공유

ตอนที่ 2 เงามืดใน ตำหนักเย็น

last update 최신 업데이트: 2025-07-20 20:00:09

ตอนที่ 2

เงามืดใน ตำหนักเย็น

รุ่งอรุณของตำหนักเย็น ให้ความรู้สึกแตกต่างจากบ้านของพลอยในโลกเดิม แสงแดดสีอ่อนสาดผ่านม่านขาดวิ่นบาง ๆ ฉายให้เห็นฝุ่นคละคลุ้งเต็มอากาศ

พลอย ไพลิน หรือ ฮวาอิงในร่างใหม่ ลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้งด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด ทั้งที่ร่างกายอ่อนล้าแต่ความรู้สึกกลับกระปรี้กระเปร่าในคราวเดียวกัน

มันเป็นเช้าที่ไม่มีเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ ไม่มีเสียงเรียกของผู้เป็นแม่ให้ทำตามกำหนดการใด ๆ มีเพียงเสียงลมพัดผ่านหน้าต่างบานเก่า ๆ และเสียงธรรมชาติรอบเรือนที่เงียบสงบเท่านั้น

“เอาล่ะ ฉันไม่ได้ฝันไปจริง ๆ สินะ” พลอยพึมพำเบา ๆ ขณะหยัดตัวลุกขึ้นจากตั่งไม้เตี้ยอย่างระมัดระวัง เพราะร่างกายยังอ่อนแอมากนัก ตรงข้ามกับจิตใจที่ตั้งมั่นขึ้นกว่าวันวาน

หลังดื่มยาบำรุงที่ซูเม่ยต้มมาให้ เธอก็เริ่มเดินสำรวจตำหนักเย็นแห่งนี้อย่างจริงจังโดยมีซูเม่ยเดินตามไม่ห่าง นอกจากจะอยากรู้ว่าตนอยู่ที่ใดแล้ว เธอยังอยากหาสิ่งอื่นที่อาจเชื่อมโยงกับการทะลุมิติมาของตนเอง หรืออย่างน้อยก็ควรที่จะได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อ ฮวาอิง เจ้าของร่างตัวจริงก่อน

เรือนตำหนักเย็นที่ฮวาอิงได้รับนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่เล็กนัก หากแต่ค่อนข้างเก่าโทรมและถูกปล่อยทิ้งร้างขาดการซ่อมบำรุง ห้องต่าง ๆ ปิดเงียบฝุ่นเกาะหนา เพดานไม้บางส่วนมีรอยผุ ม่านหน้าต่างขาดวิ่น ลานเรือนที่ควรเต็มไปด้วยดอกไม้กลับเต็มไปด้วยวัชพืชรกครึ้มแทน

“ซูเม่ย เหตุใดเรือนขอเราถึงไร้ซึ่งการดูแลเช่นนี้”

“ข้าพยายามดูแลแล้วเจ้าค่ะคุณหนู แต่คนเดียวทำทั้งหลังไม่ไหวจริง ๆ เจ้าค่ะ”

“มีแค่เจ้าเท่านั้นรือ ที่ดูแล”

“เจ้าค่ะ คุณหนูลืมไปแล้วหรือเจ้าคะ ว่าเรือนเราโดนคุณหนูหลี่ สั่งห้ามไม่ให้บ่าวในตำหนักเย็นทุกคนมาดูแลเรือนเราเจ้าค่ะ”

“คุณหนูหลี่ งั้นหรือ?”

“เจ้าค่ะ คุณหนูไม่สบายตรงไหนรึเปล่าเจ้าคะ อาการหนักจนลืมสิ้นเพียงนี้”

“อืม ข้าคงผ่านการป่วยเจียนตายมาจริง ๆ ต้องขอโทษเจ้าด้วย หากข้าถามอันใดมากไปเสียหน่อย”

“ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ แค่เห็นคุณหนูแข็งแรงขึ้น ข้าก็ดีใจมากแล้ว” ซูเม่ยยิ้มให้เธอ ก่อนที่เธอจะหันไปสนใจเรือนต่อ

พลอยเดินผ่านประตูห้องหนึ่งที่แง้มอยู่ ก้าวเข้าไปช้า ๆ กวาดตามองไปรอบ ๆ ภายในห้องเก็บของ มีเพียงกล่องไม้ กาน้ำชาเก่า ผ้าห่มที่ปลวกกิน และกลิ่นฝุ่นเก่าขึ้นจมูก เธอก้มสำรวจกล่องใบหนึ่งที่มีลวดลายมังกรบนฝากล่องไม้แต่ปิดแน่น เธอใช้แรงค่อย ๆ ง้างจนเปิดกล่องไม้ออกมาได้ ข้างในไม่มีสมบัติหรือสิ่งล้ำค่าอันใด มีเพียงกระดาษเก่าหลายแผ่นม้วนไว้ และผ้าปักลวดลายดอกเหมยเล็ก ๆ เมื่อพลอยแกะซองนั้นดู ก็พบเอกสารที่เขียนด้วยพู่กันจีนโบราณ บางแผ่นเปื้อนน้ำจนอักษรเลอะเลือน

หรือนี่คือหยดน้ำตาของฮวาอิงกันนะ

เธอพยายามเพ่งมองและแปลความหมายจากลายมือที่ดูไม่คงที่ราวกับถูกตวัดเขียนในยามที่อารมณ์อ่อนไหว

ข้าไม่อยากเป็นเบี้ยให้ใครดูถูกดูแคลน...หากการเป็นหญิงอันสูงศักดิ์คือการอดกลั้น ข้ายอมเป็นคนไร้ค่าในสายตา...ดีกว่าเป็นเชลยในวังอย่างที่เป็น

พลอยอ่านไปก็รับรู้ถึงความรู้สึกตัดพ้อโชคชะตาของ ฮวาอิงได้จับใจ ก่อนจะอ่านกระดาษแผ่นถัดไป

หยกดอกเหมยสีเลือดนั้น ผู้เป็นมารดามอบให้ข้าด้วยคำอวยพร ข้าเฝ้ารักษามันไว้มิใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อวันหนึ่งหากมีใครต้องแบกรับแทนข้า ข้าแค่หวังมันจะอวยพรให้ผู้นั้นอย่าประสบเคราะห์กรรมเช่นข้าเลย

“นี่มัน...” พลอยกลืนน้ำลาย ฝ่ามือจับกระดาษแน่น เธอรู้ทันทีว่าข้อความเหล่านี้ คือบันทึกของฮวาอิงคนเดิม

“เธอไม่ใช่คนไร้ค่าหรอก เพียงแต่...เธออ่อนแอยอมคนเกินไปเท่านั้นเอง” พลอยพึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย เธอเก็บกระดาษเอกสารเหล่านั้นไว้ในม้วนผ้า เพราะเชื่อว่ามันต้องมีประโยชน์ในภายภาคหน้าแน่

เมื่อสำรวจเรือนเสร็จ พลอยกลับมานั่งมองพื้นรอบเรือน ทุกอย่างสกปรก เก่าและทรุดโทรม แต่เธอก็ไม่ได้รังเกียจอันใด ตรงกันข้าม ความเงียบไร้ซึ่งเสียงของใครต่อใครที่ชอบสั่งให้เธอทำตามกำหนดการ กลับทำให้เธอรู้สึกถึง อิสระ อย่างแท้จริง

แม้อาหารเช้าที่ซูเม่ยนำมาวางไว้บนโต๊ะ จะเป็นเพียงหมั่นโถวจืด ๆ น้ำแกงใสไร้รสใด ๆ ก็ไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่

“มันจืดไปหน่อยแฮะ ถ้ามีนมข้นหวาน หรือซอสสังขยาใบเตยมาจิ้มกินด้วยหน่อยคงดี” เธอหัวเราะออกมา แล้วก็ก้มหน้ากินต่อไป

หลังจากทานเสร็จ พลอยลงมือทำความสะอาดเรือนด้วยตัวเอง

“คุณหนูอย่าเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวบ่าวทำเอง”

“ไม่เป็นไรซูเม่ย ช่วยกันทำมันก็เสร็จเร็ว ข้าเบื่อเจียนแย่อยู่แล้ว”

แม้ซูเม่ยจะห้ามปรามเท่าไร เนื่องด้วยคุณหนูของตนยังไม่หายดี แต่พลอยก็ไม่ยอมฟัง เธอไม่อยากให้ซูเม่ยเหนื่อยคนเดียว อีกทั้งเธอคิดว่านี่ก็เป็นวิธีระบายความเครียดอีกอย่างหนึ่ง

ไม้กวาดอันเก่าเปราะบาง แต่เธอก็พยายามปัดกวาดจนฝุ่นฟุ้งทั่ว โถเก็บน้ำที่แห้งกรัง เธอกับซูเม่ยก็ช่วยแบกน้ำจากบ่อหลังเรือนมาใช้เอง ท่ามกลางสายตาของสาวใช้จากตำหนักใกล้เคียงที่แอบมองและซุบซิบไม่หยุด

“ดูสิ คุณหนูจากเมืองซ่างผิงต้องมาเก็บกวาดเรือนด้วยตนเอง ช่างน่าขันนัก ฮ่า...” เสียงเยาะเย้นดูแคลน จากสาวใช้ใจกล้าอันต่ำต้อย เพียงเพราะคุณหนูของตนมาจากเมืองที่ใหญ่กว่าซ่างผิง

“สมควรอยู่ ใครใช้ให้ไม่รู้จักรักษาหน้าตัวเอง ไม่รู้จักวางตัวในการคัดเลือกชายา”

เสียงเหล่านั้นลอยแว่วมา หากเป็นฮวาอิงคนเดิมคงเจียมเนื้อเจียมตนคอยถูกดูแคลนเพราะไม่อยากมีเรื่องอันใดกับใคร แต่ไม่ใช่กับพลอย

เธอรู้สึกโมโหกับการถูกเยาะเย้ยนี้มาก จึงตะโกนลั่นกลับออกไปชนิดที่ ซูเม่ยยังต้องผวา

“พูดไปเถอะ ฉันมีมือ มีขา ฉันทำความสะอาดเองได้ พวกเจ้าเอาแต่ปากคอเราะร้ายดูแคลนผู้อื่นหาว่าไม่รู้จักวางตัวในการคัดเลือกชายาอันใดนั่น แล้วคุณหนูของพวกเจ้าล่ะ ทำไมถึงมาอยู่ตำหนักเย็นเยี่ยงข้าได้”

“นี่เจ้า!” สาวใช้ของอีกเรือนในตำหนักเย็นสบถออกมา

“อ๋อ...หรือว่าตัวเจ้าเองก็กำลังนินทาคุณหนูของตนอยู่ว่า ใครใช้ให้ไม่รู้จักรักษาหน้าตัวเอง ไม่รู้จักวางตัวในการคัดเลือกชายา จึงถูกสั่งให้มาพำนักตำหนักเย็นเยี่ยงข้ากัน...” พลอยชายตามองสาวใช้เบือนปลายหางตา ก่อนจะตะโกนลั่นจนทำให้ผู้ได้ยินตกอกตกใจ

“โอ๊ย! เจ้าข้าเอ๋ย บ่าวเรือนอื่นกำลังนินทานายของตนเจ้าค่า...” เพียงเท่านั้น คนอื่น ๆ ที่เงียบหูผึ่ง ก็หันไปจ้องสาวใช้สองคนนั้นก่อนจะก้มหน้าหัวเราะกันลั่น จนสาวใช้รีบก้มหน้าวิ่งหันกลับไปยังเรือนนายของตนทันที

“ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า สะใจโว๊ย หาเรื่องผิดคนแล้ว มาหาเรื่องอิพลอยผู้นี้รึ” พลอยเท้าสะเอวมองด้วยความสะใจ

“คุ...คุณหนูเจ้าคะ แบบนี้จะไม่แย่เอารึเจ้าคะ บ่าวพวกนั้นมาจากเรือนของแม่นางที่มาจากแคว้นต้าเหอ บ่าวกลัวว่า...บ่าวจะปกป้องคุณหนูจากคนเหล่านั้นไม่ได้เจ้าค่ะ” ซูเม่ยเอ่ยด้วยความเป็นห่วงนายของตน

พลอยหันมาแตะบ่าสาวใช้ของตนเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา

“เราหลีกหนีโชคชะตาที่ไม่ถูกเลือกเป็นชายาไม่ได้...แต่เราเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างอิสระและยืนหยัดต่อสู้คนไม่ดีในโลกนี้ได้นะ ซูเม่ย...”

“คุณหนู...”

“ทำไมซึ้งกับคำพูดของข้าใช่ไหมล่ะ” พลอยกอดอกมองหน้าซูเม่ย

“ค่ะ...แม้ข้าจะไม่เข้าใจบางคำที่คุณหนูเปล่งออกมานัก แต่ข้ารู้สึกคุณหนูเติบโตขึ้นจริง ๆ เจ้าค่ะ ราวกับไม่ใช่คุณหนู ฮวาอิงคนเดิม

พลอยชะงักไป...เมื่อต้องคิดถึงความจริงว่า ตอนนี้เธอมาอยู่ในร่างของผู้อื่น ไม่ใช่ร่างของตน

คืนนั้นหลังจากเรือนสะอาดไปหลายส่วนแล้ว เธอหิวจนท้องกิ่ว แต่ก็มีเพียงหมั่นโถวจืด ๆ ที่เหลือจากมื้อก่อนอีกครั้ง แต่ครานี้เธอได้อาสาปรุงซุปขึ้นมาใหม่ เติมเกลือ ใส่ขิงที่ฮวาอิง(คนเดิม) ปลูกไว้หลังเรือน ก่อนจะให้ซูเม่ยยกมาให้เธอที่ศาลาไม้เก่า ๆ หลังเรือนตนในตำหนักเย็น

พลอยนั่งมองจันทร์เสี้ยวอีกครั้งในราตรีที่เงียบสงบ เธอรู้สึกว่าที่นี่...แม้จะไร้ผู้คนที่เธอคุ้นเคย แม้จะแร้นแค้นแต่ก็ไม่มีคนคอยมาบ่งการชีวิต ไม่มีกรอบคำสั่ง ใครบ่นมาเธอก็สามารถพ่นคำด่าคืนโดยไม่ต้องอดกลั้นอีกต่อไปเหมือนโลกเก่า

เพียงแต่...

เมื่อพลอยหยิบม้วนผ้าที่บรรจุกระดาษลายมือของอิงฮวาขึ้นมาอ่านอีกครั้ง เธอก็ลูบมันเบา ๆ แล้วตระหนักได้ว่าถึงเธอจะหลุดพ้นจากกรงขังในโลกเดิม แต่ชีวิตใหม่นี้ก็ไม่ใช่ร่างของเธออยู่ดี ดังนั้นเธอจึงอยากเก็บความรู้สึกของเจ้าของร่างนี่ไว้ ก่อนจะพึมพำด้วยเสียงแผ่วเบา

“ฉันไม่รู้ว่าเธอเคยเจออะไรมา แต่เมื่อฉันได้มาอยู่ในร่างนี้แล้ว ฉันสัญญาว่าจะไม่ยอมให้ใคร มาเหยียบย่ำร่างนี้ของเธออีก แม่นางฮวาอิง

พลอยเงียบชะงักไปนิด ก่อนจะเงยหน้ามองจันทร์เสี้ยว พร้อมหยกดอกเหมยสีเลือด เป็นหยกกลมขนาดฝ่ามือ สลักเป็นรูปดอกเหมยบานสวยงามดูมีชีวิต ลักษณะหยกสีเขียวใส แต่ตรงกลางกลับมีลายสีแดงอ่อนคล้ายเลือดแทรกอยู่ ที่ตัวฮวาอิงพกติดตัวเสมอขึ้นมาดู

“แม่นางฮวาอิง เจ้าจะว่าอะไรไหม หากข้าเลือกสลัดนาม พลอย ไพลิน จากโลกเดิมให้สิ้น และเป็นฮวาอิง สาวงามจากเมืองซ่างผิงแทนเจ้า ซึ่งข้าสัญญาว่าจะพาร่างนี้ออกจากตำหนักเย็น ไม่สิออกจากวังหลวงนี้ให้ได้ เพื่อที่จะหลีกหนีการถูกเหยียบย่ำเพียงเพราะไม่ถูกเลือก...”

หลังเธอเอ่ยเสร็จ หยกดอกเหมยสีเลือดก็เปล่งประกายสว่างวาบหนึ่งหนราวกับตอบรับคำร้องขอของพลอย

ใบหน้าของเธอเปี่ยมยิ้ม เสียงขลุ่ยลอยมาให้ได้ยินอีกหนจากที่ไกลโพ้น ท่วงทำนองชวนไพเราะและสงบ คล้ายเสียงของใครบางคนกำลังเอื้อนเอ่ยตอบกลับมาอย่างเงียบงันใต้แสงจันทร์

“เอาล่ะ จากนี้ไปฉันไม่ใช่ พลอย ไพลิน อีกต่อไป อะแฮ่ม...ข้ามีนามว่า ฮวาอิง สาวงามจากเมืองซ่างผิง โลกนี้โปรดรับรู้ไว้ด้วย”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 7-1 เสียงกระซิบในตำหนักเย็น

    ตอนที่ 7เสียงกระซิบในตำหนักเย็น เสียงฝีเท้าของฮวาอิงและซูเม่ยดังแผ่ว เมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าประตูตำหนักเย็นในมุมอับสายตาของคนในวังหลวง นางยังคงสวมชุดผ้าหยาบปลอมตัวเป็น หลินห‍ยาง แม่ค้าขนมชั้น แห่งตลาดในเมืองหลวง ขณะที่ในมือของซูเม่ยแบกตะกร้ากลับมาพร้อมผลกำไรเพียงเล็กน้อยในวันทว่ายังไม่ทันได้ก้าวพ้นประตูบานไม้เก่า กลิ่นความวุ่นวายกลับตลบตึงออกมาจากภายในตำหนักเสียงฝีเท้าผู้คนวิ่งพล่านในตำหนักเย็น ซึ่งปกติควรเงียบงันดั่งป่าช้า ฮวาอิงกับซูเม่ยชะงักฝีเท้า พลันสายตาเหลือบเห็นสาวใช้สองนางของตำหนักอื่นกำลังเปิดประตูห้องเรือนของนางโดยพลการ ค้นข้าวของอย่างไม่เกรงใจ“นั่นเจ้าทำอะไร!” ซูเม่ยร้องตวาด สีหน้าเผือดลงทันทีสาวใช้อีกคนหันกลับมาพร้อมห่อขนมชั้น นางชูขึ้นพลางยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน“เจ้าขโมยของจากโรงครัวหลักตำหนักเย็นแล้วเอาไปทำสิ่งนี้ขายงั้นรือ?”เสียงของนางทำให้คนในตำหนักเย็นหลายคนทยอยกันมุงดู ไม่เว้นแม้แต่ คุณหนูหลี่ บุตรสาวจากเมืองต้าเหอ ซึ่งพำนักที่นี่เช่นกัน นางเป็นคนผิวขาวจัด ดวงตารรีเรียวราวกับงู พริบตาเดียวก็ก้าวเข้ามายืนตรงหน้าฮวาอิง พลางก้มหน้ามองแสยะยิ้มอย่าง

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-2 ศึกปะทะเชิง

    (ทางด้าน...ตำหนักเย็นเรือนของฮวาอิง)ทั้งสองลัดเลาะกลับเข้าตำหนักเย็น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกิ่งไม้สูง กระทบผืนผ้าสีหม่นของชุดชาวบ้านที่สองนางสวมอยู่เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ หยุดลงเมื่อถึงศาลาไม้หลังเรือนของตน ฮวาอิงยกชายแขนเสื้อเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงกอดอกนั่งลงบนม้านั่งด้วยใบหน้าแสดงความกังวลออกมาชัดเจน“คุณหนู เราจะเอาอย่างไรต่อดีเจ้าคะ?” ซูเม่ยนั่งตาม ตาคิ้วขมวดแน่นฮวาอิงหลุบตาลงเล็กน้อย พลางหยิบพัดเก่า ๆ จากอกเสื้อออกมากางแล้วพัดเบา ๆ“ข้าก็กำลังคิดอยู่ ซูเม่ย หากเราปล่อยไว้เช่นนี้ ช่องทางทำมาค้าขายของเราก็พังกันพอดี”“คุณหนูเจ้าคะ หรือพวกเขาจะเป็นขุนนางจากวัง?” ซูเม่ยเอ่ยเสียงเบาลงฮวาอิงหรี่ตาลงก่อนจะพับพัดช้า ๆ วางลงตัก“เจ้าจำตอนที่ข้าเริ่มขายขนมได้หรือไม่? คนที่เฝ้ามองข้าไม่ใช่โจร ไม่ใช่พวกนักเลงตลาด แต่ดู...นิ่งเกินไป มีวินัยเกินไป เหมือนพวกที่ฝึกการสะกดรอยมาอย่างดี”“ทหาร? องครักษ์?” ซูเม่ยเบิกตากว้างฮวาอิงยิ้มบาง ๆ เงียบไปครู่ ซูเม่ยเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าหนักใจ“หากเขามาจากวัง...บางที พวกเขาอาจเป็นคนที่มีอำนาจมากก็ได้ คุณหนูหรือเราควรหนีไปให้ไกลดีเจ้าคะ?”ฮวา

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 6-1 ศึกปะทะเชิง

    ตอนที่ 6ศึกปะทะเชิงณ แผงขายขนมเล็ก ๆ ของฮวาอิง ที่สวมรอยเป็น หลินห‍ยาง ถูกตั้งขึ้นอย่างคล่องแคล่วเช่นเคย ขนมชั้นตอนนี้มีสีหลากหลาย เรียงรายอย่างประณีตในถาดหวายเล็ก ๆ มีผ้าลายดอกเหมยคลุมไว้กันแมลงตอม ดูสะอาดสะอ้านกว่าใคร“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณหนู...เอ่อ...คุณหลิน” ซูเม่ยกระซิบแผ่ว หลังจากจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยฮวาอิงพยักหน้าเบา ๆ พลางปรับผ้าคลุมหน้าให้ปิดดวงตาอีกนิด วันนี้นางให้ซูเม่ยสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกับตน พร้อมผ้าคลุมหน้าบางเบา เพื่อหลอกตาคนสะกดรอยให้สับสน“จำไว้นะซูเม่ย ถ้ามีใครจ้องมากกว่าหนึ่ง เราจักเก็บแผงแล้วอ้อมกลับไปโรงเตี้ยมร้างดั่งเคย” ฮวาอิงพูดเสียงต่ำ ขณะมือยังคีบขนมวางให้เรียบร้อย“เจ้าค่ะ”เพียงตั้งแผงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ลูกค้าประจำเริ่มแวะเวียนมาอุดหนุน คนชรา เด็กน้อยร้านน้ำชา หรือแม่ค้าร้านใกล้เคียง ต่างยิ้มให้ ฮวาอิงอย่างคุ้นเคยขณะบรรยากาศคล้ายจะเป็นไปตามปกติ บุรุษแปลกหน้าผู้หนึ่งก็ก้าวมาหยุดยืนหน้าร้าน เขาสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เนื้อดี แม้จะพยายามคลุมหมวก แต่ท่วงท่าการเดิน การยืน หรือแม้แต่ท่ายกมือกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายผู้มีฐานะชัดเจน“ขนมนี่...หน้าตาแปลกดีนะ” เขาย่อตัวล

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 5 เงาจางกลางตลาด

    ตอนที่ 5เงาจางกลางตลาด“คุณหนู! ระวังฝั่งขวาเจ้าค่ะ มีคนมองมาอีกแล้ว” เสียงกระซิบแผ่วเบาของซูเม่ยดังข้างหู ดวงตากลมโตของนางเหลือบไปยังชายสองคนในชุดชาวบ้านที่ยืนอยู่หน้าร้านยาจีน แม้แต่นางก็ดูออกว่าพวกเขาไม่ใช่ลูกค้าที่มาซื้อของจริง ๆฮวาอิงก้มหน้าลง แสร้งดูถาดขนมชั้นในมือราวกับไม่ได้สังเกตอะไร แต่ข้างในกลับตึงเครียดไปหมดพวกเขา...ตามมองแบบนี้อีกแล้วนี่ไม่ใช่วันแรกที่นางถูกติดตามแบบนี้ นับตั้งแต่วันที่ช่วยชายบาดเจ็บหลังพงหญ้าแถบหลังเมืองทางกลับตำหนักเย็น ทุกเช้าหลังตั้งแผงขายขนม ก็มักมีสายตากลุ่มคนจับจ้องมาเสมอ ราวกับเงาตามเงียบ ๆ ไม่ได้เข้าใกล้ แต่ก็ไม่ห่างหายไปไหนฮวาอิงไม่แน่ใจว่าการกระทำเช่นนี้ นับเป็นโจรหรือไม่ อยากปล้นขนมหรือเงินทอง แต่นางเป็นเพียงแม่ค้าขายขนมชิ้นละสองอีแปะ สู้ปล้นร้านอื่นคงจะดูคุ้มกว่าหรือไม่นางคิดไม่ตก จวบสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นมา ทำให้นางเริ่มรู้สึกเสียวสันหลังวาบหรือคนผู้นั้นที่เราช่วยไว้ เขาส่งคนมาติดตาม

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 4 เงาของโชคชะตา

    ตอนที่ 4เงาของโชคชะตาหอระฆังสูงของเมืองหลวงตีระฆังก้องกังวานยามชวี เป็นสัญญาณบอกเวลาให้ชาวเมืองเริ่มเก็บร้านค้า หรือแผงตามตรอกข้างทางในย่านฮวาอิงและซูเม่ยก็ไม่เว้นเช่นกัน หลังจากที่ขนมชั้นหมดเกลี้ยงในเวลาไม่นาน เหลือเพียงส่วนที่จะเก็บไว้กินเอง ทั้งคู่ก็รีบเก็บแผงร้านของตน ภาชนะและผ้าห่อขมวดแบกไว้บนหลังซูเม่ยเพราะนางไม่ยอมให้คุณหนูของตนทำ“วันนี้พวกเราขายดีเกินคาดเลยเจ้าค่ะ! ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณหนูจะทำขนมหวานได้เก่งถึงเพียงนี้ ข้าติดตามคุณหนูมาตั้งแต่ยังเล็ก ไม่เคยเห็นคุณหนูแตะต้องเตาไฟเลยด้วยซ้ำ ว่าแต่...คุณหนูไปร่ำเรียนตอนใดกันเจ้าคะ?” ซู่เม่ยเอ่ยด้วยดวงตาเปล่งประกาย มือทั้งสองจับหูหิ้วตะกร้าสานแบกหลัง“เอ่อ...ข้า...ก็เรียนที่สำนักศึกษาในเมืองซ่างผิงน่ะสิ”“อ่อ...ที่แท้สำนักศึกษามีเรียนนอกตำราด้วยสินะเจ้าคะ บ่าวเป็นเพียงไพร่ มิเข้าใจตำหรับตำราหรอกเจ้าค่ะ”“ฮ่ะ...ฮ่ะ...” ฮวาอิงหัวเราะกลบเกลื่อน“คุณหน

  • ท่านอ๋องข้าไม่อยากเป็นสตรีอันสูงศักดิ์   ตอนที่ 3 ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกล

    ตอนที่ 3ตลาดเมืองหลวง และขนมชั้นจากแดนไกลแสงแดดยามสายลอดผ่านม่านขาดวิ่นเดิม ๆ ในตำหนักเย็น พลอยในร่างฮวาอิง ตื่นขึ้นด้วยความเคยชินกับโลกใบใหม่นี้แล้วฮวาอิงเดินไปในห้องครัวเก่า ๆ หลังเรือน นั่งคุดคู้หน้าเตาอิฐเล็ก ๆ มองเปลวไฟจากฟืนแห้ง ที่กำลังต้มน้ำแกงแสนจืดชืดอย่างเคยที่ซูเม่ยกำลังทำ“กินแบบนี้ทุกวันมีหวัง ขาดสารอาหารแย่” ฮวาอิงลุกขึ้นเดินไปมาคิดอยู่นาน ก่อนจะมีแผนการบางอย่างผุดขึ้นมาในความคิด อยากกินก็ต้องทำ“ซูเม่ย เจ้าช่วยข้าแต่งตัวที ขอยืมชุดของเจ้าที่เก่าที่สุดเลยนะ”ฮวาอิงเอ่ยต่อสาวใช้ของตน วันนี้นางให้ซูเม่ยช่วยแต่งตัวมอมแมมเป็นหญิงชาวบ้านผิวคล้ำหน่อย เสื้อผ้าสีซีดซอมซ่อ ดึงเชือกผ้าเส้นเล็กผูกปมหยาบ ๆ รวบผมบนศีรษะให้เรียบร้อย เพื่อให้กลมกลืนไปกับผู้คนในยุคนี้“คุณหนูฮวาอิง แน่ใจหรือเจ้าคะ ว่าจะออกไปข้างนอกในสภาพนี้” ซูเม่ยเอ่ยเบา ๆ ขณะจัดชายผ้าคลุมสีซีดให้แน่นขึ้น“เจ้าคิดว่าข้าแต่งชุดหญิงสาวในเรื

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status