สองปีต่อมา
เรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างสองปีมานี้ มีทั้งที่ดีและไม่ดี แต่ทุกคนก็ผ่านกันมาได้ รวมถึงสองพี่น้องตระกูลเฟยที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของเซียวหลี่อิง
ในส่วนของจางหยวนเพ่ยเองนั้น ก็อาศัยอยู่ที่เรือนไม้ในส่วนลึกของตระกูลเซียว เรือนไม้ขนาดกลางตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าไผ่เรียงราย ด้านข้างมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่านให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่ไกลกันนักยังมีเรือนเล็กอีกสามเรือนสำหรับเหล่าลูกศิษย์ ทางเดินและรอบเรือนพัก มีดอกไม้นานาพันธุ์ ปลูกประดับเอาไว้งดงามยิ่ง
“หือ เจ้าเด็กนี่กตัญญูดีจริง มาถึงก็มีน้ำชาวางไว้ให้เลย”
จางหยวนเพ่ยที่ไม่คิดอะไรมากยกถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ในห้องของตนเองขึ้นดื่มทันทีหลังจากกลับมา เมื่อฝึกเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเสร็จ ก่อนที่เฟยเทียนจะเดินเข้ามา
“ท่านอา! นั่นไม่ใช่น้ำชา มันคือยาขอรับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่า ที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ ยกมือขึ้นห้ามผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และท่านอาของตน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
“ยาหรือ ทำไมกลิ่นกับรสชาติไม่เหมือนยาเลยเล่า มันคือยาอะไร” หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้วทั้งรสชาติและกลิ่นคล้ายชาดอกไม้เป็นอย่างมากไม่เหมือนยาสักนิด
“เป็นยาเพิ่มกำลังภายในขอรับ อยู่ระหว่างการปรับปรุงตัวยาให้เหมาะสม” เฟยเทียนบอกออกไปพร้อมกับยิ้มแห้ง
“หือ ยาเพิ่มกำลังภายในหรือ อือ…กำลังภายในพลุกพล่านจริงด้วย”
จางหยวนเพ่ยที่ลองสัมผัสกำลังภายในของตนเองดู ก็พบว่ามันกำลังพลุกพล่านอยู่ภายใน จนต้องปรับให้สมดุลและสงบลง
“มันยังไม่สำเร็จนะขอรับ แต่ฤทธิ์ยามีผลกับกำลังภายในจริง”
ชายหนุ่มเอ่ยบอกเสียงอ่อยแต่เหมือนจางหยวนเพ่ยจะรู้ว่าอีกคนยังบอกออกมาไม่หมด
“แล้วยังไงเล่า” จางหยวนเพ่ยเอ่ยถามอย่างสงสัย
“คือมันมีผลข้างเคียงนะขอรับ” เฟยเทียนก้มหน้างุดพูดเสียงพึมพำไม่กล้าสบตาผู้เป็นอาจารย์
“อย่างไรก็ว่ามาสิ” จางหยวนเพ่ยเอ่ยเร่งให้ชายหนุ่มบอกผลของมัน
“ผู้ที่กินเข้าไปจะกลับกลายเป็นเด็กสิบขวบขอรับ” เฟยเทียนเอ่ยขึ้นเสียงอ่อยอย่างช่วยไม่ได้
“ว่าอย่างไรนะ!” จางหยวนเพ่ยตะโกนดังลั่นก่อนจะนิ่งงันไป ในขณะที่เฟยเทียนได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ มองผู้เป็นอาจารย์พร้อมกับทำหน้าราวกับจะร้องไห้
“ไอ้เจ้าเด็กบ้า! ทำไมไม่บอกก่อนหน้านี้” จางหยวนเพ่ยโวยวายขึ้นทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น
“แล้วท่านถามข้าหรือยังล่ะขอรับ” เฟยเทียนกล่าวอย่างโอดครวญ
“แล้วทีนี้จะแก้อย่างไร” จางหยวนเพ่ยรีบเอ่ยถาม เป็นชายหนุ่มวัยละอ่อนไม่พอ ยังต้องเป็นเด็กอีกหรือ
“แก้ไม่ได้ขอรับ ท่านต้องอยู่ในร่างของเด็กสิบขวบไปหนึ่งเดือน แล้วจะคืนสู่ร่างเดิมเอง แหะ”
เฟยเทียนทำหน้าตารู้สึกผิดทันที แต่นั้นก็ไม่ใช่ความผิดเขาเสียทีเดียว ใครใช้ให้ท่านอาจารย์ไม่ถามก่อนเล่า
“หนึ่งเดือน” จางหยวนเพ่ยทวนสิ่งที่ได้ยินอย่างหมดแรง
“ขอรับหนึ่งเดือน” ยังจะเอ่ยย้ำอีก จางหยวนเพ่ยทำหน้าราวกับชีวิตนี้ได้พังทลายลงแล้ว
ในคืนนั้นระหว่างที่จางหยวนเพ่ยกำลังหลับสบาย ร่างกายของชายหนุ่มโตเต็มวัยค่อย ๆ หดเล็กลงจนกลายเป็นเด็กสิบขวบตัวขาวน่าฟัดอยู่บนเตียงนอน
เช้าวันใหม่มาเยือน เสียงร้องโวยวายดังออกมาจากภายในห้องนอนของจางหยวนเพ่ยในเรือนไม้ ทำเอาเหล่าลูกศิษย์ที่กำลังฝึกวรยุทธอยู่ในบริเวณนั้น รีบวิ่งเข้าไปดูผู้เป็นอาจารย์ทันที ก่อนจะพบกับร่างเล็กของเด็กชายวัยสิบขวบที่มีเรือนผมสีขาวปลอดยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเล็กขาวใสเงยขึ้นสบตากับผู้มาเยือน ดวงตากลมโตสุขสกาว แพขนตาเรียงตัวสวย สองแก้มขาวนวลป่องเป็นลูกซาลาเปาน่ารักน่าหยิก เสียจนคนที่พบเห็นอยากขโมยกลับไปด้วยเสียเลย
“เจ้า เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดจึงเข้ามาอยู่ในห้องนอนของท่านอาจารย์ได้ แล้วท่านอาจารย์หายไปไหน”
หวังเลี่ยงรุ่ยที่พึ่งได้สติกลับมา เอ่ยถามขึ้น ทำเอาเด็กน้อยถึงกับพองแก้มอย่างไม่พอใจ แต่มันช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน
“ก็ข้านี่อย่างไร อาจารย์ของเจ้า ไอ้เจ้าเด็กหน้าเหม็น”
เสียงเล็กน่ารักเอ่ยขึ้น ทั้งยังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกอย่างไม่พอใจ แต่มันไม่ได้ดูน่ากลัวเลยสักนิดเดียว
“เจ้าอย่างมาโกหก จะเป็นไปได้อย่างไร” หวังเลี่ยงรุ่ยไม่เชื่อ แต่พอลองมองสำรวจหน้าตาของเด็กน้อยคนนี้แล้วกลับมีเค้าโครงของผู้เป็นอาจารย์อยู่ไม่น้อยเลยไหนผมเรือนผมสีขาวนั้นอีก
“เจ้าก็ลองไปถามศิษย์น้องเจ้าดูสิ ข้าเผลอกินยาที่เขาปรุงเข้าไป เลยกลายเป็นเช่นนี้ ไม่น่าเลยต้องอยู่ในร่างของเด็กสิบขวบไปอีกตั้งหนึ่งเดือน”
เด็กน้อยกล่าวพร้อมกับทำหน้าจะร้องไห้ เมื่อวานเขายังพอใจชื้นอยู่บ้าง ที่ร่างกายไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น แต่เพียงแค่ค่ำคืนเดียว จากชายหนุ่มรูปงาม ต้องมาอยู่ในร่างเด็กเล็กเช่นนี้
“ห๊ะ! ว่าอย่างไรนะ” ชายหนุ่มถึงกับอ้าปากเหวอกับสิ่งที่ได้ยิน สองแฝดเองก็มีสีหน้าไม่ต่างกันจะเป็นไปได้หรือยาที่ทำให้กลายเป็นเด็กสิบขวบ
“ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามเฟยเทียนดูสิ” ใบหน้าน่ารักบึ้งตึงขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงตัวต้นเรื่องที่ทำให้ตนเองกลายเป็นเช่นนี้
“นั่นอย่างไรตัวต้นเรื่อง เดินมานั่นแล้ว” จางหยวนเพ่ยเอ่ยขึ้นเมื่อมองไปนอกประตูห้องนอนก็เห็นร่างสูงโปร่งของใครบางคนเดินเข้ามา
“เฟยเทียน เด็กน้อยคนนี้บอกว่าคืออาจารย์ ไม่จริงใช่หรือไม่” หวังเลี่ยงรุ่ยรีบเดินไปลากคนมาใหม่ เข้ามาถามทันทีทั้งยังชี้นิ้วไปที่ร่างเล็กบนเตียง
“เอ่อ แหะ ก็อย่างที่เขาพูดนั่นแหละ” เฟยเทียนไม่มีอะไรจะแก้ตัวได้ ก็ได้แต่ยิ้มแห้ง ส่งให้ทุกคนที่อยู่ในห้อง
“แล้วไม่มีทางแก้หรือ” หวังเลี่ยงรุ่ยถามขึ้นอย่างอยากรู้
“ไม่มี ต้องรอให้ครบหนึ่งเดือน ท่านอาจารย์ถึงจะกลับมาเป็นร่างเดิมได้”
เฟยเทียนเอ่ยบอกกับทุกคน พวกเขาได้แต่มองเด็กน้อยที่กำลังนั่งจุมปุ๊กอยู่กลางเตียงนอนตาใสแป๋ว
“แล้ววรยุทธกับกำลังภายในเล่า จะเป็นอย่างไร” หลิวหยางหนึ่งในแฝดชายคนพี่เอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นกังวลกับการเปลี่ยนแปลงที่กระทันหันนี้
“ยามีผลเพียงแค่เพิ่มกำลังภายใน ไม่ได้มีผลลดทอนวรยุทธหรือกำลังภายในที่มีอยู่แล้ว ถึงแม้จะอยู่ในร่างของเด็กก็ตาม เรื่องนี้สบายใจได้ ไม่มีใครสามารถทำอันตรายท่านอาจารย์ได้ทั้งนั้น”
เฟยเทียนเอ่ยอธิบาย ทุกคนจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเพราะกลัวว่าถ้าอยู่ในร่างนี้แล้วจะปกป้องตนเองไม่ได้
“ค่อยโล่งอกไปที นึกว่าจะสูญเสียวรยุทธกับกำลังภายในไปด้วยเสียอีก” หลิงเฉิงแฝดชายคนน้องเอ่ยขึ้น
“ไปๆ พวกเจ้าแยกย้ายกันไปฝึกวรยุทธต่อได้แล้ว ส่วนเจ้าไปเอาชุดมาเปลี่ยนให้ข้าเลย โทษฐานที่ทำให้ข้าเป็นเช่นนี้”
จางหยวนเพ่ยในร่างของเด็กสิบขวบชี้นิ้วไปที่เฟยเทียนก่อนจะสั่งให้อีกคนไปหาชุดมาให้เปลี่ยน
“ขอรับท่านอา” ชายหนุ่มรับคำอย่างเสียไม่ได้เพราะตนเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้ท่านอามาอยู่ในร่างนี้
“อ่อ อย่าลืมไปแจ้งนังหนูหลี่อิงให้ข้าด้วยเล่า เดี๋ยวจะแตกตื่นกันเสียหมดแบบเมื่อกี้” ร่างเล็กยังมิวายออกคำสั่งเพิ่มไปอีก
“ขอรับๆ ข้าทราบแล้ว” เฟยเทียนว่า ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเองต่อ
ร่างเล็กของเด็กชายวัยสิบขวบ ตอนนี้กำลังถูกจ้องมองจากสายตาสองคู่ด้วยกัน อาภรณ์สีฟ้าอ่อนปักลายเมฆาเคลื่อนด้วยด้ายสีเงินยวง ข้างเอวห้อยด้วยหยกสีขาวมันแพะเนื้อดีแกะสลักลายเมฆ เส้นผมสีเงินดุจแพรไหมถูกรวบไว้อย่างเรียบง่ายด้วยผ้าปักลายเดียวกับชุด ดวงตากลมโตสุขสกาวมองสบกับผู้ที่กำลังจ้องมองตนอยู่
หญิงสาวที่ถูกดวงตากลมโตมองสบราวกับถูกขโมยหัวใจไปกับรอยยิ้มพราวจนเห็นฟันขาวดุจไข่มุก ผิวกายขาวนวลผุดผาด แก้มกลมทั้งสองข้างเปล่งปลั่งน่าหยิกเสียเหลือเกิน
ชายหนุ่มด้านข้างมองสลับเด็กน้อยน่ารักวัยสิบขวบกับบุตรชายวัยสามเดือนในอ้อมแขน ใบหน้ากลมน่ารักของทั้งสองคนคล้ายกันราวกับฝาแฝดหากบอกว่าเป็นพี่น้องก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“พอใจแล้วหรือยัง”
เสียงเล็กน่ารักถามขึ้นอย่างเบื่อหน่ายพร้อมกับกลอกตาไปมากับอาการของทั้งสองคนตรงหน้า รอยยิ้มเมื่อครู่หุบลงทันที
“หากไม่ทราบเรื่องมาก่อน ข้าคงจะคิดว่าท่านเป็นพี่ชายของฟ่านอี้แล้วนะเจ้าคะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นก่อนจะตวัดตามองไปยังหวังชิงเฟิงผู้เป็นสามีจนอีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถามว่ามองข้าทำไม
“เฮ้อ! เป็นเพราะเจ้านั้นแหละที่พาเฟยเทียนอยู่แต่ในเรือนสมุนไพรจนเขาคิดทำยาอะไรมากมายเนี่ย”
จางหยวนเพ่ยได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกก่อนจะเริ่มบ่นอะไรมากมายออกมาราวกับคนแก่ อืมก็แก่จริง มือเล็กเอื้อมไปหยิบถ้วยน้ำชาขึ้นจิบแต่ก็ต้องชะงักไปจังหวะหนึ่งจนหลี่อิงถึงกับยิ้มขำออกมา
“เป็นน้ำชาเจ้าค่ะ”
หญิงสาวเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ เมื่อเห็นอาการหวาดระแวงของเด็กน้อยตรงหน้า จนชายหนุ่มกับสองสาวใช้อดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้
“แล้วนี่ท่าน…เจ้า จะทำอย่างไรต่อเล่า” หวังชิงเฟิงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับมองรูปร่างนี้ของจางหยวนเพ่ยให้เต็มตาเสียหน่อย เพราะถ้าได้กลับคืนรูปลักษณ์เดิมแล้วเจ้าตัวคงไม่เผลอไปดื่มอะไรเช่นนี้อีกเป็นแน่
“ข้าทำอะไรได้ด้วยหรือ มีแต่ต้องจำยอมอยู่ในร่างนี้ไปก่อนนั่นแหละ อย่างน้อยวรยุทธกับกำลังภายในก็ยังอยู่แถมยังเพิ่มขึ้นมาด้วย ใครจะกล้าทำอะไรเล่า”
คำพูดใหญ่โตนี้พอออกมาจากปากเล็ก ๆ นั้นแล้วมันไม่ได้น่ากลัวเลยสักนิดแต่กลับชวนให้ยิ้มเอ็นดูเสียมากกว่า
“อืม ก็จริง” หลี่อิงเห็นด้วยแต่ก็ยังมองว่ารูปลักษณ์เช่นนี้ไม่เหมาะคำพูดโอ้อวดเหมาะกับพูดที่ดูน่ารัก ๆ เสียมากกว่าแต่ก็ไม่กล้าขัดได้แต่ตอบยิ้ม ๆ
“ดีเสียอีก อยู่ในร่างนี้ใคร ๆ ก็คงคิดไม่ถึงว่าเป็นข้า”
เด็กน้อยกล่าวขึ้นน้ำเสียงเล็กน่ารัก หน้าตาราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไม่ได้เข้ากันกับท่าทางเรียบนิ่งเย็นชาสักนิด
“ท่านจะสืบเรื่องนั้นหรือเจ้าคะ” หลี่อิงถามขึ้น นี้ก็คงถึงเวลาแล้วสินะ
“อืม ไหน ๆ ก็ไม่มีใครจับสังเกตได้อยู่แล้ว ใช้เรื่องนี้ให้เป็นประโยชน์ดีกว่า” จางหยวนเพ่ยกล่าวอย่างไม่ยินดียินร้ายอะไร
สองปีต่อมาเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างสองปีมานี้ มีทั้งที่ดีและไม่ดี แต่ทุกคนก็ผ่านกันมาได้ รวมถึงสองพี่น้องตระกูลเฟยที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของเซียวหลี่อิงในส่วนของจางหยวนเพ่ยเองนั้น ก็อาศัยอยู่ที่เรือนไม้ในส่วนลึกของตระกูลเซียว เรือนไม้ขนาดกลางตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าไผ่เรียงราย ด้านข้างมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่านให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่ไกลกันนักยังมีเรือนเล็กอีกสามเรือนสำหรับเหล่าลูกศิษย์ ทางเดินและรอบเรือนพัก มีดอกไม้นานาพันธุ์ ปลูกประดับเอาไว้งดงามยิ่ง“หือ เจ้าเด็กนี่กตัญญูดีจริง มาถึงก็มีน้ำชาวางไว้ให้เลย”จางหยวนเพ่ยที่ไม่คิดอะไรมากยกถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ในห้องของตนเองขึ้นดื่มทันทีหลังจากกลับมา เมื่อฝึกเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเสร็จ ก่อนที่เฟยเทียนจะเดินเข้ามา“ท่านอา! นั่นไม่ใช่น้ำชา มันคือยาขอรับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่า ที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ ยกมือขึ้นห้ามผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และท่านอาของตน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ยาหรือ ทำไมกลิ่นกับรสชาติไม่เหมือนยาเลยเล่า มันคือยาอะไร” หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้วทั้งรสชาติและกลิ่นคล้ายชาดอกไม้เป็นอย่างมากไม่เหมือนยาสักนิด“เป็นยาเพิ่มกำลังภายในขอ
ทางฝั่งของหลงฝูหยางที่ได้บาดเจ็บจากการถูกลอบสังหาร หลังจากฟื้นขึ้นมาก็รีบออกไปจากจวนตระกูลเฟยทันทีเพราะกลัวว่าตนเองจะนำภัยอันตรายมาให้“ท่านประมุข” จางหลินที่เห็นสภาพของผู้เป็นนายก็ตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองร่างสูงมาที่เตียงทันที“เกิดอะไรขึ้นขอรับ” จางเฉินที่พึ่งเข้ามาเห็นผู้เป็นนายก็รีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“จางเฉิน มาดูท่านประมุขข้าจะไปตามผู้อาวุโสอิน”จางหลินเอ่ยบอกสหายอย่างร้อนใจ ก่อนะรีบไปตามอินจางเหว่ยทันที ผ่านไปเพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาพร้อมชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีสีหน้าร้อนใจไม่แพ้กัน“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” อินจางเหว่ยรีบเข้าไปดูหลานชายทันที“ข้าไม่เป็นไรมากแล้วขอรับ โชคดีที่ได้คนช่วยเอาไว้”หลงฝูหยางเอ่ยอย่างอ่อนแรง“ข้าจะไปเตรียมมาให้ พวกเจ้าดูแลท่านประมุขให้ดี”อินจางเหว่ยรีบออกไปนำยามาให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาพร้อมยาและผ้าพันแผลมากมาย ทุกคนช่วยกันทำแผลให้ชายหนุ่มอย่างรีบร้อนก่อนที่อินจางเหว่ยจะยืนถ้วยยาให้กับผู้เป็นหลานชาย หลงฝูหยางรับมาดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนจะส่งคืนให้ผู้เป็นอา“ข้าจะช่วยเจ้าปรับกำลังภายใน” อินจางเหว่ยบอกก่อนจะพยุงชายหนุ่มขึ้นโดยมีจางหลินคอยช่วย“ขอบคุณท
หลังจากจักการทุกอย่างแล้ว ทุกคนก็กลับมาที่จวนตระกูลเฟยเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำกัน นั้นก็คือการปรุงยารักษาอาการบาดเจ็บ(เกิดขึ้นจากการต่อสู้เมื่อครั้งอยู่ในยุทภพ)ให้กับจางหยวนเพ่ยที่ท่านหมอเฟยอี้เคยรับปากไว้แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ หน้าที่นี่จึงตกเป็นของหลี่อิงและเฟยเทียน“ผู้อาวุโสพอจะทราบสูตรยาที่ท่านหมอเฟยอี้ใช้รักษาไหมเจ้าคะ”หลี่อิงเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้ปัญหาของพวกเขาคือไม่ทราบสูตรยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ“ข้าก็ไม่ทราบ ปกติแล้วเขาจะใช้ยาอีกตัวหนึ่งประคองอาการของข้าเอาไว้เพื่อรอสมุนไพรสำคัญที่จะใช้ปรุงยารักษา”จางหยวนเพ่ยเอ่ยบอก สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกัน อยู่ที่ห้องปรุงยาเพื่อช่วยกันหาสูตรยา จากตำราการรักษามากมายที่อยู่ในห้องนี้ ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีใครทราบสูตรยานั้นเลย“บันทึกการรักษาในห้องของท่านปู่น่าจะมีขอรับ ท่านจะเขียนเอาไว้ทุก ตอนที่มีการรักษาคนป่วย ข้าจะไปเอามาให้”เฟยเทียนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยบอกกับทุกคน แล้วรีบออกไปทันที และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบันทึกเล่มหนึ่ง“นี้เป็นบันทึกการรักษาของท่านอาจางขอรับ ในนี้มีระบุอาการและตัวยาที่
ตระกูลเฟย ตระกูลหมอที่ช่วยเหลือผู้คนมามากมายกลับถูกฆ่าล้างตระกูลภายในคืนเดียวลานบ้านภายในจวนที่เต็มไปด้วยกระจาดสมุนไพรมากมาย บัดนี้ ทุกอย่างกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด กลุ่มคนชุดดำที่ยืนถือดาบ จ่อดาบไปที่คอของชายชราผู้หนึ่งอยู่นั้นไม่เอ่ยสิ่งใด ก่อนจะกระทำการลงดาบอย่างเลือดเย็นต่อหน้าหลานสาวและภรรยาของเขาที่ตอนนี้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะหมดสติไปด้วยความตกใจกลัว“นี้คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องได้รับ” เสียงเย็นเฉียบราวน้ำแข็งเอ่ยขึ้น“พวกเราทำผิดอะไร ทำไมถึงทำกับพวกเราเช่นนี้”หญิงชราแผดเสียงร้องด้วยความคับแค้นใจ ทั้งสะอื้นไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เมื่อผู้เป็นสามีถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา“ความผิดของพวกเจ้า คือช่วยคนที่ไม่สมควรช่วย”น้ำเสียงเหี้ยมเอ่ยขึ้นอย่างเลือดเย็น“พวกเราเป็นหมอ ตระกูลของพวกเราช่วยเหลือผู้คนมามากมาย เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้”หญิงชราเอ่ยอย่างหมดแรง ความอัดอั้นไม่อาจระบายออกมาได้ นางหอบหายใจอย่างรุนแรง ก่อนจะหมดสติล้มลงดวงตาเบิกกว้าง แล้วจากไปอย่างไม่เป็นธรรม เหตุใดการที่พวกเขาช่วยเหลือผู้คน ถึงกลายเป็นความผิดด้วยเล่า“แล้วเด็กนี้เล่า” ชายชุดดำผู้หน