Share

ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 4

last update Last Updated: 2025-05-16 23:01:57

เมื่อได้ยินว่าจางหยวนเพ่ยต้องการสืบเรื่องราวเมื่อสองปีก่อนหวังชิงเฟิงจึงหยิบบางอย่างออกมาให้

“หากมีอะไรให้ช่วยท่านสามารถเรียกพวกเขาได้ทันที”

มือหนายืนแท่งหยกดำยาวราวสองข้อนิ้วผูกด้วยไหมถักสีดำยาวสามารถคล้องคอได้ให้ร่างเล็ก

“นกหวีดหรือ” มือเล็กขาวผ่องเอื้อมหยิกขึ้นมาดูอย่างสนใจก่อนจะคล้องเข้าไว้ที่คอตนเอง

“ขอรับ แต่เสียงของมัน จะมีเพียงเหล่าเงาของข้า ที่ถูกฝึกเอาไว้เท่านั้นที่ได้ยิน คนทั่วไปหรือผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นจะไม่ได้ยินเสียงของมัน แต่ระยะที่ได้ยินจำกัดที่ร้อยลี้เท่านั้น” หวังชิงเฟิงเอ่ยอธิบายเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้

“หมิงอี้ได้ยินหรือไม่” หลี่อิงเอ่ยถามอย่างสงสัยเพราะชายหนุ่มเองก็เป็นเงาเช่นกัน

“อืม” ชายหนุ่มพยักหน้าให้กับคำถามของคนรัก

“อือ ถ้าอย่างนั้น” หญิงสาวยกแขนขวาขึ้นมาก่อนจะถกแขนเสื้อขึ้น “ข้าให้เซียวไป๋ไปเป็นเพื่อนท่านดีหรือกว่า”

“ข้าไม่เอา!” เด็กน้อยรีบลุกขึ้นถอนหนีทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่บนข้อมือของหญิงสาว

“ได้อย่างไรเล่า ท่านพี่มีของให้ท่าน ข้าก็ต้องมีสิ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ อย่างหยอกเย้าเพราะรู้อยู่แล้วว่าอีกคนไม่ชอบงู จางหยวนเพ่ยไม่ได้กลัวแต่ไม่ชอบงู

“ข้าขอรับไว้แค่น้ำใจพอ เจ้าเก็บมันไปเลย” ร่างเล็กตอนนี้แอบอยู่หลังเสาโผล่แค่ใบหน้าน่ารักออกมาเท่านั้น

“โถ่ ท่านจะกลัวไปไยเล่า พอไปอยู่บนข้อมือท่านมันก็เป็นเพียงกำไลเล็ก ๆ วงหนึ่งเท่านั้นเอง” 

หลี่อิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวานที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าไว้ใจในสายตาของจางหยวนเพ่ย

“ข้าไม่รับ เจ้าเก็บไว้ให้อี้เอ๋อร์เถอะ ข้าไม่แย่งของหลานหรอก” จางหยวนเพ่ยบอก อย่างใดก็จะไม่รับไว้เด็ดขาด

“ข้าแค่ให้ท่านยืมเจ้าค่ะ เสร็จภารกิจค่อยเอามาคืน ไม่ได้ให้เสียหน่อย อีกอย่างที่ข้าก็ยังมีเซียวเฮยนะเจ้าคะ ท่านลืมแล้วหรือ”

หลี่อิงบอก ใบหน้าน่ารักของหลี่อิงกลั้นขำจนปวดแก้มไปหมดที่ได้แกล้งร่างเล็กนั้น

“ฮึก ฮึก แง!!” จู่ ๆ ร่างเล็กในอ้อมแขนผู้เป็นพ่อก็ร้องขึ้นเสียงดังลั่น จนทั้งหมดพากันตกใจรีบเข้ามาดูเด็กน้อย

“อี้เอ๋อร์ เป็นอันใดลูก หืม โอ๋ โอ๋ ไม่ร้องนะ” หลี่อิงรับบุตรชายจากแขนแกร่งมาอุ้มเอาไว้ก่อนจะโยกตัวเพื่อกล่อมเด็กน้อยให้สงบลง

“อี้เอ๋อร์เป็นอันใด ร้องทำไมหือ” ร่างเล็กป๋อมของจางหยวนเพ่ยรีบเดินเข้ามาดูหลานชายทันที นิ้วเล็กเอื้อมไปเกลี่ยแก้มยุ้ยนั้น มือป๋อม ๆ ของเด็กน้อยเอื้อมคว้าอากาศไปมา พอเห็นดังนั้นจางหยวนเพ่ยจึงเอื้อมมือไปจับเอาไว้

“อะ ชอบนิ้วของข้าหรือ หือ” เด็กชายเอ่ยหยอกล้อจนเด็กน้อยที่ร้องไห้เมื่อครู่ยิ้มออกมา แต่แล้วร่างเล็กก็ต้องชะงักค้าง เมื่อมีบางอย่างอยู่ที่ข้อมือข้างที่ถูกนิ้วป๋อมๆ กำเอาไว้

“เอ๋” หลี่อิงร้องออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อจู่ ๆ เซียวไป๋ก็เลื้อยออกจากข้อมือนางไปยังข้อมือเล็กของจางหยวนเพ่ย ในขณะที่เจ้าตัวนั้นแข็งค้างไปแล้ว พร้อมกับมือน้อย ๆ นั้นปล่อยออกจากนิ้วของเขา

“หึหึหึ เพียงแค่นี้ยังต้องให้ถึงมือหลานรัก โถ่เอ๋ย” หวังชิงเฟิงส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะรับตัวบุตรชายกลับคืนมา

“เขาให้ท่านรับไว้ ท่านก็รับเถอะเจ้าค่ะ หลานชายสุดที่รักของท่านให้เองกับมือเลยนะเจ้าคะ ฮ่า ฮ่า” หลี่อิงเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี

ต่างกับร่างเล็กที่ยืนแข็งทื่อดวงตากลมโตเอ่อคลอไปด้วยน้ำใสอย่างน่าแกล้ง ต่อให้มีวรยุทธล้ำลึกเพียงใดสิ่งที่เกลียดและกลัวมันก็ไม่อาจขจัดออกไปได้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อจะปฏิเสธก็กลัวหลานชายไม่รัก ได้แต่ยิ้มรับทั้งน้ำตาเช่นนี้

ยามรัตติกาลมาเยือน

ร่างสูงของคนผู้หนึ่งยืนมองดวงจันทร์กลมโตบนฟากฟ้าอย่างเหม่อลอยก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา

“นายท่านขอรับ” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกให้ร่างสูงหันกลับมาสนใจผู้พูด

“ได้เรื่องหรือไม่” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยถามขึ้น ดวงตาคมมองตรงไปยังผู้มาใหม่ที่แสนคุ้นเคยกันดี

“…..”  มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ

“ช่างเถอะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก เพราะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว ว่าจะต้องเป็นเช่นนี้

“ขอโทษด้วยขอรับ” เสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างรู้สึกผิด ที่ไม่อาจทำตามคำสั่งให้ลุล่วงได้

“ไม่เป็นไร ของเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่จะตามหากันได้ง่าย ๆ” เขากล่าวอย่างปลดปลงมิได้คาดหวังแต่แรกแล้ว

“พวกเราจะต้องตามหามันได้แน่ขอรับ” ชายผู้นั้นเอ่ยอย่างหนักแน่น

“ขอบใจมาก ตอนนี้เรามีอะไรบ้าง” น้ำเสียงเข้มดุเอ่ยถามสิ่งที่หามาได้ในตอนนี้

“ตอนนี้เราได้ดอกพลับพลึงแมงมุมดำพันปีขอรับ” เสียงนั้นตอบขึ้นอย่างฉะฉานกับสิ่งที่พึ่งได้มาครอบครอง

“บัวหยกหิมะพันปียังไม่มีข่าวเลยหรือ” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดออกมา

“บัวหยกหิมะพันปี เท่าที่เราสืบมาได้ ปรากฏขึ้นเมื่อสามสิบปีก่อน ผู้ที่ได้ไปคือท่านหมอเฟยอี้ขอรับ”

เรื่องของบัวหยกหิมะพันปีที่สามารถสืบมาได้ก็มีเพียงน้อยนิดทั้งผู้ที่ได้ไปก็ไม่อยู่บนโลกนี้เสียแล้ว สถานที่ที่สามารถหามันได้ก็อันตรายเหลือจะกล่าว

“บัวหยกหิมะพบเจอได้แค่ที่หุบเขาหิมะหยก การจะเข้าไปที่นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการตามหาบัวหยกหิมะพันปี ไม่มีทางที่จะหาเจอได้ง่าย ๆ เลยในสถานที่เช่นนั้น”

น้ำเสียงที่เอ่ยขึ้นช่างแผ่วเบาเสียเหลือเกินราวกับความหวังนั้นไม่มีอยู่เลย

“ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด พวกเราก็จะตามหามันมาให้ได้ขอรับ นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น

“อืม ไปพักเถอะข้าจะออกไปข้างนอกสักเดี๋ยวไม่ต้องให้ใครตาม”

ร่างสูงบอกก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง แล้วกลืนหายไปกับความมืดมิดของยามค่ำคืน

มุมหนึ่งของเมืองต้าถง บนหลังคาจวนแห่งหนึ่ง ปรากฏร่างเล็กน่ารักของจางหยวนเพ่ยขึ้น ดวงตากลมโตสุกสกาวแข่งกับดวงดาราบนท้องนภา กวาดมองไปโดยรอบ วันนี้เจ้าตัวรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงออกมานั่งรับลมในยามค่ำคืนเช่นนี้

“คืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเสียจริง บรรยากาศยามค่ำคืนที่เงียบสงบเช่นนี้ ช่างเหมาะกับการล่าสังหารเสียนี้”

เสียงเล็กน่ารักเอ่ยขึ้น มันไม่ได้เข้ากับรูปร่างหน้าตา ของเจ้าตัวเลยสักนิด และก็เป็นไปอย่างที่คาดเอาไว้

ร่างสูงของคนผู้หนึ่งกำลังหลบหนีการไล่ล่าของกลุ่มคนชุดดำราวสี่ห้าคนเห็นจะได้ จางหยวนเพ่ยนั่งมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นราวกับกำลังชมละครในโรงงิ้วอย่างเพลิดเพลิน

ร่างเล็กของเด็กชายวัยสิบขวบ ที่มีเรือนผมสีเงินยวง มองการเข่นฆ่าตรงหน้าอย่างไม่รู้สึกอันใด แต่กลับนั่งพิจารณาท่วงท่าการต่อสู้แทน ก่อนจะต้องขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อพบว่ามันคือรูปแบบการต่อสู้ที่เขาคุ้นชินนั้นคือหนึ่ง รูปแบบการต่อสู้ของหุบเขามังกรคราม ที่เคยเห็นผ่านตามาบ้าง กับอีกหนึ่ง รูปแบบการต่อสู้ของกลุ่มนักฆ่า ที่เขากำลังต้องการเจอตัวอยู่พอดี

“บทจะเจอก็ช่างง่ายแสนง่ายเสียจริง” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา จับจ้องการต่อสู้ตรงหน้าไม่วางตา เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นั้น กำลังเสียเปรียบจึงเลือกที่จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

ร่างเล็กปรากฏขึ้นด้านข้างชายหนุ่มที่กำลังเสียเปรียบ ทำเอาทุกคนถึงกับชะงักการเคลื่อนไหว ก่อนจะต้องขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดจึงมีเด็กมาอยู่ตรงนี้ได้ โดยเฉพาะร่างสูงที่มองตัวเด็กผมขาวคนนั้นอย่างไม่วางใจ

“เจ้าเป็นใคร รีบหลบไปเสีย หากยังไม่อยากตาย” เสียงเข้มเอ่ยขึ้นอย่างระแวงระวัง พร้อมกับปรายตามองเด็กน้อยด้านข้าง

“คนที่จะตาย ไม่น่าจะเป็นข้ากระมัง” จางหยวนเพ่ยปรายตามองร่างสูงด้านข้างพร้อมกับพูดขึ้นนิ่ง ๆ 

“ข้าจะเป็นหรือตาย นั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้”

ชายหนุ่มบอกเสียงเข้ม น้ำเสียงแฝงความกังวลอย่างชัดเจน

“หากข้าไม่ไปเล่า” เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย ท่าทางเอาเรื่องเช่นนี้ช่างไม่เหมาะกับรูปร่างหน้าตาเอาเสียเลย

“ข้าไม่มีเวลามาช่วยเจ้าหรอกนะ ลำพังตนเองก็ยากจะหนีรอดแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา

“แล้วใครบอกว่าจะให้ท่านช่วยกัน ข้าจะช่วยท่านต่างหากเล่า”

เสียงเล็กเอ่ยขึ้นอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใดกับสถานการณ์ตรงหน้า ทั้งยังบอกว่าจะช่วยอีกคนด้วย

“หึ เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน เป็นเพียงเด็กน้อยที่มีวรยุทธเพียงนิด ก็ริอ่านคิดทำตัวเป็นวีรบุรุษ แต่โทษที แถวนี้ไม่มีสาวงาม หรือดรุณตัวน้อยให้เจ้าได้ช่วยหรอกนะเด็กน้อย”

น้ำเสียงเย้ยหยันถูกเอ่ยขึ้น จากหนึ่งในคนชุดดำ ก่อนจะเรียกเสียงหัวเราะจากคนที่เหลือได้ไม่อยาก

“หึ ไม่เคยมีใครบอกหรือ ว่าอย่ามองคนเพียงรูปลักษณ์ภายนอก เดี๋ยวจะตายแบบไม่รู้ตัว”

สิ้นเสียงเล็กนั้นชายชุดดำที่พึ่งเอ่ยดูถูกคนอื่น ก็สิ้นใจลงทันที รอบคอแกร่งปรากฏรอยกระบี่เป็นทางยาวพาดผ่าน สิ่งนี้ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ก่อนจะมองร่างเล็กของเด็กวัยสิบขวบเป็นตาเดียว รวมถึงร่างสูงของคนด้านข้างก็ด้วย ที่ขยับถอยออกห่างจากเด็กน้อยทันที จางหยวนเพ่ยทำเพียงปรายตามองเท่านั้น

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ชายชุดดำอีกคนพูดขึ้นอย่างหวาดระแวง ภารกิจในครั้งนี้มีเพียงสังหารชายหนุ่มตรงหน้าเท่านั้น หากไม่จำเป็นพวกเขาไม่ต้องการสร้างศัตรูเพิ่ม

“เป็นคนที่ต้องการหัวพวกเจ้าทุกคนอย่างไรเล่า”

เสียงเล็กเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงแรงกดดันอย่างหนักหน่วง จนเหล่าชายชุดดำรู้สึกหายใจติดขัด ไม่คิดว่าเด็กน้อยคนหนึ่งจะมีแรงกดดันได้ถึงเพียงนี้

“พวกเราไม่เคยพบเจอกันมาก่อน เหตุใดเจ้าต้องการหาเรื่องพวกข้าให้ได้ด้วยเล่า”

ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างอยากลำบากพยายามเจรจากับเด็กน้อยที่พวกตนพึ่งจะดูถูกไป

“อืม พวกเจ้าไม่เคยพบข้ามาก่อนจริง เพราะคนที่เคยเจอ ล้วนถูกกระชากวิญญาณ ไปปรโลกหมดสิ้นแล้ว”

จางหยวนเพ่ยเอ่ยอย่างหน้าตาย ต่างจากคนฟังลิบลับ พวกมันล้วนตื่นตกใจว่าได้ไปสร้างศัตรูเช่นนี้เอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร

“…..”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ตอนพิเศษส่งท้าย (End)

    พิเศษส่งท้ายเช้าอันสดใสมาเยือน หลงฝูหยางตื่นมาด้วยหน้าตาสดใสทั้งยังอารมณ์ดีไม่น้อย มองคนที่นอนทับตนเองอยู่ก็ได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข“เพ่ยเพ่ย” เสียงทุ่มเข้มเอ่ยเรียกร่างบางเสียงเบาราวกับกำลังหยอกล้อ“อืม” จางหยวนเพ่ยที่ถูกรบกวนส่ายหน้าไปมากับอกของหลงฝูหยางก่อนจะหลับลงไปอีกครั้ง“หึหึ” เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูนี้คงมีแต่จางหยวนเพ่ยเท่านั้นที่ได้รับมัน เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ยอมตื่นง่าย ๆ หลงฝูหยางก็ไม่คิดจะก่อกวนต่อ แขนแกร่งโอบคนบนตัวเอาไว้หลวม ๆ มือหนาลูบแผ่นหลังบางเป็นการกล่อมไปด้วย“อืม” เสียงครางแผ่วอย่างพอใจดังขึ้นให้ได้ยินจนอดเอ็นดูไม่ได้ ริมฝีปากหนาจึงกดจูบเบา ๆ ที่กลุ่มผมดำนุ่มนั้นหนึ่งทีในช่วงสายของวัน หลี่อิงกับเฟยเทียนจึงแวะมาดูอาการหลงฝูหยางอีกครั้งหลังจากที่ตอนแรกตั้งใจจะมาตั้งแต่เช้าแล้วแต่กลับถูกห้ามเอาไว้เสียก่อน ในตอนนั้นยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอมาเห็นภาพตรงหน้าแล้วก็อยากจะเดินกลับเรือนเสียเดี๋ยวนั้น“นี้ใจคอพวกท่านไม่คิดจะลุกขึ้นมาต้อนรับแขกหน่อยหรือเจ้าคะ”หลี่อิงเอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เมื่อเดินเข้ามาภายในเรือนแล้วพบว่าทั้งสองคนยังนอนกอดกันกลมไม่ปล่อ

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 33

    งานเทศกาลหยวนเซียวที่คึกคักไปด้วยผู้คน สองร่างในชุดสีแดงดำเดินเคียงกันอย่างมีความสุข สองมือผสานกันเอาไว้แน่นอย่างไม่เกรงสายตาใคร หนึ่งงดงามหนึ่งคมคายเป็นเป้าสายตาของผู้คนเสียเหลือเกินแต่ก็มิได้รู้สึกแปลกตาแต่อย่างไรเพราะก็มีแบบนี้ให้เห็นอยู่เนื่อง ๆ อีกทั้งขุนนางบางคนยังมีฮูหยินรองหรืออนุที่เป็นบุรุษด้วย“เจ้าเคยมาเดินงานเทศกาลหยวนเซียวบ้างหรือไม่” จางหยวนเพ่ยเอ่ยถามคนที่จับจูงมือกันอยู่“ไม่เคย” หลงฝูหยางส่ายหน้าก่อนจะหันมาตอบร่างเพรียวบางด้านข้าง“แล้วมาที่นี่บ่อยหรือไม่ จำได้ว่าตอนนั้นที่เจอกันก็เป็นที่ต้าถงนี้” จางหยวนเพ่ยยังคงถามอีกต่อเรื่อย ๆ“ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นอยู่ที่พรรคเป็นหลักหรือไม่ก็ไปที่อื่นเสียมากกว่าที่ต้าถง แต่เมื่อสองปีก่อนปรากฎสมุนไพรหายากขึ้นเลยเข้ามาที่นี่บ่อยขึ้น”“หืม”“โรงประมูลชิงหลงนั้นอย่างไร” หลงฝูหยางเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ เมื่อเห็นสีหน้าฉงนของจางหยวนเพ่ย“เอ๋ ของเจ้าหรือ” ร่างบางเอี้ยงคอถามอย่างน่ามอง ดวงตาใสแวววาวอย่างตื่นเต้น“ใช่ ให้เว่ยเหลียงเป็นคนดูแล” หลงฝูหยางไขข้อกระจ่างให้ร่างบาง“ถ้านังหนูหลี่อิงรู้ว่าท่านเป็นเจ้าของคงโดนป่วนแน่” จางหยวนเพ่ยเอ

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 32

    รุ่งเช้ามาเยือนเหล่าศิษย์ทั้งหลายผู้เป็นเด็กดีทำตัวเป็นห่วงอาจารย์ผู้เป็นที่รักยิ่งมายืนรออยู่หน้าเรือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสกันทุกคนจนกระทั่ง“ข้าง่วง พวกเจ้ากลับไปเลยไม่ต้องมาก่อกวนข้า” เสียงทุ้มนุ่มลอยออกมาจากในเรือนไม้แต่กลับไม่เห็นตัวคนจนเหล่าเอ่ยแซวกันเป็นแถบ“แม้อาจารย์ ผู้ชายมาเยือนเรือนลูกศิษย์ถึงกับไม่มีความหมายเลยหรือขอรับ” หวังเลี่ยงรุ่ยเอ่ยน้ำเสียงหยอกเย้าผู้เป็นอาจารย์จากนอกเรือน“ไปไกล ๆ เลยเจ้าเด็กพวกนี้”“หึหึ ขอท่านประมุขอย่าหนักมือนักเล่า” หลิวหยางเอ่ยขึ้นกั่วเสียงหัวเราะชอบใจก่อนจะพากันสลายตัวไปทำหน้าที่ของตนเองกลับมาภายในเรือนตอนนี้ร่างเพรียวบางของจางหยวนเพ่ยกำลังนอนทับอกของหลงฝูหยางอยู่ใบหน้าคมสวนงอง้ำอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อถูกก่อกวนตั้งแต่เช้าทั้งที่พึ่งได้นอนไปเพียงนิดเดียว“ถ้าง่วงก็หลับต่ออีกหน่อยเถอะ” หลงฝูหยางเอ่ยเสียงนุ่มทั้งยังลูบแผ่นหลังเนียนเป็นการกล่อมอีกคน“ไม่เอา ข้าอยากคุยกับเจ้ามากกว่า” จางหยวนเพ่ยเอ่ยเสียงอ่อยนิ้วเรียวลูบไล้ไปบนแผ่นอกชายหนุ่มเล่นอย่างไม่รู้จะทำอันไร“เรื่องของเราหรือ” หลงฝูหยางก้มหน้าลงมาถามเสียงแผ่ว“อืม”“ว่ามาเถอะ ข้าเชื่อฟังท

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 31

    หนึ่งเดือนต่อมาเรื่องที่อินจางเหว่ยได้ก่อเอาไว้ถูกชำระความเรียบร้อยแล้ว จ้าวจางเว่ยและหลงจ้าวอินจบชีวิตตนเองลงในหอลงทัณฑ์ ส่วนอินจางเหว่ยนั้นหลงฝูหยางไม่ยอมให้อีกคนตายง่ายดายถึงเพื่อนั้น เขาถูกขังเอาไว้ในส่วนพิเศษในหอลงทัณฑ์ตรึงร่างด้วยโซ่ตรวนไม่ให้คิดฆ่าตัวตาย ให้ทดทุกข์ทรมานกับพิษที่ได้รับรวมถึงพิษที่เจ้าตัวปรุงขึ้นอย่างเพลิงผลาญฤทัยเก้าสุริยันจนกว่าจะตายจากมันไปข้างหนึ่งเรื่องที่ต้องสะสางก็จัดการเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ก็คงเหลือในเรื่องของหัวใจที่ยังไม่มีความกระจ่างอะไรเลย และตอนนี้บรรยากาศภายในเรือนพักของหลงฝูหยางนั้น ช่างชวนให้คนที่อยู่ด้วย อยากจะหนีออกไปเสียจริง แต่ก็ทำไม่ได้“เอ่อ ท่านประมุขขอรับ ข้าว่าถ้าไม่มีใจจะอ่าน ไป ไป ที่นี่อยากไปดีหรือไม่ขอรับ” จางเฉินเอ่ยขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนจะได้รับสายตาคมที่ตะวัดมองมาจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง“ข้าเห็นด้วยกับจางเฉินนะขอรับ ไปหาสักหน่อยก็ไม่น่าจะเป็นอะไรไม่ใช่หรือ ดีกว่านั่งจมอยู่อย่างนี้แล้วตนเองไม่มีความสุขนะขอรับ” จางหลินเองก็เห็นด้วยกับความคิดของจางเฉิน ตั้งแต่ที่อีกคนกลับไปหลังจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ผู้เป็นนายของพวกเขาก็เอาแต่นั้งท

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 30

    “ข้าจะรับเอาไว้เอง และจะให้เขาชดใช้อย่างสาสม” หลงฝูหยางกล่าวให้คำมั่น หวังเลี่ยงรุ่ยจึงหันไปมองศิษย์น้องของตนเองเมื่อเห็นแววตาของทุกคนแล้ว เขาจึงหันกลับมาหาหลงฝูหยาง“ได้ พวกข้าจะให้ท่านเป็นคนจัดการ”ปึ้ง!ร่างของอินจางเหว่ยถูกเหวี่ยงไปที่ปลายเท้าของหลงฝูหยางทันทีด้วยน้ำมือของจางหยวนเพ่ย นั้นยิ่งสร้างความหวาดกลัวให้กับฝ่ายของอินจางเหว่ยมากยิ่งขึ้น“พวกเจ้าอยากรู้ใช่หรือไม่ ว่าข้าเป็นใคร นามของข้าคือ หยวนเพ่ย แช่ จาง ผู้ที่เคยท่องไปทุกที่แล้วในยุทธภพนี้ ชื่อเสียงมากมายที่ข้าได้รับ ข้าล้วนไม่เคยหลงในอำนาจของมัน แล้วเจ้าเป็นใคร อินจางเหว่ย ถึงได้คิดจะขึ้นเป็นใหญ่ควบคุมทั้งยุทธภพได้” สายตาคมสวยปรายมองอินจางเหว่ยก่อน จะเชิดขึ้นอย่างเย่อหยิ่งราวกับมองมดปลวกก็มิปาน“เป็นไปไม่ได้ คนผู้นั้นเป็นใคร ใช่คนที่เจ้าจะเอามาล่อเล่นได้หรือ”อินจางเหว่ยกล่าวอย่างเหยียดหยัน ที่อีกคนกล้ายกตนขึ้นเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงดังคนผู้นั้น“ข้าเป็นพยานได้ นั้นคือ จางหยวนเพ่ย ตัวจริงไม่ผิดแน่” เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นแต่กลับไม่เห็นตัวคนพูด กำลังภายในมากมายที่กดทับอยู่เหนือบริเวณนี้ บ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเป็นผู้มีกำลังภายใ

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 29

    ในขณะที่พวกเขากำลังจดจ่ออยู่กับการต่อสู้ตรงหน้า คนกลุ่มหนึ่งก็ได้ทำการเก็บกวาดศัตรูอย่างเงียบเชียบก่อนจะส่งคนของตนเองเข้ามาแทนจนที่สุดทุกอย่างก็พร้อมแล้วจางหยวนเพ่ยได้รับสัญญาณจากเหล่าลูกศิษย์แล้วจึงมองสบตากับหลงฝูหยางที่เล่นถ่วงเวลาอยู่กับหลงจ้าวอิน ร่างสูงรับรู้ได้ทันทีก่อนจะปิดจบฉากการต่อสู้นี้ปลายกระบี่แหลมคมชี้ไปที่ร่างสูงโปร่งของหลงจ้าวอินก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะวัดครึ้งวงกลมแฝงกำลังภายในเต็มเปี่ยม อินจางเหว่ยที่เห็นท่าไม่ดีรีบเข้าช่วยบุตรชายทันที แต่ก็ยังต้านพลังของหลงฝูหยางเอาไม่ไม่อยู่สองพ่อลูกกระเด็นไถลไปกับพื้นก่อนจะกระอักเลือดออกมา อาการบาดเจ็บของอินจางเหว่ยนั้นไม่หนักหนานักเพราะก็เป็นผู้ที่มีกำลังภายในสูงส่งผู้หนึ่ง จึงพอป้องกันตนเองเอาไว้ได้ แต่กับหลงจ้าวอินนั้นไม่ใช่ร่างกายที่แสนเจ็บปวดรวดราวบ่งบอกถึงอาการบาดเจ็บที่ทำลายลึกถึงตันเถียน ร่างสูงโปร่งนอนงอตัวกอดตนเองแน่นแค่ขยับเพียงนิดก็เจ็บปวดทรมานเกินจะทานทน เสียงคำรามต่ำในลำคอนั้นแฝงความมายินยอมอยู่ด้วยหากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ในขณะเดี๋ยวไป๋ซีหมิงก็สลัดออกจากการควบคุ้มมาได้อย่างง่ายดาย“เป็นไปไม่ได้ เจ้าจะมีกำลังภายในถึงเพียง

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 28

    “ยังไม่ได้รับสัญญาณเลย ท่านก็ใจร้อนเกินไป” จางหยวนเพ่ยเอ่ยอย่างเหนื่อยใจกับความใจร้อนของคนข้างกาย“ถ้าให้รอสัญญาณแล้วต้องมันแตะต้องท่าน ข้าจัดการเองง่ายกว่า”หลงฝูหยางเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ยิ่ง ใบหน้าคมบูดบึ้งอย่างไม่พอใจที่ร่างบางปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ถึงเพียงนี้ ก่อนจะตวัดตาคมมองหลงจ้าวอินอย่างไม่พอใจ“นี้พวกเจ้า หลอกข้าหรือ” อินจางเหว่ยเอ่ยเสียงลอดฟันอย่างเจ็บใจที่หลงกลชายหนุ่ม“ข้าหลอกท่านหรือ ท่านชะล่าใจเองต่างหาก พิษที่ท่านวาง ท่านไม่ได้ตรวจสอบหรือว่ามันออกฤทธิ์เช่นไร” จางหยวนเพ่ยเอ่ยถามขึ้น“นี้…” อินจางเหว่ยถึงกับเอ่ยอันใดไม่ออก เพราะคิดว่านั้นอาจเป็นอาการข้างเคียงของพิษจึงไม่ได้เอะใจแต่อย่างไร เพราะฤทธิ์ของมันเองมีผลกับกำลังภายในทำให้เข้าใจไปเช่นนั้น“เฮ้อ ที่กำลังภายในพวกเราปั่นป่วนนั้น ต้องโทษลูกศิษย์ข้าเอง ทำยาเพิ่มกำลังภายในรอบแรก ข้าก็กลายเด็กสิบขวบ รอบสองยังทำเอากำลังภายในปั่นป่วนจนควบคุมไม่ได้ ต้องพักเอาแรงกันถึงสองวันเลยทีเดียว” จางหยวนเพ่ยเอ่ยขึ้นโดยเน้นคำว่าเด็กสิบขวบอย่างชัดเจน“!!! ” หน้าของอินจางเหว่ยตอนนี้นั้นช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย สายตาที่มองมาราวกับจะฉีกร่างพวกเ

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 27

    เรือนพักหลงฝูหยางที่ตอนนี้มีการดูแลอย่างเข้มงวดโดยคนของอินจางเหว่ย หากไม่ได้รับอนุญาตจากชายผู้นั้นก็ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้แม้แต่คนเดียว“ข้าเข้าไม่ได้ หมายความว่าอย่างไร” จางหลินเอ่ยขึ้นอย่างฉงน เมื่อออกไปทำธุระด้านนอกมาครึ่งวันแต่พอจะกลับเข้าเรือนพักของผู้เป็นนายกลับไม่สามารถเข้าไปได้“ไม่มีคำสั่งของผู้อาวุโสอินจางเหว่ย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเข้าไปได้” คนเฝ้าประตูเอ่ยขึ้นเสียงเข้มใบหน้าเรียบนิ่งเย็นชายิ่ง“แต่ข้าเป็นคนสนิทที่ดูแลท่านประมุขกับฮูหยิน เหตุใดจึงจะเข้าไปไม่ได้”จางหลินเอ่ยอย่างไม่พอใจที่ถูกปฏิเสธเช่นนี้ทั้งที่ตนเป็นคนของท่านประมุขโดยตรง“ไม่ได้ก็คือไม่ได้” ชายผู้นั้นยังคงยืนยันคำเดิม จนจางหลินแสดงสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา“จางหลิน” จู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกมาจากด้านหลัง เมื่อหันไปมองก็พบว่าเป็นจางเฉินนั้นเองที่เดินเข้ามาก่อนจะหยุดอยู่ข้างกัน“อาเฉิน นี้หมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าถึงเข้าไปในเรือนท่านประมุขไม่ได้” ชายหนุ่มรีบเอ่ยถามสหายทันที“เจ้าตามข้ามานี้” จางเฉินลากสหายออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยไม่ได้หันกลับไม่มองสักนิดว่ามีใครคนหนึ่งแอบยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อออกมาไกลพอสมควรแล้

  • ท่านประมุขปล่อยข้าไปเถอะ...ข้าแก่แล้ว   ประมุขตัวร้าย ตอนที่ 26

    ในที่สุดวันงานแต่งก็มาถึง ทุกอย่างค่อยข้างเป็นไปอย่างเรียบร้อยเนื่องจากอินจางเหว่ยวางทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว เรื่องสีผมที่เปลี่ยนไปของจางหยวนเพ่ย หลงฝูหยางได้อธิบายกับทุกคนแล้วว่าเป็นเพราะทั้งคู่ได้ทำพันธะสัญญาคู่บำเพ็ญกันแล้วเส้นผมของอีกคนจึงกลายเป็นสีดำเพราะกำลังภายในที่เสริมกันของพวกเขาหลงฝูหยางและจางหยวนเพ่ยอยู่ในขุดสีแดงเข้มเรียบง่ายปักด้วยด้ายสีทองงดงามยิ่ง พิธีจัดอย่างเรียบง่ายไม่ได้เคร่งครัดอันใด ทางฝั่งเจ้าสาวนั้นเป็นหวังชิงเฟิงที่เดินทางมาใบหน้าคมคายสวมหน้ากากเงินแกะสละลวดลายอสรพิษงดงามปิดบังใบหน้าส่วนบนเอาไว้ ทำให้ดูลึกลับน่าค้นหาอย่างยิ่ง“เอ่อ สวมหน้ากากเช่นนี้จะดีหรือ” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นขอความเห็นจากร่างบาง“พี่ชายข้าคนนี้ ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยหน้าตาให้ได้เห็นเจ้าค่ะ แม้แต่ข้าก็น้อยครั้งนักที่จะได้พูดคุยแบบเห็นหน้าเขา” จางหยวนเพ่ยเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมรอยยิ้มบาง“เป็นเช่นนั้นหรอกหรือ” อินจางเหว่ยรับคำอย่างไม่ค่อยเข้าใจนักว่าเหตุใดต้องปิดบังหน้าตาด้วยเล่า“อย่างถือสาพี่ชายข้าเลยเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นก็เริ่มพิธีกันเถอะได้ฤกษ์ยามแล้ว” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นแม้จะคาใจเรื่องนี้อยู่ไม่น้อ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status