ส่วนตฤณ กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง ตามประสาท่านประธานที่ต้องแบกภาระและทรัพย์สินนับหมื่นล้าน มีเงินใช่ว่าจะสุขสบาย แต่กลับเครียดกว่าคนปกติทั่วไป ปั้นหยาเป็นห่วงและแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะ
“วันนี้ท่านจะเข้าฟิตเนสไหมคะ” “ไม่จ้ะ” ตฤณตอบสั้นๆ เสียงเข้ม“อยากดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนกลับไหมคะ” “หมายถึงกาแฟหรือเหล้าครับ” “แหมหยาไม่กล้ามอมท่านหรอกค่ะ”“ตอนนี้ยังจ้ะ โทรเข้าออฟฟิศให้หน่อย วันนี้ไม่เข้าไปแล้ว แต่ตอนถึงบ้านชงอะไรเย็นๆ ให้ผมดื่มหน่อยก็แล้วกัน”“จะซื้อให้ตอนนี้ก็ไม่เอา” “อยากให้หยาทำให้”“ก็ได้ค่ะ” เรียกได้ว่าอะไรที่จะทำให้เขาหายเครียดได้ พอจะทำให้เขารู้สึกดีเธอก็ควรจะทำ ยกเว้นก็เรื่องอย่างว่า หากเขาขอคงไม่มีทาง ทว่าเธอก็คิดไปนั่น ว่าแล้วก็โทรกลับไปยังบริษัท เพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งกับทุกคนว่าท่านไม่กลับเข้าออฟฟิศแล้ว ดูงานเสร็จก็ขอกลับบ้าน ตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็นเท่านั้นเอง พอกลับมาถึงปั้นหยากจากนั้นจึงพาปั้นหยากลับไปหาตฤณที่บ้าน ขับรถไม่ถึงห้านาทีก็จอดตรงหน้าบ้าน โดยมีตฤณยืนรอด้วยความร้อนใจและรีบเปิดประตูให้ปั้นหยาเองในวินาทีนั้นเธอโผเข้ากอดเขาแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้“คุณตฤณ! ฮือๆ หยากลัว หยากลัว” เธอร้องไห้ตัวสั่น น้ำเสียงรัวมากและไม่ยอมเงยหน้า เอาแต่ซุกหน้ากับอกกว้าง“ไม่เป็นอะไรแล้วนะ คนเก่งคุณปลอดภัยแล้ว” ตฤณพยายามปลอบใจด้วยน้ำเสียงเรียบ แต่สายตามองที่ก้องการุณเป็นหลัก“เข้าบ้านดีกว่านะ” ว่าแล้วเขาก็พยุงเธอเข้าบ้าน ตรงไปที่ห้องนั่งเล่น สติคนตัวเล็กยังไม่กลับเข้าที่และยังกอดเขาแน่น ไม่เงยหน้าตฤณก็ได้แต่กอดปลอบและเอามือลูบศีรษะ“บอกผมได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น หืม”“มะ มะ ไม่... ไม่ค่ะ” ฟังน้ำเสียงแล้วยังคงสั่นอยู่ ตอนนี้คงคุยอะไรไม่ได้“บอกน้าแจ่ม หาอะไรอุ่นๆ มาให้คุณหยาดื่มหน่อยเร็ว จะได้รู้สึกดีขึ้น” ตฤณหันไปสั่งก้องการุณ“ครับคุณท่าน” ก้องการุณทำตามและหายไปแปบเดียวก็กลับมาพร้อมกับน้าแจ่ม มีนมสดอุ่นๆ ให้ปั้นหยา
กลัวฟ้าฝนก็อีกเรื่อง แต่กลัวคนเหมือนที่ตฤณบอก คนมันทำร้ายกันให้ตายได้ ผีก็แค่มาหลอกให้ช็อก ซึ่งถ้าหากเป็นคนจริงๆ แล้วมันวกกลับมาอีกจะทำอย่างไร เธอคิดด้วยความหวาดหวั่น ก่อนจะลุกจากโต๊ะทำงาน ไปปิดหน้าต่างลงกลอนให้หมดทุกบาน จากนั้นก็วิ่งไปล็อคประตูรั้ว ซึ่งอันนี้ไม่ได้ผลหรอก เพราะปีนรั้วได้ทว่าเพื่อความปลอดภัย แล้วกลับเข้าบ้านล็อคประตูให้เรียบร้อย ปิดผ้าม่านทุกผืนไม่ให้คนมองจากภายนอกแล้วเห็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่า ปั้นหยากลับเข้าห้องทันทีแบบไม่โอ้เอ้ พร้อมกับปิดไฟในห้อง เปิดเฉพาะหัวเตียงและอ่านหนังสือฆ่าเวลาเหมือนเคย อ่านข่าวผ่านเฟซบุ๊กค์ ดูหนังฟังเพลงทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองง่วงและหายกลัวสวบสาบ! สวบสาบ! เสียงลมกระโชกแรก พัดพาใบไม้และกิ่งไม้ไหวเบียดกันไปมา เป็นสัญญาณบอกอีกครั้งว่าคืนนี้จะมีฝน เป็นแบบนี้เกือบทุกวันเพราะอยู่ในช่วงมรสุมพายุฤดูร้อน เสียงรั้วเหล็กหน้าบ้านก็โครงเครงดังเป๊งๆ เธอพยายามไม่กลัวเพราะมันแค่ลม แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงรั้วบ้านโยกเยกแรงขึ้น ทำให้เธอลุกไปแอบมองที่หน้าต่าง แต่กลับไม่เห็นอะไรแล้ว“เสียงลม
ส่วนตฤณ กลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง ตามประสาท่านประธานที่ต้องแบกภาระและทรัพย์สินนับหมื่นล้าน มีเงินใช่ว่าจะสุขสบาย แต่กลับเครียดกว่าคนปกติทั่วไป ปั้นหยาเป็นห่วงและแอบเหลือบมองเขาเป็นระยะ“วันนี้ท่านจะเข้าฟิตเนสไหมคะ”“ไม่จ้ะ” ตฤณตอบสั้นๆ เสียงเข้ม“อยากดื่มอะไรเย็นๆ ก่อนกลับไหมคะ”“หมายถึงกาแฟหรือเหล้าครับ”“แหมหยาไม่กล้ามอมท่านหรอกค่ะ”“ตอนนี้ยังจ้ะ โทรเข้าออฟฟิศให้หน่อย วันนี้ไม่เข้าไปแล้ว แต่ตอนถึงบ้านชงอะไรเย็นๆ ให้ผมดื่มหน่อยก็แล้วกัน”“จะซื้อให้ตอนนี้ก็ไม่เอา”“อยากให้หยาทำให้”“ก็ได้ค่ะ” เรียกได้ว่าอะไรที่จะทำให้เขาหายเครียดได้ พอจะทำให้เขารู้สึกดีเธอก็ควรจะทำ ยกเว้นก็เรื่องอย่างว่า หากเขาขอคงไม่มีทาง ทว่าเธอก็คิดไปนั่น ว่าแล้วก็โทรกลับไปยังบริษัท เพื่อให้ประชาสัมพันธ์แจ้งกับทุกคนว่าท่านไม่กลับเข้าออฟฟิศแล้ว ดูงานเสร็จก็ขอกลับบ้านตอนนี้เวลาประมาณสี่โมงเย็นเท่านั้นเอง พอกลับมาถึงปั้นหยาก
“แล้วตกลงเรื่องปรับ”“อยากให้ผมปรับไหมล่ะ”“ตามใจครับ เอาตามความถูกต้อง ผมห่วงก็แต่ลูกค้าของคุณตฤณ”“เลื่อนการส่งมอบให้ลูกค้าออกไปอีก เพิ่มออฟชั่นเสริมไป น่าจะช่วยได้และเพื่อให้งานของเราออกมาสมบูรณ์แบบ”“แล้วแบบนี้คุณซันด์จะรู้ตัวหรือยังนะ”“ไม่รู้เหมือนกัน อาจจะยัง เพราะถ้ารู้แล้วเขาก็ต้องได้รับผลกระทบและคงโทรมาแล้วล่ะ”“ท่านคิดว่า คุณวิทย์มีนอกมีในกับคุณซันด์หรือเปล่า”“ก็อย่างที่เคยคุยกัน มันต้องได้ส่วนต่างเยอะพอสมควร ถึงได้กล้าทำแบบนี้ ดูการเดินบัญชีในชื่อของเขาแล้ว ฟันธงได้เลย”“เฮ้อ! เป็นแบบนี้ทุกวงการ”“แต่ไม่น่าเกิดกับคนใกล้ตัวที่ผมไว้ใจ มันไม่ได้เพิ่งเกิด แต่วิทย์เขาเก็บเล็กผสมน้อย ส่วนรายได้ก้อนใหญ่ก็เห็นจะๆ เมื่อไม่นานมานี้”“ถ้าให้เดา...”“ไม่ต้องเดา มันถูกโอนมาจากบัญชีญาติผม เหมือนจะซื้อตัว”“เหมือนเป็นเงินใต้โ
“อย่าเดินห่างผมนักสิเบบี๋ หืม” ตฤณบอกพลางเดินไปจูงมือเธอเอาไว้“หยาไม่แน่ใจว่าควร...”“ควรจ้ะ แฟนผมต้องเดินกับผม ไม่ใช่เดินห่างเป็นวาแบบนี้” พูดจบเขาก็เดินเข้าร้านจิวเวอร์รี่ทันที มาซื้อของขวัญร้านนี้อย่างนั้นหรือ เธอคิด“สวัสดีค่ะท่าน ยินดีต้อนรับค่ะ” พนักงานต้อนรับกล่าวยิ้มๆ“สวัสดีครับ” ตฤณตอบกลับและเดินไปดูตามตู้โชว์ต่างๆ“ไม่ทราบว่าท่านสนใจแบบไหน เป็นแหวน สร้อยคอ หรือต่างหูดีคะ” “ผมชอบแหวนครับ แต่เลือกไม่ถูก เลยให้สุภาพสตรีมาช่วยเลือก พอดีจะให้เป็นของขวัญคนสำคัญครับ”“หยาเลือกแล้วเธอคนนั้นของคุณจะถูกใจเหรอคะ” เธอประชดเล็กๆ“ถูกใจแน่นอนครับ”“แล้วซื้อของขวัญ ทำไมท่านไม่เลือกสร้อยล่ะคะ จะได้ดูกลางๆ ถ้าเป็นแหวนคนรับจะเข้าใจผิดได้ ว่าท่านคิดอยากได้เขาเป็นแฟนอีกแล้ว”“หึๆ คิดมาก งั้นเอาทั้งสองอย่างเลย เลือกให้หน่อยสิครับ”“ชอบ
“หยาได้ยินเสียงคนเดินรอบบ้าน แล้วเสียงกิ่งไม้ลากไปมา เหมือนจะมีคนเปิดประตูเข้ามา หยาไม่กล้าเปิดผ้าม่านดูว่าใคร กลัวเป็นขโมย”“ดีแล้วที่ไม่เปิด เพราะอาจเป็นขโมย เราอาจได้รับอันตราย และถ้าเป็นขโมยจริงๆ ทีนี้ มันก็รู้แล้วว่าหยาอยู่คนเดียวจริงไหม”“หยากลัวมาก กลัวจนนอนไม่หลับ กลัวว่าจะเป็นผีก็กลัว” ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงเธออ่อนลงจนเบากลัวเขาจะหาว่าไร้สาระ เสียงสั่นจนน่าสงสาร เขาจึงถอนใจส่ายหน้าแล้วเอามือลูกศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะกดลงซบที่ไหล่“คนกับผีกลัวอะไรมากกว่ากัน”“ทั้งสองอย่างค่ะ”“หึๆ คนเก่งอย่างเรากลับมากลัวผีเนี่ยนะ”“กลัวผีไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเก่งหรือไม่เก่งนะคะ หยาอยู่คนเดียว”“แล้วสมัยเรียนน่ะ ไม่เคยเจออะไรแบบนี้หรือไง”“ตอนเรียนอยู่หอ มีเพื่อนข้างห้องค่ะจนเรียนจบไม่ได้เหงาเหมือนอยู่บ้านเช่าแบบนี้ ว่าแต่ คุณไม่ได้ส่งคนไป