“ผมอยากได้คุณจริงๆ นะ เอ๊ย! ไม่ใช่แบบนั้น ผมอยากให้คุณมาช่วยงาน แต่ก่อนอื่น ผมเปื้อนหมดเลย มาไถ่โทษตัวเองซะ” เขาว่าพลางชี้สูทตัวเอง ทำให้เธอถอนหายใจแล้วหยิบทิชชู่เดินอ้อมไปหาเขา ก่อนจะย่อตัวเล็กน้อยแล้วเช็ดน้ำเต้าหู้ที่เปื้อนสูท ลามมาจนถึงกางเกง ตอนนี้เธอแทบไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ใจเต้นมือสั่นอย่างประหลาด ส่วนเขาเอาแต่จ้องเธอแล้วยิ้มมุมปาก “ถอดสูทให้หน่อยครับ” ตฤณบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันหลังให้กับเธอ ปั้นหยาแทบจะมองบนแต่ก็ยอมถอดให้ แต่ก็เพิ่งรู้สึกว่าเขาตัวสูงใหญ่มากเธอตัวเท่าหัวไหล่เอง นี่ขนาดเธอสูงตั้ง 165 นะเนี่ย แสดงว่าเขาเกือบร้อยเก้าสิบเลยไหมเนี่ย พอจังหวะที่เขาหันมาเธอก็เบือนสายตามองไปทางอื่นแล้วถอยออกไปให้ห่าง“ฝากสูทไปซักให้หน่อย แต่จะว่าไปแล้วผมซักสูทสองวันติดต่อกันเลย เมื่อวานก็เพราะคุณ วันนี้ก็เพราะคุณอีก” “นี่ เพราะคุณเริ่มก่อนต่างหากล่ะ แล้วฉันไม่ได้สกปรกหรือไงคะ กินต่อเลยค่ะอุตส่าห์ซื้อมาให้” “อ้าว! คุณสั่งเขาใส่น้ำตาลซะหวาน ใครจะกินลงล่ะครับ มากินเองสิ”“ไม่! ไม่กินขี้ปากใครค่ะ” พูดจบเธอก็เดินอ้อมมาที่หน้าโต๊ะ“เรานี่ปากร้ายนะ น่าจะไปด้วยกันได้ เหม
“มีอะไรที่ยังไม่โอเคอีกไหมครับ หรือยังไม่หายโกรธผมเรื่องเมื่อวาน” “เฮ้อ! ถ้าเมื่อวานบริษัทที่ฉันไปสัมภาษณ์ไม่ใช่ที่นี่ ฉันคงแย่กว่านี้ เพราะเสียทั้งเวลาเสียโอกาส แต่บังเอิญว่าเป็นที่นี่” “ไม่มีคำว่าบังเอิญ เรื่องบังเอิญไม่มีจริง มีแต่บุพเพสันนิวาส” สิ้นคำเขาก็ยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อแถมยังยักคิ้วใส่เธออีก“คุณนี่! กวนประสาท” ปั้นหยาขึ้นเสียงใส่เขานิดหน่อย เหมือนไม่ชอบใจในประโยคแสนเจ้าชู้เช่นนี้“คุณก็อย่าฉอดเก่งนักเลยครับ ผมกลัว” “ฉอด? ไม่ได้ฉอดเลย” “ที่ผ่านมานั่นแหละใช่เลย เอาล่ะ เลิกยืนค้ำหัวผมแล้วนั่งลง คุยเรื่องงานกันหน่อย” พูดเข้าเรื่องงาน น้ำเสียงของเขาก็จริงจังขึ้นมาอีก 1 ระดับ ไม่เย้าแหย่แล้ว ทำให้ปั้นหยาปรับอารมณ์ตาม แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน ขณะเดียวกันตฤณก็ดื่มกาแฟไปพลางกินปลาท่องโก๋ที่เย็นแล้วไปพลาง แบบไม่บ่นแม้แต่คำเดียว ก็ในเมื่อเธอซื้อมาให้แล้วนี่นะ “แนะนำตัวหน่อยสิครับ”“ชื่อปั้นหยา พลากุล อายุ 23 ปีค่ะ จบปริญญาตรีสถาปัตยฯ” “อื้อ! สเปก” ตฤณพลั้งปากด้วยความลืมตัว“ว่าไงนะคะ!” ปั้นหยาได้ยินไม่ชัดนักจึงถามย้ำ“อ๋อ เปล่าครับ ไม่มีอะไรแค่จะบอกว่าผมกำลังอยากรีโนเ
“แล้ว เลขาต้องทำยังไงบ้างคะ” “อันดับแรกครับ ตำแหน่งผมคือประธานบริษัท ตอนนี้ไม่ใช่แฟนคุณ อย่าดุผมมาก ไว้เป็นแฟนกันก่อนค่อยดุก็ได้” “นี่! คุณ... ท่าน ฉันยังไม่ได้ดุท่านเลยนะคะ มีแต่ท่านนั่นแหละ”“น้ำเสียงคุณดุอยู่ตลอดเวลา เหมือนเมนมาไม่ปกติ” เขานี่รู้จักผู้หญิงไปเสียหมดจนเธอขึงตาใส่จะเอาเรื่อง“มา... ปกติค่ะ” “โอเค ถ้าปกติก็พูดหวานๆ เพราะๆ มันจะทำให้บรรยากาศในห้องทำงานดีขึ้น อีกอย่างอย่ามาแทนตัวเองว่าฉันกับผม ฟังดูแล้วมันแข็งๆ ทื่อๆ เข้าใจไหมครับ เป็นเด็กเป็นเล็กพูดให้มันน่ารัก หยาอย่างนั้น หยาอย่างนี้ น่าฟังกว่าเยอะ” ปั้นหยาอยากจะถามเหลือเกินว่านิสัยจริงๆ เขาเป็นแบบนี้ หรือเป็นเฉพาะกับผู้หญิง“ค่ะ หยาก็หยา” ปั้นหยายอมทำตามอย่างว่าง่าย“ท่านประธาน หรือคุณตฤณเรียกซิ” “ท่านประธานค่ะ” แน่นอนเธอไม่เรียกคุณตฤณหรอก ไม่อยากถือสิทธิ์กว่าคนอื่น “เรียกคุณตฤณง่ายกว่าอีก คุณตฤณขาหรือพี่ตฤณอะไรเงี้ยะ” “ตกลงท่านให้หยามาเป็นเลขา หรือให้มาเป็นแฟนคะ เรียกซะสนิทเชียว” “ถ้าให้เป็นแฟน ก็กลัวแฟนของหยาจะตามมาหึงน่ะสิ” พูดถึงแฟนที่เขาบอกแล้วขนลุกแปลกๆ “โอเคหยาจะเลิกพูดถึงเรื่องแฟน เลิกคุยกันเรื่องนี้
“เฮ้อ!” ปั้นหยาได้แต่ถอนใจทิ้งหนักๆ พลางแอบมองตฤณ ทว่าอยู่ๆ ก็ฉุกคิดถึงเรื่องแฟนขึ้นมา อยากจะถามว่าเขาเห็นอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงอำเธอไม่เลิกแบบนี้ แต่ครั้นจะบอกความจริงว่ายังไม่มีแฟน ก็จะหาว่าเธอให้ท่าอีก “หยาต้องทำอะไรบ้างคะ” ปั้นหยาเริ่มถามเพราะเห็นเขาตั้งใจทำงานแล้ว ไม่ได้กวนประสาทแต่อย่างใด“หลักๆ ก็ดูแลเอกสารช่วยผมทุกอย่าง ไปประชุมด้วยทุกที่ และไปดูงานด้วยกันทั้งในและนอกสถานที่ ยกเว้นแบบค้างคืนก็จะให้ก้องไปแทน ช่วยเตือนผมเรื่องตารางงานต่างๆ ด้วย คงไม่ยากเกินความสามารถของคุณหรอกมั้ง ส่วนรายละเอียดมันจะโผล่มาให้เราได้เรียนรู้เองว่าต้องทำอะไรยังไง” “แล้วที่บอกว่าจะให้หยาช่วยเรื่องรีโนเวทห้องนอนใหม่คือยังไงคะ” เจอคำถามนี้เข้าไปเขาถึงกับเหลือบมอง“เอาไว้ว่างๆ เดี๋ยวพาไปดูสถานที่จริงครับ” ตฤณตอบพลางปรายตามองเธอแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ปั้นหยาจึงลุกเดินมาหาเขาแล้วนั่งตรงข้ามอีกครั้ง สีหน้าของเธอดูจริงจังพร้อมที่จะตั้งคำถาม“อยากรู้อะไรอีก” ตฤณถามพลางหรี่ตามองอีกครั้ง “หยาควรถามประวัติท่านหรือเปล่า เราจะทำงานด้วยกันต้องรู้เรื่องของกันและกันหรือเปล่าคะ หรือว่าหยาต้องไปถามคุณก้อง” “จริงๆ แล้วต
“ค่ะ ก็สบายดี ท่านยังไม่ได้แก่มากเท่าไหร่ ยังทำสวนได้สบาย”“คุณโชคดีที่มีครอบครัวที่พร้อมหน้าพร้อมตา”“เอ่อ หยาไม่ถามเรื่องนี้แล้ว เรื่องทำงานน่ะจะมีสาวๆ แวะเวียนซื้อขนมมาฝากท่านหรือเปล่าคะ”“หึหึ ไม่มีสิ ก็บอกแล้วว่าไม่มีแฟน โสด”“หยากลัวโดนลูกหลงน่ะ”“ห้องทำงานผม ส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้ชายเข้ามา พวกนายช่าง หัวหน้าคุมงาน หัวหน้าฝ่าย วิศวกร ผู้หญิงก็จะมีฝ่ายบัญชีกับฝ่ายบุคคล” “เท่าที่ทราบบริษัทของท่านโปรเจคใหญ่ทั้งนั้นเลยนะคะ” “ผมถึงอยากจะมีเลขาคอยทำงานช่วยผมกับก้องไง” “การมีเลขามันไม่ได้ทำให้งานน้อยลงหรอกค่ะ”“เปล่าเลย มีอะไรที่สวยงามสบายตาสบายใจ มันก็ทำให้ฟิวทำงานของผมไหลลื่นได้นะ” “เฮ้อ! ท่านประธานเป็นเจ้านายที่ขี้หลีมากเลยค่ะ” “เขาเรียกว่าเฟรนลี่ เป็นคนอารมณ์ดี ชอบพูดหยอก ไม่ชอบเหรอ เดี๋ยวก็ชิน” “ไม่ชินค่ะ” พูดจบเธอก็ลุกเตรียมจะกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานตัวเอง ทว่าเขาแทรกขึ้นเสียก่อน“ผมลืมบอกไป หน้าที่สำคัญอีกอย่างของหยาคือ นั่งรถมาทำงานพร้อมผมตอนเช้าและกลับพร้อมกัน ถ้ามื้อเที่ยงผมไม่มีเพื่อนกินข้าว หยาก็ต้องทำหน้าที่นั้น” นี่หน้าที่เลขาอย่างนั้นหรือ ให้ตายสิ“นั่นหน้าที่เลขาเหรอคะ”
“ถ้าเหงาก็แวะไปเล่นที่บ้านได้ครับ” “ไม่ต้องยั่วค่ะ” “มีอะไรจะถามอีกไหมครับ จะได้เริ่มทำงาน” “สิ่งที่ท่านบอกมาทั้งหมด หยาจำเป็นต้องทำ?” “แน่นอน” พอเขาตอบปุ๊บ เธอก็มองบนทันที ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศบางอย่าง“เชิญครับ” ตฤณเอ่ยอนุญาตคนอยู่ด้านนอกก็ดันประตูเข้ามา “ขออนุญาตค่ะท่าน” ปิยะพัฒน์ หรือหัวหน้าฝ่ายบุคคลเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้ทักทาย “คุณเปี๊ยก เชิญนั่งครับ” “ค่ะ อุ้ย! คุณหยา ยินดีต้อนรับนะคะ” ปิยะพัฒน์รับคำพร้อมกับหันมาทักทายปั้นหยา“สวัสดีค่ะ” ปั้นหยายกมือไว้หญิงสาวเช่นกัน เพราะเป็นถึงระดับหัวหน้า “หยาขอตัวค่ะ คุยกันตามสบาย” “ไม่เป็นไรนั่งตรงนี้แหละ คงจะมีเรื่องของปั้นหยาด้วยใช่ไหม” ตฤณบอกปั้นหยาแล้วหันมาถามปิยะพัฒน์อีกครั้ง“ใช่ค่ะ พอดีเปี๊ยกทราบว่าคุณหยาจะมาวันนี้ เลยทำรายละเอียดเรื่องทำสัญญาจ้างค่ะ เลยจะขึ้นมาถามท่านเรื่องเงินเดือนและสวัสดิ์การเทียบเท่ากับพนักงานระดับไหน” “นี่เลขาของประธานบริษัทเชียวนะ” “เปี๊ยกยังไม่กล้าลง เพราะคิดว่าท่านน่าจะมีอะไรพิเศษ” “ให้ 1 แสน” ตฤณตอบสั้นๆ พลางมองหน้าปั้นหยายิ้มๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ เพิ่งมีเลขาวันแรกก็ถอนหายใจแล้ว” “เปล่า เรื่องประชุมเมื่อวาน ฉันไม่อยากถามต่อหน้าคนอื่นนัก เรียกผู้รับเหมาไปคุยกันที่บ้านตามลำพัง อย่าให้ใครรู้นะ” “ได้ครับ วันนี้เหรอครับ” “ก็ลองโทรไปดู ถ้าเขาว่างวันนี้ก็ให้ไปตอนหนึ่งทุ่ม หรือถ้าไม่ว่างตอนนี้ก็เลือกวันมา” “ได้ครับ เอ่อ ทำไมเราต้องกระซิบครับเนี่ย” “เรื่องแบบนี้ต้องให้ผู้หญิงรับรู้ด้วยหรือไง หืม” หมายถึงผู้หญิงที่นั่งตรงนั้นสินะ“แต่คุณหยาเป็นเลขา ไม่ให้รู้ได้เหรอ” “เอาไว้สักหน่อยค่อยว่ากัน นี่เพิ่งจะวันแรก” “งั้นก็ได้ครับ แล้วมีอะไรเพิ่มเติมไหม” “ยังก่อน ไปสอนงานเถอะ”“ไม่แอบหึงนะครับ” สิ้นคำของก้องการุณ ตฤณก็หรี่ตามองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้มมุมปากนิดๆ เพราะดันรู้ทันเจ้านายเกินไป“ถ้าไม่ได้ทำอะไรที่ไม่ดี จะกลัวทำไม” “ไม่รู้ล่ะ บางทีเจ้านายก็อาจจะแบบ เหมารวม เอะอะหึงดะไปหมด” “ฉันแสดงออกขนาดนั้นเลยเหรอว่าอยากได้เธอน่ะ หืม” “ก็ ท่านบอกว่าอยากได้ เอาแต่ใจสุดๆ”“เอ่อ ไปได้แล้ว วุ่นวายนัก” ตฤณออกปากไล่ มีแอบยิ้มเล็กน้อยซึ่งก้องการุณก็สังเกตได้แหละ จากนั้นก้องการุณจึงกลับไปที่โต๊ะทำงานของปั้นหยาอีกครั้ง เพื่อ
“จะดีเหรอครับ” ก้องการุณหวาดแรงระแวง เพราะอยากให้มีคนติดตามไปมากกว่านี้“ไม่มั่นใจในฝีมือตัวเองเหรอ คุ้มครองเราสองคนไม่ได้หรือไง” ตฤณว่าเสียงเรียบ “มั่นใจครับ” “มั่นใจก็ไปกันเลย” ตฤณบอกอีกครั้งจากนั้นจึงได้เดินนำ แล้วทั้งสองก็ตามเดินตามเยื้องๆ “ท่านจะกลับเข้ามาตอนบ่าย มีอะไรค่อยเสนอ ไม่ต้องเอาแฟ้มเข้าไปรอ” ก้องการุณบอกเจ้าหน้าที่ในฝ่าย ขณะที่กำลังเดินผ่าน ทุกคนรับคำด้วยการพยักหน้าพร้อมกับมองเลขาใหม่แสนสวย ที่สวยจนทุกคนมองแล้วมองอีกกระทั่งลับตา “คนนี้หรือเปล่าที่คุณเปี๊ยกบอกว่า เป็นเบอร์ 1 ในบรรดาผู้ส่งใบสมัคร โคตรสวย ถึงว่าท่านประธานเลือกแบบไม่ลังเล” พนักงานสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นตามประสาคนออฟฟิศช่างซุบซิบ“ได้ข่าวจากผู้ติดตามท่านว่า คนนี้อย่ายุ่ง” พนักงานชายแทรกขึ้น“ใครจะกล้ายุ่ง ตัวท่านประธานเรายังเข้าถึงไม่ได้เลย นับประสาอะไรเลขาฯ ถ้าเป็นเลขาผู้จัดการทั่วไปก็ว่าไปอย่าง”“ว่ากันว่าเอาใจสุดๆ จริงไหม โต๊ะทำงานอยู่ด้านในกับท่าน มีสิทธิพิเศษอะไรอีกไม่รู้ แถมเงินเดือนสูงอีก” “สงสัยคงไม่ได้เลือกมาเป็นเลขาซะล่ะมั้ง น่าจะเลือกมาเป็น...” “อะแฮ่ม!” เสียงกระแอมดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองต้นเสี
“ได้ครับ ผมจะได้บอกหนุ่มๆ เตรียมตัว เอ่อแล้วคุณหยาต้องไปด้วยหรือเปล่า” อันนี้ก้องการุณแสร้งถามให้ดังขึ้นไปงั้นเองแหละ“มีแต่ผู้ใหญ่แล้วก็ผู้ชาย คุยเรื่องงานกัน” ตฤณตอบเสียงเรียบ“ขอโทษค่ะ ยิ่งคุยเรื่องงานหยาก็ยิ่งต้องไป ท่านบอกเองว่าความจำไม่ดีต้องมีคนช่วยจำ” ปั้นหยารีบขันอาสาทันที“มีก้องไปแล้ว และนี่เป็นงานกลางคืน” ตฤณปรับน้ำเสียงให้นุ่มน่าฟังขึ้น ประเดี๋ยวจะหาว่าทำเสียงเข้มใส่“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ ดึกยังไงคุณก็ไปส่งหยาอยู่ดี”“เฮ้อ” เถียงไม่ได้เขาก็ถอนใจเชียว“จะไปยิมก่อน จะไปด้วยไหมล่ะครับคุณเลขา” ตฤณไม่ตอบเรื่องให้เธอไปด้วยหรือเปล่า แต่แสร้งถามเรื่องอื่น“อุ้ย! ดีเลยค่ะ หยาอยากรู้ว่ามาดอย่างท่านประธานเนี่ย แค่ไปวิ่ง ยกเวท หรือว่ามีอย่างอื่นอีก” ทำไมเธอชวนง่ายจัง ไม่ปฏิเสธเขาเลย“จ้ะ งั้นก็ไป” ดูเหมือนเขาจะตามใจเธอเก่งเสียเหล
“สำรวจได้ แต่ไม่ใช่ให้เดินเฉิดฉายแผนกช่างหรอกนะ” พูดถึงแผนกช่างเท่านั้นแหละก้องการุณถึงกับอดขำไม่ได้“ไอ้ก้อง มีปัญหาเหรอ”“เปล่าครับท่าน”“แค่นี้ก็ต้องดุด้วย” เธอว่าแล้วก็เดินผ่านเขาเข้าห้องไปทันที เขาปรายตามองก้องการุณนิดหน่อยก่อนจะเข้าไปจัดกับเลขาตัวดีต่อ“ตอบคำถามผมก่อน ทำไมโทรไปไม่รับ แล้วลงไปนานมาก”“จะเรียกใช้งานหรือว่าคิดถึงคะท่าน”“หืม เอ่อ อยากให้คิดถึงไหมล่ะ ก็ทั้งนั้นแหละ”“ก็บอกแล้วหยาเข้าห้องน้ำ รับสายไปด้วยปลดทุกข์ไปด้วยก็เขินนะคะ ท่านประธานก็โทรจี้จัง แล้วนี่อะไรคะทำท่าหงุดหงิดใส่หยา”“ผมทำท่าหงุดหงิดอย่างนั้นเหรอ”“ดุอีกด้วยค่ะ คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นเลขแปดเชียว เคยคุยกันแล้วนะคะเนี่ย”“ผมขอโทษ มีอะไรรบกวนใจนิดหน่อย เลยพาล”&ldquo
สุดท้าย เธอทนไม่ไหวคว้าแฟ้มที่เขาเซ็นแล้วออกไปทันที ไม่อยากโทรเรียกให้พนักงานขึ้นมารับ เพราะตอนนี้เธอเสียสมาธิอยากจะออกไปจากห้องก่อน“หน้ายุ่งๆ นะครับ หืม” ก้องการุณเอ่ยปากแซวยิ้มๆ“เขาเป็นคนที่... อยากจะ” ปั้นหยาเอามือข้างที่ว่างทำท่าบีบอากาศพร้อมกัดฟันแน่น“เสน่ห์แรงใช่ไหมล่ะ” นี่เขาแซวหรือเนี่ย“เปล๊า! ขี้โมเม ขี้ตู่ต่างหากแล้วขี้หึงด้วย ทั้งที่... หื้ม”“หึๆ แล้วนั่นจะไปไหนครับ”“เอาแฟ้มไปให้ฝ่ายการเงินค่ะ” ปั้นหยาตอบแบบขอไปที ก่อนจะเดินฉับๆ ออกไปเลย “หึๆ เจ้านายก็ควรจะเจอคนแบบคุณหยาเนี่ยนะ ปกติเจอแต่คนยอมๆๆ ลูกเดียว คนนี้ขบถสุดๆ” ก้องการุณเอ่ยลอยๆ และยิ้มหัวเราะอย่างมีความสุขขณะที่ปั้นหยาลงลิฟต์มาที่ชั้นการเงิน เดินลัดเลาะไปที่โต๊ะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งเป็นเลขาของผู้จัดการ“อุ้ย! คุณหยามาเองเลย น
"หยาก็ว่าเขาโอเคนะคะ ไม่ได้เลวร้ายอะไรสักหน่อย คุยกันได้ไม่เสียหายนี่""ถ้าใครที่มาเห็นอาจจะมองว่าไม่เหมาะนะครับ ผมเป็นห่วง เขามาจีบคุณหยาด้วยหรือเปล่า""เปล่าหรอกค่ะ เขาไม่ไวไฟเหมือนเจ้านายคุณก้องหรอกน่า""เขาเป็นคนอันตรายคนหนึ่งนะครับ""หากจะพูดแบบนั้น หยาว่าท่านประธานก็ไม่ต่างกันค่ะ เขามาพึ่งใบบุญท่านประธาน หยาว่าน่าจะให้โอกาศนะคะ อย่าเห็นแก่ประโยชน์เกินไปนัก ยังไงก็ญาติกันไม่ใช่เหรอ" นี่เธอมองโลกในแง่ดีจังเลย เขาคิดพลางหรี่ตามอง"ผมว่าคุณหยาไม่รู้อะไรเลย แล้วก็ไม่ควรไว้ใจใคร ผมบอกแล้ว เคยเล่าให้ฟังแล้วด้วยว่าสองบ้านไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่""หยามองให้เป็นเหตุเป็นผลค่ะ ไม่ได้ไว้ใจใครมากแต่ก็ไม่ได้ระแวงไปซะหมด" พูดจบเธอก็กลับเข้าห้องทำงาน แต่กลับต้องเผชิญกับสายตาพิฆาตของเจ้านาย ทว่าเธอก็ทำเป็นไม่สนใจ แสร้งดูงานบนโต๊ะไป กระทั่งเขาเดินมาหาแล้วเอามือค้ำโต๊ะก่อนจะโน้มตัวเข้าหาเธอ“วันนี้อยากให้โบนัสพิเศษจังเลย”“โบนัสพิเศษเนื่องในอะไรคะ”“ดูแลแขกของผมเป็นอย่างดี ต้อนรั
“เอ่อจริงสิ ผมลืมดื่มน้ำ” ดูเหมือนอาทิตย์อยากจะเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อยากเซ้าซี้มากเกินไป จึงแสร้งหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม“อืม คุณเลขาชงให้เนี่ย สดชื่นจังเลยครับ” เขาพูดพลางหันไปยิ้มให้ปั้นหยาเล็กน้อย“จริงสิ ทำไมเฮียให้เลขาเข้ามานั่งในห้องครับ”“ก็เผื่อเวลาแบบนี้ ไม่ต้องเรียกให้ยุ่งยาก”“แต่บางเรื่องเลขาไม่ควรรู้”“ฉันว่าเลขาควรรู้ทุกอย่างนะ ไม่งั้นจะให้ช่วยงานทำไม”“แม้กระทั่งเรื่องบนเตียงของเฮีย ควรรู้และจัดสรรให้ด้วยหรือเปล่าครับ”“ถ้าถึงเวลาอาจจะให้ช่วยก็ได้”“ว่าแต่คุณเลขา ชื่ออะไรนะครับผมจำไม่ได้” เขาหันไปถามปั้นหยาเป็นหลัก“ชื่อปั้นหยาค่ะ เรียกหยาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ”“ชื่อน่ารักเชียว เรียกผมซันด์เฉยๆ ก็พอ ผมไม่ใช่ท่านประธานแบบเฮียตฤณ”“ค่ะคุณซันด์เฉยๆ ก็ได้”“ทำไมเลขาเฮียว่าง่ายกว่าเมื่อวานนี้อีก เมื่อวานดูถมึงทึงยังไงก็ไม่
“สวัสดีค่ะ คุณ... เอ่อ ใช่คุณคนเมื่อวานหรือเปล่าคะ” ปั้นหยากล่าวทักทายพร้อมกับถามอย่างสุภาพ “ใช่ครับ ผมอาทิตย์ ขอพบเฮียตฤณได้ไหม” ให้ตายสิ พอพูดกับปั้นหยานี่คนละน้ำเสียงเชียว ก้องการุณคิด “เชิญค่ะ ท่านรออยู่” ปั้นหยาบอกอย่างยิ้มแย้ม ก่อนจะเปิดประตูให้และผายมือเชิญให้เดินนำ “เอ่อ ผมขอน้ำหวานๆ สักแก้วดื่มให้ชื่นใจหน่อยนะครับคุณเลขา” “ได้ค่ะ” ปั้นหยาตอบเสียงหวานเช่นเคย เรียกได้ว่าต่างจากเมื่อวานมาก หรือเมื่อวานเธออาจจะปรับตัวไม่ได้ หรืออารมณ์ไม่ดี อาทิตย์คิด จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาพี่ชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นลูกชายของลุงเพียงคนเดียว ส่วนผู้ติดตามรออยู่ด้านนอก “สวัสดีครับเฮีย ขอโทษที่ไม่ได้นัดล่วงหน้า” “ปกตินายก็ไม่เคยนัดล่วงหน้าอยู่แล้วนี่ นั่งลงก่อนสิ” “คือ ที่เราคุยค้างกันเอาไว้เมื่อวานน่ะครับ วันนี้ผมให้เจ้าหน้าที่แจกแจงเอกสารมาให้เฮียอ่าน แล้วคิดว่าเฮียน่าจะทราบแล้วว่า คุณป๊อบเปลี่ยนมาดีลงานกับบริษัทผม” “รู้เมื่อวานนี้” “คือ พอคุณป๊อบจะมาสั่งของ สำหรับโปรเจคใหญ่ของเฮีย ผมก็มีของไม่พอ เลยต้อง
“โอเค” เขาตอบรับแบบง่ายๆ ก่อนจะดื่มน้ำ ส่วนเธอก็รีบเข้ามาพยุงเขาด้วยความลืมตัว เพราะคิดว่าอาการยังไม่ดีขึ้น เขาเองก็ลืมจนหันไปสบตาเธออย่างไม่ทันตั้งตัวเช่นกัน สองสายตาสบประสานกันอย่างจังงัง เหมือนมีบางอย่างเข้ามาปั่นป่วนในใจอย่างประหลาด“เอ่อ เดินไหวไหมคะ ที่จุกๆ เมื่อคืนระบมหรือเปล่า” ปั้นหยาแสร้งถามแก้เขิน“มีนิดหน่อยครับ ขอบคุณมาก”“ไปค่ะ” ว่าแล้วปั้นหยาก็พยุงเขาออกจากห้อง ไปเจอกับผู้ติดตามจำนวนมากรออยู่ก่อนแล้ว ทุกคนเห็นดังนั้นก็พอจะรู้แล้วว่าเจ้านายเลือกที่จะให้ความสำคัญกับเลขาคนนี้จริงๆ ฉะนั้นต้องรู้โดยอัตโนมัติว่าห้ามแตะเป็นอันขาด และต้องให้เกียรติกว่าคนอื่น“เชิญครับคุณท่าน” กันระพีบอกพร้อมกับเปิดประตูให้เจ้านายขึ้นไปนั่งก่อน แล้วปั้นหยาจึงตามขึ้นนั่งเคียงข้าง เว้นระยะห่างเล็กน้อยเพื่อความเหมาะสม แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังหาเรื่องขยับเข้าหาเธออยู่ กระทั่งกันระพีเคลื่อนรถออกไปจากหน้าบ้าน และตามด้วยรถผู้ติดตามอีกสองคันและเหมือนเมื่อวาน พอถึงหน้าปากซอยเขาก็ให้ปั้นหยาลงไปซื้อน้ำเต้าหู้กับปลาท่
“หึๆ หึๆ คุณหยาเนี่ยรู้มากเกินอายุนะครับ” “เขาก็ไม่ได้เด็กแล้วนะ แค่อายุน้อยกว่าเราเป็นสิบปี ยิ่งวัยรุ่นสมัยเนี้ยะ รู้เยอะกว่าเราก็มี”“ที่อายเนี่ยเพราะต้องเข้าห้องน้ำ ขณะที่คุณหยาอยู่ในห้องใช่ไหมครับ รู้สึกคุณท่านจะใจแข็งนะครับ”“หยุดพูดเลย ทั้งโดนไล่ที่ โดนไล่เข้าห้องน้ำ เอาแต่หัวเราะเยาะ รู้ถึงไหนอายถึงนั้น” เขาบ่นเป็นหมีกินผึ้งเชียว พลางลุกเข้าห้องน้ำช้าๆ“แต่ก็ได้ใจน่า ผมเชื่ออย่างนั้น”“โทรตามด้วย มาให้ทันมื้อเช้า ฉันจะกินข้าวเช้าที่นี่”“ครับผม อาบน้ำเถอะครับ” ก้องการุณรับคำ ก่อนจะออกไปจากห้อง ส่วนเจ้านายก็อาบน้ำแต่งตัวอย่างทุลักทุเลเพราะปวดหลัง ปวดจริงๆ เขาไม่เคยนอนพื้นแข็งๆ มาก่อน ตั้งแต่เกิดมาก็นอนเตียงนุ่มๆ อย่างเดียวเท่านั้น แม่คุณคนนี้มาเปิดประสบการณ์เหลือเกินต่อมา ปั้นหยาถูกโทรตามให้มาที่บ้านของตฤณอีกครั้ง โดยมีกันระพี คนขับรถไปรับถึงบ้าน เธอก็มาแต่โดยดีและตรงไปยังห้องอาหารแต่ไม่เห็นตฤณอยู่“สวัสดีค่ะน้
“แค่จูบเอง คุณมันบ้า หยาจะลงไปนอนข้างล่าง”“ไม่... คุณต้องรับผิดชอบ”“ไม่ค่ะ เราตกลงกันแล้ว อย่ามาผิดคำพูด”“ผมไม่ไหวแล้ว” เขาทำน้ำเสียงอ้อนก่อนจะลุกขึ้นนั่ง ขณะที่เธอคิดว่าต้องรู้สึกสนิทแค่ไหนถึงได้พูดเรื่องแบบนี้ได้“โทรบอกก้อง ให้เรียกเด็กๆ ขึ้นมาสักคนไป” สิ้นคำของเขาเท่านั้นแหละเธอก็ขว้างหมอนใส่ทันที“โอ๊ย! อะไร ก็คุณทำไม่ได้ ก็ต้องคนอื่นสิครับ”“เข้าห้องน้ำไปเลยค่ะ ไป!”“ไม่ได้ ไม่ชอบช่วยตัวเอง”“หยาก็ช่วยคุณไม่ได้ และจะไม่ให้ใครมายุ่งด้วย มานี่เลย” ว่าแล้วเธอก็ลงจากเตียงแล้วเดินไปดึงเขาเข้าห้องน้ำ ขณะที่เขาเอามือปิดกลางลำตัวเอาไว้“หยา... ใจร้าย” “คุณทำได้ คุณเก่ง หยาเชื่อ ใจเย็นๆ นะคะ” ยังมีหน้ามาปลอบใจเขาอีก พูดเสร็จก็ดันเขาเข้าห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนวิธีจบปัญหานี้ของเขาคืออาบน้ำ เอาน้ำเย็นชะล้างร่างกายให้เย็นลง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องจบด้วยความสุขที่สร้างได้ด้วยมือ