แชร์

ตอนที่ 4

ผู้เขียน: ผลิกา(เลอบัว)
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-07 20:38:49

  แวววิวาห์เดินเข้าบริษัทด้วยสติเลื่อนลอย เธอเดินเข้าไป  ในลิฟต์พร้อมกับอีกหลายๆ คน แต่แล้วทุกคนก็พาเดินกันเดินออกมาจนหมด เหลือเพียงเธอที่ยังคงยืนเหม่อลอยอยู่ด้านในสุด ไม่ได้สนใจเพื่อนๆ ที่กำลังกวักมือเรียกให้เธอรีบเดินตามออกไป กระทั่งเธอหันไปเห็นพริมรตาที่กำลังยืนกวักมืออยู่ด้านหน้า เธอจึงตั้งใจจะเดินไปหาเพื่อน ครั้นพอจะเดินออกไป ประตูลิฟต์ก็ถูกกดปิดซะก่อน เธอหันไปมองคนกดลิฟต์ ก่อนจะหันมองรอบๆ ตัว ให้ตายสิ! ในลิฟต์มีแค่เธอกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาหล่อมาก คนอะไรดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า

‘หึ! ตกใจสินะที่เจอเราที่นี่’ เป็นเพราะถูกอีกฝ่ายจับจ้องอย่างเอาเป็นเอาตาย เลยทำให้ภาคิน ท่านประธานสุดหล่อคิดเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากว่าคุณเธอจะกำลังตกใจที่เจอเขาที่นี่ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น

“อืม! ว่าไง” เห็นเป็นพริมรตาที่โทรเข้ามา เธอจึงรีบกดรับ ด้วยไม่แน่ใจว่าเพื่อนมีเรื่องอะไรตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว

(รีบออกมาจากลิฟต์เดี๋ยวนี้) 

“อะไรของแกเนี่ยพรีม ก็…” ยังไม่ทันที่เธอจะโวยเพื่อนต่อ เพื่อนก็แทรกขึ้นมาอีก

(แกอยู่ในลิฟต์กับท่านประธาน) พูดจบเพื่อนก็กดวางไป ในขณะที่เธอยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ พลางหันกลับมาลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ก็เธอเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน เคยสนใจซะที่ไหนว่าท่านประธานหน้าตาเป็นยังไง ปกติสนใจแค่ท่านรองประธานอย่างคุณภากร จงวิสุทธิ์รังสรรคนเดียว เธอก็ไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว  

‘เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ นี่มันลิฟต์พนักงาน แล้วทำไมท่านประธานถึงมาอยู่นี่ได้ล่ะ เฮ้ย! หรือว่าเราขึ้นลิฟต์ผิดตัว นี่เราเบลอถึงขนาดขึ้นลิฟต์ผู้บริหารเลยเหรอวะเนี่ย’ เธอทำหน้าราวกับจะร้องไห้ เมื่อคิดว่าทั้งหมดเกิดจากความสะเพร่าของตัวเอง ในขณะที่เขากลับคิดไปอีกอย่าง

‘คงกำลังวางแผนเรียกร้องความสนใจจากฉันอยู่สินะ คงยากหน่อยนะเพราะฉันไม่ใช่คนที่จะสนใจใครง่ายๆ หึ! ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงเจ้าเล่ห์อย่างเธอจะมาไม้ไหนอีก คิดจะจับคนอย่างภาคิน มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ’ ในขณะที่เขากำลังเฝ้ารอแผนที่ว่าจากเธอ จู่ๆ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก ตามมาด้วยเธอที่รีบเดินเร็วๆ ออกไป

“เดี๋ยว!” เสียงเข้มๆ ของท่านประธานทำเอาเท้าที่กำลังก้าวฉับๆ พลันต้องหยุดชะงัก เธอค่อยๆ หันกลับมา แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าท่านประธานเพราะกลัวความผิดที่ดันไปขึ้นลิฟต์ผู้บริหาร ด้วยเคยได้ยินกิตติศัพท์ความเฮี้ยบของเขามาก่อน แต่แล้วความผิดของเธอก็ถูกลบล้าง เมื่อเธอดันเหลือบไปเห็นว่าลิฟต์ที่ตนเพิ่งเดินออกมาไม่ใช่ลิฟต์ผู้บริหารอย่างที่เข้าใจ ดังนั้นคนที่ผิดก็ไม่ใช่เธอแต่เป็น...ท่านประธาน ว่าแล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองคนผิดอย่างกล่าวโทษด้วยความลืมตัว ทำเอาคนถูกมองถึงกับสะอึก ไม่นึกว่าคุณเธอจะกล้ามองเขาด้วยสายตาแบบนี้

“เธออยู่แผนกอะไร” ทั้งที่ก็รู้คำตอบดีอยู่แล้ว แต่เขาก็แสร้งถามออกไป เผื่อว่าเสียงดุๆ ของเขาจะทำให้เธอกริ่งเกรงจนหงอลงไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์

“การตลาดค่ะ” เธอยังคงมองหน้าท่านประธานอย่างไม่ลดละ เมื่อรู้ว่าตนไม่ใช่คนผิด

“อืม” รับคำเสร็จ เขาก็กดปิดประตูลิฟต์ทันที 

“บ้าฉิบ! เป็นอะไรของแกวะไอ้คิน” นั่นสินะ ปกติท่านประธานสายดุก็ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักที เสียงกับสายตาดุๆ ของเขาก็เป็นที่เลื่องลือจะตาย ชนิดที่พนักงานคนไหนเห็นแล้วเป็นต้องผวาหลบสายตาแทบไม่ทัน แต่มันกลับใช้ไม่ได้กับผู้หญิงคนนี้ ทำเอาคนที่เคยมั่นใจถึงกับเสียอาการจนต้องหลบออกมาตั้งหลัก

“มาเช้านะครับวันนี้” ชาติมา(ชา-ติ-มา) เลขาผู้ที่เป็นทุกอย่างให้เขาแล้ว ทักทายด้วยหน้านิ่งๆ ตามสไตล์ 

“อืม! เข้ามาพบฉันในห้องหน่อย” ท่านประธานบอกสีหน้าเคร่งเครียด จนเลขาจำต้องวางงานที่ทำอยู่แล้วรีบเข้าไปตามคำสั่ง หลายคนอาจจะแปลกใจและสงสัยในความสัมพันธ์ของท่านประธานกับเลขาคู่นี้ที่ดูเหมือนจะอยู่ด้วยกันมานานหลายปี บางคนถึงขั้นคิดไปว่าทั้งสองเป็นคู่เกย์กัน เพราะแทนที่เขาจะหาเลขาที่เป็นผู้หญิงอย่างที่ควรจะเป็น แต่เขากลับเลือกชาติมา แต่ก็อีกนั่นแหละ ถึงเขาจะเป็นผู้ชายแต่ก็ทำงานได้ดีไม่แพ้ผู้หญิง เรียกว่าละเอียดรอบคอบไม่แพ้กัน ที่สำคัญยังอำนวยความสะดวกเรื่องอื่นๆ ให้เขาได้ด้วย โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง

“นายมีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เขาคงเป็นคนเดียวกระมังที่ไม่เรียกท่านประธานเหมือนคนอื่นๆ 

“เอ่อ…ก็เรื่องเมื่อคืน คือฉัน…” ภาคินทำท่าอึกอัก นึกอยากจะปรึกษาเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็กระดากเกินไปที่จะพูดออกไปตรงๆ

“คืนนี้ให้ผมส่งผู้หญิงไปให้เหมือนเดิมรึเปล่าครับ แล้วจะเอาคนเดิมหรือจะให้ผมหาคนใหม่” เห็นเจ้านายอึกอัก เลขาจึงเป็นฝ่ายพูดออกมาเอง 

“อืม! ยังไงก็ได้” จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่กล้าพูดออกไป สุดท้ายก็เลยต้องจำใจรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเสนอมาอย่างช่วยไม่ได้

“ครับ งั้นผมขอตัวออกไปทำงานต่อนะครับ” สิ้นเสียงชาติมาก็เดินออกไปทันที ในขณะที่เจ้าของห้องทำได้เพียงแค่อ้าปากค้าง ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ตัวเองอยากรู้

“เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ก็แค่ถามไปว่าเมื่อคืนคีย์การ์ดของสองคนนั่นสลับได้ยังไง” เขาเอาแต่ก่นด่าตัวเองด้วยความวุ่นวายใจ กระทั่งความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามา

“แต่ผู้หญิงคนนั้นรู้” จู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงสาวไซส์ไลน์ที่คลาดกันเมื่อคืน จึงรีบกดต่อสายออกไปที่เลขาหน้าห้องทันที

“ฉันต้องการผู้หญิงคนเมื่อคืน จัดการให้ด้วย” สิ้นเสียงเขาก็วางทันที แต่เท่านี้ก็เป็นอันรู้กัน

“หึๆ เดี๋ยวก็รู้กันว่าผู้หญิงอย่างเธอจะแผนสูงได้สักแค่ไหน คิดจะจับคนอย่างภาคินมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก” แค่คิดว่ากำลังจะจับผู้ร้ายได้คาหนังคาเขา เขานั่งกระหยิ่มยิ้มย่องตามลำพัง

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   Special episode

    “ยังโกรธพี่อยู่เหรอเจ้าหญิงน้อย” วาโยพยายามง้องอนน้องสาวที่กำลังทำหน้าหงิกงอ “ใช่ หนูโกรธ แล้วก็โกรธมากด้วย พี่ทำให้แฟนหนูเกือบตายเลยนะ” “ก็ยังไม่ตายานี่” วาโยพึมพำเบาๆ แต่น้องสาวก็ดันได้ยินจึงยิ่งโกรธ “พี่โย” “ก็มันจริงนี่ พี่ก็เห็นว่าหมอนั่นยังสบายดี ไม่มีตรงไหนบุบสลาย ถ้าจะว่ากันตามจริงต้องขอบคุณพี่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่แอบได้ยินไอ้กรกันมันคุยโทรศัพท์ ป่านนี้หมอนั่นได้ไปนอนคุยกับรากมะม่วงแล้ว” เพราะไม่ทันสังเกตว่าวาโยยืนอยู่ตรงมุมหนึ่ง กรกันจึงโทรสั่งการและคายความลับออกมาโดยไม่ทันระวัง “ลองถ้าเป็นอย่างนั้น หนูจะไม่ให้อภัยพี่ไปตลอดชีวิตเลย” เป็นเพราะกว่าพี่ชายจะมาบอกก็เกือบสายไป อีกทั้งยังทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล่นๆ เธอจึงอดเคืองไม่ได้ “นี่ ให้มันน้อยๆ หน่อย พี่เป็นพี่ชายเรานะ ทำไมต้องทำเหมือนคนอื่นสำคัญกว่าพี่ด้วย” พี่ชายตัดพ้อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ “คนอื่นที่ไหน นั่นแฟนหนูนะ อีกหน่อยเขาก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับเรา” “ครอบครัวอะไร ใครยอมรับมัน แล้วใครอนุญาตให้เราเรียกมันว่าแฟน พี่ไม่

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   The end

    “ตาข่ายดักปลา อืม...ว่าไม่ได้ ดูๆ ไปก็เหมือนอยู่นะ” เห็นเธอยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เขาจึงพูดต่ออีก “นี่แหละน้า จำพี่ไม่ได้ จำชุดที่ตัวเองใส่ก็ไม่ได้ ทั้งที่เป็นคนฉีกกระโปรงแล้วทิ้งเศษผ้านั่นไว้ให้พี่ดูต่างหน้าแท้ๆ แต่กลับจำอะไรไม่ได้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะลืมเรื่องของเราหรอกนะ เฮ้อ! ก็มีแต่พี่นี่แหละที่จดจำได้ทุกรายละเอียด ถึงขนาดเจอกันอีกครั้ง พี่ก็ยังจำเธอได้ทันที” คนถูกตัดพ้อยิ้มแหย หลังปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “แฮ่ จำได้หมดเลยเหรอ” เธอถามเสียงอ่อย ครั้นพอนึกบางอย่างขึ้นมาก็ทำท่าขัดเขิน “รู้สึกสวยขึ้นมาอีกพันเปอร์เซ็นต์ คลั่งรักนะเราเนี่ย” เธอเกี่ยวผมทัดหูก่อนตีที่แขนเขาเบาๆ “เห็นพี่คลั่งรักขนาดนี้ ไม่ใช่ว่าต่อไปจะข่มเหงจิตใจกันหรอกนะ” “แล้วยอมให้ข่มรึเปล่าล่ะ” ไม่พูดเปล่า แต่แม่คุณยังเปลี่ยนอิริยาบถด้วยการขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักด้วยท่วงท่าก๋ากั่น “อยากจะข่มหรือขย่มก็ได้หมดแหละ กับเธอพี่ยอมทุกอย่าง” เขาตอบพลางมองตาปรอย รู้สึกราวกับว่าคนตรงหน้ากลายร่างเป็นนางแมวยั่วสวาท “งั้นหนูขอเลือกอย่างหลัง รับให้ไหวล่ะ”

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 32

    ตอนที่ 32 คอนโด “อุ๊ย! จะทำอะไรคะ แบบนี้ไม่ดีมั้ง เมื่อกี้เราเพิ่งเจอเรื่อง...” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เขาก็ปล้ำถอดเสื้อเธอออก ทำคนถูกถอดขัดเขินไม่คิดว่าพ่อคุณจะคลั่งรักได้ถึงเพียงนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าตัวเองนั้นมีเสน่ห์เหลือร้าย กระทั่ง... “ก็เธอไม่ยอมไปหาหมอ พี่ก็ต้องเป็นตรวจเองสิ มาให้พี่ดูหน่อยว่ามีแผลตรงไหนรึเปล่า” คนที่เผลอคิดไปไกลหุบยิ้มทันควัน “ไม่มีค่ะ ไม่มีทั้งแผล แม้แต่เสน่ห์ก็ไม่มีค่ะ” เธอเปรยออกมาด้วยสีหน้าสุดเซ็ง “หืม ว่าไงนะ” คนที่ได้ยินชัดเจนแต่แสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง หนูไม่ได้เจ็บตรงไหน แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มีค่ะ” “จะไม่มีได้ไง ก็เห็นอยู่ว่าเมื่อกี้มีรอยแดง” “แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว ตรงนี้ไม่มี ตรงนี้ก็ไม่มี” เห็นพ่อคุณดื้อดึงจะดูให้ได้ เธอก็อ่อนอกอ่อนใจ จนต้องเอียงคอให้ดู ก่อนปลดกระดุมเสื้อเปิดไหล่ขาวๆ ให้อีกฝ่ายพิสูจน์ด้วยตาตัวเอง พร้อมกับพึมพำเบาๆ “ปลายแถวพวกนั้นไม่ได้เก่งพอจะทำให้หนูเป็นแผลได้หรอก” “หืม” เขาแสร้งถามอีกครั้ง “หนูหมายถึง

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 31

    ตอนที่ 31 “ฮื่อ...จะยิงผัวเขา ถามเมียเขาก่อนไหม ว่าอนุญาตรึเปล่า” ครามเดินนำเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ “อย่าเข้ามา ไม่งั้นกูเป่าหัวมันแน่” กรกันขู่ด้วยการเอาปืนจ่อขมับตัวประกัน แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นญาณินเดินแหวกออกมาจากคนกลุ่มนั้น พลันสีหน้าคนถือปืนก็ค่อยๆ เผือดลง “คุณมาได้ยังไง” กรกันครางถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง อีกทั้งนัยน์ตาที่มองมาก็เปลี่ยนไป กระทั่ง... “ฉันก็ต้องมาช่วยคนของฉันสิ ผู้ชายของฉันใครอนุญาตให้คุณแตะ กล้ายุ่งกับผู้ชายของฉัน กลัวคุณจะรับผิดชอบไม่ไหวน่ะสิ” การแสดงความเป็นเจ้าของของเธอ ทำนัยน์ตาคนขี้อิจฉาเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอีกครั้ง “หึ! ผู้ชายของคุณ? ทำไมล่ะ มันมีดีอะไร ทำไมถึงได้มองแค่มัน แต่กับผมคุณกลับไม่แม้แต่จะให้โอกาสด้วยซ้ำ ลองให้โอกาสผมสิ แล้วผมจะทำให้คุณรักผมยิ่งกว่าที่คุณรักมัน” “เรื่องแบบนี้บังคับใจกันได้ที่ไหน ก็ฉันรักเขาไปแล้ว จะให้ไปรักคุณอีกได้ไง หรือต่อให้ไม่มีเขา ฉันก็ไม่รักคุณอยู่ดี” คนถูกบอกรักถึงกับเผลอยิ้ม ในขณะที่อีกคนกลับเปลี่ยนเป็นถมึงทึง “ทำไม” กรกันตะเบ็งเสียงใส

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30.1

    “เจ็บตรงไหนไหม บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” หลังจากเหตุการณ์สงบ ตุลญะรีบจับแฟนสาวหมุนไปหมุนมาเพื่อสำรวจ “ไม่ค่ะ แล้วพี่ล่ะ เจ็บตรงไหนรึเปล่า” ความเป็นห่วงทำให้เธอทำในแบบเดียวกัน แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายมีแผลรอยฟันที่แขนก็โวยทันที “พี่บาดเจ็บนี่ ไปโรงพยาบาลกันค่ะ” เธอรีบเหวี่ยงแขนคนเจ็บมาพาดไว้ที่ไหล่ตัวเองเพื่อประคองอีกฝ่ายไปโรงพยาบาล ทำเอาชวินชวันหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ “แผลแค่นี้ พี่ไม่เป็นไร ห่วงก็แต่เรานั่นแหละ ไม่เจ็บตรงไหนก็ดีแล้ว ว่าแต่รู้ได้ไงว่าพี่จะถูกทำร้าย” “พูดแล้วยังเคืองไม่หาย ก็พี่โยสิคะ แอบได้ยินคุณกรคุยโทรศัพท์ แล้วเพิ่งมาบอก โชคดีที่มาทัน ไม่งั้นหนูจะโกรธแล้วไม่พูดกับเขาตลอดชีวิตเลย” พูดถึงพี่ชายแล้วเธอก็ทำหน้างอง้ำ โชคดีที่อีกฝ่ายไถ่โทษด้วยการให้คนมาช่วย จึงพอลดความขุ่นเคืองลงได้บ้าง “ไม่โกรธนะคะคนดี แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายเรา ป่านนี้พวกพี่ไม่รู้จะเป็นยังไง ฝากขอบคุณพี่ชายเราด้วยนะ แล้วก็ขอบคุณเราด้วย แต่ทีหลังอย่าทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนี้อีกนะ พี่ใจไม่ดี” เขาว่าพลางเอามือลูบหัวเธอเบาๆ

  • ท่านประธานขาพาหนูลงจากเตียง เอ๊ย! คานที   ตอนที่ 30

    ตอนที่ 30 “ตั้งแต่ออกมาจากบ้านนั้น แม่ยังไม่เห็นแกหุบยิ้มเลย มีความสุขอะไรนักหนา” ขณะกำลังนั่งรถกลับบ้าน แม่ที่นั่งข้างลูกชายก็อดแซวลูกไม่ได้ “ได้แต่งกับผู้หญิงที่เฝ้าตามหามาเป็นปี จะไม่ให้มีความสุขได้ไงล่ะครับ แต่ว่าก็ว่านะ เก็บอาการหน่อยก็ดี เดี๋ยวผู้หญิงเขาจะได้ใจเอา” ครามที่เป็นพลขับอยู่ด้านหน้าอดไม่ได้ที่จะผสมโรงด้วย “นี่แกกับหนูคะขาเคยเจอกันมาก่อนเหรอ ที่ไหน ยังไง ไม่เห็นเคยเล่าให้แม่ฟัง หนูคะขาเองก็ไม่เห็นเคยพูดถึง” ผู้เป็นแม่อดสงสัยไม่ได้ “คือ...” ลูกชายทำท่าจะอธิบาย แต่ก็ถูกคนด้านหน้าแทรกขึ้นมาอีก “จะพูดถึงได้ไงล่ะครับ ก็เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ” ครามพูดแล้วเหลือบมองกระจกมองหลัง ครั้นพอเห็นอีกฝ่ายขมวดคิ้ว จึงรีบอธิบายต่อ “คือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับคุณท่าน...” ครามเล่าทุกอย่างท่ามกลางสีหน้าหลากหลายอารมณ์ของคนฟัง “เป็นไง อย่างกับรักแรกพบในละครเลยใช่ไหมครับ” “ตกลงมันเรื่องของฉันหรือว่าของแกกันแน่ไอ้คราม” เจ้าของเรื่องประชดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ในขณะที่คนถูกว่าก็ไม่ได้สลดเลยสักนิด

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status