โลกทั้งใบของเธอได้แตกสลายไปแล้ว...
รอยยิ้มของเด็กวัยสิบสองปีไม่มีเหลืออยู่บนใบหน้าเหมยลี่อีกต่อไป เธอได้แต่ตั้งคำถามในสิ่งที่ต่อให้ตายไปก็ไม่มีวันได้รับคำตอบ นั่นคือ พ่อกับแม่ทิ้งเธอไปแบบนี้ได้อย่างไร
เธอรู้ว่าพวกท่านมีเรื่องราวหนักใจ รู้ว่าทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาคงหนักหน่วงจนท่านทั้งสองแบกรับเอาไว้ไม่ไหว
แต่ว่า...ความตายคือทางออกที่ดีแล้วอย่างนั้นหรือ
ทิ้งลูกสาวเพียงคนเดียวให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวทำให้พวกท่านหมดทุกข์หมดโศกได้จริง ๆ ใช่ไหม เหมยลี่คงไม่เจ็บปวดขนาดนี้เลยหากพวกท่านพาเธอไปด้วยกันในคราวเดียว
เด็กอย่างเธอไม่มีปัญญาช่วยกอบกู้ธุรกิจของทางบ้าน แต่อย่างน้อยเธอก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างพ่อแม่ตราบจนลมหายใจสุดท้าย
ตอนนี้เธอไม่ใช่ ‘เหมยลี่’ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงลูกสาวนักธุรกิจผู้ปลิดชีพตัวเองเพราะทนรับความผิดหวังไม่ได้ พ่อของเธอล้มละลาย เขาไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้เธอเลย นอกจากจดหมายฉบับหนึ่ง
จดหมายฉบับนั้นเขียนเอาไว้ว่าพวกท่านขอโทษ พ่อกับแม่รักเธอมากเกินกว่าจะยอมให้เธอทอดทิ้งชีวิตตัวเอง เพียงเพราะความผิดพลาดของพวกท่านที่เธอไม่มีส่วนร่วมก่อ ทางออกที่พวกท่านเลือกให้เหมยลี่ก็คือการฝากฝังเธอไว้กับเพื่อนรุ่นพี่อย่างหัสดินกับเยาวมาศ จริงอยู่ว่าเด็กสาวสนิทสนมคุ้นเคยกับคนครอบครัวนี้ดี เพียงแต่การต้องเข้ามาอยู่ในบ้านรั้วเดียวกันเช่นนี้ มันทำให้เหมยลี่เกร็งและเกรงใจอย่างมาก
ทว่าเธอเองก็ไม่มีทางเลือกเช่นกัน
“เหมยอยู่ที่นี่กับลุงป้าแล้วก็พี่เหมนะลูก คิดเสียว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านหนูเหมือนกัน” หัสดินเอ่ยด้วยความสงสาร สาวน้อยคนนี้ต้องกำพร้าพ่อแม่ตั้งแต่อายุยังน้อยนัก
เขารับรู้ปัญหาของครอบครัวเด็กคนนี้มาตลอด หากแต่ทำได้เพียงให้กำลังใจและคำแนะนำอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น ด้วยรู้ดีว่าบุคคลที่พ่อของเหมยลี่กำลังคบค้าสมาคมด้วยเป็นเครือญาติของอีกฝ่าย ถึงจะไม่น่าไว้วางใจแค่ไหนเขาก็ไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นอะไรมากนัก จนมาเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจเช่นนี้ ตัวเขาจึงสันนิษฐานว่าบุคคลนั้นต้องมีส่วนรู้เห็นด้วยแน่ ติดก็แค่ยังไม่มีหลักฐานมากพอจะเอาผิด ที่สำคัญเวลานี้ความรู้สึกของเหมยลี่ย่อมต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ต่อให้เฉียนเปาไม่เขียนจดหมายฝากฝังให้หัสดินช่วยดูแลเหมยลี่ เขากับภรรยาก็ตั้งใจว่าจะรับเธอมาอยู่ด้วยกัน เพราะนอกจากครอบครัวเธอจะมีบุญคุณต่อเขาแล้ว เหมยลี่เองก็เป็นเด็กน้อยไร้เดียงสาที่น่าเอ็นดู ชีวิตของสาวน้อยยังอีกยาวไกล อนาคตที่สดใสกำลังรออยู่เบื้องหน้า เขาไม่อาจทนนิ่งเฉย ทอดทิ้งลูกสาวของรุ่นน้องคนสนิทให้ไปเผชิญชะตากรรมเลวร้ายได้
“หนูขอบคุณคุณลุงคุณป้ามากนะคะ” เหมยลี่ยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองคน โดยไม่ลืมหันมาไหว้เหมราชที่นั่งมองเธออย่างไม่คลาดสายตาอยู่เงียบ ๆ
เหมราชไม่ปริปากพูด ไม่แม้แต่จะแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เหมยลี่ที่กำลังว้าเหว่และน้อยใจในโชคชะตาจึงพลอยคิดไปว่าเขาอาจจะไม่เต็มใจกับการมาของเธอ
ในเมื่อลูกชายเจ้าของบ้านไม่ต้อนรับกัน แล้วเธอจะหน้าด้านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
“แต่หนูไม่อยากรบกวนคุณลุงคุณป้าเลยค่ะ จริง ๆ พ่อหนูฝากเงินไว้ให้เป็นชื่อของหนู เงินก้อนนั้นน่าจะมากพอให้หนูดูแลตัวเองได้”
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอเหมราชดังขึ้น เขาส่ายหน้ามองเธออย่างคนเป็นผู้ใหญ่กว่าที่รู้สึกว่าเธอมันคิดน้อยสิ้นดี ใช่สิ! เธอมันคิดน้อย แต่จะให้ทำอย่างไรได้ตอนนี้เธอก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน
“เงินพวกนั้นไม่นานก็หมดแล้วนะลูก ป้าว่าเหมยเก็บไว้ใช้ตอนโตดีกว่านะจ๊ะ ไม่ต้องคิดมากหรอก ทุกคนที่นี่ยินดีต้อนรับหนูนะ หรือเหมยมีเรื่องอะไรไม่สบายใจบอกป้าได้นะ” เยาวมาศซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในครอบครัวพูดขึ้น เธอเข้าใจว่าเหมยลี่อาจจะรู้สึกไม่คุ้นชิน คนที่จะทำให้เด็กน้อยสบายใจได้มากที่สุดก็มีแค่เธอ อย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน และเธอเองก็เอ็นดูเด็กคนนี้ไม่ต่างจากลูกคนหนึ่งเลย
“หนู...” เหมยลี่ได้แต่เงียบเมื่อโดนเยาวมาศจี้ถามถูกจุด แถมเธอโกหกผู้ใหญ่ไม่เก่งเอาเสียเลย
“หรือว่าบ้านหลังนี้ไม่ใหญ่โตสะดวกสบายเท่าบ้านเธอ” เหมราชเอ่ยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ครั้นเห็นเหมยลี่มีน้ำตาเอ่อคลอ ถึงได้รู้ตัวว่าเผลอพูดจารุนแรงออกไป
ก็นะ...เขาลืมไปว่าเธอเพิ่งผ่านการสูญเสียครั้งใหญ่มาหมาด ๆ
“เหมพูดกับน้องดี ๆ” คนเป็นพ่อเอ่ยปรามลูกชายเสียงเข้ม ก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยที่ก้มหน้าบีบมือตัวเองแน่น เขาพอจะเดาออกว่าเหมยลี่ไม่ได้รังเกียจบ้านหลังนี้ แต่แค่ไม่คุ้นชินและเกรงใจคนบ้านเขาเท่านั้นเอง โดยเฉพาะไอ้ลูกชายสุดแสนจะเย็นชาที่เอาแต่ทำหน้าดุใส่น้องอยู่นั่นละ
“เอาอย่างงี้ ลุงมีบ้านเล็ก ๆ อยู่หลังตึกใหญ่นะ เคยสร้างเอาไว้ตั้งใจว่าจะให้เป็นเรือนรับรองเวลามีญาติมาหา ถ้าเหมยสะดวกใจจะอยู่ที่นั่น ลุงก็จะยกบ้านหลังนั้นให้เหมยอยู่ ตกลงไหมจ๊ะ”
“จริงด้วย บ้านหลังนั้นสวยร่มรื่นมากเลยนะลูก มีแปลงดินให้ปลูกดอกไม้ด้วย ป้าว่าเหมยอยู่ที่นั่นก็ดีนะ ไม่มีใครไปรบกวนหนูแน่ หรือถ้าอยากอยู่ที่บ้านใหญ่ด้วยกัน...”
“หนูขออยู่บ้านเล็กได้ไหมคะ” เหมยลี่รีบพูดอย่างรวดเร็ว
ในเมื่อไม่เหลือทางใดให้เลือกอีกแล้วนอกจากเลือกว่าจะนอนที่ไหน เธอจึงขอเลือกอยู่บ้านเล็กหลังตึกใหญ่ ดีกว่าต้องมาทนอึดอัดมองหน้าเหมราชอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน
“ก็ดีนะ เพราะผมไม่ค่อยชอบให้คนอื่นมาเพ่นพ่านอยู่ในบ้านเราเหมือนกัน” ชายหนุ่มพูดจากใจจริง เขาไม่ได้เกลียดหรือรังเกียจเด็กคนนี้หรอกนะ ออกจะเห็นใจกับสิ่งที่ครอบครัวเธอต้องเจอด้วยซ้ำ ติดแค่ว่าเขาเป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง และก็ไม่ใช่พวกชอบคุยเล่นกับเด็กที่ไหน ยิ่งกับเด็กผู้หญิงอย่างเหมยลี่ยิ่งแล้วใหญ่
เหมยลี่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขาเลยแม้แต่นิด เหมราชมองเธอเป็นเพียงลูกสาวของเพื่อนสนิทพ่อธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่หากเธอต้องกลายมาเป็นคนที่อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน เขาก็ต้องการระยะห่างไม่ให้ตัวเองต้องอึดอัดใจ
“งั้นเดี๋ยวป้าพาเหมยไปดูบ้านนะจ๊ะ” เยาวมาศว่าพลางจูงมือเด็กสาวให้เดินตามไปยังบ้านเล็กหลังตึกใหญ่ทันที
เหมราชลุกยืนบ้าง “ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวนะพ่อ...”
“เดี๋ยวเหม ขอพ่อคุยกับแกหน่อย” เสียงหัสดินเข้มขึ้นต่างจากสุ้มเสียงอ่อนโยนที่ใช้คุยกับเหมยลี่อย่างสิ้นเชิง
“ครับ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทรุดลงนั่งที่เดิม
“แกเป็นอะไร ทำไมต้องพูดจาแบบนั้นใส่น้อง รู้ ๆ อยู่ว่าน้องยังเด็กแถมไม่เหลือใครแล้ว ทำไมแกถึงใจร้ายใจดำขนาดนี้”
“ใจเย็นพ่อ อยู่ ๆ ก็ใส่จนผมไม่ได้อ้าปากแย้งเลยนะ เมื่อกี้ผมทำอะไรผิดล่ะ ก็แค่แสดงความคิดเห็นตามปกตินี่”
“แต่คำพูดแกอาจทำให้เหมยคิดมาก หรือว่าแกไม่ชอบน้อง บอกมาตรง ๆ เลย”
“ทำไมผมต้องไม่ชอบเหมยด้วยครับ น้องยังเด็ก ผมแค่ไม่รู้จะทำตัวยังไง พ่อต้องเข้าใจสิว่าผมเป็นลูกคนเดียวมาตลอด ไม่เคยมีน้องชาย ไม่เคยมีน้องสาว พอเหมยจะเข้ามาอยู่กับเรา ผมจะขอหวงพื้นที่ส่วนตัวไว้บ้างไม่ได้เหรอ ที่จริงน้องก็ดูพอใจจะอยู่บ้านเล็ก ไม่เห็นพ่อต้องคิดมากอะไรเลย” เหมราชแย้งอย่างมีเหตุผล
“พ่อก็หวังว่าเหมยจะโอเคจริง ๆ แกอย่าลืมว่าน้องอายุแค่สิบสองสิบสาม เพิ่งจะเสียพ่อแม่ไปได้ไม่นาน ต้องอยู่ตัวคนเดียวแบบนั้นมันน่าเป็นห่วงนะ” หัสดินถอนหายใจยาว แม้ดูจากภายนอกทั้งสายตาและท่าทางของเด็กน้อยจะพยายามเข้มแข็งให้คนอื่นเห็น แต่เขาดูออก...ในใจลึก ๆ ของเหมยลี่มีแต่ความหวาดกลัว
“พ่อคิดมากไปเองน่า” ปากพูดแบบนั้นแต่เหมราชก็แอบรู้สึกผิดไม่น้อย
“พ่อคงให้แม่แกไปนอนเป็นเพื่อนน้องสักคืนสองคืน หรือจนกว่าเหมยจะปรับตัวได้”
“ก็แล้วแต่ครับ แม่ผมก็เมียพ่อ พ่อทนอดนอนกอดเมียไหวก็ตามใจ แต่เป็นผมคงทนไม่ได้นะเนี่ย”
“ไอ้นี่...!” หัสดินยกมะเหงกขึ้นขู่
เจ้าลูกชายตัวดีกลับยักไหล่หัวเราะร่วน ก่อนเดินออกจากห้องรับแขกไป
เดิมทีจุดหมายปลายทางของเหมราชคือห้องทำงานบนชั้นสอง ทว่าเวลานี้สองเท้าเขากลับเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านเล็กที่ตั้งอยู่หลังตึกใหญ่
***
“ชอบไหมจ๊ะ” เยาวมาศเอ่ยถามอย่างเมตตาหลังพาเหมยลี่มาเก็บข้าวของ พร้อมสั่งให้คนรับใช้ช่วยจัดแจงสิ่งของให้เรียบร้อย สีหน้าของเด็กสาวดูผ่อนคลายขึ้นจากตอนแรกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นดวงตายังเต็มไปด้วยรอยเศร้าหมอง“ขอบคุณคุณป้ากับคุณลุงมากนะคะที่ช่วยหนูไว้ หนูอยู่ที่ไหนก็ได้จริง ๆ ค่ะ”“เหมย ป้าอยากบอกเหมยตามตรงนะ ว่าที่ป้ากับลุงช่วยเหมยไม่ใช่แค่เพราะเป็นคำขอของคุณเฉียนกับคุณวิ แต่ป้าเอ็นดูเหมยจริง ๆ นะลูก สำหรับป้าหนูเป็นเด็กที่น่ารัก กิริยามารยาทก็ดี หนูทำให้ป้าอยากมีลูกสาวอีกคนเลยนะ”“...” เหมยลี่ที่เงียบฟังอยู่ครู่หนึ่งเริ่มน้ำตาคลอ ความอบอุ่นของคนตรงหน้าแทรกซึมเข้าโอบกอดหัวใจที่แตกสลายของเธออย่างอ่อนโยน ยากเหลือเกินที่จะกลั้นน้ำตาเอาไว้ให้ไหว“เฮ้อ ถึงอยากจะมีตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วละ อายุอานามป้าก็ขนาดนี้แล้วนี่นะ หนูจะว่าอะไรไหมถ้าป้าขอให้หนูมองป้าเหมือนเป็นแม่อีกคน ไม่ต้องเรียกป้าว่าแม่ก็ได้ แต่แค่ให้รู้ไว้ว่าป้ารักหนูเหมือนลูก” หญิงวัยกลางคนลูบศีรษะเด็กน้อยที่เวลานี้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างสุดทน“ฮึก หนูไม่เหลือใครแล้ว พวกญาติ ๆ ก็ไม่มีใครอยากเอาหนูไปอยู่ด้วยสักคน ทุกคน...ฮึก มองว่าหนูเป็นตัว
โลกทั้งใบของเธอได้แตกสลายไปแล้ว...รอยยิ้มของเด็กวัยสิบสองปีไม่มีเหลืออยู่บนใบหน้าเหมยลี่อีกต่อไป เธอได้แต่ตั้งคำถามในสิ่งที่ต่อให้ตายไปก็ไม่มีวันได้รับคำตอบ นั่นคือ พ่อกับแม่ทิ้งเธอไปแบบนี้ได้อย่างไรเธอรู้ว่าพวกท่านมีเรื่องราวหนักใจ รู้ว่าทุกปัญหาที่ถาโถมเข้ามาคงหนักหน่วงจนท่านทั้งสองแบกรับเอาไว้ไม่ไหวแต่ว่า...ความตายคือทางออกที่ดีแล้วอย่างนั้นหรือทิ้งลูกสาวเพียงคนเดียวให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวทำให้พวกท่านหมดทุกข์หมดโศกได้จริง ๆ ใช่ไหม เหมยลี่คงไม่เจ็บปวดขนาดนี้เลยหากพวกท่านพาเธอไปด้วยกันในคราวเดียวเด็กอย่างเธอไม่มีปัญญาช่วยกอบกู้ธุรกิจของทางบ้าน แต่อย่างน้อยเธอก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างพ่อแม่ตราบจนลมหายใจสุดท้ายตอนนี้เธอไม่ใช่ ‘เหมยลี่’ ลูกสาวนักธุรกิจชื่อดังอีกต่อไป หากแต่เป็นเพียงลูกสาวนักธุรกิจผู้ปลิดชีพตัวเองเพราะทนรับความผิดหวังไม่ได้ พ่อของเธอล้มละลาย เขาไม่หลงเหลืออะไรไว้ให้เธอเลย นอกจากจดหมายฉบับหนึ่งจดหมายฉบับนั้นเขียนเอาไว้ว่าพวกท่านขอโทษ พ่อกับแม่รักเธอมากเกินกว่าจะยอมให้เธอทอดทิ้งชีวิตตัวเอง เพียงเพราะความผิดพลาดของพวกท่านที่เธอไม่มีส่วนร่วมก่อ ทางออกที่พวกท่านเลือกให้เหมย
22.00 น.เขายอมปล่อยเธอแล้ว...เหมยลี่ปล่อยให้สายสะพายกระเป๋าเลื่อนหลุดจากไหล่บอบบางลงไปกองอยู่บนพื้น ก่อนก้าวไปทรุดกายลงบนเตียงนอนอย่างไร้เรี่ยวแรง บ้านหลังเล็กที่เธออาศัยตั้งอยู่ห่างจากตึกใหญ่ซึ่งเป็นที่อยู่ของคนใจร้ายคนนั้นพอสมควร ที่นี่เงียบสงบและมีแค่เธอ หญิงสาวจึงปลดปล่อยน้ำตาแห่งความอดสูให้ไหลพรั่งพรูออกมาในที่สุดเธอโกรธ เกลียด และสมเพชตัวเองเหลือเกินที่ยอมให้ชายหนุ่มหักหาญน้ำใจได้ถึงเพียงนี้เหมราช...ผู้ชายที่เธอเคยหลงรักเมื่อสิบสองปีก่อน กับปีศาจร้ายที่ขยันทำร้ายจิตใจกันในเวลานี้ ช่างต่างกันราวกับเป็นคนละคนเรื่องนี้เหมยลี่โทษใครไม่ได้ นอกจากโทษตัวเองเพราะเธอเป็นคนทำลายทุกสิ่งอย่างลงกับมือ เป็นเธอเองที่สร้างความเกลียดชังให้กับเขาก่อน บางทีหากฆ่าคนได้แล้วไม่ผิดกฎหมาย เหมราชก็คงจะฆ่าเธอให้ตายไปนานแล้ว...***สิบปีที่แล้ว“เหมยลงมาไหว้ลุงดินกับป้าเยาว์เร็วลูก”“ค่าาา~” น้ำเสียงสาวน้อยวัยสิบสองปีขานรับอย่างสดใส ทันทีที่ภาวินีผู้เป็นแม่เรียกเธอที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านให้ออกไปเจอกับเพื่อนรุ่นพี่ของพวกท่าน หากเป็นเด็กคนอื่นคงจะเบื่อเต็มทนที่ต้องนั่งฟังเรื่องเครียด ๆ เวลาผ
กลิ่นอายสายฝนที่ผสมผสานกับกลิ่นเครื่องหอมในห้องรับแขกชั้นบนสุดของคอนโดหรู มอมเมาอารมณ์ของสองหนุ่มสาวที่กำลังคลอเคลียกันให้ลืมสิ้นทุกสิ่งทว่าคงไม่มีกลิ่นใดหอมหวนหรือยอดเยี่ยมได้เท่ากับกลิ่นกายของคนตรงหน้า...ไม่ว่าเหมราชจะพรมจูบไปตรงส่วนไหน อารมณ์ดิบในกายเขาก็พุ่งเตลิดไกลจนแทบอยากจะฉีก ‘ข้อตกลง’ ระหว่างกันทิ้งให้สิ้นซาก“อื้อ คุณเหมพอก่อนค่ะ” เสียงหวานหอบกระเส่าเริ่มปรามเมื่อถูกเขารุกเร้ารุนแรง ปากร้อนที่ป้อนจูบราวไม่รู้เบื่อเคลื่อนไปซุกไซ้ต้นคอระหง ทั้งดูดทั้งเลียไปทั่ว เรียกได้ว่าไม่มีส่วนไหนที่เหมราชไม่ดอมดม“อย่าห้าม” เหมราชเอ่ยเพราะคนที่บอกว่า ‘พอ’ ได้ มีเพียงแค่เขาเท่านั้นสำหรับเหมราชแล้ว เหมยลี่ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่เพิ่งโตเต็มวัยเท่านั้น ทว่าเธอยังเป็นสาวสวย เรือนกายกลิ่นหอมเย้ายวนใจ ดูราวกับดอกไม้งามอ่อนหวานที่เขาจะเด็ดมาเชยชมหรือขว้างทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจอยาก ใช่แล้ว ขว้างทิ้ง...อาจไม่ใช่ตอนนี้หรือเร็ว ๆ นี้ แต่ไม่ต้องห่วง สักวันเขาจะทิ้งเธอแน่นอนคนอย่างเหมยลี่เป็นได้แค่นั้นจริง ๆ“อ๊ะ!” คนตัวเล็กพยายามตั้งสติไม่ให้แตกกระเจิงเพราะสัมผัสของชายหนุ่ม แต่เมื่อมือหนาวางลงบนหน้า
ทักทายนักอ่านสวัสดีค่ะคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ☕ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ ที่หลง (?) เข้ามา (หรืออาจตั้งใจมาก็ได้นะคะ ฮา) เจอกับนิยายดราม่าอีกหนึ่งเรื่องจากเซ็ต ‘พ่ายแพ้ #Fallen’ หรือที่ไรต์แอบเรียกเองว่า ‘เซ็ตสามหมากอดคอกันหอน’ (แสดงว่าต้องมีหมาอีกตัว เพราะเราเพิ่งเห็นกันสองตัว อิอิ)เปิดด้วยเรื่องของ คีตะ – คีรติ (ที่แค้นเพราะไม่คิดรัก)และตอนนี้ก็ถึงคราวของ เหมราช – เหมยลี่ กับเรื่องที่ไรต์ด่าพระเอกไปเขียนไปอีกเรื่องหนึ่งที่ร้ายเพราะไม่คิดรักเป็นเรื่องของ เหมยลี่ หญิงสาวที่ต้องเข้ามาพึ่งพาครอบครัวของเพื่อนพ่อในช่วงเวลาที่ยากลำบาก กับ เหมราช ชายหนุ่มเจ้าของบ้านที่...ในทีแรกควรจะรักและเอ็นดูเธออย่างที่ควรเป็น แต่กลับปล่อยให้ความโกรธ ความสูญเสีย และความผิดหวังเข้าครอบงำ เลือกใช้ ‘ความร้าย’ แทนความห่วงใย เลือก ‘ผลักไส’ แทนการปกป้อง และเลือก ‘ลงโทษ’ แทนการรับฟังเหตุการณ์ในคืนนั้นเปลี่ยนทุกอย่างไป เหมราชโทษเธอ เกลียดเธอ และตัดสินเธอจากสิ่งที่เธอไม่มีโอกาสได้อธิบาย ในขณะที่เหมยลี่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับคำว่า ‘ผิด’ ทั้งที่หัวใจเธอเองก็แตกสลายไม่ต่างกัน#ในเมื่อความสัมพันธ์เริ่มต้นด้วยความเกลี