“ชอบไหมจ๊ะ” เยาวมาศเอ่ยถามอย่างเมตตาหลังพาเหมยลี่มาเก็บข้าวของ พร้อมสั่งให้คนรับใช้ช่วยจัดแจงสิ่งของให้เรียบร้อย สีหน้าของเด็กสาวดูผ่อนคลายขึ้นจากตอนแรกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเศร้าหมอง
“ขอบคุณคุณป้ากับคุณลุงมากนะคะที่ช่วยหนูไว้ หนูอยู่ที่ไหนก็ได้จริง ๆ ค่ะ”
“เหมย ป้าอยากบอกเหมยตามตรงนะ ว่าที่ป้ากับลุงช่วยเหมยไม่ใช่แค่เพราะเป็นคำขอของคุณเฉียนกับคุณวิ แต่ป้าเอ็นดูเหมยจริง ๆ นะลูก สำหรับป้าหนูเป็นเด็กที่น่ารัก กิริยามารยาทก็ดี หนูทำให้ป้าอยากมีลูกสาวอีกคนเลยนะ”
“...” เหมยลี่ที่เงียบฟังอยู่ครู่หนึ่งเริ่มน้ำตาคลอ ความอบอุ่นของคนตรงหน้าแทรกซึมเข้าโอบกอดหัวใจที่แตกสลายของเธออย่างอ่อนโยน ยากเหลือเกินที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ไหว
“เฮ้อ ถึงอยากจะมีตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วละ อายุอานามป้าก็ขนาดนี้แล้วนี่นะ หนูจะว่าอะไรไหมถ้าป้าขอให้หนูมองป้าเหมือนเป็นแม่อีกคน ไม่ต้องเรียกป้าว่าแม่ก็ได้ แต่แค่ให้รู้ไว้ว่าป้ารักหนูเหมือนลูก” หญิงวัยกลางคนลูบศีรษะเด็กน้อยที่เวลานี้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างสุดทน
“ฮึก หนูไม่เหลือใครแล้ว พวกญาติ ๆ ก็ไม่มีใครอยากเอาหนูไปอยู่ด้วยสักคน ทุกคน...ฮึก มองว่าหนูเป็นตัวภาระ”
ถึงจะยังเป็นเด็กแต่เหมยลี่ก็พอจะมองสายตาของบรรดาญาติคนเคยสนิทออก คนพวกนั้นต่างเข้าหาพ่อกับแม่เธอเมื่อยามมีผลประโยชน์ ไม่มีใครที่จริงใจเลยสักคน ยกเว้นก็แต่คนครอบครัวนี้ที่อยู่เคียงข้างเธอมาตั้งแต่งานศพคืนแรกจวบจนคืนสุดท้าย
“ไม่ต้องร้องนะลูก ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา เพราะสำหรับป้าหนูไม่ใช่ภาระเลย และป้าก็เชื่อว่าต่อไปเมื่อหนูเติบโตขึ้น หนูจะเป็นคนที่ทุกคนรักและเอ็นดู ไม่มีใครมาตั้งท่ารังเกียจหนูอย่างแน่นอน”
“แต่ตอนนี้...มีแต่คนรังเกียจหนู โดยเฉพาะคุณเหม”
คำตัดพ้อนั้น พานให้ขาสองข้างของใครบางคนพลันหยุดชะงัก!
เหมราชตั้งใจจะเดินไปหาแม่ตนกับเหมยลี่ ครั้นได้ยินชื่อเขาในบทสนทนาเสียก่อนเลยจำต้องเสียมารยาทแอบฟังอยู่ห่าง ๆ
“ตาเหมน่ะเหรอ อย่าไปถือสาพี่เขาเลย พี่เขาน่ะเป็นคนจริงจังกับทุกอย่าง ตอนนี้เพิ่งเรียนจบก็เลยเครียด ๆ เรื่องงาน เหมยไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ”
เหมยลี่ก้มหน้าลงต่ำ พูดเบา ๆ “แต่...คุณเหมไม่ชอบหนู”
ยัยเด็กขี้ฟ้อง!
คนที่แอบฟังถึงกับถลึงตามองเด็กสาวอย่างคาดโทษ
“เชื่อป้าเถอะ ตาเหมไม่ได้ไม่ชอบหนูหรอกนะ พี่เขาแค่แสดงออกไม่เป็น เอาอย่างนี้ป้าว่าเราอย่าคุยเรื่องเครียดกันเลยดีกว่า นี่ไงจ๊ะ แปลงดินที่ป้าบอก” เยาวมาศชี้ผืนดินเปล่าตรงหน้า “เหมยชอบดอกไม้ไหมลูก เดี๋ยวป้าจะได้เอาเมล็ดพันธุ์มาโปรย ๆ เอาไว้ เวลามองดอกไม้สวย ๆ หนูจะได้สดชื่นด้วย”
“ชอบค่ะ คุณป้าก็ชอบเหรอคะ” เหมยลี่ตอบ ปกติเธอมักจะคอยช่วยแม่รดน้ำต้นไม้ดอกไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ มาโดยตลอด ในเมื่อที่บ้านเล็กมีพื้นที่บ้างก็ดี เธอจะได้มีอะไรทำ ไม่ต้องฟุ้งซ่านคิดถึงพ่อแม่อีก
“ใช่จ้ะ เอาอย่างนี้นะเหมย รอป้าที่นี่แป๊บเดียวเดี๋ยวป้ากลับไปเอาเมล็ดพันธุ์ที่ตึกใหญ่มาให้ เรามาช่วยกันปลูกดอกไม้นะจ๊ะ” เยาวมาศส่งยิ้มจริงใจให้จนเหมยลี่เริ่มจะยิ้มออก
“ค่ะคุณป้า” เด็กสาวยิ้มรับคำเบา ๆ
ทว่าเมื่อคล้อยหลังเยาวมาศได้ไม่นาน รอยยิ้มสุภาพพริ้มเพรากลับต้องหุบลงทันที เนื่องเพราะบุคคลที่เธอคิดว่าเขาไม่ต้อนรับการมาของเธอมากที่สุด ตอนนี้กำลังจ้องเขม็งมาอย่างคาดโทษ เหมราชเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าจนทำให้คนตัวเล็กเริ่มทำอะไรไม่ถูก
“คุณเหมมีธุระอะไรกับเหมย...”
“ขี้ฟ้องเหมือนกันนี่” ชายหนุ่มกระตุกยิ้มพลางพินิจมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กคนนี้ใกล้ ๆ
ในความทรงจำของเขา เหมยลี่เป็นเสมือนตัวแทนของความสดใสร่าเริง ทุกครั้งที่เจอกันเจ้าตัวมักจะแย้มยิ้มพริ้มเพราน่าเอ็นดู แต่เวลานี้เจ้าตัวกลับมีแต่ความเศร้าหมองอยู่บนใบหน้าจนเขาเองยังอดใจหายไม่ได้
“คะ?”
“ที่บอกแม่ฉันว่าฉันไม่ชอบเธอน่ะ ดูออกขนาดนั้นเลย?” ชายหนุ่มยิงคำถามกลับ เขาไม่ใช่คนช่างอธิบาย และก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องมาโอ๋เธอเหมือนพ่อกับแม่ด้วย
“เอ่อ คือเหมย เหมยขอโทษค่ะ” รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ถูกต้อง เธอมาอยู่บ้านพ่อแม่ของเขาแท้ ๆ ยังจะกล้าพูดถึงเขาในแง่ลบแบบนั้นอีก
“เอาจริง ๆ ฉันเองก็ไม่ได้ชอบที่มีเด็กจากไหนไม่รู้มาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ฉันก็ไม่ได้จะใจร้ายกับเธอหรอกนะ เพราะรู้ดีว่าพ่อแม่เธอมีบุญคุณกับบ้านฉันมาก” เหมราชเอ่ยตามตรง
“คะ?” เหมยลี่เงยหน้ามองอย่างคาดไม่ถึง
“ต่อไปนี้เธอก็อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องฉัน ขอแค่ต่างคนต่างอยู่ อย่ามาวุ่นวายกันให้ฉันรำคาญใจก็พอแล้ว” คนอายุมากกว่าพูดอย่างใจเย็น ถึงอย่างไรเหมยลี่ก็เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง
“ขอบคุณนะคะ...ฮึก” อุตส่าห์พยายามเก็บกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลไว้ตั้งนาน พอเจอคำพูดกระด้างหูที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นจากเหมราช ก็ทำเอาเธอไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้อีกเลย
“ฉิบหาย” ชายหนุ่มสบถเสียงแผ่วเบาเมื่อเห็นว่าเหมยลี่ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ใครมาเห็นคงหาว่าเขารังแกเด็กเป็นแน่ แต่จะให้ปลอบก็ทำไม่เป็นอีก
ชายหนุ่มตัดสินใจทำสิ่งที่คิดว่าปัญญาอ่อนที่สุด ทว่า...เขาก็ไม่มีวิธีอื่นแล้วเหมือนกัน
“อะนี่… กินซะจะได้อารมณ์ดี” เหมราชยื่นมือออกไป เห็นเหมยลี่เอาแต่เงียบมองลูกอมรสสตรอว์เบอร์รีบนมือเขาตาปริบ ๆ ชายหนุ่มจึงยัดมันใส่มือเธอทันที
“ขอบคุณค่ะ” เหมยลี่เงยหน้ามองคนตัวสูงด้วยความซาบซึ้ง และก็ต้องหัวใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อมือข้างหนึ่งของเหมราชเอื้อมมาลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา...
“เธอไม่เหมาะกับน้ำตาหรอก เวลาเธอยิ้มน่ารักกว่าเยอะเลยนะ”
“ชอบไหมจ๊ะ” เยาวมาศเอ่ยถามอย่างเมตตาหลังพาเหมยลี่มาเก็บข้าวของ พร้อมสั่งให้คนรับใช้ช่วยจัดแจงสิ่งของให้เรียบร้อย สีหน้าของเด็กสาวดูผ่อนคลายขึ้นจากตอนแรกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเศร้าหมอง“ขอบคุณคุณป้ากับคุณลุงมากนะคะที่ช่วยหนูไว้ หนูอยู่ที่ไหนก็ได้จริง ๆ ค่ะ”“เหมย ป้าอยากบอกเหมยตามตรงนะ ว่าที่ป้ากับลุงช่วยเหมยไม่ใช่แค่เพราะเป็นคำขอของคุณเฉียนกับคุณวิ แต่ป้าเอ็นดูเหมยจริง ๆ นะลูก สำหรับป้าหนูเป็นเด็กที่น่ารัก กิริยามารยาทก็ดี หนูทำให้ป้าอยากมีลูกสาวอีกคนเลยนะ”“...” เหมยลี่ที่เงียบฟังอยู่ครู่หนึ่งเริ่มน้ำตาคลอ ความอบอุ่นของคนตรงหน้าแทรกซึมเข้าโอบกอดหัวใจที่แตกสลายของเธออย่างอ่อนโยน ยากเหลือเกินที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ไหว“เฮ้อ ถึงอยากจะมีตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วละ อายุอานามป้าก็ขนาดนี้แล้วนี่นะ หนูจะว่าอะไรไหมถ้าป้าขอให้หนูมองป้าเหมือนเป็นแม่อีกคน ไม่ต้องเรียกป้าว่าแม่ก็ได้ แต่แค่ให้รู้ไว้ว่าป้ารักหนูเหมือนลูก” หญิงวัยกลางคนลูบศีรษะเด็กน้อยที่เวลานี้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างสุดทน“ฮึก หนูไม่เหลือใครแล้ว พวกญาติ ๆ ก็ไม่มีใครอยากเอาหนูไปอยู่ด้วยสักคน ทุกคน...ฮึก มองว่าหนูเป็นตัว
โลกทั้งใบของเธอได้แตกสลายไปแล้ว...รอยยิ้มของเด็กวัยสิบสองปีไม่มีเหลืออยู่บนใบหน้าเหมยลี่อีกต่อไป เธอได้แต่ตั้งคำถามในสิ่งที่ต่อให้ตายไปก็ไม่มีวันได้รับคำตอบ นั่นคือ พ่อกับแม่ทิ้งเธอไปแบบนี้ได้อย่างไรเธอรู้ว่าพวกท่านมีเรื่องราวหนักใจ รู้ว่าทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาคงหนักหน่วงจนท่านทั้งสองแบกรับเอาไว้ไม่ไหวแต่ว่า...ความตายคือทางออกที่ดีแล้วอย่างนั้นหรือทิ้งลูกสาวเพียงคนเดียวให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวทำให้พวกท่านหมดทุกข์หมดโศกได้จริง ๆ ใช่ไหม เหมยลี่คงไม่เจ็บปวดขนาดนี้เลยหากพวกท่านพาเธอไปด้วยกันในคราวเดียวเด็กอย่างเธอไม่มีปัญญาช่วยกอบกู้ธุรกิจของทางบ้าน แต่อย่างน้อยเธอก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างพ่อแม่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายตอนนี้เธอไม่ใช่ ‘เหมยลี่’ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงลูกสาวนักธุรกิจผู้ปลิดชีพตัวเองเพราะทนรับความผิดหวังไม่ได้ พ่อของเธอล้มละลาย เขาไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้เธอเลย นอกจากจดหมายฉบับหนึ่งจดหมายฉบับนั้นเขียนเอาไว้ว่าพวกท่านขอโทษ พ่อกับแม่รักเธอมากเกินกว่าจะยอมให้เธอทอดทิ้งชีวิตตัวเอง เพียงเพราะความผิดพลาดของพวกท่านที่เธอไม่มีส่วนร่วมก่อ ทางออกที่พวกท่านเลือกให้เหมย
22.00 น.เขายอมปล่อยเธอแล้ว...เหมยลี่ปล่อยให้สายสะพายกระเป๋าเลื่อนหลุดจากไหล่บอบบางลงไปกองอยู่บนพื้น ก่อนก้าวไปทรุดกายลงบนเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง บ้านหลังเล็กที่เธออาศัยตั้งอยู่ห่างจากตึกใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของคนใจร้ายคนนั้นพอสมควร ที่นี่เงียบสงบและมีแค่เธอ หญิงสาวจึงปลดปล่อยน้ำตาแห่งความอดสูให้ไหลพรั่งพรูออกมาในที่สุดเธอโกรธ เกลียด และสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ยอมให้ชายหนุ่มหักหาญน้ำใจได้ถึงเพียงนี้เหมราช...ผู้ชายที่เธอเคยหลงรักเมื่อสิบสองปีก่อน กับปีศาจร้ายที่ขยันทำร้ายจิตใจกันในเวลานี้ ช่างต่างกันราวกับเป็นคนละคนเรื่องนี้เหมยลี่โทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองเพราะเธอเป็นคนทำลายทุกสิ่งอย่างลงกับมือ เป็นเธอเองที่สร้างความเกลียดชังให้กับเขาก่อน บางทีหากฆ่าคนได้แล้วไม่ผิดกฎหมาย เหมราชก็คงจะฆ่าเธอให้ตายไปนานแล้ว...***สิบปีที่แล้ว“เหมยลงมาไหว้ลุงดินกับป้าเยาว์เร็วลูก”“ค่าาา~” น้ำเสียงสาวน้อยวัยสิบสองปีขานรับอย่างสดใส ทันทีที่ภาวินีผู้เป็นแม่เรียกเธอที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านให้ออกไปเจอกับเพื่อนรุ่นพี่ของพวกท่าน หากเป็นเด็กคนอื่นคงจะเบื่อเต็มทนที่ต้องนั่งฟังเรื่องเครียด ๆ เวลาผ
กลิ่นอายสายฝนที่ผสมผสานกับกลิ่นเครื่องหอมในห้องรับแขกชั้นบนสุดของคอนโดหรู มอมเมาอารมณ์ของสองหนุ่มสาวที่กำลังคลอเคลียกันให้ลืมสิ้นทุกสิ่งทว่าคงไม่มีกลิ่นใดหอมหวนหรือยอดเยี่ยมได้เท่ากับกลิ่นกายของคนตรงหน้า...ไม่ว่าเหมราชจะพรมจูบไปตรงส่วนไหน อารมณ์ดิบในกายเขาก็พุ่งเตลิดไกลจนแทบอยากจะฉีก ‘ข้อตกลง’ ระหว่างกันทิ้งให้สิ้นซาก“อื้อ คุณเหมพอก่อนค่ะ” เสียงหวานหอบกระเส่าเริ่มปรามเมื่อถูกเขารุกเร้ารุนแรง ปากร้อนที่ป้อนจูบราวไม่รู้เบื่อเคลื่อนไปซุกไซ้ต้นคอระหง ทั้งดูดทั้งเลียไปทั่ว เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่เหมราชไม่ดอมดม“อย่าห้าม” เหมราชเอ่ยเพราะคนที่บอกว่า ‘พอ’ ได้ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นสำหรับเหมราชแล้ว เหมยลี่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เพิ่งโตเต็มวัยเท่านั้น ทว่าเธอยังเป็นสาวสวย เรือนกายกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ดูราวกับดอกไม้งามอ่อนหวานที่เขาจะเด็ดมาเชยชมหรือขว้างทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจอยาก ใช่แล้ว ขว้างทิ้ง...อาจไม่ใช่ตอนนี้หรือเร็ว ๆ นี้ แต่ไม่ต้องห่วง สักวันเขาจะทิ้งเธอแน่นอนคนอย่างเหมยลี่เป็นได้แค่นั้นจริง ๆ“อ๊ะ!” คนตัวเล็กพยายามตั้งสติไม่ให้แตกกระเจิงเพราะสัมผัสของชายหนุ่ม แต่เมื่อมือหนาวางลงบนหน้า
ทักทายนักอ่านสวัสดีค่ะคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ☕ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่หลง (?) เข้ามา (หรืออาจตั้งใจมาก็ได้นะคะ ฮา) เจอกับนิยายดราม่าอีกหนึ่งเรื่องจากเซ็ต ‘พ่ายแพ้ #Fallen’ หรือที่ไรต์แอบเรียกเองว่า ‘เซ็ตสามหมากอดคอกันหอน’ (แสดงว่าต้องมีหมาอีกตัว เพราะเราเพิ่งเห็นกันสองตัว อิอิ)เปิดด้วยเรื่องของ คีตะ – คีรติ (ที่แค้นเพราะไม่คิดรัก)และตอนนี้ก็ถึงคราวของ เหมราช – เหมยลี่ กับเรื่องที่ไรต์ด่าพระเอกไปเขียนไปอีกเรื่องหนึ่งที่ร้ายเพราะไม่คิดรักเป็นเรื่องของ เหมยลี่ หญิงสาวที่ต้องเข้ามาพึ่งพาครอบครัวของเพื่อนพ่อในช่วงเวลาที่ยากลำบาก กับ เหมราช ชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่...ในทีแรกควรจะรักและเอ็นดูเธออย่างที่ควรเป็น แต่กลับปล่อยให้ความโกรธ ความสูญเสีย และความผิดหวังเข้าครอบงำ เลือกใช้ ‘ความร้าย’ แทนความห่วงใย เลือก ‘ผลักไส’ แทนการปกป้อง และเลือก ‘ลงโทษ’ แทนการรับฟังเหตุการณ์ในคืนนั้นเปลี่ยนทุกอย่างไป เหมราชโทษเธอ เกลียดเธอ และตัดสินเธอจากสิ่งที่เธอไม่มีโอกาสได้อธิบาย ในขณะที่เหมยลี่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคำว่า ‘ผิด’ ทั้งที่หัวใจเธอเองก็แตกสลายไม่ต่างกัน#ในเมื่อความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยความเกลี