ไม้หวายถูกนำออกมา อันเนี่ยนฉีถูกจับยืนมัดติดกับเสา อดทนอีกสักนิดพี่ชายต่างมารดาซึ่ง บุตรชายคนโตของบ้านก็จะผ่านมาทางนี้พอดี เขามีตำแหน่งในราชสำนัก ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เป็นบุตรชายของอดีตฮูหยินใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว มีสถานะศักดิ์เป็นพระภาคิไนยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จึงไม่มีใครกล้าล่วงเกินหรือทำร้ายเขา
นาน ๆ ครั้งเขาจะกลับมาที่บ้านสักหน นางไม่เคยเล่าเรื่องความยากลำบากใด ๆ เลยให้พี่ชายฟัง เพราะถูกข่มขู่เอาไว้ รวมถึงนางในชีวิตที่แล้วไม่มีความกล้าพอ พบหน้ากันเมื่อชีวิตที่แล้วนับครั้งได้ จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายของนางผู้นี้หน้าตาเป็นเช่นไร เมื่อเขาไม่เคยรับรู้ว่าเซียงถังซีวางอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านหลังนี้ เขาจึงไม่รู้ว่าสมควรจัดการเซียงถังซีผู้นั้น ภายหลังเขาเซียงถังซีหลอกเขาให้ติดกับโดยใช้หลานสาวของตนหลอกล่อให้เขาตบแต่งกับนาง
แต่ในวันนี้นางจะต้องบอกเขา ต้องให้เขารับรู้เรื่องราวพวกนี้
“ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ และรอยพวกนี้ก็เกิดจากมดกัดเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำ ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ เจ้าค่ะ” อันเนี่ยนฉีแหกปากร้องสุดเสียงเอาให้ดังที่สุดเท่าที่นางเคยส่งเสียงมา และภาวนาให้พี่ชายต่างมารดาผู้นั้นได้ยิน
เสียงไม้หวายกระทบกับผิวกายของอันเนี่ยนฉี ร่องรอยบาดแผลปริแตกจนหยาดโลหิตไหลซึม ร่างเล็กตะโกนส่งเสียงปฏิเสธเสียงแข็งว่านางไม่ได้ทำ นางไม่ได้กระทำตัวชั่วช้าและไม่ได้เอาสิ่งของใด ๆ ของอันรั่วหลันไป
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!”
เพราะอันจิ้งหยางอยากสำรวจความเปลี่ยนแปลงภายในบ้าน เขาจึงเดินเตร็ดเตร่ก่อนจะไปพบบิดา คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินได้เห็นอะไรเช่นนี้
อันจิ้งหยางหรี่ตามองดูสตรีตัวเล็กที่ถูกผูกมัดติดกับเสาบ้าน จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านางคือใคร แต่ถ้าหากนางอยู่ที่นี่ก็คงเป็น...น้องสาวคนที่เก้าของเขากระมัง เพราะนี่คือจวนอนุภรรยาที่ของบิดาที่ล่วงลับไปนานแล้ว
“ท่านทำอะไร” อันจิ้งหยางหันไปสบตากับเซียงถังซี “ปล่อยนางเดี๋ยวนี้” บ่าวไพร่ไม่มีใครกล้าขัดจึงแก้มัดเชือกปล่อยอันเนี่ยนฉีออกจากการควบคุม
“คือ...”
“ข้าให้ท่านพูด ปกติก็เห็นฮูหยินใหญ่เป็นคนพูดมากนี่นา เหตุในวันนี้จึงปิดปากเงียบล่ะ” เขากดดันนางอีกรอบ
เมื่อเห็นมารดาไม่กล้าเอ่ยอันรั่วหลันจึงกล่าวเอง
“พี่ใหญ่ เรื่องมีอยู่ว่า ท่านแม่สงสัยว่าน้องเก้าขโมยชุดผ้าไหมและกำไลหยกม่วงที่ได้รับพระราชทานไป ก็เลยมาค้นดู ข้าเองก็พยายามห้ามท่านแม่แล้วและเชื่อว่าน้องเก้าไม่ได้เป็นคนเอาไป แต่ทำอย่างไรละเจ้าคะ ก็ในเมื่อมีพยานบอกว่าเห็นนางเข้าไปในห้องข้าแล้วหอบสิ่งของบางอย่างออกมาด้วย”
“แล้วเจอของหรือไม่” อันจิ้งหยางมองเข้าไปในเรือนของอันเนี่ยนฉีพบว่าถูกรื้อค้นกระจัดกระจาย สภาพที่แต่เดิมย่ำแย่อยู่แล้ว ย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
“ไม่เจอเจ้าค่ะ...ที่จริงก็ยังมีอีกเรื่อง พี่ใหญ่ดูสิเจ้าคะ บนร่างกายของนางยังมีร่องรอยที่คล้ายกับ....” นางหยุดเว้นวรรคใบหน้าเป็นสีแดงระเรื่อ “ดูท่าน้องเก้าคงจะต้องไปมีสัมพันธ์กับบุรุษมาแน่ ๆ”
อันเนี่ยนฉีรู้นิสัยพี่สาวคนนี้ดี นางตั้งใจพูดเอาหน้ากับพี่ชาย เผื่อว่าถ้าหากเขาไม่ตรวจสอบเรื่องนี้นางก็จะได้หน้า แต่แน่นอนว่าอันจิ้งหยางเป็นคนยุติธรรมพอ
“พี่ใหญ่...ข้าไม่ได้ทำเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น พี่ใหญ่ท่านเข้าไปดูที่เตียงนอนกับหน้าต่างห้องข้าสิเจ้าคะ เพราะมีมดมาทำรังเต็มไปหมด ทำให้ข้าถูกพวกมันกัด ของของพี่หญิงข้าก็ไม่ได้เอาไป ของอะไรนั่นข้าไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ พี่ใหญ่ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับข้านะเจ้าคะ ท่านแม่ใหญ่กับพี่หญิง ยังไม่ทันจะได้สืบสาวราวเรื่องก็ทำร้ายข้าแล้ว แถมยังใช้กำลังบีบบังคับให้ข้ารับสารภาพ ถึงเนี่ยนเนี่ยนตายก็จะไม่รับสารภาพในสิ่งที่ข้าไม่ได้ทำ”
เพื่อความกระจ่างและให้ความยุติธรรมกับทุกคน เขาจึงเข้าไปสำรวจภายในห้องของน้องสาว พบว่ามีมดกำลังเดินไปที่เตียงนอนเก่าโทรมของนาง เมื่อเดินตามร่องรอยไปถึงก็พบว่ามีมดอยู่ตามนั้นจริง ๆ สภาพหลังคาภายในเรือนก็ย่ำแย่ ผ้าม่านขาดวิ่น เครื่องเรือนดูออกว่าผ่านการซ่อมแซมมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เดินเลยไปจนถึงตู้เสื้อผ้าของนางก็พบว่ามีเพียงไม่กี่ชุด
คิดไม่ถึงว่าทุกคนในบ้านหลังนี้จะปล่อยปละละเลยนางได้ถึงเพียงนี้ อย่างไรนางก็เป็นคุณหนูของที่นี่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการโปรดปรานจากบิดาของเขา แต่ก็ควรดูแลนางให้เหมาะสม ไม่ใช่ทำไปแบบตามมีตามเกิด
อันเนี่ยนฉี ยังคงแสร้งทำหน้าเศร้า แต่ในใจแสนจะสุขใจ ในขณะที่นางต้องสวมเสื้อผ้าเก่า ๆ อาศัยอยู่ในเรือนที่ไม่ได้รับการดูแลเปรียบเทียบกับเรือนของบ่าวไพร่ยังไม่ได้ ภาพนี้มันปรากฏชัดเจนถึงเพียงนี้ นางเชื่อว่าอันจิ้งหยางจะต้องให้ความยุติธรรมกับนาง
ชายหนุ่มเดินออกมาจากเรือนของอันเนี่ยนฉี ใบหน้าคมสันหล่อเหลาบึ้งตึงเคร่งเครียด
“ข้าเข้าไปสำรวจดูแล้ว บนเตียงนอนของนางมีมดมาทำรังอยู่จริง ฮูหยินใหญ่ ท่านไม่ทันจะได้สืบหาความจริงก็ปรักปรำนางแล้ว ท่านยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า” เขาขึ้นเสียงใส่เซียงถังซี
“ข้า...ข้า...” เมื่อถูกเขาอันจิ้งหยางขึ้นเสียงใส่ก็ทำตัวไม่ถูกลนลานไปหมด
“แต่นางขโมยชุดของข้าไปจริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าพิสูจน์ได้” อันรั่วหลันยังคงยืนกราน นางมั่นใจว่าอันเนี่ยนฉีขโมยของที่เป็นของนางไปจริง ๆ
“หุบปาก!!! ในห้องของนางมีเสื้อผ้าดี ๆ เสียที่ไหน เรียกว่าชุดไม่ได้ด้วยซ้ำ นางจะขโมยอะไรของเจ้าไปได้”
“พี่ใหญ่ ท่านต้องเชื่อข้านะเจ้าคะ เพราะนาง เพราะนางขโมยชุดของข้าไป ทำให้ในวันงานเลี้ยงฉลองของท่านแม่ทัพข้า...ข้าต้องใส่ชุดซ้ำกับเมื่อครั้งที่แล้ว โดนคุณหนูบ้านอื่นหัวเราะเยาะเย้ย”
รักษาภาพลักษณ์แสนดีและสมถะมาตั้งนาน ในที่สุดวันนี้ก็ถูกทำลาย อันเนี่ยนฉีลอบยิ้มในใจ พี่ใหญ่ของนางเป็นคนฉลาด
“แค่ชุดซ้ำเจ้าก็อับอาย แล้วนางล่ะ นางใส่แต่ชุดที่ไม่ต่างอะไรจากสาวใช้ใยไม่เคยเห็นนางบ่นว่าอับอาย” อันจิ้งหยางขึ้นเสียงใส่ ตั้งแต่มารดาของเขาตายจากไป คนพวกนี้ก็สูบเอาทรัพย์สมบัติของบ้านไปกินจนพุงกาง ตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัวอีก แต่เมื่อเห็นอันเนี่ยนฉีถูกรังแกเช่นนี้เขาก็อดที่จะไม่ยืนมือเข้ามาไม่ได้
“จากนี้ไป ข้าจะเป็นดูแลเรื่องการเงินภายในบ้านหลังนี้เอง ฮูหยินใหญ่ พรุ่งนี้นำสมุดบัญชีและของที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาให้ข้า”
“ไม่ได้นะเจ้าคะ คุณชายใหญ่ ท่านไม่ได้กลับมาที่บ้านนานแล้วเปลี่ยนมือไปมาแบบนี้จะเกิดความวุ่นวาย”
“งั้นข้าจะกราบทูลฝ่าบาทดีหรือไม่” ในเมื่อนางไม่ยินยอมเขาก็ต้องอ้างถึงฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน
สุดท้ายนางก็ต้องยอมปล่อยมือ
ไอน้ำลอยฟุ้งกระจายอยู่เต็มห้องอาบน้ำ ที่กลางห้องมีหนึ่งบุรุษนั่งแช่เอื่อยเฉื่อยอยู่ในน้ำ ที่เวลานี้เริ่มคลายความร้อนลงไปบ้างแล้ว เส้นผมสีดำขลับถูกปล่อยยาวสยาย ดวงตาสีดำเข้มหล่อเหลา แบบชายชาติทหาร บนร่างกายแข็งแกร่งกำยำเต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลจากสนามรบ ทั้งเก่าและใหม่ปะปนกันไป เป็นอันบ่งบอกว่าเขานั้นแข็งแกร่งกว่าผู้ใดแต่ในหัวสมองเวลานี้เอาแต่คิดวนเวียนไปมาถึงสตรีนางหนึ่ง เหตุใดจึงต้องเป็นนาง สตรีโง่เง่า ที่วัน ๆ เอาแต่คิดหาหนทางยกระดับสถานะของตนเอง เป็นเพียงบุตรสาวที่อยู่ในเรือนหลังแท้ ๆ ไร้คนหนุนหลัง ไร้คนสนใจ เอาแต่เพ้อฝันถึงเรื่องมักใหญ่ใฝ่สูง กระทำแต่เรื่องน่าอับอายเหตุใดจึงต้องเป็นนางวีรกรรมน่าอับอายของนางในเมืองหลวงมีใครไม่รู้ ตามติดจิ้นอ๋องทุกย่างก้าว เมื่อเขาไปซ้ายนางก็ไปซ้าย เมื่อเขาไปขวานางก็ไปขวา มีอยู่ครั้งหนึ่งในขณะที่ท่านอ๋องกำลังเดินอยู่กลางตลาด นางก็กระโดดออกมาร้องห่มร้องไห้ อ้อนวอนขอความรักจากเขา เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็วิ่งเข้าไปโอบกอด ซึ่งเขารู้ดีว่าท่านอ๋องเองก็ไม่มีวัน ที่จะชายตามองมาที่นาง
คราแรกอันจิ้งหยางไม่ได้เข้ามาสนทนาอะไรกับนางให้มากความ เพียงแต่ให้คนมาปรับปรุงเรือนของนางแต่โดยด่วน ส่วนนางนั้นระหว่างรอให้เรือนได้รับการปรับปรุง ก็มาอาศัยอยู่ที่เรือนรับรองที่สภาพดีกว่าเรือนเก่าที่นางเคยพำนักอยู่มากไม่คิดเลยว่าการที่นางเรียกร้องความสนใจจากอันจิ้งหยาง จะสามารถทำให้อันจิ้งหยางที่แต่เดิมก็ไม่กินเส้นกับเซียงถังซีอยู่แล้ว ทะเลาะกันอีกครั้งได้ อำนาจที่มีอยู่เต็มมือของเซียงถังซีถูกบุตรชายผู้เป็นผู้สืบทอดทำลายในชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นเพราะนางเป็นสตรี อันจิ้งหยางนั้นใส่ใจนักจึงเชิญหมอหญิงเข้ามารักษาดูแล นับเป็นครั้งแรกที่นางได้รับความปรานีจากคนในครอบครัว ที่นางไม่รู้ว่าจะสามารถเรียกว่าครอบครัวได้หรือไม่ มารดาที่นางไม่เคยเห็นหน้าจากไปตั้งแต่คลอดนาง บิดาที่นาน ๆ จะได้พบหน้ากันสักครั้งก็ไม่ได้รักใคร่เอ็นดู เขาจำชื่อนางได้หรือไม่ก็ยังไม่รู้ในชีวิตที่แล้ว นางไม่เคยได้รับการสั่งสอนอบรม จึงกลายเป็นสตรีที่มักจะทำเรื่องโง่เขลาอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็มักจะเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนล้วนแล้วแต่ส่ายหน้าหนี แต่หลังจากถูกส่งตัวไปอยู่ในขบวนค้าทาส นางถูกสั่งสอนจากอดีตหญิงคณิกาโดยบังเอ
ไม้หวายถูกนำออกมา อันเนี่ยนฉีถูกจับยืนมัดติดกับเสา อดทนอีกสักนิดพี่ชายต่างมารดาซึ่ง บุตรชายคนโตของบ้านก็จะผ่านมาทางนี้พอดี เขามีตำแหน่งในราชสำนัก ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี เป็นบุตรชายของอดีตฮูหยินใหญ่ที่ล่วงลับไปแล้ว มีสถานะศักดิ์เป็นพระภาคิไนยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน จึงไม่มีใครกล้าล่วงเกินหรือทำร้ายเขานาน ๆ ครั้งเขาจะกลับมาที่บ้านสักหน นางไม่เคยเล่าเรื่องความยากลำบากใด ๆ เลยให้พี่ชายฟัง เพราะถูกข่มขู่เอาไว้ รวมถึงนางในชีวิตที่แล้วไม่มีความกล้าพอ พบหน้ากันเมื่อชีวิตที่แล้วนับครั้งได้ จำแทบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพี่ชายของนางผู้นี้หน้าตาเป็นเช่นไร เมื่อเขาไม่เคยรับรู้ว่าเซียงถังซีวางอำนาจบาตรใหญ่ในบ้านหลังนี้ เขาจึงไม่รู้ว่าสมควรจัดการเซียงถังซีผู้นั้น ภายหลังเขาเซียงถังซีหลอกเขาให้ติดกับโดยใช้หลานสาวของตนหลอกล่อให้เขาตบแต่งกับนางแต่ในวันนี้นางจะต้องบอกเขา ต้องให้เขารับรู้เรื่องราวพวกนี้“ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ และรอยพวกนี้ก็เกิดจากมดกัดเจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ทำ ท่านแม่ใหญ่ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ เจ้าค่ะ” อันเนี่ยนฉีแหกปากร้องสุดเสียงเอาให้ดังที่สุดเท่าที่นางเคยส่งเสียงมา และภาวนาใ
ก่อนถึงบ้าน นางตัดสินใจทุบกำไลหยกม่วงชิ้นที่นางขโมยมาจนแตกละเอียด แล้วโปรยทิ้งลงในแม่น้ำ แทนการนำไปขายเหมือนชาติที่แล้ว จำได้ว่าเพราะนางนำมันไปขาย กำไลหยกม่วงล้ำค่าเป็นของหายาก กอปรกับมีข่าวว่ากำไลของคุณหนูอันรั่วหลันที่มีสีม่วงเหมือนกันหายไป สืบสาวไปมาก็มาถึงตัวนางจำได้ว่านางถูกทรมานให้รับสารภาพจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่กระนั้นนางก็ยังคงปิดปากแน่นสนิท ไม่ยอมพูดออกไปว่าเป็นผู้ขโมย เมื่อเค้นไปแล้วไม่ได้ความ อัครเสนาบดีอันคงกลัวว่านางจะตายในชายคาบ้าน จึงบอกให้อันรั่วหลันและเซียงถังซีเลิกแล้วต่อกันไป สัญญาว่าจะตัดชุดใหม่และซื้อกำไลวงใหม่ให้กับพวกนาง ทั้งสองคนจึงยุติการลงโทษนางในที่สุดส่วนชุดผ้าไหม แม้จะเสียดายอยู่ไม่น้อย แต่สุดท้ายนางก็ต้องตัดใจทำลายทิ้ง เมื่อกลับมาถึงจวนอัครเสนาบดี อันเนี่ยนฉีรีบไปห้องครัว โชคดีที่ยังไม่มีใครตื่นมาที่นี่ นางจึงจุดเตาฝืน นำชุดผ้าไหมพวกนั้นเผาจนไม่เหลือซาก คราวนี้นางตรวจตราให้ถี่ถ้วน เมื่อมั่นใจว่าไม่เหลือซากจึงทำท่าเหมือนกำลังต้มน้ำดื่มชาครั้งที่แล้วนางเสียดายไม่ยอมทำลายทิ้งเก็บเอาไว้ในเรือนของตน คิดจะเอามาดัดแปลงเก็บไว้ใส่ในงานวันหน้า แต่ก็ถูกจับได้อ
เมื่อผ้าห่มถูกกระชากออก พบว่าเป็นอันเนี่ยนฉี สตรีที่เขารังเกียจที่สุดอันดับหนึ่ง เท่ากับว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา เขาไม่ได้ร่วมหอกับนางคณิกา แต่เป็นนางงั้นหรือ คุณหนูเก้าแห่งจวนอัครเสนาบดีผู้มักใหญ่ใฝ่สูง โง่เง่าไร้การอบรม มีดีแค่หน้าตางดงามเท่านั้น“ทำไมถึงเป็นเจ้า” เขากระชากแขนเล็กของนางตั้งใจสอบถามเอาเรื่อง “แล้วนี่ถึงขั้น ขโมยชุดของคุณหนูใหญ่รวมถึงเครื่องประดับของนาง มาใช้เพื่อยกระดับสถานะของตนเอง ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่ต้องทำถึงขั้นก็ได้หรอกมั้ง”“...” อันเนี่ยนฉีไม่ได้ตอบ ตั้งใจฟังคำหยามเหยียดของเขาอย่างอดทนความจริงของเรื่องนี้คือนางต้องอยู่บนเตียงของจิ้นอ๋อง หลี่หยวนเหอ แต่กลายเป็นว่านางต้องมาอยู่บนเตียงของเขา ได้ย้อนกลับมาทั้งที เหตุใดจึงไม่มาให้เร็วกว่านี้สักหน่อย อย่างน้อยก็ควรจะเป็นก่อนที่นางคิดลงมือกระทำเรื่องโง่ ๆ เช่นนี้“ข้าถามว่าทำไมเป็นเจ้า” หนานกงหว่านเฉียนตะคอกใส่นางเสียงดังครานี้อันเนี่ยนฉีก็ยังเลือกที่จะไม่ตอบ ครั้งที่แล้วนางทะเลาะกับเขาแล้วบอกความจริงเขาไปทั้งหมด ว่าความจริงแล้วเตียงของบุรุษที่นางต้องการจะปีนจริง ๆ เป็นของจิ้นอ๋องที่อยู่ถัดไปอีกสองสามห้อง แต่เพราะควา
มือเล็กป่ายปัดไปทั่วทั้งบริเวณ พบว่าจุดที่นางนอนอยู่ในเวลานี้คือเตียงนอนที่บุด้วยผ้านวมหนานุ่มหาได้ใช่กองฟางไม่ อันเนี่ยนฉีกวาดมือไปรอบ ๆ ก่อนจะพบกับเส้นผมสีดำขลับของบุรุษผู้หนึ่ง พร้อมกับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเขา นางนึกออกในทันทีว่าเวลานี้คนที่นอนอยู่เคียงข้างนางเป็นผู้ใด ความทรงจำหลากหลายแล่นเข้าในหัวสมอง“ท่านแม่ทัพ” อันเนี่ยนฉีพึมพำ ก่อนจะคิดถึงช่วงเวลาที่เขาและนางได้พบกันคราแรก“เป็นข้าเอง” บุรุษที่นอนอยู่เคียงข้างนางกระชับอ้อมแขน รั้งเอวเล็กของนางเอาไว้แน่น“ข้าต้องกลับบ้านแล้ว” นางพลิกตัวกลับ ใช้สองแขนเป็นปราการผลักดันร่างกายสูงใหญ่ของเขาออกไปให้พ้น สิ่งนี้มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ ความผิดพลาดที่ทำให้นางและเขาเข้าสู่วังวนแห่งความอันตราย“ฟ้ายังไม่สาง อยู่ต่ออีกสักพักได้หรือไม่” นาน ๆ ทีจะมีสตรีใจกล้าปีนขึ้นเตียงเขา ซ้ำยังปรนนิบัติได้อย่างถูกใจ มีหรือเขาจะปล่อยไปได้ง่าย ๆ“ไม่ได้ข้าต้องไปแล้ว” นางดีดดิ้น ร่างกายของนางเหนื่อยล้าไปหมด เขาครอบครองนางตลอดทั้งคืน ดุดันราวกับพายุ ถ้าหากเขาได้รู้ว่านางคือสตรีที่เขาเกลียดชัง สู้หนีไปก่อนที่เขาจะได้เห็นหน้ากันคงจะดีกว่าเพราะจำได้ว่า