เชื่อแน่ว่า สิ่งที่ตฤณทำมันได้สร้างบาดแผลความแค้นให้เกิดขึ้น ประวิทย์ไม่ได้ซื่อสัตย์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ยิ่งมีตัวเงินเข้ามาทำให้ไขว้เขว่ก็ยิ่งทำให้เขาเปลี่ยนขั้วได้อย่างง่ายดาย เงินที่ตฤณไม่เคยให้เกินกว่าเงินเดือนและโบนัสนั้น ทำให้อาทิตย์ยื่นมือมาทุ่มซื้อตัวประวิทย์ในจำนวนเงินที่สูงในก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่รอเวลาที่เหมาะๆ ประวิทย์ถึงจะไป แต่ตอนนี้เร็วกว่ากำหนดเท่านั้นเอง
“คนอย่างฉันเหรอจะง้อ แต่ก่อนไปฉันจะทำอะไรให้พวกแกเจ็บๆ คันๆ คอยดูเถอะ อยู่ไม่สุขแน่คุณตฤณกับนังตัวดี แกแน่ๆ ที่เป่าหูมันจนไล่ฉันออก” ประวิทย์พูดอย่างเจ็บแค้น หลังจากที่ออกมาจากบริษัทได้สักพัก ตอนนี้เขายังไม่ติดต่ออาทิตย์ ยังไม่บอกความจริง รอก่อน รอจัดการกับคนที่ทำให้เขาโดนไล่ออกเสียก่อน “ยัยปั้นหยา เลขาคนใหม่ที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ ที่แผนกบ่อยๆ เวลาคุณอาทิยต์มา ต้องใช่แน่แล้วไหนจะเจอมันที่บ้านคุณอาทิตย์อีก หรือไอ้ป๊อบมันร่วมมือใส่ร้ายฉันอีกคนเหรอ” “เอาไงดีครับคุณวิทย์” ลูกน้องของประวิทย์คนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม“ให้คนจับตาดูนายฐากูร ว่ามีพิรุธจากนั้นจึงได้พาเธอขึ้นไปที่ห้องนอน และด้วยความเป็นห่วงเธอมาก ไม่ทันได้คิดหรอกว่าจะหาห้องพักรับรองให้ ทำให้เดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเอง เมื่อมาถึงเขาก็ประคองเธอนั่งที่ขอบเตียง มือประคองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาเอาไว้ จ้องมองดวงตาที่มีแต่ความตระหนกตกใจ เนื้อตัวสั่นเทา“ที่คุณบอกว่าเห็นผู้ชายในบ้านหยาน่ะ หยาคิดว่าคุณอำเล่น” เธอเริ่มจะเปิดปากพูดความจริง ซึ่งเขาก็อำเล่นจริงๆ นั่นแหละ“ผม... อำเล่น ผมแค่แกล้งหยอกหยาเล่นแค่นั้นเอง มันไม่ใช่ความจริงเลย” ตฤณเองก็พูดความจริงเช่นกัน“ไม่เล่น! มันมีผู้ชายอยู่ในบ้าน เป็นเงาผู้ชาย” พูดไปด้วยเธอก็สั่นไปและขนลุกขนพองเชียว เขาสังเกตได้“ไม่มีครับไม่มี วันนั้นที่ผมอำก็ไม่มี ผมเห็นหยาอยู่คนเดียว”“มันมี! เสียงเดินอยู่ในบ้านทั้งคืน คืนที่ผ่านมามันลากกิ่งไม้เดินรอบบ้าน ทำเสียงลูกบิดดังเหมือนจะเปิด หยาได้แต่สวดมนต์แล้วหลับไปเลย แต่หนักคือคืนนี้ เสียงบิดลูกบิด เสียงงัดแงะ จนมันเข้ามาได้แล้วเดินมาที่หน้าห้องนอน มันเคาะประ
จากนั้นจึงพาปั้นหยากลับไปหาตฤณที่บ้าน ขับรถไม่ถึงห้านาทีก็จอดตรงหน้าบ้าน โดยมีตฤณยืนรอด้วยความร้อนใจและรีบเปิดประตูให้ปั้นหยาเองในวินาทีนั้นเธอโผเข้ากอดเขาแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้“คุณตฤณ! ฮือๆ หยากลัว หยากลัว” เธอร้องไห้ตัวสั่น น้ำเสียงรัวมากและไม่ยอมเงยหน้า เอาแต่ซุกหน้ากับอกกว้าง“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คนเก่งคุณปลอดภัยแล้ว” ตฤณพยายามปลอบใจด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่สายตามองที่ก้องการุณเป็นหลัก“เข้าบ้านดีกว่านะ” ว่าแล้วเขาก็พยุงเธอเข้าบ้าน ตรงไปที่ห้องนั่งเล่น สติคนตัวเล็กยังไม่กลับเข้าที่และยังกอดเขาแน่น ไม่เงยหน้าตฤณก็ได้แต่กอดปลอบและเอามือลูบศีรษะ“บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น หืม”“มะ มะ ไม่... ไม่ค่ะ” ฟังน้ำเสียงแล้วยังคงสั่นอยู่ ตอนนี้คงคุยอะไรไม่ได้“บอกน้าแจ่ม หาอะไรอุ่นๆ มาให้คุณหยาดื่มหน่อยเร็ว จะได้รู้สึกดีขึ้น” ตฤณหันไปสั่งก้องการุณ“ครับคุณท่าน” ก้องการุณทำตามและหายไปแปบเดียวก็กลับมาพร้อมกับน้าแจ่ม มีนมสดอุ่นๆ ให้ปั้นหยา
กลัวฟ้าฝนก็อีกเรื่อง แต่กลัวคนเหมือนที่ตฤณบอก คนมันทำร้ายกันให้ตายได้ ผีก็แค่มาหลอกให้ช็อก ซึ่งถ้าหากเป็นคนจริงๆ แล้วมันวกกลับมาอีกจะทำอย่างไร เธอคิดด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงาน ไปปิดหน้าต่างลงกลอนให้หมดทุกบาน จากนั้นก็วิ่งไปล็อคประตูรั้ว ซึ่งอันนี้ไม่ได้ผลหรอก เพราะปีนรั้วได้ทว่าเพื่อความปลอดภัย แล้วกลับเข้าบ้านล็อคประตูให้เรียบร้อย ปิดผ้าม่านทุกผืนไม่ให้คนมองจากภายนอกแล้วเห็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ปั้นหยากลับเข้าห้องทันทีแบบไม่โอ้เอ้ พร้อมกับปิดไฟในห้อง เปิดเฉพาะหัวเตียงและอ่านหนังสือฆ่าเวลาเหมือนเคย อ่านข่าวผ่านเฟซบุ๊กค์ ดูหนังฟังเพลงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองง่วงและหายกลัวสวบสาบ! สวบสาบ! เสียงลมกระโชกแรก พัดพาใบไม้และกิ่งไม้ไหวเบียดกันไปมา เป็นสัญญาณบอกอีกครั้งว่าคืนนี้จะมีฝน เป็นแบบนี้เกือบทุกวันเพราะอยู่ในช่วงมรสุมพายุฤดูร้อน เสียงรั้วเหล็กหน้าบ้านก็โครงเครงดังเป๊งๆ เธอพยายามไม่กลัวเพราะมันแค่ลม แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงรั้วบ้านโยกเยกแรงขึ้น ทำให้เธอลุกไปแอบมองที่หน้าต่าง แต่กลับไม่เห็นอะไรแล้ว“เสียงลม
ส่วนตฤณ กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง ตามประสาท่านประธานที่ต้องแบกภาระและทรัพย์สินนับหมื่นล้าน มีเงินใช่ว่าจะสุขสบาย แต่กลับเครียดกว่าคนปกติทั่วไป ปั้นหยาเป็นห่วงและแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะ“วันนี้ท่านจะเข้าฟิตเนสไหมคะ”“ไม่จ้ะ” ตฤณตอบสั้นๆ เสียงเข้ม“อยากดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนกลับไหมคะ”“หมายถึงกาแฟหรือเหล้าครับ”“แหมหยาไม่กล้ามอมท่านหรอกค่ะ”“ตอนนี้ยังจ้ะ โทรเข้าออฟฟิศให้หน่อย วันนี้ไม่เข้าไปแล้ว แต่ตอนถึงบ้านชงอะไรเย็นๆ ให้ผมดื่มหน่อยก็แล้วกัน”“จะซื้อให้ตอนนี้ก็ไม่เอา”“อยากให้หยาทำให้”“ก็ได้ค่ะ” เรียกได้ว่าอะไรที่จะทำให้เขาหายเครียดได้ พอจะทำให้เขารู้สึกดีเธอก็ควรจะทำ ยกเว้นก็เรื่องอย่างว่า หากเขาขอคงไม่มีทาง ทว่าเธอก็คิดไปนั่น ว่าแล้วก็โทรกลับไปยังบริษัท เพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งกับทุกคนว่าท่านไม่กลับเข้าออฟฟิศแล้ว ดูงานเสร็จก็ขอกลับบ้านตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็นเท่านั้นเอง พอกลับมาถึงปั้นหยาก
“แล้วตกลงเรื่องปรับ”“อยากให้ผมปรับไหมล่ะ”“ตามใจครับ เอาตามความถูกต้อง ผมห่วงก็แต่ลูกค้าของคุณตฤณ”“เลื่อนการส่งมอบให้ลูกค้าออกไปอีก เพิ่มออฟชั่นเสริมไป น่าจะช่วยได้และเพื่อให้งานของเราออกมาสมบูรณ์แบบ”“แล้วแบบนี้คุณซันด์จะรู้ตัวหรือยังนะ”“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะยัง เพราะถ้ารู้แล้วเขาก็ต้องได้รับผลกระทบและคงโทรมาแล้วล่ะ”“ท่านคิดว่า คุณวิทย์มีนอกมีในกับคุณซันด์หรือเปล่า”“ก็อย่างที่เคยคุยกัน มันต้องได้ส่วนต่างเยอะพอสมควร ถึงได้กล้าทำแบบนี้ ดูการเดินบัญชีในชื่อของเขาแล้ว ฟันธงได้เลย”“เฮ้อ! เป็นแบบนี้ทุกวงการ”“แต่ไม่น่าเกิดกับคนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจ มันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่วิทย์เขาเก็บเล็กผสมน้อย ส่วนรายได้ก้อนใหญ่ก็เห็นจะๆ เมื่อไม่นานมานี้”“ถ้าให้เดา...”“ไม่ต้องเดา มันถูกโอนมาจากบัญชีญาติผม เหมือนจะซื้อตัว”“เหมือนเป็นเงินใต้โ
“อย่าเดินห่างผมนักสิเบบี๋ หืม” ตฤณบอกพลางเดินไปจูงมือเธอเอาไว้“หยาไม่แน่ใจว่าควร...”“ควรจ้ะ แฟนผมต้องเดินกับผม ไม่ใช่เดินห่างเป็นวาแบบนี้” พูดจบเขาก็เดินเข้าร้านจิวเวอร์รี่ทันที มาซื้อของขวัญร้านนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิด“สวัสดีค่ะท่าน ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวยิ้มๆ“สวัสดีครับ” ตฤณตอบกลับและเดินไปดูตามตู้โชว์ต่างๆ“ไม่ทราบว่าท่านสนใจแบบไหน เป็นแหวน สร้อยคอ หรือต่างหูดีคะ” “ผมชอบแหวนครับ แต่เลือกไม่ถูก เลยให้สุภาพสตรีมาช่วยเลือก พอดีจะให้เป็นของขวัญคนสำคัญครับ”“หยาเลือกแล้วเธอคนนั้นของคุณจะถูกใจเหรอคะ” เธอประชดเล็กๆ“ถูกใจแน่นอนครับ”“แล้วซื้อของขวัญ ทำไมท่านไม่เลือกสร้อยล่ะคะ จะได้ดูกลางๆ ถ้าเป็นแหวนคนรับจะเข้าใจผิดได้ ว่าท่านคิดอยากได้เขาเป็นแฟนอีกแล้ว”“หึๆ คิดมาก งั้นเอาทั้งสองอย่างเลย เลือกให้หน่อยสิครับ”“ชอบ