Share

บทที่ 2

Author: SnailW
last update Last Updated: 2025-08-26 16:43:04

ตอนที่ 2

“อื้อออ”

เฉิงเข่อซิงตื่นขึ้นมาพร้อมกับบิดขี้เกียจ เมื่อมองไปที่ท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มมีแสงบ้างแล้ว นางจึงเตรียมตัวที่จะเดินทางต่อ นางรู้สึกว่าเมื่อคืนนี้นางได้นอนเต็มอิ่มเป็นอย่างมาก ทั้งที่จำได้ว่าก่อนหลับนั้นนางรู้สึกหนาวอยู่หน่อยๆ แท้ๆ

กว่านางจะเดินทางมายังตัวเมืองก็เกือบเข้ายามอู่ (11.00 น.) แล้ว

ผู้คนในเมืองค่อนข้างคึกคักวุ่นวาย เพราะมีเหล่าพ่อค้าแม่ค้ามากมายมาตั้งแผงขายอาหารและข้าวของต่างๆ ทำให้เฉิงเข่อซิงที่พึ่งจะได้เข้าเมืองเป็นครั้งแรกรู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างช่วยไม่ได้

“หมั่นโถวจ้า หมั่นโถวร้อนจ้า”

“น้ำตาลปั้นขอรับ คุณหนู น้ำตาลปั้นไหมขอรับ”

“ถังหูลู่จ้า คุณชายถังหูลู่เจ้าคะ”

เสียงพ่อค้าแม่ค้าต่างตะโกนเรียกลูกค้ากันอย่างคึกคัก เฉิงเข่อซิงมักจ้องมองขนมมากมายที่มีพ่อค้าแม่ค้ามายืนขายกันมากมายด้วยสายตาละห้อย

นางลูบไปที่หน้าอกน้อยของตนเองที่มีถุงเงินซ่อนอยู่

หากนางซื้อขนมเหล่านี้ เงินที่นางพกมาด้วยอาจไม่พอสำหรับซื้อเสบียงไว้เดินทางเป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงตัดใจจากขนมมากมายที่กำลังกวักมือเรียกนางอยู่ด้วยสายตาเศร้าสร้อย พร้อมเดินไปทางหนึ่งซึ่งเป็นร้านขายแผ่นแป้ง โดยมีเด็กผู้ชายนั่งขายอยู่

“แผ่นแป้งนี้ขายอย่างไรหรือ?”

“แผ่นละห้าอีแปะขอรับ”

เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าที่เข้ามาถาม เด็กหนุ่มจึงตอบอีกฝ่ายด้วยท่าทีกระตือรือล้นเป็นพิเศษ

เฉิงเข่อซิงมองแผ่นแป้งที่อีกฝ่ายขายด้วยท่าทางครุ่นคิด

ที่นางเลือกมาซื้อที่แผงนี้ เป็นเพราะแผ่นแป้งของอีกฝ่ายแผ่นใหญ่กว่าเจ้าอื่นๆ และราคาก็เหมาะสม นางจึงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

“หากข้าซื้อสิบแผ่น เจ้าจะลดราคาให้ข้าได้หรือไม่?”

ท่านลุงจินคอยสั่งสอนนางอยู่เสมอว่า ควรต่อรองราคาสินค้าทุกครั้ง เพื่อที่จะได้ประหยัดเงินแม้เพียงอีแปะเดียวก็ยังดี

“เอ่อ..คือ” เด็กหนุ่มลังเลเล็กน้อย เพราะเขาไม่กล้าที่จะตัดสินใจครั้งนี้ หากเขาลดราคาให้เด็กสาวตรงหน้าไป และท่านแม่รู้เข้า เขาอาจถูกตำหนิได้

แต่อีกฝ่ายจะซื้อตั้งสิบแผ่น เขาเองก็ไม่สามารถเสียลูกค้ารายใหญ่เช่นนี้ไปได้จริงๆ

“น้องสาว ตอนนี้ท่านแม่ของข้าไม่อยู่ ข้าไม่อาจลดราคาให้เจ้าได้จริงๆ เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากเจ้าซื้อแผ่นแป้งของข้าทั้งหมดสิบแผ่น จะให้เจ้าอีกหนึ่งแผ่นโดยไม่คิดเงิน เช่นนี้เมื่อท่านแม่ของข้ากลับมา ข้าจะบอกนางว่าข้ากินไปเองดีหรือไม่”

เมื่อได้ยินข้อเสนอที่อีกฝ่ายยื่นให้ เฉิงเข่อซิงก็ไม่อยากที่จะต่อราคาลงอีก อย่างน้อยนางก็ได้แผ่นแป้งหนึ่งแผ่นมาเพิ่ม โดยไม่เสียเงินก็ดีมากแล้วเช่นกัน

“ได้พี่ชาย รบกวนท่านห่อพวกมันให้ข้าด้วย”

เด็กหนุ่มที่เห็นว่าตนเองสามารถขายของออกไปได้ก็ยิ้มกว้างด้วยความยินดี เขาจึงจัดการห่อแผ่นแป้งทั้งหมดสิบแผ่นพร้อมเพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งแผ่นตามที่ตกลงกับอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วจึงยื่นมันให้อีกฝ่าย

“สิบแผ่น แผ่นละห้าอีแปะ ทั้งหมด…ห้าสิบอีแปะ!!” ใช้เวลาไม่ถึงชั่วอึดใจ เฉิงเข่อซิงก็สามารถคำนวณจำนวนเงินที่ต้องจ่ายได้สำเร็จ

นางจึงหยิบถุงเงินที่ตนเองเก็บให้ที่หน้าอก พร้อมหยิบเหรียญอีแปะออกมานับส่งให้อีกฝ่าย

การค้าของเด็กทั้งสองคนนั้นเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะเฉิงเข่อซิงต้องรอให้เด็กชายนับเงินจำนวนให้ได้ครบถ้วนก่อน

แต่เพราะอีกฝ่ายนับได้เพียงหนึ่งถึงสิบ เขาจึงจำเป็นต้องวางเงินเป็นแถว แถวละสิบเหรียญจำนวนห้าแถวจึงจะสามารถนับเงินได้ครบ

“ครบถ้วน” เฉิงเข่อซิงยิ้มแป้นทันทีที่อีกฝ่ายนับเสร็จ

“อืม ขอบใจเจ้ามาก หากวันหน้าเจ้าต้องการแผ่นแป้งอีก ก็ให้มาซื้อกับข้านะ ข้าจะขอท่านแม่ลดราคาให้เจ้าเป็นพิเศษ”

ก่อนเฉิงเข่อซิงจะจากไป เด็กหนุ่มไม่ลืมที่จะเชิญชวนลูกค้ารายใหญ่ของตนเองให้แวะเวียนมาอุดหนุนกับเขาอีกครั้ง

“อืม หากครั้งหน้าคนที่บ้านของข้ามาที่นี่อีก ข้าจะให้เขามาซื้อแผ่นแป้งกับท่าน”

เฉิงเข่อซิงรับปากอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะโบกมือลาอีกฝ่ายเพื่อไปสถานที่ต่อไป

ตอนนี้นางมีเสบียงอาหารไว้สำหรับเดินทางแล้ว นางจึงถามทางคนแถวนั้นว่าศาลาพักม้าของเมืองนี้อยู่ที่ไหน

จากที่นางรู้มา การที่จะเดินทางไปยังแคว้นชางนั้น จะต้องไปที่ศาลาพักม้า เพราะทุกๆ สิบวัน จะมีขบวนของเหล่าพ่อค้ารวมตัวกันเดินทางไปยังเมืองต่างๆ และหากนางต้องการเข้าร่วมขบวนเดินทางเหล่านี้ด้วย สามารถจ่ายเงินเพื่อซื้อที่นั่งเกวียนลาร่วมขบวนไปด้วยได้

ศาลาพักม้าของเมืองนี้ อยู่ห่างจากตลาดเมื่อครู่ไม่ไกลนัก ทำให้เฉิงเข่อซิงที่ถามทางชาวบ้านเหล่านั้นมา สามารถเดินมาถึงที่นี่ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น

ที่ด้านหน้าของศาลาพักม้า มีเจ้าหน้าที่คอยลงทะเบียนผู้ที่ต้องการเดินทางนั่งอยู่

“ท่านน้า ข้าต้องการเดินทางไปที่เมืองหลวงแคว้นชางเจ้าค่ะ”

เจ้าหน้าที่กำลังจดบันทึกบางอย่างอยู่เงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงเมื่อครู่ ก่อนจะเห็นเด็กสาวนางหนึ่งที่สูงเพียงช่วงเอวเขาเท่านั้นยืนอยู่ด้านหน้า

“พ่อแม่ของเจ้าล่ะ?” เพราะเหตุใดจึงปล่อยให้เด็กตัวกะเปี๊ยกเท่านี้มาถามได้

“ข้าเดินทางคนเดียวเจ้าค่ะ ข้าต้องการไปพบท่านพ่อที่อยู่เมืองหลวงแคว้นชาง”

เจ้าหน้าที่เลิกคิ้วสูงแปลกใจเล็กน้อย เด็กน้อยตรงหน้าเขาน่าจะอายุเพียงเจ็ดแปดปีเท่านั้น เหตุใดต้องเดินทางไกลเพื่อไปพบบิดาด้วย?

หรือแม่ของนางจะพบเคราะห์ร้ายถึงชีวิตเข้าเสียแล้ว

เมื่อคิดได้ดังนั้น แววตาที่เขามองไปที่เด็กสาวตรงหน้าก็มีแววตาสงสารอย่างช่วยไม่ได้ เด็กตัวเท่านี้ก็ต้องกำพร้ามารดาแล้ว จะให้เขาไม่เวทนานางได้อย่างไร?

เจ้าหน้าที่หยิบสมุดขึ้นมาเปิดดูเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวกับนางขึ้น

“มีขบวนสินค้าจะเดินทางไปที่เมืองหลวงแคว้นชางในวันพรุ่งนี้อยู่ เพียงแต่เหลือพื้นที่ไม่มาก ไม่สามารถเอาสัมภาระไปด้วยมากได้”

“ไม่ต้องห่วงท่านน้า ข้ามีเพียงถุงผ้าใบเดียวเท่านั้น”

เฉิงเข่อซิงรีบตอบกลับด้วยความดีใจ

แต่ความดีใจของนางกลับทำให้แววตาของเจ้าหน้าที่ดูเวทนานางมากยิ่งขึ้น

มารดาของนางจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางจะมีของไม่มากก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง

“ท่านน้า ข้าต้องจ่ายให้ท่านเท่าใดอย่างนั้นหรือ?” เมื่อได้ยินว่าพรุ่งนี้สามารถเดินทางได้ เฉิงเข่อซิงก็รีบถามอีกฝ่ายขึ้นมาทันที

“ช่างเถอะๆ เจ้าตัวเล็กเท่าลูกหมาเพียงเท่านี้ จะคิดเงินได้อย่างไร พรุ่งนี้ต้นยามเหม่า (05.00 น.) ให้มาที่นี่ ขบวนสินค้าออกเดินทางแต่เช้ามืด”

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลทะเบียนบอกปัดนางเรื่องค่าเดินทาง เงินเพียงสองตำลึง เขาสามารถออกแทนให้นางได้ ถือว่าได้ช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่ง

“ขอบคุณท่านน้าเจ้าค่ะ”

เฉิงเข่อซิงไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีถึงเพียงนี้ สามารถเดินทางไปเมืองหลวงแคว้นชางได้โดยไม่ต้องเสียค่าเดินทาง สงสัยว่าชาติก่อนนางจะเป็นลูกรักของท่านเทพเจ้าโชคลาภตามที่ท่านน้าอิงเอ่อร์บอกไว้จริงๆ กระมัง ทำให้ตอนนี้นางมักจะมีโชคลาภอยู่เสมอ

ในคืนนั้น เฉิงเข่อซิงจึงเลือกโรงเตี้ยมเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากศาลาพักม้ามากนัก โชคดีที่ยังพอมีห้องว่างให้นางได้พักอยู่ แม้ห้องที่นางได้ จะอยู่ใกล้ห้องเก็บฟืนมากก็ตาม

ปลายยามอิ๋น (03.00 น. - 04.59 น.)

ร่างเล็กๆ ที่นอนอยู่บนพื้นผ้าข้างห้องเก็บของยังนอนหลับฝันหวานไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้น ทั้งที่ใกล้จะยามเหม่าที่นัดกับเจ้าหน้าที่ไว้

ร้อนถึงองครักษ์ที่อยู่ไม่ไกลจำต้องใช้จอกน้ำชาของโรงเตี๊ยมโยนไปที่พื้นเพื่อให้เกิดเสียงดัง

แกร๊กก

เฮือกก

ร่างเล็กที่นอนหลับอยู่สะดุ้งตื่นทันทีที่ได้ยินเสียง ก่อนจะมองไปรอบๆ ท่ามกลางความมืดด้วยความมึนงงเล็กน้อย เมื่อสติเริ่มกลับมาครบถ้วนนางก็รีบลุกพรวดขึ้นทันที

“แย่แล้ว ต้องออกเดินทางนี่นา”

จากนั้นร่างเล็กก็รีบเก็บของเข้าห่อผ้าแล้วมุ่งหน้าไปที่ศาลาพักม้าทันที ซึ่งตอนนี้ที่ศาลาพักม้าเองก็เริ่มมีผู้คนมานั่งรออยู่เป็นจำนวนมากแล้ว

เฉิงเข่อซิงรู้สึกโล่งอกเป็นอย่างมากที่นางยังมาทันขบวนสินค้า

“ขบวนสินค้าพร้อมแล้ว ทุกคนมาเข้าแถวทางนี้”

เสียงของเจ้าหน้าที่คนเมื่อวานตะโกนดังขึ้น ทำให้ผู้คนที่ได้ยินเริ่มเข้าไปต่อแถวเพื่อตรวจสอบรายชื่อเข้าร่วมการเดินทางทันที

โดยมีร่างเล็กๆ ของเฉิงเข่อซิงเป็นคนสุดท้ายของแถว

จวบจนกระทั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบมาถึงนาง เจ้าหน้าที่คนเดิมก็พานางมานั่งอยู่บนเกวียนที่มีผู้คนน้อยกว่าเกวียนอื่นๆ คล้ายกับเป็นเกวียนที่ขนสัมภาระเสียส่วนใหญ่

“เจ้านั่งที่นี่ จำเอาไว้ ระหว่างเดินทางจะต้องเก็บของมีค่าของเจ้าไว้ที่ตัวเองดีๆ” เจ้าหน้าที่ย่อตัวอุ้มนางขึ้นมานั่งบนเกวียน ก่อนจะกำชับนางด้วยน้ำเสียงเบาได้ยินกันเพียงสองคน

“นี่เป็นซาลาเปาที่ภรรยาข้าทำมาให้ เจ้าเอาไว้ทานระหว่างเดินทาง”

“ขอบคุณท่านน้า”

นางมองอีกฝ่ายด้วยสายตาซาบซึ้งใจ ทั้งที่พึ่งเคยเจอหน้ากับแท้ๆ แต่อีกฝ่ายกลับดีกับนางมากจริงๆ นางจะจดจำอีกฝ่ายไว้ เมื่อครั้งเดินทางกลับมา นางจะต้องตอบแทนอีกฝ่ายให้ได้

“การเดินทางยังอีกไกล รักษาตัวด้วย”

………………………………

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 267

    ตอนพิเศษ 18 เนี่ยหงเฉินประคองเนี่ยอิงก้าวผ่านธรณีประตูของโรงเตี๊ยมอย่างเงียบงัน แสงตะเกียงภายในสาดแสงอบอุ่นตัดกับความมืดเย็นภายนอก ยามไฮ่ได้ล่วงเลยไปนานแล้ว เมื่อทั้งสองก้าวขึ้นสู่ชั้นสอง ประตูห้องพักห้องหนึ่งกลับเปิดออกก่อนจะถึงห้องของพวกเขาเสียอีกเนี่ยฉีเย่าเป็นคนแรกที่ก้าวออกมายืนพิงกรอบประตู

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 266

    หรือข้าตามรอยผิด? หรือว่านาง…รู้ตัวว่าถูกตาม?แต่ก่อนที่เขาจะถอยเท้ากลับ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นในความเงียบ เบามากจนแทบกลืนไปกับเสียงสายลมเสียงหายใจเนี่ยหงเฉินหันขวับ ดวงตาคมปลาบกวาดมองไปทางผนังไม้ด้านหนึ่งที่ดูหนากว่าจุดอื่นเพียงเล็กน้อยเขาก้าวเข้าไปใกล้อย่างเงียบเชียบ ยกมือแตะบนผิวไม้ แล้วออกแรงผลั

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 265

    ตอนพิเศษ 17ช่วงบ่ายคล้อยเวลาผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว แต่ศิษย์ที่ออกไปตามหาเนี่ยอิงกลับยังไม่กลับมารายงาน บรรยากาศที่ท่าเรือแม้จะเต็มไปด้วยผู้คนและความคึกคักตามประสาเมืองท่า ทว่าในสายตาของกลุ่มคนจากหุบเขาหมื่นบุปผา กลับมีเพียงความเงียบวังเวงที่แผ่คลุมเนี่ยหงเฉินยืนมองแม่น้ำหลงเหอที่ทอดไกลออกไปสุดสายต

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 264

    “เหตุใดเจ้ามาอยู่ที่นี่?” เนี่ยอิงมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ เนี่ยฉีเย่าหันกลับมามองเนี่ยอิง พร้อมกับยกยิ้มมุมปากแต่เนี่ยอิงกลับไม่เข้าใจ ก่อนจะหันไปมองคนของตนที่มาส่งข่าว สายข่าวที่ไปรายงานเนี่ยอิงเมื่อครู่ต่างก้มหน้าลงกันเป็นแถวๆ เป็นเพราะนี่คือคำสั่งของท่านอาวุโสสาม พวกเขาจึงขัดคำสั่งไม่ได

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 263

    ตอนพิเศษ 16“ข้าต้องการห้องชั้นบนทั้งหมด” อู่เยียนสวินเอ่ยเสียงเรียบ พลางส่งสายตาให้ศิษย์คนสนิทจัดการขนสัมภาระเนี่ยเข่อซิงอุ้มเสวี่ยหานไว้แนบอก ส่วนเสวี่ยหรูก็หลับสนิทอยู่ในวงแขนของอู่เยียนสวิน เด็กน้อยทั้งสองไม่ไหวติงแม้เสียงล้อเกวียนจะหยุดลงอย่างกะทันหัน“เด็ก ๆ ยังไม่ตื่นเลย” นางกระซิบเบา ๆ พลาง

  • ท่านพ่อ...ข้าคือบุตรสาวของท่าน   บทที่ 262

    ตอนพิเศษ 15“พี่สาว!!”เสียงใสของเด็กชายวัยแตกหนุ่มดังกังวานไปทั่วสวน ท่ามกลางเสียงหัวเราะของผู้ใหญ่และเสียงกรี๊ดกร๊าดของเด็กเล็กที่วิ่งเล่นอย่างสนุกสนานร่างเด็กชายวัยสิบสามในชุดฝึกยุทธสีน้ำเงินเข้มวิ่งปราดเข้ามาด้วยความเร็ว ใบหน้ายังมีเค้าเด็ก ทว่าเริ่มเห็นเค้าโครงของชายหนุ่ม โหนกแก้มและกรามเริ่มช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status