เล่มหนึ่งนี้จะมี 42 ตอนนะคะ ตอนนี้กำลังเขียนเล่มสองอยู่จ้า
ตอนที่ 35กลิ่นอุ่นยังมิจางสายฝนเริ่มซา กลายเป็นเพียงละอองโปรยปราย ชะใบไม้ให้กลายเป็นสีเขียวเข้มชุ่มฉ่ำ กลิ่นฝนผสมกลิ่นไม้จากบ้านเรือนเก่าเคล้าคลอในอากาศ ขณะสองร่างใต้ร่มคันเดียวกันก้าวเดินช้า ๆ ไปตามตรอกถนนสายหนึ่งหนิงอ๋องถือร่มอยู่ด้านซ้าย ฮวาอิงยืนอยู่ด้านขวา ระยะห่างระหว่างไหล่ทั้งสองไม่เกินหนึ่งฝ่ามือ ทว่ากลับไม่มีใครรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย“เด็กชายคนนั้นชื่อเสี่ยวเป่า” เสียงทุ้มนุ่มของเขาดังขึ้น “พ่อของเขาเคยร่วมรบด้วยกันที่ชายแดนตะวันตกเมื่อนานมาแล้ว บัดนี้เจ็บเรื้อรัง ไม่อาจรบแนวหน้าได้อีกต่อไป”ฮวาอิงเงยหน้ามองเขาเล็กน้อย“ท่านเป็นถึงแม่ทัพสูงสุด กลับรู้จักพวกเขาโดยตรงเลยหรือเจ้าคะ?”“ไม่หรอก...ทหารเป็นหมื่นเป็นแสนข้าจะรู้จักหมดได้เยี่ยงไร เพียงแต่ข้าอ่านบันทึกประจำวันว่ามีเหตุการ์ณใดบ้างเกิดขึ้นก็เท่านั้น” หนิงอ๋องเงียบไปครู่ก่อนเอ่ยต่อ“แม่ของเสี่ยวเป่า เคยเขียนจดหมายขอบคุณกองบัญชาการหลังได้รับเบี้ยยังชีพ ข้าเห็นชื่อเลยจำได้...ไม่คิดเลยว่าคนที่ทำเพื่อชาติ กลับต้องแบกภาระทางบ้านไปด้วย จะให้ข้าปล่อยไปได้เยี่ยงไรจริงไหม ประจวบเหมาะวันนี้มีเวลาว่างจึงอยากหาของขวัญให้ลูกชายเขา”
ตอนที่ 34ร่มคันเดียวกลางฝนยามเช้าในเมืองหลวงวันนี้ ลมโชยแผ่วอ่อนให้ได้กลิ่นหอมจากร้านน้ำชาริมทางลอยแตะจมูก ช่วยปลุกบรรยากาศให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นท้องฟ้าวันนี้โล่งโปร่งไร้เงาเมฆฝนเหมือนหลายวันก่อน พ่อค้าแม่ค้าต่างจัดของขึ้นแผงกันอย่างคึกคัก เสียงเจรจาต่อรองราคายังคงเช่นเดิม พานทำให้ความรู้สึกของฮวาอิง นึกถึงช่วงที่ต้องปลอมตัวเป็น หลินหยาง ขายขนมไทยก่อนหน้านั้นวันนี้ฮวาอิงออกมาซื้อวัตถุดิบเพื่อทำขนมถวายแด่ฮองเฮา นางสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สมฐานะตำแหน่งพิเศษมากขึ้น เพียงแต่ยังคงสวมผ้าปิดหน้าลายดอกเหมยไม่เผยใบหน้ามากนักส่วนซูเม่ยเดินอยู่ข้าง ๆ ถือตะกร้าไม้ไผ่สำหรับใส่วัตถุดิบ ทั้งที่นางมีตำแหน่งสูงในครัวหลวงและสามารถเอ่ยสั่งให้คนครัวออกมาซื้อได้ แต่นางกลับไม่ทำและประสงค์จะออกมาเดินตลาดเพื่อเลือกวัตถุดิบด้วยตนเอง“วันนี้ คุณหนูจะทำขนมอันใดถวายแด่ฮองเฮาเจ้าคะ?” ซูเม่ยเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี“ขนมสอดไส้” ฮวาอิงหันใบหน้าตอบซูเม่ย“เป็นขนมอย่างไรเจ้าคะ ข้าไม่เคยได้ยินอีกแล้ว”“เป็นขนมที่ข้าชอบมาก กลิ่นหอมใบเตยนวลกะทิและน้ำตาลเคี่ยว ด้านในสอดใส่มะพร้าวคั่วน้ำตาล เป็นขนมที่ดูธรรมดาแต่ทำให้คนกินแทบ
ตอนที่ 33คำสั่งเหนือใครเบื้องหน้าคือ สถานที่ประทับของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจคับจักรวรรดิอวิ๋นชวน หวังอ๋องและฮวาอิงเดินอยู่บนลานหินหน้าตำหนักมังกรหยกอย่างสงบนิ่ง แต่แฝงด้วยแรงกดดันที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลุ่มขันทีในชุดเต็มยศเดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบฮวาอิงเดินตามหลังหวังอ๋องอย่างเงียบเชียบ ใต้เสื้อคลุมไหมสีขาวนวลตา มือเรียวซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ ปลายนิ้วเรียวเกร็งไว้ไม่ให้สั่น เพราะไม่ว่านางจะกล้าเพียงใด หรือเคยปะทะฝีปากกับอ๋องผู้มากอำนาจมานักต่อนักแต่...วันนี้คือการเข้าเฝ้าฮ่องเต้ ผู้เป็นเจ้าของจักรวรรดิทั้งผืน ในฐานะองค์หญิงซ่างผิงผู้คิดวิธีถนอมเสบียงแด่เหล่ากองทัพฮวาอิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ชะลอฝีเท้าเล็กน้อย ก่อนจะย่ำเท้าก้าวต่อไป หวังอ๋องที่เดินนำหน้าหันมองนางเพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าให้นางตามตนมาเมื่อประตูบานไม้แกะสลักมังกรเบิกกว้าง เสียงขันทีอาวุโสก็เปล่งเสียงสูงกังวาน“หวังอ๋องแห่งราชวงศ์อวิ๋นชวน พร้อมองค์หญิงแห่งเมืองซ่างผิง ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”ภายในตำหนักมังกรหยก สงบ เงียบ ให้ความรู้สึกเย็นเยียบจนถึงขั้วหัวใจ ใต้เพดานสูง มังกรห้าตัวเลื้อยพันเสาตำหนักดั่งคอยค้ำจุนแผ่นดินพ
ตอนที่ 32ก่อนรุ่งอรุณแห่งผลลัพธ์ยามซื่อ ค่ำคืนที่ลมพัดแผ่วเบาเย็นสบาย แสงเทียนจากโคมส่องภายในเรือนรับรองที่จัดไว้ให้เฉพาะสำหรับนาง ทั้งเรือนเงียบเชียบ มีเพียงเสียงพู่กันเสียดสีกับกระดาษ และเสียงเดินไปมาของสาวใช้คนสนิทอย่างซูเม่ยฮวาอิงนั่งหลังตรงอยู่ตรงกลางห้องในชุดเรียบง่าย ผมถูกรวบขึ้นสูงอย่างลวก ๆ มีปิ่นไม้สอดไว้หลวม ๆ เท่านั้นในมือนางคือพู่กันด้ามเรียว ที่ขีดเขียนรายงานเบื้องต้นไปบางส่วนแล้ว บัดนี้เหลือเพียงหน้าสุดท้าย หน้าแห่งการสรุปผล ที่จะถูกส่งให้หวังอ๋องในยามเช้าซูเม่ยยกน้ำชาอุ่น ๆ มาวางไว้ข้าง ๆ นาง ก่อนจะเดินนั่งใกล้ไม่ห่างนัก คอยเปลี่ยนน้ำหมึกให้ และเฝ้าดูผู้เป็นนายเขียนลงกระดาษทีละตัวอักษรอย่างตั้งใจวันที่เจ็ดของการทดสอบการถนอมอาหารเสบียง ฮวาอิงเม้มปากนิด ใบหน้าคิ้วขมวดหน่อยแสดงถึงความตั้งใจเพื่อให้เขียนออกมาให้ดีที่สุดผลการถนอมเนื้อสดโดยหมักเกลือกับตากแดดให้แห้ง ยังคงคุณค่าทางรสชาติได้อย่างดี เมื่อนำไปลองทำเป็นอาหารพร้อมปรุงในภาวะฉุกเฉิน สามารถนำไปทอดหรือย่างได้โดยไม่เสียรสเนื้อ กลิ่นและสัมผัสยังคงใกล้เคียงกับเนื้อสดยามปรุงสุก แถมความอร่อยยังเหมาะที่จะกินกับข้าวสวยร
ตอนที่ 31แสงแดดกลางลาน หัวใจที่ไม่มีคำลวงแดดสาดส่องลงมายังลานกว้างด้านหลังเรือนรองของจวนหวังอ๋อง ที่ซึ่งเคยว่างเปล่ากลายเป็นแหล่งแปรรูปเสบียงขนาดย่อมเฉพาะกิจ เนื้อหมักและปลาแห้งเรียงรายบนถาดหวาย บางส่วนถูกคลุมด้วยผ้าขาวบางกันฝุ่นและแมลง อีกส่วนปล่อยให้ได้รับแดดจัดขณะเดียวกัน เสียงฝีเท้าสม่ำเสมอดังขึ้น ฮวาอิงที่ยืนพลิกปลาอยู่หันไปมองต้นเสียง พบว่าเป็นหนิงอ๋องในชุดไม่เป็นทางการดูสบายตากว่าที่เคยเขาเดินมองทุกอย่างรอบตัวด้วยสายตาคม แต่แฝงด้วยความสงบเยือกเย็น ราวกับไม่ได้เดินอยู่ในสนาบรบ หากแต่กำลังอยู่ในสถานที่ ๆ ไว้ใจได้ฮวาอิงที่เห็นรีบวางปลาลงเช็ดมือบนผ้ากันเปื้อนก่อนจะเดินออกไปต้อนรับอย่างไม่รีบเร่งนัก“ท่านหนิงอ๋องไม่ได้แจ้งให้ทราบ หม่อมฉันจึงไม่ได้เตรียมต้อนรับให้ดีเพคะ”หนิงอ๋องมองนาง พลางส่ายหน้าเล็กน้อย“ข้ามาดูการถนอมเสบียงด้วยตาตนเอง ไม่ต้องการพิธีการใด ๆ หรอก” เขาตอบด้วยเสียงทุ้มต่ำ แต่ไม่แข็งกร้าว ฮวาอิงที่ได้สดับฟังชัดใก
ตอนที่ 30งานเลี้ยงเงามืดท้องพระโรงรองของวังหลวงในยามค่ำ ถูกแปรสภาพเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง เชิญเหล่าขุนนางระดับสูงจากหลายฝ่าย หลังจากมีข่าวลือเรื่องเสบียงชายแดน และการทดลองถนอมอาหารแพร่ออกไปในหมู่ขุนนาง งานเลี้ยงในครั้งนี้ดูจะมีจุดมุ่งหมายซ่อนอยู่มากกว่างานเลี้ยงรับรองทั่วไปนักเสียงเครื่องสายบรรเลงเบา ๆ แสงโคมกระดาษเรียงรายตลอดแนวระเบียงห้อง แต่กลับไม่มีผู้ใดดื่มกินด้วยความสบายใจนักบนตั่งทองด้านหน้าสุด ชินอ๋องมาในชุดคลุมเทาเข้ม องครักษ์คนสนิทยืนเคียงข้าง หน้าตาเรียบเฉยเหมือนไม่ได้สนใจใคร ทว่าดวงตานั้นกลับจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของผู้คนในห้องรับรองด้านซ้าย หวังอ๋องผู้เยือกเย็นในชุดสีน้ำเงินเข้ม วางมือบนขอบโต๊ะต่ำตรงหน้า ดวงตาคมกริบมองทอดไปยังท้องพระโรงรองเช่นกันไม่นานนัก กลุ่มขุนนางฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ก็มาถึง โดยมี อัครเสนาบดีฝ่ายซ้ายซ่งหยาง ในชุดสีดำสนิท อัครเสนาบดีฝ่ายขวาเฉินหง หน้ายิ้มพูดจาเยาะเย้ยเล่นลิ้นตามเคย และกลุ่มทหารนำโดยแม่ทัพใหญ่หนิงอ๋อง ผู้เพิ่งกลับจากชายแดนไม่ถึงเดือนเข้าร่วมด้วยชุดคลุมของหนิงอ๋องสีเขียวเข้มผ้าหยาบแบบทหาร เขาก้าวเข้ามาโดยไร้เสียงประกาศใด ๆ จากขันที ทว