเลิกงานฉันจะรีบตาลีตาเหลือกกลับคอนโด ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบอะไรนักหนา เพราะถึงอย่างไรฉันก็ไม่มีนัดกับใคร ไม่ต้องคอยทำอาหารปรนนิบัติใครทั้งสิ้น ฉันก็มีเพียงแค่ตัวฉันเองคนเดียว ขนาดลิลลี่เพื่อนรัก โทรมาชวนออกไปดินเนอร์ (เธอบอกกับฉันแบบนั้น ) ฉันยังบอกปัดเธอไปเลย ว่าช่วงนี้ฉันยุ่ง .. แล้วลิลลี่เพื่อนรักก็สวนกลับทันควัน ว่าฉันไม่มีทางยุ่งได้หรอก ซึ่งนั่นก็จริง เพราะเธอรู้จักวงเวียนชีวิตอันเรียบง่ายของฉันดี แต่เธอก็ไม่เซ้าซี้ต่อแล้วบอกว่าจะรอให้ฉันออกปากชวนเองก็แล้วกัน นี่แหละเธอจึงเป็น ลิลลี่เพื่อนรักตลอดกาลของฉัน ตำแหน่งนี้ฉันยกให้เธอคนเดียว เมื่อมาถึงคอนโดฉันก็เร่งรีบจัดการธุระส่วนตัว ถึงฉันจะอยากฉวยหนังสือออกมานั่งอ่านสักเพียงใด แต่ฉันก็มีนิสัยต้องอาบน้ำก่อนขึ้นเตียงนอนทุกครั้งหลังกลับจากข้างนอก และฉันไม่เคยทำลายกฎที่ฉันสร้างมันขึ้นมาเลยสักครั้ง ฉันรักความสะอาดสุด ๆ บางทีสิ่งนี้อาจจะมาจากการเป็นลูกสาวของคุณหมอทั้งสองก็เป็นได้ เมื่อเร