Share

บทที่ 5

last update Last Updated: 2024-11-18 15:31:40

แม้จะบอกให้ตัวเองเข้มแข็ง แต่สัมปันนีก็กินอะไรไม่ได้นั่งเหม่อลอยติดต่อกันหลายวัน รวมถึงทุกๆ คืนเธอมักจะสะดุ้งตื่นจากการฝันร้าย ฝันถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นซ้ำๆ วนไปวนมา พยายามแค่ไหนก็สลัดมันออกไปจากหัวไม่ได้ โดยเฉพาะเงาของผู้ชายคนนั้น ความทุกข์ค่อยๆ กัดกินหัวใจของเธอ แม้จะไม่มีน้ำตาแต่แววตาของเธอก็ยังคงเศร้าสร้อยไร้ความสดใส 

วรรณีเองก็ทุกข์ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกสาว เธอพยายามชวนคุยชวนไปทำบุญไปต่างจังหวัด แม้สัมปันนีจะไปด้วยทุกๆ ที่ทว่าก็ยังไร้ซึ่งชีวิตชีวา กระทั่งคืนหนึ่ง  สัมปันนีก็ยอมเล่าเรื่องบางอย่างให้เธอฟัง 

ความรู้สึกขณะนั้นเหมือนหัวใจของคนเป็นแม่แบบเธอถูกกระชากออกจากอกแล้วใช้มีดแทงซ้ำๆ มันทั้งช็อค ทั้งจุกแน่นในอก ทั้งตกใจจนชาไปทั้งตัว เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าสัมปันนีจะได้พบเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายแบบนั้น ทั้งสองกอดกันร้องไห้และจับมือกันเพื่อจะก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปด้วยกัน 

“ผลสัมภาษณ์งานที่ใหม่ออกหรือยังลูก” วรรณีเอ่ยถามเพราะเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อนจะเกิดเรื่องสัมปันนีบอกว่าได้ลาออกจากบริษัทเดิมพร้อมสัมภาษณ์งานที่บริษัทใหม่แล้ว เหตุผลที่ลาออกจากที่เก่าเพราะถูกหัวหน้างานที่เป็นผู้ชายคุกคาม แม้จะร้องเรียนหลายครั้งก็ยังไม่เป็นผล สุดท้ายจึงเลือกที่จะพาตัวเองออกมาจากที่นั่น 

“ยังค่ะ น่าจะมะรืนนี้”

“แม่ขอให้ลูกได้ข่าวดีนะ”

“ขอบคุณค่ะแม่” สัมปันนีส่งยิ้มให้แม่ทว่าจู่ๆ น้ำตาของวรรณีก็ไหลอาบแก้มเสียดื้อๆ นั่นเพราะหลายวันแล้วที่เธอไม่ได้เห็นรอยยิ้มของลูกสาวแบบนี้

“หนูขอโทษที่ทำให้แม่ร้องไห้” 

“ไม่ๆ ลูก ที่แม่ร้องเพราะแม่ดีใจที่ลูกสาวของแม่ยิ้มได้แล้ว อะไรที่ไม่ดีที่มันเลวร้ายก็ปล่อยมันไปนะลูกนะ ถือว่าเป็นกรรมที่เราต้องชดใช้ให้คนเลวๆ พวกนั้น”

“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับ ตอนนี้จิตใจเธอค่อยๆ กลับมาเข้มแข็งแล้ว แม้จะไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าอ่อนแออยู่แบบนั้น ระหว่างรอผลสัมภาษณ์ออกเธอจะพยายามเข็มแข็งให้มากขึ้น เธอจะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น จะไปทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

“เดี๋ยวแม่จะออกไปตลาด ลูกอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม”

“ไม่ค่ะ เพราะแม่ทำอะไรก็อร่อย” สัมปันนีส่งยิ้มให้แม่ที่รสมือเรื่องทำอาหารนั้นไม่เป็นสองรองใคร อร่อยกว่าเชฟหรือแม่ครัวตามร้านอาหารมีชื่อที่เคยไปกินก็หลายร้าน 

ทุกๆ วันแม่ของเธอจะตื่นมาตั้งแต่ตีสองเพื่อปรุงอาหารอร่อยๆ กับลูกมืออีกหนึ่งคน ซึ่งเมนูแต่ละวันก็จะไม่ซ้ำกัน ไทย เกาหลี จีน ญี่ปุ่น ยุโรปสลับกันไป จากนั้นก็แพ็กใส่กล่องอาหารจัดวางสวยๆ เพื่อดึงดูดใจคนซื้อ ประมาณตีห้าก็จะมีแม่ค้าพ่อค้าเจ้าประจำมารับไปขายต่ออีกทอด

นอกจากอาหารคาวแล้วแม่เธอยังทำขนมไทยอร่อยมาก โดยเฉพาะขนมมงคลที่ใช้ในงานแต่งงาน ซึ่งชื่อของเธอก็มาจากขนมเช่นกัน

เมื่อบอกสัมปันนีเรียบร้อย วรรณีหอบหิ้วตะกร้าจ่ายตลาดคู่ใจแล้วเดินออกไปขึ้นรถสองแถวเจ้าประจำที่จะมารับทุกครั้งที่เธอจะออกไปซื้อของ อันที่จริงถ้า       สัมปันนีไม่อยากกลับไปทำงานบริษัทเธอก็สามารถเลี้ยงดูลูกสาวให้อยู่สุขสบายได้ แต่ดูเหมือนสัมปันนีจะไม่อยากทำแบบนั้น เพราะตั้งแต่เรียนจบก็ทำงานมาตลอดไม่เคยขอเงินเธอใช้อีกเลย อยากได้อะไรก็ทำงานเก็บเงินซื้อเอง เป็นลูกกตัญญูด้วยซ้ำแต่ทำไมโลกถึงได้ใจร้ายกับสัมปันนีนัก

วรรณีลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ ในขณะที่สมองยังคงคิดแต่เรื่องลูก ในขณะที่สัมปันนีก็ยังคงนั่งอยู่จุดเดิมในบ้าน กระทั่งได้ยินเสียงคล้ายประตูรั้วหน้าบ้านถูกเปิดออก

“แม่ลืมอะไรหรือเปล่าคะ” สัมปันนีเอ่ยถามออกไปเพราะคิดว่าแม่ลืมของแล้วกลับมาเอา พร้อมกันนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่แล้วเดินออกไปหากระทั่งเห็นว่าเป็นใครเธอถึงกับชะงักเท้า

“พี่โอเปิ้น”

“ดีใจจังที่เจอ พี่แวะเอาเงินส่วนแบ่งมาให้” รอยยิ้มของพิจิกาเกิดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับยื่นเงินปึกหนึ่งให้สัมปันนี ในขณะที่เจ้าบ้านหน้าถอดสีจนซีดราวกับกระดาษนั่นเพราะไม่คิดว่าพิจิกาจะกล้ามาหาเธอถึงที่บ้านแถมยังแสดงสีหน้าท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่พิจิกาทำไว้กับเธอเมื่อหลายวันก่อนมันยากเกินจะให้อภัยไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนทั้งนั้น 

สัมปันนีกำหมัดแน่นพร้อมกับรวบรวมแรงเท่าที่มีเดินตรงไปหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญและเป็นแขกที่เธอกรวดน้ำคว่ำขันให้มาตลอดหลายวันว่าขออย่าได้พบอย่าได้เจอกันอีกเลย เรียวขาเล็กๆ ของเธอสั่นเทารวมถึงแววตาที่สั่นระริกจากความโกรธทว่าผู้หญิงตรงหน้ากลับยังคงส่งยิ้มให้เธอ

เพียะ

เสียงตบฉาดใหญ่ดังขึ้นมันแรงจนฝ่ามือของ      สัมปันนีชา ในขณะที่พิจิกาเองก็ตกใจมากที่จู่ๆ เธอก็ถูกรุ่นน้องตบจนหน้าหันแบบนี้ รอยยิ้มที่มีให้ในตอนแรกแปรเปลี่ยนมาเป็นความโกรธเกรี้ยวพร้อมตั้งท่าจะตบคืน ทว่าต้องชะงักเมื่อสบตากับสัมปันนีที่เวลานี้แข็งกร้าวอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“เอาสิ ตบมาสิ” สัมปันนีท้าทายทั้งๆ ที่น้ำตายังคลอเบ้า “คนอย่างพี่แค่ถูกตบมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”

“จะมากไปแล้วนะ”

“ไม่มากไปสักนิดเพราะถ้าทำได้ลูกหนูอยากฆ่าพี่แล้วหั่นเป็นชิ้นๆ ด้วยซ้ำ ทำไมถึงได้ทำเลวแบบนั้นกับลูกหนูได้ ทั้งๆ ที่พี่ก็เป็นผู้หญิง ทำไม” นั่นเพราะที่ผ่านมาสัมปันนีไว้ใจพิจิกาเสมอ นับถือเป็นพี่เป็นน้องเข้านอกออกในบ้านกันได้ตลอดเวลาด้วยซ้ำไป แต่เวลานี้เธอเกลียดผู้หญิงตรงหน้ามากที่สุดเช่นเดียวกัน 

“พี่แค่ร้อนเงิน” พิจิกาให้เหตุผลซึ่งมันเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ วันนั้นเธอรับงานซ้อนเลยต้องส่งคนไปแทนเท่านั้นแล้วแจ็คพอตมันก็ไปออกที่สัมปันนีเพราะนัดกินข้าวกับพอดี ทุกอย่างมันประจวบเหมาะไปหมดรวมถึงราคาค่าตัวของสัมปันนีที่ทางนั้นให้มากกว่าที่เธอแจ้งไปหลายเท่า 

แม้จะไม่รู้ว่าคืนนั้นแขกของสัมปันนีเป็นใคร แต่เธอมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องกระเป๋าหนักแน่นอน 

“แล้วทำไมถึงไม่ขายตัวเอง ทำไมต้องเป็นลูกหนู” แม้จะไม่อยากถามหาเหตุผลทว่าพอเจอหน้าพิจิกาประโยคเหล่านี้ก็ออกจากปากสัมปันนีอย่างไม่รู้ตัว 

“ที่โกรธพี่ขนาดนี้เพราะยังไม่ได้เงินใช่ไหม พี่เอามาให้แล้วนี่ไง รับไปสิ” พิจิกาพยายามยัดเยียดเงินก้อนนั้นให้สัมปันนีอีกครั้ง อันที่จริงเธอเก็บเงินทั้งหมดไว้เองก็ได้แต่นึกสงสารเลยแบ่งมาให้

 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 32-จบ

    “คุณเป็นคนเก่ง” อชิระเอ่ยขึ้นในขณะที่เลขากำลังแสดงท่าทางบางอย่างออกมา“ค่ะ” น้ำเสียงอ่อนหวานของปลายฟ้าเอ่ยรับ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจรับงานนี้ไม่ใช่เงินเดือนเป็นแสนหรือสวัสดิการพิเศษอะไร แต่คือประธานหนุ่มที่ชื่ออชิระที่พยายามยั่วเขามาหลายเดือนกลับไม่เคยสำเร็จ“แล้วทำไมถึงด้อยค่าตัวเองด้วยการทำตัวไม่น่ารักแบบนี้”“เอ้” ปลายฟ้าอุทานออกมาอย่างตกใจ“ผมรู้ว่าคุณกำลังคิดจะทำอะไร ครั้งนี้ผมแค่เตือน แต่ถ้าคุณไม่หยุดเราคงทำงานร่วมกันไม่ได้” อชิระไม่ใช่คนใสซื่อถึงตามไม่ทันมารยาหญิงและวิธีรับมือ“ทำไมถึงปฏิเสธฉันคะหรือว่าท่านประธานจะเป็นเกย์อย่างที่คนอื่นพูดๆ กัน” ปลายฟ้าเอ่ยถามนั่นเพราะทุกครั้งที่มีโอกาสเธอจะเข้าหาอชิระเสมอแต่ประธานหนุ่มกลับไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย“เปล่าแต่ผมมีผู้หญิงที่อยากให้เกียรติทั้งต่อหน้าและลับหลัง”“เธอคนนั้นโชคดี

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 31

    อชิระและสัมปันนีคบหากันได้หลายเดือน จู่ๆ ก็มีข่าวทลายซ่องโสเภณีที่ฮ่องกง โดยหนึ่งในเหยื่อที่ถูกหลอกให้ไปทำงานจนแทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันที่นั่นคือพิจิกา แม้จะเบลอหน้าเหยื่อไว้แต่สัมปันนีก็มองออกว่าเป็นใคร ในขณะที่ข่าววงในจากอชิระก็ช่วยยืนยันว่าคือคนเดียวกันอีกด้วย“เห็นข่าวแล้วใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับ อชิระดึงเธอเข้ามากอดเพราะอย่างน้อยเวลานี้พิจิกาก็กำลังรับกรรมที่ก่อไว้ แม้จะไม่ได้มาจากพวกเขาโดยตรงก็ตาม“เห็นว่าเธอติดโรคมาด้วย ตอนนี้กำลังรักษาตัวอยู่”“กรรมค่ะ คนเราทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับแบบนั้น” เวลานี้สัมปันนีอโหสิกรรมให้พิจิกาแล้วหลังจากนี้ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่“ผมมีอะไรให้ลูกหนูดู” เอ่ยบอกเสร็จอชิระก็พา สัมปันนีไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้พวกเขาอยู่ที่เพนท์เฮ้าส์ของชายหนุ่ม“อะไรคะ”“แบบบ้านครับ” เสียงทุ้มเฉลยนั่นทำให้สัมปันนีแปลกใจเป็นอย่างมาก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 30

    ทั้งอชิระและสัมปันนีก็ต่างเป็นคนสำคัญของกันและกัน เพราะไม่อยากให้กระทบกับหน้าที่การงานโดยเฉพาะอิชระ สัมปันนีจึงตั้งกฎว่าห้ามเปิดเผยความสัมพันธ์นี้ให้คนอื่นรู้อย่างเด็ดขาดแม้จะไม่อยากรับปากแต่อชิระก็จำต้องทำตามกฎที่เธอกำหนดขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นประธานหนุ่มก็มักจะหาโอกาสหรือจังหวะเหมาะๆ เพื่อให้ได้อยู่ตามลำพังกับสัมปันนีในที่ทำงานเสมอๆ ใช้ข้ออ้างเรื่องงานยุ่งเรื่องกาแฟหมดเพื่อให้เธอมาดูแลบ้าง แม้สัมปันนีจะรู้ทันแต่เธอกลับไม่ได้แย้งอะไร“กาแฟค่ะ” เสียงสดใสเอ่ยบอกพร้อมกับวางกาแฟหอมๆ ลงบนโต๊ะทำงานประธานหนุ่มที่เวลานี้เขาคือความรักของเธอเช่นกัน“ขอบคุณครับ อืม…ช่วงนี้งานยุ่งมาก ลูกหนูคิดว่าผมรับเลขาคนใหม่ดีไหม” เสียงทุ้มเอ่ยถามนั่นเพราะตอนนี้ชมดาวได้ลาออกไปแล้วส่งผลให้ประธานหนุ่มไม่ได้มีเลขาส่วนตัว เหตุผลเพราะมั่นใจว่าตนทำงานคนเดียวได้ทว่าพึ่งมาตระหนักว่าเขาไม่ได้มีเวลามากพอที่จะจัดการทุกอย่างงานเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างเขาก็ต้องส่งให้เลขาช่วยจัดการแทน ไม่อย่างนั้นคิวงานเขาจะชนกันอย่างที่เป็นอยู่ แต่สมัยนี้การจะหาเลขาเก่

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 29

    วันรุ่งขึ้นอชิระมาที่บ้านของสัมปันนีตั้งแต่เช้าตรู่ ชายหนุ่มอาสาขับรถไปส่งทั้งคู่ที่โรงพยาบาลท่ามกลางความสงสัยของสัมปันนี นั่นเพราะแม่ของเธอไม่ได้มีปฏิกิริยาตกใจหรือสงสัยที่จู่ๆ อชิระก็มารับแม้แต่น้อย แต่ก็ยังคงเก็บความสงสัยเหล่านั้นเอาไว้ระยะเวลารอคิวที่โรงพยาบาลรัฐใช้เวลาครึ่งค่อนวันแต่อชิระก็ไม่ได้บ่นหรือแสดงท่าทางหงุดหงิดอะไร แต่เพราะอยากให้วรรณีได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้เขาจึงเสนอทางเลือกให้ ซึ่งทั้งคู่กลับปฏิเสธที่จะรับข้อเสนอนั้นอชิระจึงมัดมือชกจัดการเปลี่ยนโรงพยาบาลจากรัฐไปเอกชนทันที“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้โอม” ขณะนั่งรอเรียกพบหมอวรรณีก็เอ่ยขึ้น“ผมเต็มใจครับ อีกอย่างลูกเขยดูแลแม่ยายจะเป็นไรไป” อชิระยิ้มออกมา ซึ่งประโยคนี้สัมปันนีไม่ได้ยินเพราะเธอเดินไปซื้อน้ำ แต่พอกลับมาก็คอยสังเกตคนทั้งคู่มาตลอดหลังจากเก็บความสงสัยมาตั้งแต่เช้าในที่สุดก็เอ่ยถามออกไป“แม่รู้จักท่านประธานมาก่อนหรือเปล่าคะ”“ตอบยังไงดีล่ะทีนี้” วรรณีหันมองมาที่อชิระราวก

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 28

    “ฉันต้องกลับบ้านแล้ว” สัมปันนีพยายามคุมโทนเสียงอย่างมากเพื่อไม่ให้สั่นสะท้านไปกับสัมผัสของอชิระ แต่ดูเหมือนประธานหนุ่มจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ เพราะนอกจากลูบไล้เขาก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นขย้ำหน้าอกอวบอิ่มของเธอเบาๆ“ท่านประธาน…อา” เสียงครางกระเส่าดังมาจากคนในอ้อมกอด เธอเผลอส่งเสียงที่ทำให้อชิระตื่นตัวแบบนี้เขาจะปล่อยให้เธอกลับบ้านได้ยังไง“ลูกหนูกำลังทำให้ผมหลง”“หนูเปล่า” สัมปันนีขบเม้มริมฝีปากอิ่มแล้วเผลอเอ่ยแทนตัวเองด้วยชื่อนั่นกลับยิ่งทำให้อชิระยิ่งลูบไล้เธอมากขึ้น “สีหน้ายั่วๆ แบบนี้ เสียงกระเส่าแบบนี้ มันทำร้ายผมมากรู้ไหม เพราะฉะนั้นลูกหนูต้องรับผิดชอบ”“ท่านประธาน”“ทำไมถึงยังเรียกผมว่าท่านประธาน” เสียงทุ้มเอ่ยถาม“หนูอยากเรียก ในที่ทำงานหนูจะเรียกคุณว่าท่านประธาน”“แล้วนอกเวลางานจะเรียกว่าอะไร”“เอ่อ…” สัมปันนีอึกๆ อักๆ ทันที ใบหน้าหวานแดงก่ำ“ว่าไงจะเรียกว่าอ

  • ท่านประทานขา อย่ารังแกหนู   บทที่ 27

    “จะโกรธคุณ ฉันจะไปจากคุณ ฉันจะฆ่า…คุณ”“จะทำแบบนั้นกับผมจริงๆ นะเหรอลูกหนู” ขณะเอ่ยถามอิชระก็เร่งจังหวะนิ้วให้ถี่กระชั้นยิ่งขึ้น “ไม่ค่ะ ฉันไม่ทำ ได้โปรดอย่างทรมานฉันแบบนี้อีกเลย” สัมปันนีครางกระเส่าออกมา ดูเหมือนว่าเวลานี้เธอไม่อาจต่อรองอะไรกับอชิระได้ทั้งนั้น เธอต้องรังเกียจสัมผัสจากเขาไม่ใช่โหยหาอย่างที่เป็นอยู่ แต่ไม่ว่าจะบอกตัวเองยังไงร่างกายและหัวใจกลับไม่ทำตามคำตอบที่ได้ยินทำให้อชิระยิ้ม ชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นมาทาบทับบนร่างเปลือยของสัมปันนี เขาเองก็อดทนมามากพอแล้วเช่นกัน ทั้งคู่สบตากันก่อนที่อชิระจะมอบจูบให้เธออีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ บดเบียดสะโพกสอบเข้าหาแล้วใช้หัวเข่าดันขาทั้งสองข้างของสัมปันนีให้แยกห่างออกจากกันจากนั้นก็ค่อยๆ แทรกตัวฝากฝังความเป็นชายที่เวลานี้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ให้เธอ ความคับแน่นก่อเกิดเป็นความเจ็บที่ทำให้สัมปันนีสะดุ้ง แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เธอก็ยังใหม่อยู่มาก“เจ็บใช่ไหม”“ค่ะ” สัมปันนีเอ่ยรับอย่างไม่ปิดบัง อชิระจึงเพิ่มความนุ่มนวลให

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status