Share

บทที่ 267

Author: หลันซานอวี่
เซียวจิ่งอี้เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของอวิ๋นฝูหลิง ก็พูดด้วยเช่นกันว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ ช่วงบ่ายเสวยแตงหอมมากเกินไปแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้จิ่งผิงเป็นผู้ที่ชอบกิน แต่ปกติมักจะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ แม้แต่การกินก็ยังถูกจำกัดไว้ไม่เกินสามมื้อ

หากเขากินของที่ชอบมากเกินไปหน่อย ก็จะถูกทุกคนเตือน

วันนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก จึงฉวยจังหวะที่อ้างว่าอวิ๋นจิงมั่วชอบกิน ในการกินแตงหอมเพิ่มอีกหลายชิ้น

เมื่อเห็นอวิ๋นฝูหลิงกับเซียวจิ่งอี้พูดถึงเรื่องนี้ ฮ่องเต้จิ่งผิงก็หาได้สนใจมากนัก มิใช่ว่าแค่กินแตงหอมมากกว่าเดิมไม่กี่ชิ้นหรือ จะเป็นเรื่องใหญ่อันใดกัน?

เขาโบกพระหัตถ์อย่างไม่ยี่หระ พลางตรัสอย่างขอไปที “เข้าใจแล้ว”

เซียวจิ่งอี้ยังไม่วางใจ หลังจากเกาโหย่วฝูมาส่งพวกเขาออกจากตำหนักจื่อเฉิน ก็กำชับกับเขาว่า “เกากงกง หลังจากนี้อย่าลืมเตือนเสด็จพ่อให้เรียกโอวหยางย่วนมาตรวจร่างกายด้วย อย่าให้เสด็จพ่อเป็นหวัด”

เกาโหย่วฝูโค้งคำนับพลางตอบรับ “กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากเซียวจิ่งอี้ออกไป เกาโหย่วฝูก็กลับมาที่ตำหนักจื่อเฉิน และหาโอกาสเอ่ยว่า “ฝ่าบาท ไม่เรียกโอวหยางย่วนมาสักคราหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่อง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 268

    เดิมทีทายาทคือเครื่องมือที่องค์ชายใช้ในการช่วงชิงบัลลังก์เดิมเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทอยู่แล้ว ยามนี้ยังมีทายาทอีก เช่นนั้นตำแหน่งก็จะยิ่งมั่นคงขึ้นมิใช่หรือ?ทว่าทายาทกลับเป็นจุดอ่อนขององค์ชายสามตั้งแต่เขาแต่งงานมาจนถึงตอนนี้ มีเพียงพระราชธิดาสามคนเท่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีพระราชโอรสเลยเซียวจิ่งอี้กลับชิงมีพระราชโอรสก่อนเขาเสียแล้วแล้วจะไม่ให้องค์ชายสามร้อนใจได้อย่างไร?ยามนี้เองท่านจอมปราชญ์เหวินก็กล่าวว่า “องค์ชายสามอย่าทรงร้อนใจไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ความผิดถูกโยนไปให้องค์ชายรองแล้ว ต่อให้เขาจะยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับพวกเราพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่อาจวางยาสังหารเขาได้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ แต่หลังจากนี้ต้องมีโอกาสอีกเป็นแน่”“ยิ่งไปกว่านั้นยังมีคนอยากให้เขาตายตั้งมากมาย เหตุใดพระองค์จึงไม่นั่งดูการต่อสู้จากด้านบนเฉย ๆ เล่าพ่ะย่ะค่ะ?”แววตาขององค์ชายสามสว่างวาบขึ้นมา “เจ้าหมายถึงเสด็จพี่ใหญ่หรือ?”ตามกฎเกณฑ์ผู้สืบทอดล้วนเป็นโอรสคนโต ในเมื่อไม่มีโอรสกับฮองเฮา ดังนั้นฮ่องเต้จิ่งผิงจึงยังไม่มีผู้สืบทอดตามกฎเกณฑ์ดังนั้นสถานะองค์ชายใหญ่ จึงทำให้ได้เปรียบมาต

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 269

    อวิ๋นฝูหลิงในฐานะพระชายาอี้อ๋อง หลังจากได้รับการทำความเคารพจากเหล่าคนใช้ของจวนอี้อ๋อง ก็กลับไปที่เรือนหลักกับเซียวจิ่งอี้เทียนเฉวียนที่กลับมาพอดีกล่าวว่า “พระชายา พวกผู้ดูแลหลิงกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ยามที่อวิ๋นฝูหลิงเตรียมตัวกลับเข้าเมืองหลวง ก็ส่งพวกหลิงโหยวให้พาคนล่วงหน้ามาก่อน เพื่อทำธุระบางอย่างให้นางที่เมืองหลวงยามนี้หลิงโหยวกลับมา คาดว่าคงทำธุระเสร็จแล้วอวิ๋นฝูหลิงพูดกับเซียวจิ่งอี้เล็กน้อย ก่อนจะไปเจอคนที่สวนดอกไม้หลังจากหลิงโหยวทักทาย ก็รายงานว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าซื้อร้านค้าที่ท่านให้ข้าไปซื้อมาหมดแล้วขอรับ นี่คือโฉนดที่ดินขอรับ”กล่าวจบ หลิงโหยวก็ยื่นโฉนดที่ดินสามฉบับให้อวิ๋นฝูหลิงรับมาดู ทั้งสามร้านต่างซื้อมาตามที่นางต้องการ“ทำดีมาก!”อวิ๋นฝูหลิงเก็บโฉนดที่ดิน ก่อนจะถามอีกคราว่า “เพลงกล่อมเด็กที่ข้าให้คนไปร้องเผยแพร่ในเมือง ได้ผลเป็นเช่นไรบ้าง?”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลิงโหยวก็อดไม่ได้ที่จะผุดรอยยิ้มขึ้นมา“เพลงกล่อมแพร่กระจายไปทุกตรอกซอกซอยในเมืองหลวงแล้วขอรับ ยามนี้ทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าอวิ๋นกานซงมิใช่สายเลือดของสกุลอวิ๋น แต่เป็นลูกนอกสมรสซึ่งเกิดจากลูกเขยสกุลอว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 270

    “ถึงครานั้นทุกคนอาจจะคิดว่าเพลงกล่อมเด็กเป็นเพียงข่าวลือและไม่น่าเชื่อถือ”“หากเป็นเช่นนั้น ทุกสิ่งที่พวกเราทำไปมิใช่ว่าสูญเปล่าหรือขอรับ?”อวิ๋นฝูหลิงลูบแขนเสื้อ พลางกล่าวว่า “ไม่ต้องรีบร้อน จะตีงูต้องตีให้ตรงจุดอ่อน!”“ต้องลงดาบครั้งแรกที่ใด ข้าคิดไว้ในใจแล้ว”หลิงโหยวเห็นอวิ๋นฝูหลิงมีแผนการในใจแล้ว ก็ไม่พูดสิ่งใดให้มากความอีกอวิ๋นฝูหลิงมองพวกลูกพี่อู๋ และกล่าวว่า “ท่านลุงหลิง พวกลูกพี่อู๋ทั้งสามคนฝากท่านดูแลด้วย”หลิงโหยวรู้ว่าในมืออวิ๋นฝูหลิงมีคนที่ใช้งานได้ไม่มาก นอกจากพวกลูกพี่อู๋ ที่เหลือทั้งหมดก็ล้วนเป็นลูกน้องของอี้อ๋อง“คุณหนูใหญ่โปรดอย่ากังวล ข้าจะฝึกฝน ให้พวกเขาประสบความสำเร็จในเร็ววัน จะได้สามารถช่วยเหลือคุณหนูใหญ่ได้”อวิ๋นฝูหลิงพยักหน้า ก่อนจะกล่าวกับพวกลูกพี่อู๋ “ท่านลุงหลิงเป็นผู้ติดตามของพ่อข้า ยามนั้นก็เคยดูแลกิจการของสำนักช่วยชีพแทนท่านพ่อ เขาเป็นผู้ช่วยที่ยอดเยี่ยมของพ่อข้า”“พวกเจ้าควรเรียนรู้จากเขาให้ดี ในอนาคตพวกเจ้าจะได้เป็นเถ้าแก่ใหญ่ที่ดูแลกิจการเอง หรือกลายเป็นคนใช้ที่ทำได้เพียงวิ่งทำธุระให้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวพวกเจ้าเอง!”อวิ๋นฝูหลิงถือว่าพวกลู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 271

    เมื่อชาติก่อนอวิ๋นฝูหลิงไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่รู้ว่าต้องถึงอายุสักกี่ปีเด็กถึงจะแยกห้องไปนอนคนเดียวได้ แต่ตอนนี้อวิ๋นจิงมั่วยังอายุไม่ถึงขวบก็จะให้เขาไปอยู่เรือนเดี่ยวต่างหากแล้ว นางรู้สึกว่าแบบนี้ออกจะเร็วไปสักหน่อยเซียวจิ่งอี้อธิบาย “สี่ขวบก็มิใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ไหนแต่ไรมาพอเหล่าองค์ชายอายุได้สามขวบก็ย้ายออกจากตำหนักของมารดา ออกไปเลือกตำหนักอยู่เองต่างหาก มีแม่นม หมัวหมัว กับข้าราชบริพารคอยดูแล หากมารดาผู้ให้กำเนิดมียศต่ำหรือฐานะไม่ดี พอเกิดมาก็จะถูกอุ้มไปให้พระสนมคนอื่น ๆ ที่มียศสูงเลี้ยงดูอยู่ใต้บารมี ต่อให้ไม่ถูกนำตัวไป ในเวลาหนึ่งปีก็ไม่ง่ายดายนักกว่าจะได้พบหน้ามารดาผู้ให้กำเนิดสักสองสามครั้ง”“พอหกขวบ ก็ต้องไปเรียนที่สำนักศึกษาหลวง”“การศึกษาของเหล่าราชนิกุลเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนานแล้ว ที่ข้าพาจิงมั่วกลับมาก็เพื่ออยากคิดเผื่อเขา มีบางเรื่องที่ต้องเตรียมตัวเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”อวิ๋นฝูหลิงได้ฟังเช่นนี้ เลยคิดไปว่าที่เซียวจิ่งอี้พูดมาทั้งหมดนี้บางทีอาจจะเป็นประสบการณ์ตอนเด็ก ๆ ของเขาเองก็เป็นได้ นางจึงอดเจ็บปวดใจไม่ได้“ตอนเด็ก ๆ ท่านก็ทำเช่นนี้หรือ?” อวิ๋นฝูหลิงเอ่ยถามเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 272

    เซียวจิ่งอี้ประทับจุมพิตอวิ๋นฝูหลิงเล็กน้อย แล้วก้มหน้าพูดอยู่ข้างหูของนาง “ข้ามีความคิดไม่ดีอันใดหรือ? แค่อยากมีลูกกับเจ้าอีกสักคนเท่านั้น”“ฝูหลิง พวกเรามีลูกสาวอีกสักคนดีหรือไม่?”แม้ว่าอวิ๋นฝูหลิงจะมีความตั้งใจแรงกล้า ทว่ายามนี้ถูกเขายั่วเย้าจนหน้าแดงก่ำไปหมด“ท่านอย่าประเจิดประเจ้อ จิงมั่วยังอยู่ตรงนี้นะ!”เป็นครั้งแรกที่เซียงจิ่งอี้รู้สึกว่าเจ้าเด็กน้อยคนนี้เกะกะสายตาดูท่าต้องรีบให้เขาย้ายออกไปอยู่เรือนคนเดียวให้ไวขึ้นถึงจะดีแต่ท่าทางที่ทั้งเขินอายทั้งตื่นตระหนกเช่นนี้ของอวิ๋นฝูหลิงช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหลือเกิน มันทำให้เขายิ่งรักใคร่จนแทบไม่ไหวอวิ๋นฝูหลิงกลัวว่าเซียวจิ่งอี้จะทำอะไรตามอำเภอใจขึ้นมาจริง ๆ จึงรีบลุกขึ้นพลางผลักเขาออก“นี่ก็ดึกแล้ว ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อน ท่านเองก็รีบกลับไปพักผ่อนเถิด!”เซียวจิ่งอี้กอดอวิ๋นฝูหลิงไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ขยับเข้าใกล้นางพลางกล่าวว่า “ที่นี่คือเรือนหลัก พระชายาไล่ให้สามีออกไปข้างนอก สามียังจะรักษาหน้าได้ที่ไหนกัน?”อวิ๋นฝูหลิงไม่หลงตามคำหลอกล่อของเขา “เมื่อก่อนพวกเราก็แยกห้องนอนกันมาตลอด”“เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ พ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 273

    ทั้งสองเพิ่งทำความเคารพเสร็จ จู่ ๆ ก็มีน้ำเสียงเหน็บแนมดังแทรกเข้ามาจากด้านข้าง“น้องเจ็ด เสด็จพ่อประชวรหนักเช่นนี้ เจ้ายังจะพาสตรีมาด้วยอีก ช่างไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย!”อวิ๋นฝูหลิงมองคนพูดเห็นเขาใส่ชุดคลุมผ้าไหมสีเลือดหมู สวมกวานทองบนศีรษะ ไว้หนวดเล็ก ๆ เหนือริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าที่เดิมทีดูธรรมดาสามัญดูมีอายุมากขึ้นคนผู้นี้อายุมากที่สุดท่ามกลางเหล่าองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังเรียกขานเซียวจิ่งอี้ว่าน้องเจ็ด ดูแล้วคนผู้นี้น่าจะเป็นองค์ชายใหญ่องค์ชายใหญ่ประสูติจากฉีเฟย พระบิดาของฉีเฟยเป็นอัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายของรัชกาลนี้เพราะองค์ชายใหญ่เป็นพี่คนโตสุดในบรรดาองค์ชายทั้งหลาย ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นผู้มีคุณธรรม กอปรกับมีพระอัยกาเป็นถึงอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย ทำให้มีชื่อเสียงมากที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่จะได้เป็นรัชทายาทแค่เริ่มพูดเขาก็เสียดสีเซียวจิ่งอี้เสียแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาหวาดกลัวคู่ปรับอย่างเซียวจิ่งอี้มากครั้นองค์ชายใหญ่กล่าวจบ บุรุษอีกคนที่มีหน้าผากรูปหัวใจเหมือนกับชุยไทเฮา และสวมชุดคลุมสีน้ำเงินก็เอ่ยปากพูดออกมาเช่นกัน“พี่ใหญ่ก็พูดหนักเกินไป ได้ยินว่าน้องเจ็ดได้คนงามมาหนึ่ง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 274

    “หลังจากที่กระหม่อมได้ตรวจพระอาการ ก็ได้ปรึกษาช่วยกันจัดเทียบยาขึ้นมา แล้วต้มยาให้ฝ่าบาทเสวยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“แต่ฝ่าบาทจะตื่นขึ้นมาหรือไม่ หรือจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด กระหม่อมเองมิกล้า...”ครั้นชุยไทเฮาได้ยินเช่นนั้น ภาพเบื้องหน้าก็ดำมืดไปในทันตา แทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อเพราะการตายของเจียงโจวอ๋อง ไทเฮาจึงหมางใจกับฮ่องเต้จิ่งผิง ถึงขั้นเคียดแค้นอยู่ในใจพระนางเองก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหนุนหลังให้องค์ชายสามผู้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของสกุลชุยขึ้นครองพระราชบัลลังก์ทว่ายามนี้องค์ชายสามนั้นถือได้ว่าไม่แกร่งมากพอ องค์ชายที่มีศักยภาพองค์อื่น ๆ ก็ไม่อาจดูเบาได้หากฮ่องเต้จิ่งผิงเสด็จสวรรคตในยามนี้ แม้จะมีนางกับสกุลชุยหนุนหลัง ทว่าก็ใช่ว่าองค์ชายสามจะขึ้นไปในครองบัลลังก์ในสงครามแย่งชิงบัลลังก์ของเหล่าองค์ชาย แล้วกลายเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดได้สำเร็จ ฉะนั้นแล้วฮ่องเต้จิ่งผิงจะยังสวรรคตไม่ได้ชุยไทเฮากับองค์ชายสยามยังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อวางแผนและเตรียมตัว“ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด ก็ต้องรักษาฮ่องเต้ให้หายให้ได้!”“มิเช่นนั้น สำนักหมอหลวงก็ตายตามไปด้วยเลยทั้งสำนัก!”ใบหน้าสุภาพเยือกเย็นและมีเมตตาอยู

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 275

    แผนการเช่นนี้ เซียวจิ่งอี้รู้สึกนับถือพี่สามของเขาผู้นี้อยู่บ้างในเมื่อเขาพูดออกไปแล้ว หากถอนคำในยามนี้ ไม่ยอมรับผิดชอบ เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนไม่มีความรับผิดชอบไปในสายตาของคนข้างตัวแล้วคนที่ไร้ความรับผิดชอบ จะรับผิดชอบอำนาจอันใหญ่ยิ่งได้อย่างไร?แต่ถ้าหากเขาทำตามคำพูดขององค์ชายสาม ยอมแบกรับความรับผิดชอบนี้ เช่นนี้ก็นับว่าตกลงไปในหลุมพรางขององค์ชายสามพอดีหากมีอันใดผิดพลาดขึ้นมาเพียงนิด เช่นนั้นก็จะเล่นงานเขาได้เต็มที่ช่างเป็นแผนการที่ได้ทั้งรุกทั้งรับจริง ๆทว่าน่าเสียดายที่องค์ชายสามดีดลูกคิดความปรารถนาในใจผิดไป ทั้งยังดูเบาวิชาแพทย์ของอวิ๋นฝูหลิงมากเกินไปด้วยในเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเอ่ยปากแล้ว เซียวจิ่งอี้จึงมั่นใจว่านางสามารถรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงให้หายได้จริงเห็นว่าใกล้จะเกิดการปะทะระหว่างองค์ชายใหญ่และองค์ชายสามกับเซียวจิ่งอี้ เหล่าองค์ชายที่เหลือถ้าไม่เงียบเป็นเป่าสาก หดศีรษะหดตัวราวกับนกกระทาไม่ยอมช่วยใครทั้งสิ้น ก็เข้าข้างฝั่งองค์ชายใหญ่กับองค์ชายสาม ทั้งนังไม่ยอมให้อวิ๋นฝูหลิงทำการรักษาฮ่องเต้จิ่งผิงด้วยมีเพียงแค่องค์ชายห้ากับองค์ชายแปดเท่านั้นที่กล่าววาจาหาความยุติธร

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status