Share

บทที่ 400

Author: หลันซานอวี่
พระชายาองค์ชายใหญ่ที่เดิมทียังคงสีหน้าราบเรียบ ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

นางจดจ้องเงาหลังที่เดินจากไปของพระชายาองค์ชายสาม ในตาพลันทอแววรังเกียจระคนโกรธเคือง

คำพูดพวกนั้นที่พระชายาองค์ชายสามพูดออกมาเมื่อครู่นี้ แม้จะเป็นการเสี้ยม แต่กลับเป็นความจริงทุกประโยค

เดิมทีเซียวจิ่งอี้ก็ได้รับความโปรดปรานถือหางจากฮ่องเต้เซียวจิ่งอี้อยู่แล้ว บัดนี้ได้อวิ๋นฝูหลิงเข้ามาช่วยเขาเอาชนะใจคนอีกแรง จะไม่สั่นคลอนเขาได้ยากกว่าเดิมหรือ?

ก่อนนี้พระชายาองค์ชายใหญ่ดูแคลนอวิ๋นฝูหลิง

ด้วยคิดว่าแม้นางสตรีสูงศักดิ์จากจวนโหว ทว่าว่ากันแล้วก็เป็นเพียงหมอชนชั้นแรงงานเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้จวนจี้ชุนโหวก็สูญสิ้นหลงเหลือไว้เพียงชื่อเท่านั้น เป็นแค่เปลือกหุ้มว่างเปล่า ไม่มีอิทธิพลหรืออำนาจแม้แต่นิดเดียว

เซียวจิ่งอี้แต่งอวิ๋นฝูหลิงเป็นพระชายาเอก เกินกว่าครึ่งต้องเป็นเพราะหลงใหลในความงามจนถึงขั้นเสียสติเป็นแน่

ด้วยตำแหน่งพระชายาอ๋องนี้นั้นมิได้ธรรมดาสามัญ ไม่อาจเลือกใครมานั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ตามใจชอบ

สำหรับเหล่าองค์ชายที่มีใจแย่งชิงบัลลังก์แล้ว ตำแหน่งนี้นำมาแลกเปลี่ยนอำนาจทางการเมืองได้

มีตระกูล
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 401

    พระชายาองค์ชายใหญ่กับพระชายาองค์ชายสามต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ทว่าอวิ๋นฝูหลิงไม่รู้อะไรเลยหลังจากงานเลี้ยงเลิกลา อวิ๋นฝูหลิงกำลังจะกล่าวอำลา ใครจะรู้ว่าอวี๋หมัวมัวข้างกายองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะมาเชิญกะทันหันท่าทีของอวี๋หมัวมัวนอบน้อม “พระชายาอี้อ๋อง องค์หญิงใหญ่มีเรื่องอยากคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว ท่านเชิญทางนี้…”อวิ๋นฝูหลิงประหลาดใจเล็กน้อย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ พยักหน้าให้อวี๋หมัวมัวก็กล่าว “รบกวนหมัวมัวนำทาง”หลังจากงานเลี้ยง องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเริ่มเหนื่อยล้านางเปลี่ยนมาสวมชุดกระโปรงตัวหลวมใส่สบาย กำลังดื่มชาในห้องของตัวเองระหว่างรออวิ๋นฝูหลิงผ่านไปไม่นาน นางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างนอก จากนั้นเสียงของอวี๋หมัวมัวก็ดังขึ้นที่นอกประตู “องค์หญิงใหญ่ พระชายาอี้อ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ”“ออกไปให้หมด!”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อกวักมือไล่คนรับใช้ในห้องออกไป หลังจากนั้นเข้าไปดึงอวิ๋นฝูหลิง ไปนั่งที่เก้าอี้นวมด้วยตัวเอง “มา พวกเรามานั่งคุยกัน”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดึงอวิ๋นฝูหลิงมานั่งด้วยกันอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าท่าทีขององค์หญิงใหญ่ที่มีต่อนางในวันนี้สนิทสนมเกินไปนอกจากองค์หญิง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 402

    แรกเริ่มราชบุตรเขยยังปฏิเสธ กอดนางสาบานว่าชาตินี้จะรักแค่นางคนเดียว พวกเขามีฉยงอวี้คนเดียวก็พอแล้วแต่ต่อมา ท้ายที่สุดราชบุตรเขยก็เข้าห้องนอนของผู้หญิงคนอื่น รับอนุภรรยาเข้าจวนคนแล้วคนเล่า คำสาบานที่มีต่อนางก็ถูกลืมจนหมดแม้องค์หญิงฉางเล่อจะเสียใจ กลับทำอะไรไม่ได้อย่างไรก็ตาม ที่สุดของความอกตัญญูคือการไร้ผู้สืบสกุลองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อต้องทนทุกข์ลำบากกับการไม่มีลูกชาย เมื่อมาถึงตัวลูกสาว เห็นพวกเขาสามีภรรยาไม่รักใคร่ปรองดอง มองจากในมุมของนาง ก็รู้สึกว่าสาเหตุมาจากการที่ไม่มีลูกอีกทั้งในมุมมองของนาง การที่อวิ๋นฝูหลิงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระชายาอี้อ๋อง สาเหตุส่วนใหญ่มาจากนางให้กำเนิดลูกชายให้เซียวจิ่งอี้ และลูกชายคนนี้ยังเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้จิ่งผิงมากถ้าหากไม่มีลูกชายคนนี้ อวิ๋นฝูหลิงคิดจะนั่งตำแหน่งพระชายาอี้อ๋อง ไม่ง่ายเช่นนั้นแน่นอนนี่ไม่ใช่ว่าองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อดูถูกอวิ๋นฝูหลิง และไม่ใช่ว่ามีอคติอะไรกับอวิ๋นฝูหลิงแต่เป็นข้อจำกัดทางการรับรู้และความคิดขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่ออวิ๋นฝูหลิงคาดเดาถูกตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อเชิญนางมา ในเมื่อไม่ใช่รักษาให้ตั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 403

    แม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่จะเขินอายจนหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังอดกลั้นความเขินอาย ตอบอวิ๋นฝูหลิงทีละคำถามแต่ว่าเสียงกลับเบาเหมือนยุงดีที่อวิ๋นฝูหลิงหูดี ไม่เช่นนั้นได้ยินคำพูดของนางไม่ชัดแน่ทว่าหลังจากฟังฉยงอวี้จวิ้นจู่กล่าวจบ อวิ๋นฝูหลิงก็เงียบแล้วผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากกล่าว “ฉยงอวี้จวิ้นจู่ เจ้ารู้อยู่กระมังว่าเรื่องลูกนั้น บุรุษกับสตรีต้องพยายามด้วยกัน?”นางปรบมือ ‘แปะๆๆ’ “เจ้าคนเดียวมีลูกไม่ได้หรอก พวกเจ้าต้องทำกิจกรรมบนเตียงบ่อยๆ เช่นนี้จึงจะสามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์”อวิ๋นฝูหลิงยอมแล้วแค่ครั้งสองครั้งต่อเดือน บางทีก็ไม่มีเลยสักครั้งความถี่ต่ำเช่นนี้ ย่อมไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ง่ายๆแต่ไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่แน่ว่าครั้งไหนอาจจะถูกรางวัลก็ได้แต่เห็นได้ชัดว่าโชคของฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่ได้ดีเช่นนั้นอวิ๋นฝูหลิงรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับการตรวจร่างกาย ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่สู้มีเพศสัมพันธ์ให้มากๆเพราะสุขภาพของนางไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้ฉยงอวี้จวิ้นจู่ไม่เข้าใจว่าอวิ๋นฝูหลิงปรบมือคืออะไร แต่ก็เข้าใจคำพูดของนางแล้วแม้อวิ๋นฝูหลิงพยายามใช้คำพูดที่คลุมเครือแล้ว แต่ฉยงอวี้จวิ้นจู่ฟังแล้วก

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 404

    เมื่อคนคนหนึ่งตัดสินใจแล้ว การจะโน้มน้าวใจได้นั้นเป็นเรื่องยากอีกทั้งเรื่องที่ไม่สามารถมีลูก สาเหตุอีกครึ่งหนึ่งก็มาจากฝ่ายชายเช่นกันถ้าหากเฉินเจิงเป็นหมัน เช่นนั้นไม่ว่าฉยงอวี้จวิ้นจู่จะพยายามเพียงใดก็ไม่มีทางตั้งครรภ์ นอกเสียจากนางจะเปลี่ยนผู้ชายเห็นฉยงอวี้จวิ้นจู่ถือเทียบยาดูแล้วดูอีก บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม อวิ๋นฝูหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากกล่าว“ถ้าหากอยากมีลูกจริงๆ ทางที่ดีลองหาหมอไปตรวจจวิ้นหม่าดีกว่า”“ถ้าหากเขาป่วย มีลูกไม่ได้ล่ะ?”“ข้าแค่แนะนำนะ ไม่ได้มีเจตนาอื่น”รอยยิ้มบนใบหน้าฉยงอวี้จวิ้นจู่แข็งทื่อทันทีองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็ตะลึงเช่นกันสองแม่ลูกไม่เคยคิดว่าปัญหาจะอยู่ที่ตัวเฉินเจิงถ้าหากสุขภาพของเฉินเจิงมีปัญหา ไม่สามารถมีลูก เช่นนั้นฉยงอวี้จวิ้นจู่พยายามอย่างไรก็เปล่าประโยชน์เวลานี้เอง มีเสียงรายงานดังขึ้นจากนอกประตู “อ๋องหญิงใหญ่ อี้อ๋องมาเจ้าค่ะ บอกว่ามารับพระชายาอี้อ๋องกลับ”องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อหวนคืนสติ รีบขานรับทีหนึ่งนางจับมืออวิ๋นฝูหลิงแล้วกล่าว “วันนี้ขอบคุณเจ้ามาก ข้ากับฉยงอวี้จะคิดดู”อวิ๋นฝูหลิงยิ้มเล็กน้อย “ท่านป้าเกรงใจแล้ว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 405

    หลังจากผ่านงานเลี้ยงชมบุปผาขององค์หญิงใหญ่ฉางเล่อไป อวิ๋นฝูหลิงก็เริ่มขังตัวเองไว้ในห้องเพื่อทำบางอย่างเมื่อเซียวจิ่งอี้ฟังคนรับใช้รายงาน จึงหาโอกาสสอบถามอวิ๋นฝูหลิงอวิ๋นฝูหลิงบอกอย่างยิ้มแย้มว่าเป็นความลับ อีกไม่กี่วันเขาก็รู้เอง แล้วก็ไม่ยอมพูดอะไรอีกเซียวจิ่งอี้เห็นดังนี้ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อในระหว่างนี้ อวิ๋นฝูหลิงได้หาเวลาว่างไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของพระชายาองค์ชายใหญ่กับงานเลี้ยงอวยพรวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกงอวิ๋นฝูหลิงเลือกไปร่วมงานของสองครอบครัวนี้จากกองบัตรเชิญ ถ้าจะบอกว่ามีความหมายที่ลึกซึ้งอะไร ก็คิดมากแล้วนางในฐานะพระชายาอี้อ๋อง ออกไปปรากฏตัวร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์เป็นครั้งคราว คือหน้าที่ของพระชายาแต่จะบอกว่านางไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันอย่างไรองค์หญิงใหญ่ฉางเล่อก็เป็นผู้อาวุโส นางส่งบัตรเชิญด้วยตัวเอง อวิ๋นฝูหลิงต้องไว้หน้าแม้องค์หญิงใหญ่ฉางเล่อจะไม่ได้รับความโปรดปรานเหมือนองค์หญิงใหญ่ผิงเล่อ แต่อย่างไรก็เป็นองค์หญิงสกุลเทียน อยู่ต่อหน้าฮ่องเต้จิ่งผิงยังพอพูดอะไรได้บ้างยิ่งไปกว่านั้น จวนหรงชางโหวครอบครัวสามีขององค์หญิงใหญ่ฉาง

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 406

    ต่อมานางถูกคนวางยาฆ่าตาย ฮ่องเต้จิ่งผิงทั้งโกรธทั้งเศร้า ออกคำสั่งให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดการสืบสวนนี้ สาวไปถึงตัวเว่ยผินที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลานเฟยเพราะเว่ยผินเป็นคนเอาขนมที่ทำให้หลานเฟยถูกพิษมาและนางกำนัลข้างกายคนหนึ่งของเว่ยผิน ก็ออกมาชี้ว่าเว่ยผินริษยาที่หลานเฟยได้รับความโปรดปราน ด้วยเหตุนี้จึงวางยาพิษในขนมเพื่อฆ่าหลานเฟยเว่ยผินร้องว่าถูกปรักปรำ แต่หลักฐานทุกอย่างล้วนชี้มาที่นาง ทำให้มีร้อยปากก็ยากจะแก้ต่างฮ่องเต้จิ่งผิงสูญเสียคนรัก ชั่วขณะเศร้าเสียใจอย่างมาก เมื่อเห็นหลักฐานชัดเจน เว่ยผินยังปากแข็ง โกรธจนสูญเสียสติสัมปชัญญะ ชักกระบี่ฆ่าเว่ยผินด้วยมือตัวเองจนกระทั่งลมหายใจเฮือกสุดท้าย เว่ยผินยังคงร้องว่าถูกปรักปรำหลังจากฆ่าเว่ยผิน ฮ่องเต้จิ่งผิงยังไม่หายแค้น ก็ไปเอาผิดจวนเว่ยกั๋วกงที่เป็นครอบครัวฝ่ายมารดาของเว่ยผินไม่เพียงปลดและยึดตำแหน่ง และยังยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆ จับกุมหรือฆ่าคนของจวนเว่ยกั๋วกงใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นหนึ่งเดือน เรื่องราวกลับตาลปัตรกะทันหันนางกำนัลน้อยคนหนึ่งที่เคยได้รับบุญคุณจากเว่ยผิน เสี่ยงตายนำการตายที่แท้จริงของหลานเฟยส่งไปถึงตร

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 407

    แม้เว่ยผินไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าหลานเฟยตาย แต่ท้ายที่สุดก็พัวพันกับคดีการตายของหลานเฟย และจวนเว่ยกั๋วกงก็ตกอับเพราะเหตุนี้และยังสูญเสียลูกชายที่โดดเด่นที่สุดสองคนใครจะรู้ว่าแม้พวกเขาไม่พูดอะไร แต่ในใจเกลียดชังราชวงศ์หรือไม่?ฮ่องเต้จิ่งผิงเกิดความเคลือบแคลงในใจ และจวนเว่ยกั๋วกงเพื่อเอาตัวรอด ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายจึงห่างเหินขึ้นเรื่อยๆในเวลานั้นเซียวจิ่งอี้ยังเด็กรอหลังจากเขาโตขึ้น รู้บุญคุณความแค้นในเหตุการณ์ ก็รู้สึกเสียใจต่อจวนเว่ยกั๋วกงที่ต้องเข้ามาพัวพันเช่นกันและคิดย้อนกลับไปในตอนนั้นที่เว่ยผินกับเสด็จแม่รักกันเหมือนพี่น้อง แต่กลับต้องมาตายเพราะเสด็จแม่ ในใจยิ่งรู้สึกติดค้างต่อสกุลเว่ยมีหลายครั้งที่เขาเสนอตัวเข้าหาจวนเว่ยกั๋วกง อยากช่วยพวกเขาสักครั้ง แต่จวนเว่ยกั๋วกงปฏิเสธมาโดยตลอดเมื่อถูกปฏิเสธหลายครั้ง เซียวจิ่งอี้ก็ไม่ไปรบกวนอีกเดิมทีนี่เป็นเพียงบุญคุณความแค้นระหว่างเซียวจิ่งอี้กับจวนเว่ยกั๋วกง ไม่เกี่ยวข้องกับอวิ๋นฝูหลิงแต่โชคชะตาในโลกนี้ช่างน่าอัศจรรย์!บังเอิญมากที่ฮูหยินน้อยสี่ของจวนเว่ยกั๋วกงดันเป็นป้าของอวิ๋นฝูหลิงพูดถึงป้าคนนี้ ก็ต้องเอ่ยถึงครอบค

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 408

    แม้สกุลเว่ยไม่มีอิทธิพลเหมือนเมื่อก่อนแล้ว กลับยินดีออกหน้าแทนอวิ๋นฝูหลิง ช่วยนางอีกแรงแม้ต่อมาอวิ๋นฝูหลิงไม่ได้ให้สกุลเว่ยออกหน้า ก็จัดการอวิ๋นกานซงได้แล้ว แต่จดจำน้ำใจส่วนนี้ไว้ในใจมาโดยตลอดยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่อมาฉินฮุ่ยได้รับข่าวจากเมืองหลวง ตั้งใจเขียนจดหมายให้อวิ๋นฝูหลิง และยังส่งของมากมายให้นางอวิ๋นฝูหลิงสามารถเอารายการสินสอดของมารดาอวิ๋นคืนมา และขับไล่อวิ๋นกานซงออกไปได้ ก็ต้องขอบคุณฉินฮุ่ยดังนั้นอวิ๋นฝูหลิงจึงยินดีที่มีญาติอย่างจวนเว่ยกั๋วกง และไปมาหาสู่กับพวกเขายิ่งกว่านั้นสถานการณ์ของจวนเว่ยกั๋วกงในปัจจุบันนับไม่ได้ว่าดีนัก อวิ๋นฝูหลิงก็ตั้งใจจะช่วยพวกเขาสักครั้งปัจจุบันฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยเหลือลูกชายสองคนนายท่านสามเกิดจากอนุภรรยา แต่มารดาผู้ให้กำเนิดเสียชีวิตตอนคลอด ถูกเลี้ยงโดยฮูหยินผู้เฒ่าเว่ยตั้งแต่เด็ก สองแม่ลูกมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ก็เหมือนลูกแท้ๆแต่พรสวรรค์และความสามารถของนายท่านสามนั้นอยู่ในระดับทั่วไป ปัจจุบันรับหน้าที่ดูแลงานทั่วไปของจวนเว่ยกั๋วกงส่วนนายท่านสี่เป็นลูกแท้ๆ ของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเว่ยกั๋วกง แม่เรียนหนังสือสอบติดบัณฑิตชั้นสูง

Latest chapter

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 632

    อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่แมลงวันสักตัวก็อย่าคิดว่าจะได้ออกไปจากจุดพักแรมของทางการนี้ยามนี้คนผู้นั้นซึ่งคิดจะหลบหนีออกจากจุดพักแรมถูกจับตัวอยู่ และถูกทหารลาดตระเวนโยนมาไว้ตรงหน้าเซียวจิ่งอี้แล้ว เหล่าทหารองครักษ์ที่คอยเฝ้าอยู่ข้างเวินเจา จำคนผู้นั้นได้ทันทีว่าเป็นสตรีผู้นั้นซึ่งมาส่งอาหารก่อนหน้านี้เมื่อเอาเรื่องราวมารวมเข้าด้วยกัน ก็รู้ได้ว่านางจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางยาพิษเวินเจาเป็นแน่เซียวจิ่งอี้ลูบแหวนหยกบนมือ สายตามองไปที่นางอย่างเย็นชา“เหตุใดเจ้าต้องวางยาพิษด้วย?”“ในจุดพักแรมยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดของเจ้าอีกหรือไม่?”สตรีผู้นั้นเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะ โดยไม่ได้ตอบคำถามเซียวจิ่งอี้เห็นเช่นนั้นก็มิได้โกรธ และออกคำสั่งว่า “ไปพาตัวทุกคนในจุดพักแรมแห่งนี้มา ตรวจสอบพื้นเพของสตรีผู้นี้ให้ละเอียด จับตัวทั้งครอบครัวของนางมาให้หมด!”มีผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามคำสั่งทันทีเซียวจิ่งอี้สังเกตการแสดงออกของสตรีผู้นั้น ทว่ากลับเห็นว่าการแสดงออกของนางไม่เปลี่ยนไปเลยตั้งแต่ต้นจนจบ แม้แต่ยามที่ได้ยินเซียวจิ่งอี้บอกว่าจะจับทั้งครอบครัวของนางมา ก็ยังไม่แม้แต่จะขยับคิ้วแววตาของเซียวจิ่งอ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 631

    รอบด้านรถคุมตัวนักโทษมีทหารองครักษ์เฝ้าอยู่สิบกว่าคน ทหารองครักษ์เรียกได้ว่าเข้มงวดมากทันทีที่มีคนเข้ามาใกล้ พวกทหารองครักษ์ก็ตะโกนออกไปอย่างระแวดระวัง “ใคร?”หญิงที่มาส่งอาหารราวกับถูกเสียงตะโกนทำให้ตกใจ และพูดอย่างสั่นเทาทันที “ใต้...ใต้เท้า ข้าน้อยเป็น...เป็นคนที่มาส่งอาหารเจ้าค่ะ...”เหล่าทหารองครักษ์มองบะหมี่บนถาดในมือนาง สีหน้าจึงเพิ่งอ่อนลงหลายส่วนหนึ่งในนั้นโบกมือ “เข้ามา”หญิงส่งอาหารผู้นั้นจึงเพิ่งก้าวไปด้านหน้า ถือบะหมี่ไปยังรถคุมตัวนักโทษคาดไม่ถึงว่าเพิ่งเดินไปไม่กี่ก้าว ยังมิทันได้ไปตรงหน้ารถคุมตัวนักโทษ ก็ถูกคนขวางทางไว้ทหารองครักษ์ผู้หนึ่งถือเข็มเงินไว้ในมือ แสดงท่าทีว่าจะทดสอบพิษในบะหมี่เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นเช่นนี้ แววตาก็เกิดประกายวาบผ่านเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็ลดสายตาลงอย่างรวดเร็ว และปกปิดการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ไว้ทหารองครักษ์ใช้เข็มเงินทดสอบในบะหมี่ เมื่อเห็นว่าเข็มเงินไม่ได้เปลี่ยนสี จึงเพิ่งพยักหน้าให้คนด้านข้างเล็กน้อยคนผู้นั้นก้าวมาด้านหน้ารับบะหมี่ไปทันที และกล่าวกับหญิงผู้นั้นว่า “เจ้าไปได้แล้ว”หญิงผู้นั้นสะดุ้งก่อนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 630

    เซียวจิ่งอี้นั่งอยู่บนรถม้า สายตามองทะลุผ่านหน้าต่างรถม้า เห็นพวกลุงหลี่ในฝูงชนเมื่อเห็นพวกเขาน้ำตาคลอเบ้า คุกเข่าขอบคุณด้วยสีหน้าซาบซึ้ง ก็นึกถึงก่อนหน้านี้ที่เทียนเฉวียนรายงานว่าพลเรือนจากเกาะหมัวกุ่ยเหล่านั้นได้รับการจัดหาที่อยู่อย่างเหมาะสมแล้ว ดูท่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะทำหน้าที่ได้ไม่เลวทีเดียวมุมปากของเซียวจิ่งอี้โค้งเล็กน้อย ในอกรู้สึกอุ่น ๆ ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้กำลังพรั่งพรูขึ้นมาขบวนรถม้าเดินทางมาหนึ่งวันแล้ว และแวะค้างแรมในจุดพักแรมของทางการหลังจากเซียวจิ่งอี้ลงมาจากรถม้า ก็มองไปทางรถคุมตัวนักโทษคันหนึ่งในกลุ่มเป็นพิเศษคนที่นั่งอยู่ในรถคุมตัวนักโทษมิใช่ใครอื่น แต่เป็นเวินเจานั่นเองสาเหตุที่เซียวจิ่งอี้จัดขบวนใหญ่โต ก็เพื่อดึงดูดสายตาของท่านจอมปราชญ์เหวินและพวกคนแคว้นเยว่ ให้มาช่วยเหลือเวินเจาระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้วหากพวกเขายังไม่ลงมือ รอจนให้เวินเจาถูกคุมตัวกลับเมืองหลวง ย่อมมีโอกาสสูงที่จะถูกลงโทษประหารชีวิตหลังจากเข้าเมืองหลวงแล้ว หากพวกท่านจอมปราชญ์เหวินคิดจะเข้าไปช่วยคนในคุกหลวง นั่นก็นับว่าเพ้อฝันแล้วส่วนการบุกไปชิงตัว

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 629

    ยามที่กลุ่มของเซียวจิ่งอี้ออกจากจินโจว กองทหารเกียรติยศของอี้อ๋องคุ้มกันโดยตรง จึงมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรมากเทียบกับก่อนหน้านี้ที่ออกจากเจียงโจว พาอวิ๋นฝูหลิงกับลูกชายกลับเมืองหลวงโดยไม่ให้เป็นจุดสนใจนับว่าต่างกันโดยสิ้นเชิงระหว่างทางมีขุนนางและประชาชนมารอส่งไม่กี่วันที่ผ่านมา เซียวจิ่งอี้ได้จัดระเบียบเหล่าขุนนางในจินโจว ลงโทษข้าราชการทุจริต คืนความยุติธรรมให้ประชาชนอวิ๋นฝูหลิงใช้วิชาแพทย์ช่วยเหลือผู้คน เมื่อเจอผู้ป่วยที่ครอบครัวยากจน ก็ยังยกเว้นค่ารักษาของพวกเขาด้วยสิ่งนี้ย่อมทำให้เกิดน้ำหนักในใจของประชาชนเซียวจิ่งอี้กับอวิ๋นฝูหลิงมีจิตใจเมตตา ประชาชนย่อมจดจำความดีของพวกเขาไว้ในใจท่ามกลางฝูงชนที่คับคั่ง ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำผู้หนึ่งยืดคอยาว มองไปทางรถม้าของเซียวจิ่งอี้ด้านข้างของเขามีเด็กหนุ่มยืนเขย่งปลายเท้า พลางดึงแขนเสื้อถามเขาว่า “ลุงหลี่ ท่านเห็นท่านอ๋องกับพระชายาหรือไม่?”ชายร่างสูงผอมผิวคล้ำกับเด็กหนุ่ม ก็คือลุงหลี่กับฟางอวี่ที่เซียวจิ่งอี้และอวิ๋นฝูหลิงช่วยออกมาจากเกาะหมัวกุ่ยก่อนหน้านี้หากเซียวจิ่งอี้อยู่ที่นี่ด้วยในยามนี้ จะต้องจำได้เป็นแน่ว่านอกจากลุงหลี่กั

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 628

    จนกระทั่งสถานการณ์ทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว หัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่นานของเขาจึงสงบลงขณะนั้นเองจู่ ๆ ก็ได้ยินว่าอวิ๋นฝูหลิงจะถอนพิษให้ตามที่รับปากเขาไว้ เมื่อหวนนึกถึงทุกสิ่งก่อนหน้านี้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกราวกับอยู่คนละโลกหลังจากเขาตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก็เพิ่งก้าวไปข้างหน้าอวิ๋นฝูหลิงหยิบหมอนหนุนจับชีพจรออกมาจากกล่องยา และส่งสัญญาณให้เวินจือเหิงวางมือลงไปหลังตรวจชีพจรของเวินจือเหิงแล้ว อวิ๋นฝูหลิงก็ดึงมือกลับมา และกล่าวว่า “พิษในร่างถูกถอนออกกว่าครึ่งแล้ว พูดตามหลักร่างกายของเจ้าควรจะฟื้นตัวได้ประมาณเจ็ดถึงแปดส่วนแล้ว”“แต่ช่วงนี้จิตใจเจ้ากระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากเกินไป ทั้งยังได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายที่ไม่ค่อยดีอยู่แล้วยิ่งย่ำแย่ลงไปอีก”“โชคดีที่ตอนยังเด็กเจ้าได้รับการเลี้ยงดูไม่เลว พื้นฐานร่างกายจึงแข็งแรง ตอนนี้จึงมีต้นทุนให้ใช้จ่ายได้”“ยิ่งไปกว่านั้นเจ้ายังโชคดี ได้พบหมอเทวดาคนหนึ่งเช่นข้า!”เวินจือเหิงได้ยิน สีหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มขมขื่นสายหนึ่งสกุลเวินเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่อย่างกะทันหัน เขาในฐานะผู้นำสกุลย่อมต้องค้ำจุนทั้งสกุลไว้ช่วงนี้ เขากินไม่อิ่มนอนไม่หลับ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 627

    อวิ๋นฝูหลิงเหลือบมองเวินจือเหิง เห็นว่าแม้เขาจะร่างกายอ่อนแอ แต่กลับมีแรงใจไม่เลว ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาดีขึ้นสกุลเวินมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีขี้ผึ้งทองและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย กอปรกับเวินเจาจากบ้านรองสกุลเวินยังถูกตรวจสอบพบว่าเป็นเชื้อสายของราชวงศ์แคว้นเยว่ ยิ่งไปกว่านั้นทุกร่องรอยยังแสดงให้เห็นถึงความมักใหญ่ใฝ่สูงของแคว้นเยว่ ซึ่งตั้งใจโค่นล้มราชสำนัก ถือเป็นกบฏอย่างแท้จริงหากคนของบ้านรองเข้าไปพัวพันกับคดีใหญ่เช่นนี้ เกรงว่าทั้งสกุลย่อมถูกทำลายลงตรงหน้าสกุลเวินยังสามารถยืนหยัดอยู่ในจินโจวได้ ต้องขอบคุณเวินจือเหิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลจริง ๆหากมิใช่เพราะเขามีไหวพริบมองการณ์ไกล ชิงยอมจำนนต่อเซียวจิ่งอี้เร็วกว่าก้าวหนึ่ง และเป็นฝ่ายลงทัณฑ์ญาติเพื่อผดุงธรรม นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องซึ่งตัวเองตรวจสอบพบไปส่งมอบ ช่วยเป็นแรงสนับสนุนให้เซียวจิ่งอี้ เกรงว่าทุกคนในสกุลเวินคงจะติดคุกกันหมดแล้วหลังจากนั้น เวินจือเหิงก็เป็นฝ่ายขอรับโทษ บริจาคทรัพย์สมบัติเก้าส่วนของสกุลเวินให้ราชสำนักตระกูลที่มั่งคั่งเช่นสกุลเวิน ทรัพย์สมบัติที่สั่งสมมาหลายร้อยปีย่อมไม่อาจประเมินต่ำเกินไปได้ทรัพย์สมบัติ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 626

    อาศัยแค่เทียบยานั้นใบเดียว ด้วยการรักษาโรคชนิดหนึ่งได้อย่างแม่นยำ ก็เพียงพอที่จะตั้งตัวได้ ถึงขั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทว่ายามนี้อวิ๋นฝูหลิงกลับหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งออกมาให้ทุกคนเวียนกันอ่านและคัดลอกอย่างใจกว้างช่างมีจิตใจกว้างขวางเสียนี่กระไร!ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกโดยเฉพาะหมอผู้ดูหมิ่นอวิ๋นฝูหลิงในคราแรก ยามนี้สัมผัสได้เพียงความร้อนผ่านที่แก้ม รู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งผ่านไปครู่หนึ่ง จึงเพิ่งมีคนตั้งสติได้ โค้งคำนับอวิ๋นฝูหลิงด้วยความเคารพ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง “การกระทำของแม่นางอวิ๋น เป็นแบบอย่างให้พวกข้าแล้วจริง ๆ พวกข้ายังเทียบแม่นางอวิ๋นไม่ติดเลย!”เมื่อมีคนเริ่มกล่าว คนอื่นก็เริ่มตอบสนองออกมาเช่นกัน พากันโค้งคำนับกล่าวขอบคุณอวิ๋นฝูหลิงอย่างจริงจังมีบางคนถึงกับเรียกอวิ๋นฝูหลิงว่าท่านอาจารย์ ขอบคุณที่ครั้งนี้นางช่วยรักษาอาการโรคที่เกิดจากขี้ผึ้งทองในจินโจว ทั้งยังถ่ายทอดคำสอนและไขข้อสงสัยอวิ๋นฝูหลิงก็มิได้อวดภูมิ รับคำคนเหล่านั้นอย่างนอบน้อมประการแรก ช่วงที่นางรักษาคนไข้ที่ป่วยเพราะขี้ผึ้งทองในจินโจว ก็ได้สอนวิธีการรักษาของตัวเองให้เหล่าหมอท่า

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 625

    ท่านหมอในสำนักผิงอันต่างมองไปที่ตำราแพทย์ในมือหางซานสุ่ยด้วยดวงตาเป็นประกายนั่นเป็นถึงตำราแพทย์ที่บันทึกศาสตร์ฝังเข็มและเทียบยาสำหรับการรักษาผู้ป่วยเสพติดขี้ผึ้งทองเชียวนะโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นผู้เขียนตำราเล่มนี้ด้วยตัวเองในช่วงเวลาที่ได้ทำงานร่วมกันมานี้ ท่านหมอในเมืองจินโจวถือว่าได้เปิดหูเปิดตารับรู้ถึงฝีมือการแพทย์อันสูงส่งของอวิ๋นฝูหลิงแล้วยามหารือเรื่องการรักษาผู้ป่วยติดขี้ผึ้งทอง นางก็มักจะหาแนวทางสำหรับการรักษาที่เหมาะสมที่สุดออกมาเสมอทักษะฝังเข็มล้ำเลิศ เทียบยาก็ล้ำลึกพิสดาร แม้จะเป็นท่านหมออาวุโสที่สั่งสมประสบการณ์มานานก็ยังมีบ้างที่ด้อยกว่าโดยเฉพาะเมื่ออวิ๋นฝูหลิงเป็นหมอหญิงอ่อนวัยที่อายุเพิ่งยี่สิบปีมีท่านหมอในเมืองจินโจวบางคนที่รู้สึกว่า การที่อวิ๋นฝูหลิงมีชื่อเสียงเลื่องลือนั้นทั้งหมดล้วนเป็นเพราะรัศมีอันมีติดตัวมาแต่กำเนิดด้วยนางถือกำเนิดในสกุลอวิ๋นเท่านั้น นางถึงได้มีชื่อเสียงและได้รับความเคารพอยู่บ้างในแวดวงแพทย์เช่นนี้ทว่าใครจะไปรู้ว่าอวิ๋นฝูหลิงกลับใช้ฝีมือการแพทย์ของตัวเองมาตบหน้า สอนเป็นบทเรียนให้พวกเขาอย่างดีหลังได้รู้ซึ้งถึงฝีมือการแพทย์ของ

  • ท่านอ๋องกับพระชายาพาลูกหนีภัยธรรมชาติ   บทที่ 624

    ขุนนางที่ถูกส่งมาใหม่เหล่านี้ ต่างทยอยเดินทางมาถึงจินโจวกันแล้วในช่วงไม่กี่วันมานี้ก่อนที่พวกเขาจะเดินทางมาถึง งานบริหารราชการและบริหารกองทัพของจินโจวล้วนมีเซียวจิ่งอี้รับผิดชอบชั่วคราวบัดนี้ขุนนางชุดใหม่มาถึงแล้ว แน่นอนว่าเซียวจิ่งอี้ย่อมเริ่มมอบหมายงานแก่พวกเขา คืนอำนาจบริหารราชการและกองทัพของจินโจวให้ขุนนางที่เหมาะสมจากความหมั่นเพียรและการจัดระเบียบของเซียวจิ่งอี้ งานบริหารราชการในเมืองจินโจวจึงได้รับการจัดระเบียบเป็นที่เรียบร้อยนานแล้ว ขอแค่เหล่าขุนนางที่มารับหน้าที่นี้ต่อไปมัวแต่กินดื่ม ไม่ทำการงาน ก็สามารถบริหารปกครองเมืองจินโจวได้ และฟื้นฟูให้จินโจวรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้สิ่งเดียวที่ทำให้เซียวจิ่งอี้ไม่สบอารมณ์และปวดหัวก็คือ จวบจนบัดนี้ยังไม่อาจจับกุมตัวราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นได้ไม่ว่าจะค้นหาไปทั่วเมือง หรือใช้เวินเจาเป็นเหยื่อล่อ ล้วนไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของราชครูเผ่าเยว่ผู้นั้นอีกทั้งประตูเมืองจินโจวก็ไม่อาจปิด ไม่อนุญาตให้ชาวบ้านเข้าออกได้เป็นเวลานานได้แม้ว่าประชาชนจะไม่กล้ามีปากเสียง แต่การชดเชยเรื่องอาหารการกินในชีวิตประจำวันก็นับว่าเป็นปัญหานอกจากนี้ประ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status