ลินินพยายามจะไม่คิดเรื่องของเขา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงลุกขึ้นไปถามชาร์ล ที่มีฐานะเป็นถึงคนสนิทของเขา
ชาร์ลได้ยินเธอเอ่ยถามก็อดดีใจแทนท่านชายของตนเสียไม่ได้ "ท่านชายอยู่บนห้องขอรับ แต่ช่วงนี้งานหนัก ท่านจึงอ่อนแรงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงไม่ได้ลงมาหาคุณหนูขอรับ" "เอ่อ...ฉันไม่ได้หวังให้เขามาหาสักหน่อย" เอาเป็นว่าหญิงสาวก็ปากแข็งพอตัว แต่สิ่งที่ชาร์ลบอกกบ่าวก็ทำให้เธออดเป็นกังวลเสียไม่ได้ ในกลางดึกคืนนั้น ลินินจึงแอบย่องไปหน้าห้องของเจย์เดน ฝีเท้าเบาเฉียบดุจแมวย่องเบา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เธอซุกซ่อนตัวจากเจ้าของคฤหาสน์ได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อยกยิ้มขณะที่นั่งหลับตาอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่ ด้วยแวมไพร์อ่อนแรงนั้นกระหายเลือดมนุษย์มากนัก เขาจึงอยากเลี่ยงที่จะพบเธอให้ถึงสุด แต่แล้วความตั้งใจนั้นก็พังลง เมื่ออยู่ ๆ ลินินก็เปิดประตูแง้มออก เห็นแบบนั้นมือหนาก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาบดบังร่างของตัวเองทันที บอกตามตรง สภาพของเขาตอนนี้หากเธอได้เห็นคงต้องหวั่นใจเป็นแน่ ดวงหน้าหล่อเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาช้ำเลือดข้างหนึ่ง พร้อมมีเขี้ยวงอกออกมา เรียกได้ว่าดูไม่จืดเลยทีเดียว สภาพเช่นนี้ต้องใช้เลือดมนุษย์มาจุนเจือเท่านั้น ลินินเห็นแบบนั้นก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปดูอาการของเขาอย่างถือวิสาสะ ด้วยความที่คิดว่าเขาอาจหลับอยู่ 'ไม่นะ อย่าเดินเข้ามา!' เจย์เดนคิดในใจ หากเป็นช่วงเวลาอื่นเขาก็อยากให้เธอเข้ามาในห้องนี้อยู่หรอก แต่หากเป็นตอนนี้คงทำให้เธอกลัวจนจับไข้แน่ เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นหอมของเธอฟุ้งจนเขี้ยวของเขาแอบงอกออกมาอีกครั้ง โชคดีที่อยู่ใต้ผ้าห่ม จนกระทั่งรู้สึกได้ว่าเตียงยวบลง บ่งบอกว่าเธออยู่ห่างแค่เพียงเอื้อมมือเท่านั้น "เจย์เดน...นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า" "ไม่ ออกไป" เสียงแข็งกร้าวนั้นทำให้ลินินชะงักไป รู้สึกน้อยใจยังไงไม่รู้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายที่นอนคลุมโปงเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ "ไม่สบายเหรอ ขอฉันดูหน่อยสิ" "ข้าบอกให้ออกไปไง!" เจย์เดนตวาดเสียงใส่ ลินินที่กำลังจะเอื้อมไปดึงผ้าออกก็ต้องรีบดึงมือกลับทันที "ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายโอเคไหมก็เท่านั้นเอง" น้ำเสียงดูน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด เจย์เดนที่อยู่ใต้ผ้าจึงถอนหายใจ พยายามจะอธิบายเรื่องราวเพื่อหวังให้เธอเข้าใจ แต่ดูเหมือนลินินที่ความน้อยใจกำลังถาโถมจะรีบลุกพรวดแล้วหวังจะออกจากห้องไปโดยไม่ฟังกันเลย เขาจึงตัดสินใจเปิดผ้าที่คลุมโปงออกมาในที่สุด มือหนาคว้าเรียวแขนของเธอเอาไว้ พร้อมกับผลักให้ร่างบางนอนลงแล้วตามขึ้นไปค่อม "!!!" ลินินที่เห็นสภาพของเจย์เดนในตอนนี้ก็ผวะไปเล็กน้อย แต่แทนที่เธอจะกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว กลับเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างแท้จริง"นายไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ใครทำกับนายแบบนี้?" อาการดูหนักราวกับโดนทำร้าย แต่ไม่ใช่หรอกเขาเพียงแค่เพลียก็เท่านั้น ครั้งล่าสุดที่เข้านอน ดูเหมือนจะเป็นช่วงหลายเดือนก่อนเลย เจย์เดนได้ยินเธอถามเช่นนั้นก็ชะงักไป ผิดคาดกับที่เขาคิดเอาไว้โดยสิ้นเชิง กับคนรักเก่าเขายังไม่เคยให้เห็นมุมนี้เลย จึงไม่กล้าที่จะแสดงมันต่อหน้าลินินด้วย ไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะยอมรับด้านนี้ของเขาได้ "เจ้าเป็นห่วงข้าเหรอ?" สายตานิ่งเรียบบ่งยอกถึงความจริงจังในการถาม ลินินพยักหน้าตอบกลับทันที สิ่งนั้นทำให้สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงอย่างช่วยไม่ได้ "ต้องทำยังไงนายถึงจะหาย..." "นี่เจ้าไม่กลัวข้าเลยอย่างนั้นสิ?" ดวงตาคมกริบจ้องมองเธอขณะเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ ลินินส่ายหน้าเป็นคำตอบก่อนจะได้รับเสียงขบขันของเจย์เดนตอบกลับไป "ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกให้ก็ได้ อาการแบบนี้ ข้าต้องดื่มเลือดมนุษย์..." "งั้นนายก็ดื่มซะสิ" "เจ้าอยากให้ข้าดื่มเลือดเจ้าอย่างนั้นเหรอ?" ลินินพยักหน้าเป็นคำตอบ "ถ้ามันทำให้นายหายก็ดื่มเลย" ดวงตาคู่สวยก็ฉายแววห่วงใยก่อนจะหลับตาลงแล้วหันศีรษะไปอีกทางเพื่อเปิดพื้นที่ให้เขาฝังเขี้ยวตรงคอได้สะดวกขึ้น คนตัวโตเห็นเช่นนั้นก็แสยะยิ้มขึ้นอย่างขบขัน ในที่สุดก็รับรู้ได้แล้วว่าเธอเป็นห่วงตัวเองจริง ๆ แต่ก็ยังเอ่ยยียวนเธอไม่หยุดหย่อน "ไม่เสียใจแน่นะ..." ให้ตายสิ ในสถานการณ์แบบนี้ก็ยังไม่ยอมหยุดแกล้งอีก เขาค่อย ๆ เลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้บริเวณลำคอของลินินมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะใช้ริมฝีปากสัมผัสลงบนต้นคอของเธออย่างแผ่วเบา ลินินหลับตาปี๋ ลุ้นกับความเจ็บที่กำลังจะได้รับ แต่ผ่านไปเนิ่นนานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากสัมผัสแผ่วเบานั้น ดวงตาคู่สวยจึงลืมขึ้นแล้วมองเจย์เดนด้วยความฉงน "ไม่ดื่มเหรอ?" ทำตาแป๋วใส่ จนร่างสูงต้องลุกออกจากตัวเธอเพื่อหลบเลี่ยงความน่ารักที่เข้ามากระแทกเต็มอก "ไม่ ข้าดื่มเลือกมนุษย์ไปเยอะแล้ว เหลือแค่นอนพัก -///-" "แล้วทำไมไม่บอกแต่แรกเล่า!" ทำแก้มพองลม แล้วเดินกระแทกเท้าออกไป . . . หลายวันผ่านไป เฝ้าอ่านหนังสืออยู่หลายเดือน และแล้ววันสำคัญของลินินก็มาถึง เป็นวันที่เธอต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั่นเอง ลินินรีบตื่นแต่เช้า ด้วยคิดว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ เธอจึงกลัวว่าเจย์เดนกับชาร์ลอาจคิดว่าเธอได้หยุดเรียนในวันนี้และไม่มีรถจะพาไปส่งเข้าสอบ จึงเลือกที่จะตื่นเช้าหน่อยเผื่อว่าต้องเดินทางไปเข้าสอบด้วยตัวเอง หารู้ไม่ว่าเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้จดจำวันสอบของเธอได้เป็นอย่างดี ถึงขั้นเขียนลงปฏิทินในทุกแพลตฟอร์มด้วย มิหนำซ้ำ ยังแอบซุ่มวางแผนมาโดยตลอดว่าจะจัดการทุกอย่างให้เอื้ออำนวยความสะดวกของเธออย่างไรดี และหากจะบอกว่าหญิงสาวตื่นเช้ามาก ๆ แล้ว แวมไพร์หนุ่มตนนี้ก็ไม่ต่างกัน เขาออกจากห้องนอนมาก่อนที่ลินินจะตื่นด้วยซ้ำ เขาเดินวนไปวนมาอยู่ในโถงคฤหาสน์ท่ามกลางบรรดาผู้รับใช้ที่ต้องตื่นขึ้นมาจากการที่เขาไปเรียกให้มารวมตัวกัน ณ ห้องโถงแห่งนี้ "เตรียมสำรับอาหารเช้าของลินินให้ดี" เจย์เดนสั่งผู้รับใช้ น้ำเสียงฟังดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยถ้อยวาทะที่ไร้ผู้ใดกล้าขัดขืน บรรดาผู้รับใช้ที่ยืนเรียงแถวกันอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก็ค้อมศีรษะ ก่อนจะขานรับ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย “มาเตรียมการแต่เช้าเชียวนะขอรับ...” ชาร์ลเอ่ยทักทายขึ้น วันนี้เขาก็รีบมาช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อให้ลินินไปสอบได้อย่างราบรื่นเช่นกัน หลังจากกำชับผู้รับใช้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว เจย์เดนก็หมุนตัวหันหลัง กำลังจะกลับไปที่ห้องของตนเอง เพื่อไม่ให้ลินินทราบว่าเขาอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ก็ยังไม่วายหันมากำชับผู้ติดตามคนสนิทของตัวเองอีกครา "เจ้า...ไปส่งนางที่สนามสอบให้ทันเวลาด้วย ห้ามสายโดยเด็ดขาด แล้วใกล้พักช่วงเที่ยง กลับมานำอาหารที่คฤหาสน์ไปส่งให้นางด้วย อย่าให้ไปทานอาหารตามร้านสะดวกซื้อเด็ดขาด" ชาร์ลค้อมศีรษะน้อมรับคำสั่ง จากนั้นร่างสูงก็เดินกลับขึ้นไปข้างบนทันที “เจย์เดนล่ะ?” เมื่อก้าวลงจากบันไดแล้วพบว่าที่นั่งของเจย์เดนไร้วี่แววเจ้าที่ เธอก็เอ่ยถามด้วยความฉงน ปกติแล้วเขาตรงเวลาต่อมื้อเช้ามากนัก และถึงแม้จะทราบแล้วว่าเขาพาตนมาอยู่ในฐานะใด แต่ลินินก็ยังสงวนท่าทีไม่ออกนอกหน้าจนเกินงาม “เอ่อ...ท่านชายยังไม่ตื่นขอรับ” ชาร์ลแอบอ้างให้ดูสมเหตุสมผล แต่ในความเป็นจริงแล้ว แวมไพร์เช่นพวกเขาไม่จำเป็นต้องนอนด้วยซ้ำ แต่ด้วยความที่คนตรงหน้าเป็นมนุษย์สาว เขาจึงหยิบยกกิจวัตรที่ตรงกับนาฬิกาชีวิตของมนุษย์ขึ้นมาอ้างได้ และมันก็ได้ผล ลินินไร้ข้อกังขาแต่อย่างใด อาจเป็นเพราะเธอมีเรื่องอื่นให้ต้องคิดมากกว่าเรื่องของเขาด้วย หลังจากพยักหน้ารับรู้แล้ว เธอก็รีบนั่งลงและทานมื้อเช้าอย่างเร่งรีบ ในระหว่างที่ทานก็มีการหยิบสมุดที่จดเอหาโดยสรุปขึ้นมาอ่านทวนอีกครั้งด้วย ชาร์ลที่เห็นแบบนั้นก็อดมองด้วยสายตาภาคภูมิใจเสียไม่ได้ รวมถึงบรรดาผู้รับใช้และสาวใช้คนสนิทของเธอด้วยเช่นกัน ‘ท่านหญิงของเราช่างตั้งใจเหลือเกิน’ ทุกคนที่ยืนมองต่างช่วยกันส่งแรงอธิษฐานให้ลินินสอบผ่านได้ดั่งใจหวังทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่าลินินและชาร์ลออกไปเรียบร้อยแล้ว เจย์เดนก็ลงมาคุมหน้างานอีกครั้ง “แล้วของว่างของนางเล่า...ไม่ได้เตรียมเอาไว้ตามที่ข้าสั่งหรอกหรือ?” “กำลังจัดเตรียมเจ้าค่ะท่านชาย” สาวใช้คนสนิทของลินินบอกกล่าว เมื่อใกล้ถึงเวลาเที่ยง ชาร์ลก็กลับมาที่คฤหาสน์เพื่อรับมื้อกลางวันที่เจย์เดนสั่งเตรียมให้ลินินเป็นพิเศษ "ดูอย่าให้เย็นชืดนะ เจ้ารีบเอาไปส่งให้ถึงมือนางด้วย" ผู้รับใช้ที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่เป็นสถานการณ์ที่พวกเขาเห็นว่า ท่านชายดูจะร้อนรนประหนึ่งเป็นเรื่องสำคัญของตัวเองในรอบหลายปีที่ผ่านมา ตกเย็น หลังจากการสอบสิ้นสุดลง ลินินที่อ่อนล้าจากการสอบทั้งวันก็กลับมาถึงคฤหาสน์พร้อมกับชาร์ลที่ดูเหนื่อยล้าไม่ต่างกัน ลินินตรงเข้าห้องทันที หลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวก็ล้มตัวลงนอนไปด้วยความอ่อนเพลีย ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น แวมไพร์หนุ่มก็แอบย่องเข้าไปในห้องของเธอดั่งเช่นที่เขาทำทุกวัน และเมื่อเห็นว่าครั้งนี้เธอหลับสนิท เขาก็ค่อย ๆ เดินเข้าไปก่อนจะนั่งลงข้างเตียงอย่างเบาที่สุด นิ้วเรียวยาวเกลี่ยเส้นผมที่ปกหน้าของเธออย่างอ่อนโยน "เจ้าทำได้ดีแล้วนะวันนี้..." เขากระซิบเสียงแผ่วเบาราวกับกำลังเล่านิทานกล่อมให้เธอหลับฝันดี หลังจากกล่อมไปสักพัก เขาก็ลุกเดินกลับออกจากห้องของเธอ และด้วยความรู้ดีว่าลินินจะต้องตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความหิวโหย เขาจึงสั่งให้ผู้รับใช้เตรียมมื้อดึกแสนหรูหราเอาไว้ให้เธออย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ซึ่งการคาดการณ์ของเขานั้นไม่ผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อย เพราะลินินตื่นขึ้นมากลางดึกจริง ๆ เธอรู้สึกหิวมาก จนต้องฝืนกฎแอบย่องเดินออกจากห้องในยามวิกาลเลยทีเดียว ขณะที่กำลังจะเดินไปทางห้องครัวนั้น ลินินก็ต้องตื่นตาตื่นใจเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะที่วางรอเธออย่างดีประหนึ่งจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ต้อนรับ ในตอนแรกเธอฉงนใจยิ่งนักว่าเป็นสำรับอาหารสำหรับเธอหรือเปล่า แต่เมื่อก้มมองอ่านกระดาษแผ่นเล็กที่มีลายมือตัวบรรจงเขียนเอาไว้ว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับมาจากการสอบนะ ลินิน’ ความสงสัยก็พลันมลายหายไปทันที เมื่อเป็นเช่นนั้น เธอจึงลงมือทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อยท่ามกลางสายตาของเจย์เดนที่กำลังเฝ้ามองเธออย่างเงียบ ๆ จากมุมบนของคฤหาสน์ ‘กินเก่งเหมือนกันนะ’ ลินินทานทุกอย่างบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยง ทำให้เจย์เดนที่แอบมองอยู่รู้สึกทึ่งในความกินเก่งของเธอ ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าคนตัวเล็กจะกินเก่งขนาดนี้ หรือ อาจเป็นเพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอจึงเก้ ๆ กัง ๆ ในการทานก็เป็นได้ หลังจากทานเสร็จ ลินินก็เริ่มเก็บจานหลายใบที่วางอยู่บนโต๊ะไปวางในอ่างครัว ขณะที่เธอกำลังจะลงมือล้างจาน บรรดาผู้รับใช้ก็รีบกรูกันเข้ามาคว้าจานออกจากมือของเธอทันที “คุณหนูไปพักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ เรื่องนี้ข้าน้อยจะจัดการเอง” สาวใช้คนหนึ่งกล่าวด้วยความเคารพ ลินินรู้สึกเกรงใจเหล่าผู้รับใช้เป็นอย่างมาก บอกตามตรง หากเธอเป็นแวมไพร์จริง ๆ ชนชั้นของเธอคงไม่ต่างจากพวกเขาหรอก ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะอยู่ในคฤหาสน์นี้มาหลายเดือนแล้ว และทราบฐานะของตนดี แต่เธอก็ยังไม่กล้าทำตัวสูงส่งอยู่วันยังค่ำ แต่ในเมื่อสิ่งนี้เป็นหน้าที่ของพวกผู้รับใช้ เธอก็ได้แต่ยอมปล่อยให้พวกเขาจัดการ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณตอบกลับไป และด้วยความที่เธอนิสัยอ่อนโยนเช่นนี้ เหล่าผู้รับใช้จึงชื่นชอบเธอเป็นยิ่งนัก หลังจากนั้น ลินินก็เริ่มตื่นตาตื่นใจไปกับการเดินชมคฤหาสน์ยามวิกาล เธอไม่กล้าเดินไปทางปีกตะวันตกจามที่เจย์เดนกำชับเอาไว้ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า คฤหาสน์ยามค่ำคืนนั้นมีมนต์สเน่ห์ดึงดูดแปลก ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะยืนมองทางเดินมืดมิดที่มุ่งตรงไปทางนั้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น เจย์เดนที่คอยจับตาดูเธอจากมุมมืด น่าแปลกเสียจริง ทั้งที่หัวใจของเขาไม่เคยเต้น แต่กลับร็สึกเหมือนมันมีชีวิตขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ ยามเมื่อมองดูร่างบางตรงหน้าพร้อมท่าทีซุกซนอยากรู้อยากเห็นเหมือนเด็กที่เพิ่งเจอสิ่งใหม่ และแล้ว รอยยิ้มที่ไม่ใช่เพียงแค่การเผยอมุมปากขึ้นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่นานนัก ลินินก็เลิกสนใจปีกตะวันตกแล้วเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง วันนี้ผ่านไปได้ดีกว่าที่เธอคิดไว้มาก ชาร์ล ผู้ติดตามของเจย์เดน คอยดูแลเธออย่างใกล้ชิดตอนที่ไปสอบ ทำให้เธอไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ และเมื่อนึกถึงสิ่งที่ชาร์ลทำให้ตลอดทั้งวัน ลินินก็อดคิดถึงเจย์เดนขึ้นมาเสียไม่ได้ "หรือว่าเขาจะเป็นคนสั่งให้ชาร์ลมาดูแลเรานะ? " ลินินนึกในใจ แต่ก็ไม่ปักใจเชื่อมากนัก เพราะเธอไม่ได้เห็นเขาเลยตลอดทั้งวัน ไม่รู้ว่าเขาจะรู้ด้วยซ้ำว่าวันนี้เป็นวันสอบที่สำคัญของเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็อดรู้สึกขอบคุณเขาไม่ได้อยู่ดี “ขอบคุณนะ เจย์เดน” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะอุ้มตุ๊กตาแดร็กคูล่าที่ดูเหมือนว่า ตอนนี้มันจะกลายเป็นตัวแทนของเขาไปเสียแล้ว พร้อมทิ้งตัวลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าอีกครั้ง เจย์เดนที่ซ่อนตัวอยู่ตรงระเบียงข้างนอกห้อง ได้ยินทุกถ้อยคำของเธอ เขามองผ่านหน้าต่างห้อง เห็นลินินกอดตุ๊กตาและผล็อยหลับไปด้วยความสุขใจก็ได้แต่ยืนยิ้มอย่างอ่อนโยน พลันรู้สึกถึงความอบอุ่นในใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเป็นห่วงเป็นใยและให้ความสำคัญต่อกันและกัน ความรู้สึกมันเป็นเช่นนี้เองสินะ หลังจากไม่ได้สัมผัสมาหลายร้อยปีในเช้าวันหนึ่งหลังมื้ออาหาร อยู่ๆ ลินินก็ได้รับสายจากบริษัทว่ามีธุระเร่งด่วนต้องเข้าไปเจรจากับทางโรงงานฝ่ายผลิต ด้วยแบบเสื้อผ้าที่โรงงานจัดทำตัวอย่างรุ่นแรกออกมามันผิดไปจากแบบที่เธอคาดหวังเอาไว้มากคิ้วสวยขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจ ก่อนจะจัดการบอกเลขาว่าเดี๋ยวจะเข้าไปที่โรงงานด้วยตัวเอง“ดูเหมือนต้องไปที่โรงงานเองแล้วล่ะ แบบที่ส่งมามันไม่ตรงกับที่สั่งไว้เลย” เธอบ่นให้สามีฟังขณะที่เตรียมตัวจะออกไปข้างนอกเจย์เดนที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ทำหน้าฉงน “เจ้าสั่งเลขาไปแทนก็ได้หนิลินิน ไม่เห็นต้องไปเองเลย ทำไมต้องเหนื่อยเองด้วย?” น้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าคัดค้านสุดตัวลินินจึงหยุดมือจากการเตรียมเอกสารแล้วหันมามองมาทางเขาอย่างไม่เข้าใจนักว่าทำไมสามีเธอจึงมีทีท่าเช่นนั้น“ก็เพราะเป็นแบรนด์ของฉันไง ฉันก็เลยอยากเข้าไปดูเอง”ได้ยินแบบนั้นเจ้าแวมไพร์ก็เริ่มขยับตัวเหมือนอยู่ไม่สุข สีหน้าของเขาเริ่มออกอาการกังวล ส่วนภรรยาตัวน้อยของเขาก็จับจ้องมองตามท่าทีนั้นอย่างไม่วางตา ด้วยสงสัยว่าสามีเป็นอะไรไป“แต่เจ้าไม่ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองก็ได้นี่นา ข้าแค่…แค่คิดว่าเจ้าควรพักบ้าง” ว่าจบก็ส่งมือหนาเข้ามากอบกุมมือเรียวของเธออ
ในห้องโถงใหญ่ของคฤหาสน์ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่น ท่านพ่อและท่านแม่ของเจย์เดนมาถึงพร้อมกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะจากเด็ก ๆ ทั้งสี่ที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาเติบโตอย่างรวดเร็วจนผู้ใหญ่ในครอบครัวอดตกใจเสียไม่ได้“ลินิน เจ้านี่เก่งเหลือเกิน” ท่านแม่เอ่ยชมขณะมองดูหลาน ๆ ที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ใกล้ ๆ “ของข้าแค่คนเดียวก็ลมแทบจับแล้ว” ลินินยิ้มตอบ ขณะเดียวกันนั้นเจย์เดนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เริ่มขมวดคิ้วขึ้นในทันทีเมื่อได้ฟังคำพูดของแม่ตัวเอง “อะไรกันท่านแม่ ข้าเลี้ยงยากเหรอ?” ถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไลเรนได้ยินก็หัวเราะขึ้น “เลี้ยงยากมาก เจ้าดื้อมากตั้งแต่ยังเล็ก ๆ แล้ว” “ดื้อเหรอคะ?” ลินินเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสนใจ “ไม่เห็นเคยรู้เลย” เธอนึกภาพเจย์เดนผู้มีท่าทีสงบนิ่งกลายเป็นเด็กดื้อไม่ออกเลยจริง ๆ แต่ถ้าหากเรื่องความขี้แกล้ง อันนี้พอจะรู้อยู่บ้างแล้วล่ะเจย์เดนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “ข้าไม่ได้ดื้ออะไรสักหน่อย ท่านแม่น่ะพูดเกินไป”“งั้นเหรอ?” ท่านแม่ส่งยิ้มพร้อมสายตาเจ้าเล่ห์มาทางเจย์เดน ก่อนจะหลับตาลงแล้วเล่าเรื่องสมัยที่เจย์เดนยังเป็นเด็กขึ้น “แล้วใครกันที่ปีนต้นไม้หนีออกจากบ้านเพร
บังเอิญว่าในวันนี้ลินินจะต้องไปตรวจงานออกแบบเสื้อผ้าที่บริษัทของเธอ หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วก็พร้อมจะออกเดินทางเจย์เดนในเสื้อเชิ้ตที่พับแขนขึ้นเล็กน้อยก็เดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยมาดเข้ม "เจ้าจะไปนานไหม?" เขาถามลินินพร้อมย่อตัวนั่งลงตรงหน้าก่อนจะยื่นมือหนาออกไปช่วยสวมรองเท้าให้เธอ"ไม่นานหรอก นายอยู่ดูเด็ก ๆ ไหวใช่ไหม?" ลินินหันมายิ้มให้เล็กน้อยเจย์เดนพยักหน้ามั่นใจ "ข้าเป็นแวมไพร์นะ เลี้ยงเด็กแค่นี้จะไปยากอะไร" ใบหน้าหล่อแสยะยิ้มขึ้นด้วยความมั่นใจลินินเห็นแบบนั้นก็แอบหัวเราะนิดหน่อย "งั้นฝากด้วยนะ อย่าให้พวกเขาทำบ้านพังล่ะ""บ้านทนจะตาย เจ้าอย่ากังวลไปเลย" เขาพูดติดตลก พร้อมยกมือโบกให้ลินินก่อนที่เธอจะเดินออกไปตอนแรกทุกอย่างดูสงบเรียบร้อย เด็ก ๆ นั่งวาดรูปอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ไม่นานนัก เรย์เน่เริ่มบ่นว่าเบื่อและอยากเล่นซ่อนแอบ"ท่านพ่อ เล่นซ่อนแอบกับพวกเราไหมคะ" ไม่เพียงแค่เอ่ยถาม ยังส่งสายตาแวอย่างออดอ้อนมาให้เจย์เดนอีกต่างหากร่างสูงที่นั่งเฝ้าลูก ๆ พร้อมทำงานไปด้วยก็ชายตาขึ้นจากกองงาน ก่อนจะตอบรับ "ได้สิ นับสิบนะ"ยังไม่ทันจะเริ่มนับ เด็ก ๆ ทั้งห้าก็วิ่งวุ่นหาที่ซ่อนไปทั่วคฤหาสน์
เช้าวันหนึ่งลินินตื่นขึ้นมา และเมื่อเห็นว่าลูก ๆ ยังหลับอยู่ เธอก็ตั้งใจว่าจะทำข้าวกล่องไปให้สามีที่บริษัท จึงรีบเร่งเตรียมวัตถุดิบอย่างพิถีพิถัน“ทำเสต๊กแล้วกัน” เธอว่าพลางตัดชื้นเนื้อแล้วจับมันพลิกใส่เตาย่าง เมื่อสุกได้ที่แบบกลาง ๆ แล้ว ก็นำมาตัดเป็นชิ้นพอดีคำ และพร้อมเริ่มเตรียมอย่างอื่นต่อไปแต่ก่อนที่จะทันได้ลงมือ ลูก ๆ ทั้งสี่ เจย์เนส เรย์เน่ เคย์ลิส และไลเอนน์ ก็ตื่นขึ้นมาได้ยินเข้าเสียก่อน"ท่านแม่ทำอะไรเหรอครับ/คะ?" เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ย ถามอย่างตื่นเต้น และเมื่อทราบว่าท่านแม่ของพวกเขากำลังจะทำรู้ข้าวกล่องไปให้ท่านพ่อที่บริษัท ทุกคนก็ดูเหมือนอยากจะช่วยกันคนละไม้คนละมือขึ้นมาในทันทีแต่แทนที่การช่วยจะทำให้งานเสร็จเร็วขึ้นกลับกลายเป็นวุ่นวายกว่าเดิมเสียอย่างนั้นเจย์เนสที่เป็นพี่ใหญ่สุดพยายามช่วยลินินหั่นผลไม้ แต่ด้วยความที่ยังมือใหม่จึงหั่นออกมาได้ไม่ค่อยเท่ากันนัก บางชิ้นก็ใหญ่เกินกว่าจะยัดลงปากได้ ส่วนบางชิ้นก็บางเฉียบจนแทบไม่ไต้องเตี้ยวกันเลย จนลินินต้องเข้ามาแก้ให้ส่วนเรย์เน่ คนนี้ชื่นชอบความสวยงามเป็นชีวิตจิตใจ จึงได้รับหน้าที่ยืนแต่งจานสลัด แต่ด้วยความที่เป็นเด็ก จึงใส่ใ
นานวันเข้า เจย์เนสและเรย์เน่ก็เริ่มโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ก็เหมือนเด็กอายุเจ็ดขวบเข้าแล้ว ส่วนน้องน้อยของพวกเขาตอนนี้ก็คล้ายกับเด็กมนุษย์ในช่วงวัยห้าขวบ และใช่ ทั้งมดนี้เกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงปีเป็นอย่างที่ท่านหมอเคยกล่าวว่าพวกเขาจะโตไวและเรียนรู้เร็วมาก เจย์เดนกับลินินจึงจ้างครูมาคอยสอนพวกเขาที่บ้านด้วย เนื่องจากเล็งเห็นว่าพวกเขาอาจยังไม่พร้อมที่จะไปเข้าเรียนร่วมกับเด็กคนอื่น ๆนอกจากนี้ เมื่อเริ่มโตขึ้น การติดแม่ก็เริ่มน้อยลง กลายเป็นน้อง ๆ เข้ามาทำหน้าที่ในส่วนนั้นแทนเจย์เนสในวัยหนุ่มน้อยเริ่มสนใจการอ่านหนังสือในห้องเงียบ ๆ หรือออกไปฝึกศิลปะการต่อสู้กับอาจารย์ที่ท่านพ่อของเขาจ้างมาฝึกส่วนตัวเสียมากกว่ามาขลุกอยู่ในห้องกับน้อง ๆ และนอกเหนือจากนั้นนิสัยก็เริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนผู้เป็นพ่ออย่างไม่ทิ้งห่างส่วนเรย์เน่ก็เริ่มมีความสนใจในเรื่องศิลปะและดนตรี บ่อยครั้งเธอจะเก็บตัวฝึกซ้อมเปียโนหรือวาดภาพในมุมของตัวเอง "ช่วงนี้ส่งไม้ต่อให้น้อง ๆ แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าแม่จะเหงาเลย"ลินินได้ฟังเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา แต่ถึงก็ยังมีสมาชิกตัวโตที่ดูเหมือนจะคอยมาแย่งแม่ของพวกเขาอยู่ตลอด
และแล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอีกครั้งเข้าจนได้ เมื่อลินินส่องกระจกและเริ่มเห็นหน้าท้องที่ดูเหมือนจะอวบอิ่มขึ้น“นี่เราไม่ได้ออกกำลังกายจนลงพุงหรือยังไงกันเนี่ย” เธอพึมพำ แต่แล้วก็นึกถึงตอนที่ตั้งท้องสองแฝดขึ้นมาได้ ว่ามันก็เริ่มต้นเช่นนี้นอกจากนี้เมื่อสังเกตอาการไปนานวันเข้า ยังมีอาการพะอืดพะอมร่วมด้วยอีกต่างหาก อาการนั้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเจย์เดนต้องตัดสินใจพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลในที่สุด“ซูบผอมลงอีกแล้วนะขอรับท่านหญิง” ท่านหมอเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้ม"ตอนแรกฉันคิดว่าอาจจะกินเยอะไป อาหารก็เลยอาจจะไม่ย่อย แต่พอเห็นว่าผอมลงแล้วท้องป่องเหมือนครั้งที่แล้ว ก็เลยคิดว่าคงจะ..." ลินินพูดเสียงเบาขณะที่ท่านหมอก็อัลตร้าซาวน์บริเวณหน้าท้องของเธอไปพลาง“ขอรับ ตั้งครรภ์อีกแล้ว..." ท่านหมอยืนยันความคิดของเธอเจย์เดนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ พลันหยุดนิ่งราวกับถูกหยุดเวลา ดวงตาสีแดงของเขาจับจ้องไปยังหมอหลวงราวกับอยากจะให้แน่ใจว่าตัวเองฟังไม่ผิดไป "ปกติแล้วแวมไพร์จะตั้งครรภ์ได้ครั้งเดียวไม่ใช่หรือ?"“นั่นน่ะสิ” แววตาคู่สวยของลินินก็จับจ้องใบหน้าของท่านหมอด้วยความฉงนเช่นกัน พร้อมกับหันมองสามีของตน