Share

ตอนที่ 1 โลกแห่งใหม

last update Huling Na-update: 2025-07-19 19:00:22

“หนาวจัง...” สัมผัสแรกคือความเย็นเฉียบที่แล่นผ่านกระดูก หนาวเหน็บเสียจนเธอไม่แน่ใจว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เปลือกตาหนักอึ้งค่อย ๆ ปรือขึ้นช้า ๆ ท่ามกลางความมืดสลัว และกลิ่นชื้น ๆ ของไม้เรือนเก่า ๆ

สิ่งที่เธอเห็นคือ เพดานไม้เก่าที่แตกร้าวเป็นทางยาว ใยแมงมุมย้อยลงมาจากมุมเพดาน ส่วนพื้นไม้ใต้มือนั้นฝุ่นเขรอะและเย็นเฉียบ ราวกับเรือนนี้ถูกทอดทิ้งมานานแรมปี ผ้าม่านบางที่ขาดวิ่นปลิวไหวไปตามแรงลมที่ลอดผ่านจากหน้าต่างที่แง้มเปิด เสียงครืดคราดของประตูที่หลวมดังเบา ๆ ขณะลมพัดทุกครา

‘พลอย ไพลิน’ กลืนน้ำลายฝืด ๆ อย่างยากลำบาก พยายามขยับปลายนิ้ว ก่อนยกขึ้นมาขยี้ตาเบา ๆ เพื่อมองอีกครั้งว่าเธอไม่ได้ตาฝาดกับภาพที่เห็น

“ที่นี่มัน...ที่ไหน” น้ำเสียงที่เปล่งไม่ใช่น้ำเสียงของเธอ มันแผ่วแหบ และบางเบาราวกับสายลม เธอกะพริบตาถี่ ๆ  พยายามตั้งสติ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้นหันไปทางกระจกที่มีรอยร้าวและฝ้าเต็มบาน ภาพที่ปรากฏต่อสายตานั้นทำให้เธอแทบลืมหายใจ

หญิงสาวใบหน้าซีดเผือด ผมยาวรุงรัง ร่างผอมบางในชุดผ้าหยาบสีเทาอ่อนนั่งนิ่ง เพราะภาพที่เห็นไม่ใช่เธอที่ชื่อ พลอย ไพลิน

“อะไรกัน...นี่มันฝันเหรอ?” เธออยู่ในอาการตกใจขีดสุด พร้อมกับเสียงในหัวแทรกเข้ามาแผ่วเบา ปนเศร้า

หากใครสักคนได้ใช้ร่างนี้อีกครา… ขออย่าให้นางถูกเหยียบย่ำเช่นข้าเลย

เธอเบิกตาโพลง สองมือกุมศีรษะด้วยอาการหวาดผวา จากนั้นภาพอันแสนเลือนรางก็แล่นวาบขึ้น

หญิงสาวผมยุ่งเหยิง นอนแน่นิ่งบนพื้นที่ปูด้วยเสื่อผืนเก่า ดวงตาไร้แววชีวา หยดเลือดติดมุมปาก และกล่องเครื่องประดับที่ตกแตกข้างตัวเผยให้เห็น หยกดอกเหมยสีเลือด... ก่อนที่ภาพจะมืดลง

“คุณหนู…คุณหนูฮวาอิงเจ้าคะ!” เสียงสะอื้นเบา ๆ ดังแว่วมาจากด้านหลัง พลอยสะดุ้งหันไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่ง ร่างซูบผอมไม่ต่างกัน ดวงตาบวมแดงก่ำจากการร้องไห้ สวมชุดผ้าหยาบคล้ายกัน กำลังมองเธอด้วยสีหน้าตกตะลึงด้วยความดีใจ

“ฮวา...อิง?” พลอยพึมพำเบา ๆ อย่างไม่แน่ใจ

“บ่าวรู้ว่า คุณหนูจะไม่ทิ้งบ่าวไป! ฮือ...คุณหนูฮวาอิงของบ่าวยังอยู่! คุณหนูยังหายใจอยู่!” เสียงของคนที่อ้างตนว่าเป็นสาวใช้ร่ำไห้ ก่อนจะเกาะกุมแขนของเธอแน่น

“ดะ...เดี๋ยวก่อน...เธอเป็นใครกัน? นี่มันกองถ่ายละครที่ไหนรึเปล่า” พลอยถามพลางขยับกายหนีอย่างระแวดระวัง หญิงสาวคนนั้นชะงัก ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาจ้องมองเธอ

“บ่าวเองเจ้าค่ะ คุณหนู! ซูเม่ยของคุณหนูไงเจ้าคะ! คุณหนูจำบ่าวไม่ได้รือ?” พลอยเบิกตากว้าง

“ซูเม่ย…อะไรกัน?  ฮวาอิง...อะไรกัน? เดี๋ยวนะ...นี่มัน...อะไรกันแน่?”

“คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ! คุณหนูกำลังทำให้บ่าวกลัวนะเจ้าคะ!” ซูเม่ยน้ำตาไหลพรากอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือพยุงเธออย่างทะนุถนอม

“ฉัน...ฉันแค่รู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย” พลอยรีบบอกเสียงเบา ก่อนจะลุกขึ้นเหยียดหลังตรงอย่างยากลำบาก

“ข้าจะรีบไปตามหมอประจำตำหนักเย็นให้นะเจ้าคะ! คุณหนูต้องหายดีแน่เจ้าค่ะ!” ก่อนพลอยจะทันพูดอะไร ซูเม่ยก็วิ่งถลาออกไปนอกเรือนเสียแล้ว ทิ้งเธอไว้ท่ามกลางความเงียบอีกครา

“ตำหนักเย็น?” ชื่อที่เธออ่านเจอในนิยายจีนโบราณอยู่บ่อยครั้ง สถานที่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนถูกทอดทิ้ง และเมื่อได้อยู่จริง ๆ พลอยจึงเข้าใจคำนี้ได้อย่างชัดเจน

เพดานไม้ผุกร่อน ผนังมีรอยน้ำรั่ว ห้องกว้างไร้เฟอร์นิเจอร์ใด ๆ นอกจากตั่งไม้เตี้ย ๆ หนึ่งตัว และตู้เก่า ๆ ที่ฝาหลุดหายไปข้างหนึ่ง

เสียงฝีเท้าค่อย ๆ ดังขึ้นจากนอกเรือน เสียงกระซิบกระซาบของหญิงสาวบางกลุ่มลอดเข้ามาให้ได้ยิน

“จริงรึ...ที่นางยังไม่ตาย?”

“นางผู้นั้นรือ...คุณหนูจากเมืองซ่างผิงบ้านนอกนั่น?”

“หึ...แค่หน้าตาอย่างเดียวก็ไม่อาจเทียบหญิงจากเมืองต้าเหอได้หรอก รอดแล้วเยี่ยงไร...ก็ไร้ค่าอยู่ดี”

พลอยกำหมัดแน่น พยายามสงบนิ่ง เธอยังไม่เข้าใจหรอก ว่าตนเองมาอยู่ที่ไหน แห่งใด แต่สิ่งที่แน่ชัดคือ...ร่างนี้มีเจ้าของมาก่อน และเจ้าของคนนั้นก็ไม่เป็นที่ยอมรับในที่แห่งนี้

เสียงฝีเท้ากลับมาอีกครั้ง ครานี้เร็วกว่าก่อน พร้อมกับเสียงของคนที่อ้างตนว่าเป็นสาวใช้ชื่อ ซูเม่ย

“คุณหนู! หมอมาถึงแล้วเจ้าค่ะ!”

ชายชราหน้าตาเคร่งขรึมในชุดผ้าแพรเก่า ๆ เข้ามาพร้อมอุปกรณ์การแพทย์จีนโบราณ เขาวัดชีพจร ดูตา ลิ้น และถอนหายใจเบา ๆ

“แม่นาง...มีชีพจรที่อ่อนมากนัก ราวกับเส้นลมปราณสับสน แต่ยังไม่ขาดดี ข้าจะให้ยาบำรุงไว้” หมอลุกออกไป พร้อมคำสั่งให้สาวใช้ต้มยาให้เธอกิน แต่ในขณะที่ซูเม่ยจะออกจากห้องไปเพื่อต้มยาให้ พลอยก็รั้งสาวใช้ไว้ก่อน...

พลอยจ้องมองคนที่อ้างตนว่าเป็นสาวใช้ชื่อ ซูเม่ย ก่อนจะพยายามตั้งสติ

“ที่นี่เป็นกองถ่ายละครเหรอ”

“คุณหนูเอ่ยวาจาอันใด กองถ่ายละคร คืออะไรเจ้าคะ บ่าวฟังไม่เข้าใจเจ้าค่ะ” สำเนียงของคนตรงหน้าทำให้พลอยนึกถึงตอนที่อ่านนิยายจีนโบราณ ดังนั้นเธอจึงพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และเข้าถึงบทบาทนั้น

“ข้าคงไม่สบายจนเลอะเลือนจำความไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่าข้าขอถามเจ้าเพื่อรื้อฟื้นความทรงจำได้หรือไม่ ซู..เอ่อ อะไรนะ”

“ซูเม่ยเจ้าค่ะ”

“เข้าใจแล้ว ซูเม่ยงั้นเจ้าช่วยตอบคำถามข้าได้หรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“ข้าชื่ออะไร แล้วมาจากไหน”

“คุณหนู...” สิ้นคำเอ่ยถาม ซูเม่ยทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

“ตอบข้ามาก่อน”

“คุณหนูชื่อ ฮวาอิง เจ้าค่ะ มาจากเมืองซ่างผิง”

“แล้วตอนนี้เราพำนักอยู่ที่ใดกัน...ซูเม่ย”

“ตำหนักเย็นในเมืองหลวงไงเจ้าคะ คุณหนูฮวาอิง” พลอยรวบรวมสิ่งที่รับรู้มาทั้งหมดเพื่อเรียบเรียงอีกครั้งก่อนจะเอ่ยถามซูเม่ยเพื่อยืนยันความคิดตน

“เหตุใดเราถึงพำนักอยู่ตำหนักเย็นล่ะ พวกเราทำอะไรผิด” พลอยหันมองซูเม่ยด้วยใบหน้าครุ่นคิด

“เพราะคุณหนู...” ซูเม่ยคิดอยู่นานว่าจะเอ่ยคำที่ทำร้ายจิตใจนายของตนหรือไม่

“พูดความจริงมาเถิด...ข้ารับได้” พลอยเอ่ยเบา ๆ พลางกุมมือ ซูเม่ย เพื่อยืนยันว่าเธอโอเคที่จะรับฟัง

“เพราะคุณหนู ไม่ถูกคัดเลือกเป็นชายาอ๋องเจ้าค่ะ จึงถือว่าเป็นหญิงไร้ค่า และถูกพามายังตำหนักเย็น แดนของคนไม่ถูกเลือกเจ้าค่ะ” พลอยรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ว่าการไม่ถูกคัดเลือกให้เป็นชายาอ๋อง นั้นเหตุใดถึงถูกตีตราว่าเป็นหญิงไร้ค่าได้ แต่สุดท้ายเธอก็ต้องสลัดความคิดนั้นไปเพราะมีเรื่องให้คิดหนักมากกว่านั้น

“ข้าเข้าใจแล้ว ซูเม่ย เจ้าไปต้มยาให้ข้าเถิด...”

“เจ้าค่ะ...” จากนั้นซูเม่ยก็เดินออกจากห้องไปเพื่อต้มยา

พลอยถอนหายใจยาว พยายามเรียบเรียงทุกอย่างในหัวจากที่ถามสาวใช้ของฮวาอิง คนที่เธอมาอยู่ในร่าง

เธอได้ยินเสียงขลุ่ยเบา ๆ ดังแว่วมาแต่ไกลโพ้น ราวกับล่องลอยมาจากโลกอีกฟากหนึ่ง ท่วงทำนองช้า ๆ สงบ แต่แฝงด้วยความเศร้า

เธอหยัดตัวลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เดินออกไปยังลานเรือนริมระเบียง แสงจันทร์สาดส่องผ่านม่านบางลงมากระทบใบหน้าเธอ...มือเธอกำหยกดอกเหมยสีเลือดไว้แน่น

“ฉันอยู่ที่ไหนกันแน่...แล้วฉันจะกลับไปยังโลกเดิมยังไง...” พลอยเงยหน้ามองดวงจันทร์ ก่อนจะหลุบตามองหยกในมืออีกครา

“หรือเพราะสิ่งนี้...ทำให้ฉันมาที่นี่” ในขณะที่คิดแบบนั้นเธอก็มีอีกความรู้สึกผุดขึ้นมาและเริ่มตั้งคำถามอย่างเงียบงัน

“แต่...ฉันอยากจะกลับไปโลกเดิมที่เป็นดั่งกรงขังนั่นจริง ๆ เหรอ?...หรือโชคชะตากำลังมอบโอกาสครั้งที่สองให้ฉัน...ในร่างของหญิงที่ชื่อ ฮวาอิง”

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 7-1 เสียงกระซิบในตำหนักเย็น

    ตอนที่ 7เสียงกระซิบในตำหนักเย็น เสียงฝีเท้าของฮวาอิงและซูเม่ยดังแผ่ว เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าประตูตำหนักเย็นในมุมอับสายตาของคนในวังหลวง นางยังคงสวมชุดผ้าหยาบปลอมตัวเป็น หลินห‍ยาง แม่ค้าขนมชั้น แห่งตลาดในเมืองหลวง ขณะที่ในมือของซูเม่ยแบกตะกร้ากลับมาพร้อมผลกำไรเพียงเล็กน้อยในวันทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูบานไม้เก่า กลิ่นความวุ่นวายกลับตลบตึงออกมาจากภายในตำหนักเสียงฝีเท้าผู้คนวิ่งพล่านในตำหนักเย็น ซึ่งปกติควรเงียบงันดั่งป่าช้า ฮวาอิงกับซูเม่ยชะงักฝีเท้า พลันสายตาเหลือบเห็นสาวใช้สองนางของตำหนักอื่นกำลังเปิดประตูห้องเรือนของนางโดยพลการ ค้นข้าวของอย่างไม่เกรงใจ“นั่นเจ้าทำอะไร!” ซูเม่ยร้องตวาด สีหน้าเผือดลงทันทีสาวใช้อีกคนหันกลับมาพร้อมห่อขนมชั้น นางชูขึ้นพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน“เจ้าขโมยของจากโรงครัวหลักตำหนักเย็นแล้วเอาไปทำสิ่งนี้ขายงั้นรือ?”เสียงของนางทำให้คนในตำหนักเย็นหลายคนทยอยกันมุงดู ไม่เว้นแม้แต่ คุณหนูหลี่ บุตรสาวจากเมืองต้าเหอ ซึ่งพำนักที่นี่เช่นกัน นางเป็นคนผิวขาวจัด ดวงตารรีเรียวราวกับงู พริบตาเดียวก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าฮวาอิง พลางก้มหน้ามองแสยะยิ้มอย่าง

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-2 ศึกปะทะเชิง

    (ทางด้าน...ตำหนักเย็นเรือนของฮวาอิง)ทั้งสองลัดเลาะกลับเข้าตำหนักเย็น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้สูง กระทบผืนผ้าสีหม่นของชุดชาวบ้านที่สองนางสวมอยู่เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ หยุดลงเมื่อถึงศาลาไม้หลังเรือนของตน ฮวาอิงยกชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงกอดอกนั่งลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าแสดงความกังวลออกมาชัดเจน“คุณหนู เราจะเอาอย่างไรต่อดีเจ้าคะ?” ซูเม่ยนั่งตาม ตาคิ้วขมวดแน่นฮวาอิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางหยิบพัดเก่า ๆ จากอกเสื้อออกมากางแล้วพัดเบา ๆ“ข้าก็กำลังคิดอยู่ ซูเม่ย หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ช่องทางทำมาค้าขายของเราก็พังกันพอดี”“คุณหนูเจ้าคะ หรือพวกเขาจะเป็นขุนนางจากวัง?” ซูเม่ยเอ่ยเสียงเบาลงฮวาอิงหรี่ตาลงก่อนจะพับพัดช้า ๆ วางลงตัก“เจ้าจำตอนที่ข้าเริ่มขายขนมได้หรือไม่? คนที่เฝ้ามองข้าไม่ใช่โจร ไม่ใช่พวกนักเลงตลาด แต่ดู...นิ่งเกินไป มีวินัยเกินไป เหมือนพวกที่ฝึกการสะกดรอยมาอย่างดี”“ทหาร? องครักษ์?” ซูเม่ยเบิกตากว้างฮวาอิงยิ้มบาง ๆ เงียบไปครู่ ซูเม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“หากเขามาจากวัง...บางที พวกเขาอาจเป็นคนที่มีอำนาจมากก็ได้ คุณหนูหรือเราควรหนีไปให้ไกลดีเจ้าคะ?”ฮวา

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-1 ศึกปะทะเชิง

    ตอนที่ 6ศึกปะทะเชิงณ แผงขายขนมเล็ก ๆ ของฮวาอิง ที่สวมรอยเป็น หลินห‍ยาง ถูกตั้งขึ้นอย่างคล่องแคล่วเช่นเคย ขนมชั้นตอนนี้มีสีหลากหลาย เรียงรายอย่างประณีตในถาดหวายเล็ก ๆ มีผ้าลายดอกเหมยคลุมไว้กันแมลงตอม ดูสะอาดสะอ้านกว่าใคร“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู...เอ่อ...คุณหลิน” ซูเม่ยกระซิบแผ่ว หลังจากจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยฮวาอิงพยักหน้าเบา ๆ พลางปรับผ้าคลุมหน้าให้ปิดดวงตาอีกนิด วันนี้นางให้ซูเม่ยสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับตน พร้อมผ้าคลุมหน้าบางเบา เพื่อหลอกตาคนสะกดรอยให้สับสน“จำไว้นะซูเม่ย ถ้ามีใครจ้องมากกว่าหนึ่ง เราจักเก็บแผงแล้วอ้อมกลับไปโรงเตี้ยมร้างดั่งเคย” ฮวาอิงพูดเสียงต่ำ ขณะมือยังคีบขนมวางให้เรียบร้อย“เจ้าค่ะ”เพียงตั้งแผงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ลูกค้าประจำเริ่มแวะเวียนมาอุดหนุน คนชรา เด็กน้อยร้านน้ำชา หรือแม่ค้าร้านใกล้เคียง ต่างยิ้มให้ ฮวาอิงอย่างคุ้นเคยขณะบรรยากาศคล้ายจะเป็นไปตามปกติ บุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งก็ก้าวมาหยุดยืนหน้าร้าน เขาสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี แม้จะพยายามคลุมหมวก แต่ท่วงท่าการเดิน การยืน หรือแม้แต่ท่ายกมือกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายผู้มีฐานะชัดเจน“ขนมนี่...หน้าตาแปลกดีนะ” เขาย่อตัวล

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 5 เงาจางกลางตลาด

    ตอนที่ 5เงาจางกลางตลาด“คุณหนู! ระวังฝั่งขวาเจ้าค่ะ มีคนมองมาอีกแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาของซูเม่ยดังข้างหู ดวงตากลมโตของนางเหลือบไปยังชายสองคนในชุดชาวบ้านที่ยืนอยู่หน้าร้านยาจีน แม้แต่นางก็ดูออกว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อของจริง ๆฮวาอิงก้มหน้าลง แสร้งดูถาดขนมชั้นในมือราวกับไม่ได้สังเกตอะไร แต่ข้างในกลับตึงเครียดไปหมดพวกเขา...ตามมองแบบนี้อีกแล้วนี่ไม่ใช่วันแรกที่นางถูกติดตามแบบนี้ นับตั้งแต่วันที่ช่วยชายบาดเจ็บหลังพงหญ้าแถบหลังเมืองทางกลับตำหนักเย็น ทุกเช้าหลังตั้งแผงขายขนม ก็มักมีสายตากลุ่มคนจับจ้องมาเสมอ ราวกับเงาตามเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก็ไม่ห่างหายไปไหนฮวาอิงไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้ นับเป็นโจรหรือไม่ อยากปล้นขนมหรือเงินทอง แต่นางเป็นเพียงแม่ค้าขายขนมชิ้นละสองอีแปะ สู้ปล้นร้านอื่นคงจะดูคุ้มกว่าหรือไม่นางคิดไม่ตก จวบสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ทำให้นางเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบหรือคนผู้นั้นที่เราช่วยไว้ เขาส่งคนมาติดตาม

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 4 เงาของโชคชะตา

    ตอนที่ 4เงาของโชคชะตาหอระฆังสูงของเมืองหลวงตีระฆังก้องกังวานยามชวี เป็นสัญญาณบอกเวลาให้ชาวเมืองเริ่มเก็บร้านค้า หรือแผงตามตรอกข้างทางในย่านฮวาอิงและซูเม่ยก็ไม่เว้นเช่นกัน หลังจากที่ขนมชั้นหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เหลือเพียงส่วนที่จะเก็บไว้กินเอง ทั้งคู่ก็รีบเก็บแผงร้านของตน ภาชนะและผ้าห่อขมวดแบกไว้บนหลังซูเม่ยเพราะนางไม่ยอมให้คุณหนูของตนทำ“วันนี้พวกเราขายดีเกินคาดเลยเจ้าค่ะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูจะทำขนมหวานได้เก่งถึงเพียงนี้ ข้าติดตามคุณหนูมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยเห็นคุณหนูแตะต้องเตาไฟเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่...คุณหนูไปร่ำเรียนตอนใดกันเจ้าคะ?” ซู่เม่ยเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือทั้งสองจับหูหิ้วตะกร้าสานแบกหลัง“เอ่อ...ข้า...ก็เรียนที่สำนักศึกษาในเมืองซ่างผิงน่ะสิ”“อ่อ...ที่แท้สำนักศึกษามีเรียนนอกตำราด้วยสินะเจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงไพร่ มิเข้าใจตำหรับตำราหรอกเจ้าค่ะ”“ฮ่ะ...ฮ่ะ...” ฮวาอิงหัวเราะกลบเกลื่อน“คุณหน

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 3 ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

    ตอนที่ 3ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกลแสงแดดยามสายลอดผ่านม่านขาดวิ่นเดิม ๆ ในตำหนักเย็น พลอยในร่างฮวาอิง ตื่นขึ้นด้วยความเคยชินกับโลกใบใหม่นี้แล้วฮวาอิงเดินไปในห้องครัวเก่า ๆ หลังเรือน นั่งคุดคู้หน้าเตาอิฐเล็ก ๆ มองเปลวไฟจากฟืนแห้ง ที่กำลังต้มน้ำแกงแสนจืดชืดอย่างเคยที่ซูเม่ยกำลังทำ“กินแบบนี้ทุกวันมีหวัง ขาดสารอาหารแย่” ฮวาอิงลุกขึ้นเดินไปมาคิดอยู่นาน ก่อนจะมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด อยากกินก็ต้องทำ“ซูเม่ย เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที ขอยืมชุดของเจ้าที่เก่าที่สุดเลยนะ”ฮวาอิงเอ่ยต่อสาวใช้ของตน วันนี้นางให้ซูเม่ยช่วยแต่งตัวมอมแมมเป็นหญิงชาวบ้านผิวคล้ำหน่อย เสื้อผ้าสีซีดซอมซ่อ ดึงเชือกผ้าเส้นเล็กผูกปมหยาบ ๆ รวบผมบนศีรษะให้เรียบร้อย เพื่อให้กลมกลืนไปกับผู้คนในยุคนี้“คุณหนูฮวาอิง แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้” ซูเม่ยเอ่ยเบา ๆ ขณะจัดชายผ้าคลุมสีซีดให้แน่นขึ้น“เจ้าคิดว่าข้าแต่งชุดหญิงสาวในเรื

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status