เยี่ยหยางที่ถูกน้องชายที่น่ารักจู่โจม ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก วันนี้เขาถูกแก้ผ้ามาสองครั้งสองคราภายในวันเดียวกัน
ทำไมเฉิงเยว่เปลื้องผ้าผู้คนได้คล่องมือเช่นนี้ น้องชายเขาไปฝึกปรือถอดผ้าจากผู้ใด เห็นทีเขาต้องเข้มงวดคัดกรองน้องสะใภ้ให้ดีแล้วล่ะ
หญิงสาวเดินเข้าไปหาลูกชายที่หายสาบสูญ ลูบใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากเป็นส่วนใหญ่อย่างคิดถึงสุดหัวใจของคนที่เป็นมารดาจะให้บุตรได้
“หยางหยาง” หานเฟยจำได้เพียงปานแดงและชื่อเล่นที่เอ่ยเรียกลูกชายเท่านั้น
เยี่ยหยางได้ยินมารดาเรียกหาตัวเอง ก็โผเข้าอ้อมกอดมารดาเหมือนเด็กน้อย “ท่านแม่”
ในความทรงจำของเขา ท่านพ่อเป็นคนที่เข้มงวดเสมอ เพราะด้วยสถานการณ์ของระนาบมนตราในตอนนั้น ตั้งแต่เขาเริ่มรู้ความ ก็ไม่เคยได้รับอ้อมกอดของคนเป็นพ่ออีกเลย มีแต่คำสั่งสอน คำดุด่าให้เขาได้เตรียมพร้อมรับมือกับสงครามที่พร้อมปะทุตลอดเวลา
มีเพียงท่านแม่ที่เป็นคนให้กำลังใจเขา ปลอบโยนโอบกอดเขา และบอกเสมอว่าท่านพ่อที่ไม่แสดงออกมา ก็รักเขาเหมือนกัน
คนตัวโตที่กลายเป็นเด็กเกือบจะน้ำตาร่วง แต่เมื่อเงยหน้าเห็นบิดาที่จ้องเขม็งก็หยุดชะงัก เรียกอารมณ์ซึ้งกลับแทบไม่ทัน
เยี่ยหยางมองสายตาของท่านพ่อ เห็นความหึงความหวงที่ไม่คิดจะปกปิด เขาหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ หรือจะไร้ความทรงจำใด ๆ คนผู้นี้ก็รักท่านแม่เขา แถมขี้หึงได้แม้กับลูกตัวเอง
แต่ท่านพ่อที่รักก็มากความสามารถเหลือล้น จำท่านแม่ไม่ได้ยังตามเกี้ยวตามจีบ จนเขาได้น้องชายมาคนหนึ่ง ถ้าจำได้สงสัยเขาคงต้องทำงานตัวเป็นเกลียวหามรุ่งหามค่ำหาเงินมาก ๆ มาเลี้ยงน้อง ดูท่าคำสาปประจำตระกูลวินเซอร์ ที่มีบุตรได้เพียงหนึ่งคนในทุกรุ่นจะหมดอายุก็ครานี้
นี่ขณะที่จำอะไรไม่ได้ยังหึงแรงเช่นนี้
ถ้าท่านพ่อได้ความทรงจำกลับคืน อาการคงรุนแรงกว่านี้แน่นอน
แต่ตอนนี้เขาขอแกล้งท่านพ่อที่น่ารักน่าชังหน่อยเถอะ ฐานชอบดุเขาตอนเด็ก
จูเหวินฟงคิ้วขมวดเป็นปม มองดูเด็กหนุ่มสวมหน้ากากไม่สวมเสื้อผ้า แม้จะแค่ท่อนบนก็เถอะ กอดรัดเมียรักเขาแทบจะกลืนกิน เขาไม่ยอมเด็ดขาดต่อจะให้เป็นแม่ลูกกันแต่นั่นเมียเขาโว้ย มาแตะเนื้อต้องตัวแบบนี้ได้ไง!!!
เฉิงเยว่มองท่านแม่โอบกอดพี่ชายอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ที่เขาสามารถหาพี่ชายเจอ เขาแอบมองท่านพ่อทำหน้าถมึนทึงแผ่รังสีหึงหวงอย่างไม่ไว้หน้าใครอีกตามเคย รู้สึกสนุกไม่น้อยที่ท่านแม่ถูกแย่งจากท่านพ่อ จึงเดินเข้าไปโอบกอดท่านแม่อีกข้าง
รัศมีหึงเมียเข้มข้นแผ่ออกมาทั่วห้อง จนรู้สึกไปถึงด้านนอกที่เหล่าเสี่ยวเอ้อร์ยืนรอรับคำสั่งผู้เป็นนายรู้สึกหนาว ๆ ร้อน แต่ชางเหอบ่าวรับใช้ตระกูลจูกลับสบายอกสบายใจที่นายท่านอาการดีขึ้น สามารถเต้นแร้งเต้นกาหึงหวงนายหญิงได้เป็นปกติแล้ว ช่างดียิ่งนัก
เยี่ยหยางเห็นสีหน้ามืดครึ้มของผู้เป็นบิดา ชมจนพออกพอใจแล้ว ก็ผละออกจากอ้อมกอดมารดา ดูท่าถ้าเขากอดเมียบิดานานกว่านี้ ท่านพ่อเขาจะกระอักเลือด เพราะถูกภรรยาเมินได้
“ท่านพ่อ”
หลังจากกลั่นแกล้งบิดาพอหอมปากหอมคอ เรียกเลือดลมไหลเวียน เยี่ยหยางก็หันไปใส่ใจท่านพ่อบ้าง แต่…
จูเหวินฟงมองผู้ที่เรียกเขาเป็นบิดาอย่างไม่เข้าใจ หรือว่าอีกฝ่ายจะหมายถึงเขาที่เป็นพ่อเลี้ยง
เยี่ยหยางอ่านจากสีหน้าไม่เข้าใจก็รู้ว่า บิดาของเขากำลังมีความคิดแปลกประหลาดและจำเขาไม่ได้
ซึ่งหมายความว่าความทรงจำในระนาบมนตรา บิดาขี้หึงภรรยาคนนี้จำไม่ได้แม้แต่น้อย ดูท่าต้องฟื้นความจำกันอีกนาน แต่ก่อนอื่นคงต้องเล่าความจริงใส่ความเท็จไปบางส่วนก่อน เพื่ออธิบายที่มาที่ไปของตัวตนอย่างเขา
“ท่านพ่อ ท่านจำหยางหยางได้หรือไม่?”
จูเหวินฟงพยายามย้อนทบทวนความจำว่าเด็กหนุ่มเป็นคนที่เขารู้จักหรือไม่ แต่ความทรงจำก็ว่างเปล่า เขานิ่งเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด ครุ่นคิดมองดูท่าทีของเด็กหนุ่ม
เยี่ยหยางรู้นิสัยความคิดของบิดาเป็นอย่างดี ถ้าบอกว่าตัวเขาเป็นบุตรชายของท่านพ่อ ยังไงก็ไม่มีทางเชื่อ แล้วยิ่งไร้ความทรงจำก็ยิ่งยาก เขามองนิ่งไปที่บิดาอย่างใช้ความคิดว่าต้องพูดเช่นไร ให้คนเป็นพ่อเชื่อเขา
สายตาก็ก้มไปเห็นแหวนที่สวมใส่อยู่บนนิ้วหัวแม่โป้งซ้ายบนมือของจูเหวินฟง เป็นแหวนที่แสดงสัญลักษณ์ผู้นำตระกูลวินเซอร์รุ่นที่ยี่สิบเก้าก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร
“ท่านจำแหวนที่มือซ้ายว่าได้มาอย่างไรหรือไม่?” เยี่ยหยางถาม “แล้วรู้หรือไม่ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร?”
จูเหวินฟงนิ่งเงียบ เขารู้แค่ว่าแหวนวงนี้สำคัญกับตัวเอง ถอดไม่ได้เด็ดขาดมันจึงเหมือนแหวนประจำตัวของเขาไปแล้ว
หานเฟยและเฉิงเยว่มองพ่อลูกคุยกัน นางจำไม่ได้ว่าสามีที่คิดว่าตายแล้วกับสามีคนนี้คือคนเดียวกันที่นางรักสุดหัวใจ รักอย่างไม่มีเหตุผลทั้ง ๆ ที่ก่อนแต่งงานใหม่ยังจำอะไรไม่ได้ แต่ความรู้สึกของหัวใจไม่เคยผิดพลาด
นางรักคนคนเดียวมาโดยตลอด รักทั้ง ๆ ที่ไม่ความทรงจำ
ความยินดีและดีใจนี้ตื้นตันอยู่เต็มอก หมายความว่าลูกชายคนแรกและสามียังไม่ตาย แถมทั้งสองยังอยู่ต่อหน้านาง
นี่คือครอบครัวของนาง
เยี่ยหยางถอดแหวนที่อยู่ที่นิ้วกลางข้างขวายื่นให้บิดา มันคือแหวนที่บ่งบอกว่าเขาคือผู้นำตระกูลวินเซอร์รุ่นที่สามสิบ ลวดลายของแหวนแม้จะต่างกัน แต่ก็มีสิ่งที่เหมือนกันมาตลอดของแหวนผู้นำตระกูล คือสัญลักษณ์ประจำตระกูลวินเซอร์ที่สลักบนหัวแหวน
...ดาบและคทาไขว้บนโล่สัญลักษณ์อัศวินศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนมนตราคู่กับไฮดราสัตว์วิเศษประจำตระกูล…
ผู้เป็นบิดาลูกสอง จ้องมองแหวนสองวงอย่างใช้ความคิด แม้จะไม่รู้ว่าสัญลักษณ์ที่เหมือนกันของแหวนสองวงนี้มีความหมายอะไร แต่รู้สึกช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เฉิงเยว่อ่านสีหน้าบิดา ก็รู้ว่ายังมีสิ่งคลางแคลงใจ จึงออกไปด้านนอก เดินไปหาชางเหอบ่าวคนสนิทของท่านพ่อ แล้วสั่งเตรียมชามเปล่าใส่น้ำเข้ามาในห้องพร้อมกรีชเล็ก ๆ ยื่นให้พ่อลูกที่ยังไม่เลิกจ้องหน้ากันไปมา
“ท่านพ่อ ต้าเกอพิสูจน์กันไปเลย มัวแต่จ้องตากันอยู่นั่น ข้ากับท่านแม่หิวแล้ว”
ชามที่บรรจุน้ำใสเห็นก้นภาชนะ วางอยู่กลางโต๊ะล้อมรอบด้วยสมาชิกของตระกูลวินเซอร์ ที่กำลังรอการพิสูจน์อัตลักษณ์ความเป็นพ่อลูกให้คนเป็นบิดามั่นใจ
จูเหวินฟงกรีดปลายนิ้วหยดโลหิตในชามก่อน เลือดสีแดงเป็นประกายลอยเป็นเม็ดกลมกลิ้งอยู่เหนือน้ำใส ก่อนส่งต่อให้เยี่ยหยางที่จัดการหยดเลือดแบบไม่ลังเลใจ
“จุ๊ ๆ เหล่าหยาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าไอ้หมอนี่ร่ำรวยไม่ใช่เล่นเลยน้า” หวงฉีเจิ้งจับตะเกียบเคาะชาม มองสหายด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เยี่ยหยางเงยหน้าขึ้นจากชามข้าว “หืม? แล้วเจ้ารู้ว่ามีเท่าไหร่บ้าง?”“หารส่วนแบ่งกับเจ้าคนละครึ่ง คุณชายอย่างข้าสร้างหอข่าวได้สมบูรณ์เสร็จสรรพเลยทีเดียวล่ะ”“มากกว่าบ่อนโกโรโกโสนั่นอีกนะเนี่ย” รอยยิ้มหายนะวาดอยู่บนใบหน้าของเยี่ยหยาง “ข้าไม่ต้องควักเงินในกระเป๋าขยายสาขาเพิ่มในเป่ยฉินแล้วสิ แถมมีเงินมีทองไปซื้อขนมให้เสี่ยวเฉิงเหลือเฟือเลยสินะ”เนื้อกวางทรายขาวคีบเข้าปากเยี่ยหยาง ก่อนจะเอ่ยต่อ “โอรสในฮ่องเต้กับฮองเฮาจะมีทรัพย์สมบัติน้อยได้อย่างไร”“นั่นสินะ”ซู๊ดดด… น้ำแกงรสกลมกล่อมไหลลงคอหวงฉีเจิ้งอย่างนุ่มนวล “เจ้าว่าข้าไปเป็นองค์ชายบ้างดีมั้ย?”“กริยาอย่างเจ้าหรือ? ขุนนางยังไม่ได้เป็นเลย” เยี่ยหยางมองอี๋ใส่สหายที่ซดน้ำแกงเสียงดัง หมอนี่ไม่เคยรักษามารยาทต่อหน้าเขาบ้างเลย“ต่อหน้าเจ้าต้อ
“ไป กลับกันเถอะ กลิ่นขยะที่จินโจวเหม็นคุ้งจะแย่แล้ว” เยี่ยหยางคล้องคอหวงฉีเจิ้งเดินละลิ่วออกไปโดยไม่สนใจอ๋องขี้ขโมย“หยุด!!! ให้เปิ่นหวาง”เปิ่นหวางไม่หยุดเจ้าจะทำไม! เยี่ยหยางไม่ฟังน้ำเสียงสั่งที่ฟังดูแล้วเหมือนคนบ้า เขาไม่สนใจไอ้บ้านี่แม้แต่น้อย“ไอ้สวะสองตัว หยุดเดี๋ยวนี้!!! หากพวกเจ้าสองคนก้าวออกไปจากที่นี่ พวกเจ้าและครอบครัวก็ตาย!!”เยี่ยหยางหยุดกึก ชะงักก้าวเดินทันทีตอนแรกเขาก็แค่โมโหนิดหน่อยที่มีคนมาขโมยของต่อหน้าเขา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แค่เอาของคืนก็ปล่อยไอ้บ้านี่ไปได้แต่ตอนนี้ดูท่าเขาจะไม่โมโหนิดหน่อยแล้วเพราะตอนนี้ท่านอ๋องบัดซบเดือดแล้ว…จุดแข็งของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว…จุดอ่อนของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัว …จุดเดือดของมู่หรงเยี่ยหยาง คือ ครอบครัวดังนั้นแล้วหนทางข้างหน้าของอ๋องแห่งจินโจวผู้นี้ช่างมืดมนนัก ที่รนหาที่สมัครสมาชิกมีรายช
หวงฉีเจิ้งกวาดสายตามองกองหินหยาบหลายกอง เดินตรงดิ่งเข้าไปหยิบหินก้อนเล็กก้อนกลางโยนใส่รถเข็นที่เสี่ยวเอ้อเข็นตามหลังมาอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนหยิบคว้าก้อนไหนได้ก็จับใส่ หารู้ไม่ว่าสายตาของเขามองทะลุปรุโปร่ง หินหยาบทุกก้อนมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จ่ายจริง“เจ้าไปยกหินก้อนนั้นให้ข้า” น้ำเสียงสบาย ๆ สั่งเสี่ยวเอ้อให้ยกหินหยาบก้อนใหญ่ขนาดสูงเท่าตัวคน “ไม่ใช่ ๆ ข้าอยากได้ก้อนนั้น นั่น ๆ อีกก้อนด้านขวามือเจ้า”“นั่น ๆ ก้อนนั่นแหละ ยกมารวมกับหินหยาบที่ข้าเลือกไว้เลย”เสี่ยวเอ้อมองนายท่านที่ผอมแห้งดูไม่เอาผ่านเดี๋ยวคว้าหยิบเดี๋ยวจับโยนเดี๋ยวยกมือชี้เลือกพนันหินอย่างไม่ต้องสังเกตคัดเลือกเหมือนนักพนันหินคนอื่น ๆ อย่างมึนงงตั้งแต่มันทำงานในบ่อนพนันหินไม่เคยเจอนักพนันคนใดที่เลือกหินได้ชุ่ย ๆ ขนาดนี้ อย่างน้อยคนที่พนันต้องมีสังเกตดูสีดูน้ำหนักหินบ้างไม่มากก็น้อย แต่คนผู้นี้กับเลือกหินอย่างกับเลือกหัวผักกาด ไม่รู้ว่าหินที่เลือกมาข้างในจะมีค่าหรือไม่ส่วนทางฝั่งของเยี่ยหยางที่ไม่ได้มีสายตาที่พิเศษเฉียบคมเช่นสหายก็มีวิธีการของตัวเองใน
เขาเพียงพลังเวทเล็กน้อยก็ควบคุมลูกเต๋าเหมือนอยู่ในกำมือ จะให้ออกผลเท่าไหร่กี่แต้มก็จัดการได้เพียงแค่กระดิกนิ้วเบา ๆ“เปิด ๆ” เสียงเชียร์ดังลั่นเพราะเงินเดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่น้อย หากเป็นชาวบ้านธรรมดาตำลึงเงินตำลึงทองเหล่านี้สามารถเลี้ยงครอบครัวสิบคนได้เป็นหลายสิบปีอย่างฟุ่มเฟือยกระบอกลูกเต๋าคว่ำลงบนโต๊ะแล้ว เจ้ามือค่อย ๆ เปิดกระบอกอย่างช้า ๆ ครานี้มันหาเงินเข้าบ่อนได้มากโขแล้ว?ลูกเต๋าเผยโฉมต่อทุกสายตา ตั้งเรียงสูงเป็นแถวตั้งตรง หน้าแต้มของเต๋าลูกบนคือหกแต้มเห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกสายตาในบริเวณนี้ แต่เต๋าอีกสองลูกยังเป็นปริศนาเจ้ามือที่เห็นผลลูกเต๋าก็ขมวดคิ้ว มันมั่นใจว่าตัวเองควบคุมแต้มเต๋าให้ออกต่ำที่สุด แต่แต้มเต๋าที่เผยออกมาส่วนหนึ่งทำให้มันรู้สึกไม่ค่อยดี“เปิดต่อ ๆ เลย” เยี่ยหยางเร่งด้วยน้ำเสียงร้อนรน การแสดงที่เป็นธรรมชาติเช่นนี้ ไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อยเจ้ามือที่ได้รับสายตากดดันทั่วสารทิศ เอื้อมมือที่หนักอึ้งในความรู้สึกของมันไปหาเต๋าลูกบน กลั้นใจคว้าหยิบในทีเดียว แต่ผลที่ออกมา…หกแต้ม!
เศรษฐีอ้วนที่แพรวพราวไปด้วยเครื่องประดับทองอร่ามเต็มตัวคือ มู่หรงเยี่ยหยางชินอ๋องแห่งราชอาณาจักรซีเว่ย ส่วนสหายผอมแห้งดูเสเพลไม่เอาถ่านคือ หวงฉีเจิ้งเจ้าของหอข่าวซินเหวินที่กำลังมีอำนาจแผ่กระจายไปหลายแว่นแคว้นทั้งสองเดินตามเสี่ยวเอ้อแนะนำมายืนหน้าโต๊ะกว้างที่ขีดตารางแบ่งช่องเป็นตัวเลขและตัวอักษรที่ขีดเขียนว่าสูงและต่ำ“นายท่าน โต๊ะนี้การร่วมเล่นสนุกง่ายนัก เพียงแค่ท่านเดาว่าเจ้ามือจะทอยลูกเต๋าได้แต้มสูงหรือต่ำ ท่านสามารถวางเงินเดิมพันตรงช่องที่ท่านทาย หากท่านทายถูกก็จะได้รางวัล หากทายผิดก็จ่าย อัตราการทายแต้มห้าต่อห้านั้นช่างง่ายดายและน่าสนุกมากขอรับ”“อ๋อ แล้วช่องตัวเลขล่ะ” เยี่ยหยางแกล้งโง่งมไม่รู้วิธีการ แต่หารู้ไม่ว่าเชี่ยวชาญชำนาญยิ่งกว่าเจ้ามือ บ่อนหลายแห่งของซีเว่ยแค่เห็นเงาชินอ๋องก็ปิดทำการบ่อนชั่วคราวทันที รอเทพบัดซบเสร็จกลับไปให้ไกลถึงกล้าแง้มประตูแต่เมืองจินเหมินแห่งนี้เทพเซียนผู้นี้ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน กลับไม่มีโอกาสเหมาะสมมาแวะเวียน ครานี้ได้ฤกษ์โอกาสยามดี ชินอ๋องแห่งซีเว่ยจึงได้โอกาสเยี่ยมเยือนถึงเมืองแห่งกา
เพราะไม่มีใครเห็นหวงฉีเจิ้งมาที่เหมือง เห็นเพียงเยี่ยหยางที่ถูกโทษทัณฑ์“ข้าว่าพวกเราทิ้งแร่ปิดหน้าโถงถ้ำไว้เล็กน้อยดีกว่า”เยี่ยหยางพูด จากน้ันก็ยอมเสียแร่ผลึกเล็กน้อยวางปิดหน้าโถงถ้ำเช่นเดิม มองจากข้างนอกเข้ามาในโถงเหมือนข้างในยังเต็มไปด้วยผลึกแร่ และจำนวนนั้นก็พอจ่ายให้คนในสำนักได้หลังจากนี้อีกสามเดือน ที่มองเห็นมากมายที่เหลือเป็นเพียงเวทภาพลวงตาที่ร่ายส่ง ๆ ผูกติดกับผลึกแร่จริงที่กองปิดโถงถ้ำคาดว่าเดือนที่สามเมื่อแร่ผลึกก้อนสุดท้ายหยิบออกไป คงมีใครคนหนึ่งล้มทั้งยืนที่ตรงนั้น แต่ตัวก่อเรื่องกลับไม่อยู่ในสำนักแล้ว ดูเหมือนจะมีศิษย์อกตัญญูปล้นทรัพย์สินของสำนัก แต่ใช่ว่าผู้อาวุโสที่คุมเหมืองแห่งนี้จะเป็นคนดี พวกเขาแค่ช่วยให้เรื่องมุบมิบของตาแก่คนหนึ่งแดงเร็วขึ้นก็เท่านั้นจากนั้นก็คนนอกสองคนที่ไม่ควรอยู่ที่นี่ก็ติดตั้งค่ายกลวงเวทเคลื่อนย้ายตามจุดประสงค์เริ่มต้นที่มาที่นี่ใช้เวลาถึงสามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก เพราะค่ายกลนี้เป็นวงเวทที่ซับซ้อนต้องการเคลื่อนย้ายวัตถุมีชีวิตและไม่มีชีวิต ซึ่งต้องร่างก่อให้เสถียรทุกอักขระเมื่องานเสร็จสิ้นสอง