Share

ตอนที่8 ไม่อยากเชื่อ

last update Last Updated: 2025-09-04 12:37:01

ฉู่ชิงเฟิงมองอาหารของตนเองสลับกับของอาโต๋วอย่างไม่อยากเชื่อ

“ให้ตายสิ ทำไมของเจ้ามีเนื้อด้วย แต่ทำไมของข้า...ของข้ามีแค่ผักเล่า” เขาใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวฟ่างหุงสุกกับผักในชามไปมา หวังว่าจะพบเนื้อหมูสักชิ้น ทว่าความจริงยังคงโหดร้ายเช่นเดิม

“มีให้กินก็ดีแล้ว เจ้าก็อย่าเรื่องมากนักเลย” หลินอ้ายกล่าว

“เจ้าโกรธเกลียดอะไรข้านักหรือ ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายเยี่ยงนี้” ฉู่ชิงเฟิงหันไปถามหลินอ้ายด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีทุกข์ระทมน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาทำงานหนักขนาดนี้ตั้งแต่เช้า นางกลับมอบให้เพียงข้าวฟ่างชามหนึ่งกับผัดผักวิญญาณหมู แล้วแบบนี้เขาจะไปมีแรงทำงานในช่วงบ่ายได้อย่างไร

“อย่ามาพูดจาเหมือนข้ากลั่นแกล้งเจ้านะ” หลินอ้ายตะหวาดแหว

“ถ้าเจ้าไม่ได้กลั่นแกล้งข้า แล้วทำไมถึงมีแต่อาโต๋วที่ได้กินหมูเล่า”

“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้เหรอ บางทีอาจมีคนเห็นเจ้าเป็นตัวบัดซบกินล้างผลาญ เลยไม่อยากเจียดเนื้อให้เจ้ากินกระมัง” หลินอ้ายยกมือทั้งสองขึ้นพลางไหวไหล่

“ต่อให้เจ้าไม่ชอบหน้าข้าอย่างไร อยากไล่ข้าไปให้พ้นๆ แต่การกลั่นแกล้งคนที่ทำงานหนักมาตลอดเช้าเยี่ยงนี้ เจ้าไม่นึกละอายใจหน่อยเหรอ”

“ละอายใจ? คนที่ควรละอายคือเจ้าต่างหาก ผัดผักจานนั้นมีแต่ของดีๆ แต่เจ้ามันโง่เองที่ไม่รู้ เสียทีอ้วนเสียเปล่า กลับเลือกกิน ร้องหาแต่เนื้อไม่ยอมกินผัก”

ฉู่ชิงเฟิงได้ฟังคำแก้ตัวแบบส่งๆ ของนาง ก็โกรธจนตัวสั่น เพราะสำหรับเขาเรื่องกินนั้นเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าหลินอ้ายจะดูแคลนรูปร่างหน้าตาอย่างไร เขาล้วนทนได้ แต่ถ้าไม่ให้กินเนื้อ เขาทนไม่ได้

“คอยดูเถิดว่า นายหญิงของเจ้าจะว่าอย่างไร” ชายหนุ่มว่าพลางวางชามข้าวลงกับพื้น เตรียมตัวจะหอบสังขารอ้วนกลมไปหาหลินเสี่ยวหรานแล้วแจ้งเรื่องไร้คุณธรรมอย่างที่สุดนี้กับนาง

ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเดิน เท้าของเขาก็มีอันต้องหยุดชะงัก

“ดี งั้นเจ้าไปถามหาเหตุผลกับคุณหนูเอาเองแล้วกัน จะได้เลิกโวยวายโทษข้าสักที”

ฉู่ชิงเฟิงหันหลังกลับมาหาหลินอ้าย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

“ก็หมายความว่า อาหารของเจ้าชามนั้นเป็นคุณหนูจัดแจงให้น่ะสิ” หลินอ้ายลุกขึ้นยืนเท้าสะเอว นึกอยากจะเอาผัดผักชามนั้นไปโยนให้หมูกิน เพราะมันน่าจะซึ้งใจมากกว่าเจ้าหมูอ้วนตรงหน้านาง

“เจ้าจะบอกว่า คุณหนูหลินสั่งให้เจ้าทำแต่กับข้าวแบบนี้ให้ข้า?” ฉู่ชิงเฟิงถามอย่างไม่อยากเชื่อ แต่พอหลินอ้ายพยักหน้า เขาก็ชาวาบไปทั้งตัว

‘หรือว่าหลินเสี่ยวหรานจะไม่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่ เลยส่งอาหารแบบนี้เป็นการไล่ข้าทางอ้อม ที่ว่าสตรีงามมักใจดำไม่ผิดอย่างที่เขาว่าแม้แต่น้อย’

“ข้าว่า เจ้าเลิกโวยวายแล้วมากินข้าวก่อนที่มันจะเย็นหมดดีกว่า ถึงนี่จะเป็นแค่ผัดผัก แต่ปริมาณก็พอให้อิ่มท้องได้ อย่าลืมนะว่าเรายังต้องทำงานต่อกันจนถึงเย็น หากเจ้ามัวเรื่องมากไม่ยอมกินจะเอาแรงจากไหนเล่า” อาโต๋วพูดในขณะที่คีบเนื้อหมูใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย

“เจ้าได้กินเนื้อก็พูดได้สิ” ฉู่ชิงเฟิงพึมพำ รู้สึกว่าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย

“เจ้าจะกินหรือไม่กิน ถ้าไม่กินข้าจะเก็บกลับไปล่ะนะ แล้วอย่าหวังว่าพรุ่งนี้ข้าจะเอาอะไรมาให้เจ้าอีก เรื่องมากนัก ไปทำกินเอาเองก็แล้วกัน” หลินอ้ายพูดด้วยความโมโห ทำท่าจะหยิบชามข้าวของเขากลับใส่ปิ่นโต เพราะอาหารจานนั้นคุณหนูของนางลงมือเข้าครัวทำด้วยตนเอง แล้วแบ่งมาให้เจ้าอ้วนน่าตายนี่กิน ขนาดนางยังไม่ได้ชิมแม้แต่คำเดียว

“เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งเก็บ” ฉู่ชิงเฟิงเดินกลับมาทิ้งตัวลงนั่งข้างอาโต๋ว แล้วคว้าชามข้าวที่มีแต่ผัดผักโปะอยู่บนนั้นมากินอย่างเสียมิได้

เสียงผักกรอบๆ ลั่นอยู่ในปาก ตามมาด้วยกลิ่นหอมขึ้นคอขึ้นจมูกของเครื่องปรุงรสอันเข้มข้น ทำเอาฉู่ชิงเฟิงเบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าหลินอ้ายก็มีฝีมือกับเขาเหมือนกัน ถึงแม้มื้อนี้เขาจะได้กินเพียงผัดผักชาวไร่ธรรมดาที่ไม่มีเนื้อสักชิ้น แต่รสชาติกลมกล่อมที่ละลายอยู่ภายในปาก ก็มากพอจะทำให้เขาทำใจพุ้ยกินข้าวฟ่างแข็งๆ ชวนฝืดคอชามนี้จนหมดเกลี้ยง

“เห็นไหม พอบทจะกินก็กินได้ อร่อยล่ะสิท่า” หลินอ้ายมองชามข้าวที่ว่างเปล่าใบนั้นแล้วอดค่อนขอดคนเรื่องมากไม่ได้

“รสชาติงั้นๆ แหละ แต่ที่ข้ากินจนเกลี้ยงเป็นเพราะต้องใช้แรงทำงานต่อต่างหากเล่า” ทั้งที่ความจริงผัดผักจานนั้นอร่อยมาก แต่เขาไม่อยากให้หลินอ้ายได้ใจ เลยตอบกลับไปอย่างนั้น

“รสชาติงั้นๆ สินะ ได้ ข้าจะบอกคุณหนูให้ว่าเจ้าพูดเช่นนี้”

“ดี นางจะได้รู้ว่าสาวใช้ของตัวเองรสมือแย่ขนาดไหน” ฉู่ชิงเฟิงต่อปากต่อคำอย่างไม่ยี่หระ

“ปากดีต่อไปเถอะ รับรองว่าต่อแต่นี้ไป เจ้าจะไม่ได้กินอะไรดีๆ แบบนี้อีกแน่นอน” หลินอ้ายที่เก็บชามลงในปิ่นโตเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินจากไปทันที ปล่อยให้ฉู่ชิงเฟิงนั่งงงอยู่ตรงนั้น

“อาเปา เจ้าช่างหาเรื่องใส่ตัวยิ่งนัก”

“ข้าก็แค่อยากตอบโต้นางบ้างก็เท่านั้นเอง”

อาโต๋วส่ายหัวดิกให้กับการกระทำสิ้นคิดของฉู่ชิงเฟิง “มีเรื่องกับใครไม่มี ดันอยากไปมีเรื่องกับคนที่ทำกับข้าวเสียอย่างนั้น แทนที่มื้อหน้าจะได้กินอะไรที่ดีกว่านี้ เกรงว่าต่อไปเจ้าคงลำบากแล้ว”

“ไอ้หยา! ข้าก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียสนิท แล้วแบบนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดีเล่า”

“พวกเราที่ไหนเล่า ข้าไม่เกี่ยวด้วยสักหน่อย เจ้านั่นแหละที่ต้องรับความโกรธของสตรีที่เจ้าดูถูกรสชาติอาหารของนางเอาไว้ไปเต็มๆ”

นาทีนั้นเอง ฉู่ชิงเฟิงถึงเข้าใจว่าตนเองทำผิดพลาดอย่างแรง ครั้นจะไปขอโทษหลินอ้ายตอนนี้ นางก็เดินหายลับไปไกลแล้ว

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่76 จบ

    เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “เพราะอย่างนั้น ข้าเลยไม่เห็นจำเป็นต้องโอ้อวดความสามารถอะไรเลย หลายครั้งที่ข้าช่วยเสนอความคิดต่างๆ กับเสด็จพ่อ และช่วยให้จิ้นอ๋องทำผลงาน ให้เขาได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ข้าแค่เห็นว่าได้ช่วยให้คนสองคนที่ข้ารักและเคารพได้สมปรารถนา ได้เติบโตในเส้นทางของพวกเขาก็ถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ข้ามีความสุขมากนะเมื่อได้เห็นพวกเขามีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศอะไรให้ใครรู้เลย”หลินเสี่ยวหรานฟังแล้วใจอ่อนยวบ ความคิดของฉู่ชิงเฟิงนั้นสูงส่งและบริสุทธิ์ยิ่งกว่าที่นางคิดไว้มากนัก นางรู้สึกละอายใจที่เคยมองเขาเพียงผิวเผิน“เข้าใจแล้วเพคะ” นางพึมพำ ก่อนจะถามคำถามต่อไป “แล้ววรยุทธ์เล่าเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าท่านอ๋องมีวรยุทธ์ แต่หม่อมฉันคิดว่าแค่พอป้องกันตัวได้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าท่านจะเก่งกาจราวเทพสงคราม จนสามารถปราบโจรป่าได้ราบคาบในพริบตา”“เทพสงครามอะไรกันเล่าหรานเอ๋อร์” ฉู่ชิงเฟิงส่ายหน้า เขาปฏิเสธคำชมนั้นอย่างรวดเร็ว “ที่ต้องฝึกวรยุทธ์ก็เพราะถูกบังคับให้ฝึกน่ะสิ ข้าไม่ชอบด้วยซ้ำ เพราะมันเหนื่อยจะตายไป”เขาบ่นอุบอิบ “ที่พอจะดีหน่อยก็คือเรื่องยิงธนูนั่นแหละ เพราะแค่ยื

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่75 คืนจันทร์ฉาย

    หลังจากเหตุการณ์ปราบโจรป่าครั้งใหญ่ที่จบลงไปอย่างน่าตื่นตะลึง หลินเสี่ยวหรานยังคงรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ ถ่วงอยู่ในอก ภาพของฉู่ชิงเฟิงที่พลิ้วไหวกระบี่ดุจเทพสงคราม และเงาร่างของหลานเหมยที่ปลิดชีพศัตรูอย่างเลือดเย็นวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของนางตลอดเวลา มันเป็นภาพที่แตกต่างจาก ‘ท่านอ๋องว่างงานผู้ใจดี’ ที่นางรู้จักมาโดยสิ้นเชิงความรู้สึกเหมือนถูกปิดบัง คล้ายเขายังคงเป็นคนแปลกหน้าเกาะกินใจนาง ทำให้นางไม่สามารถร่าเริงได้เหมือนเคยบรรยากาศในจวนดูเหมือนจะปกติ แต่ความอึดอัดบางอย่างลอยอบอวลอยู่ระหว่างโซ่วอ๋องกับพระชายา หลินเสี่ยวหรานพยายามทำตัวปกติ ทว่าความเงียบที่เข้าปกคลุมระหว่างพวกเขามักจะหนักอึ้งอยู่เสมอฉู่ชิงเฟิงสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของพระชายาของเขามาตลอดหลายวัน ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววกังวล“หรานเอ๋อร์ วันนี้อากาศดีนัก ข้าเห็นว่าเจ้าดูไม่ค่อยสบายใจ ไยเราไม่ออกไปเดินเล่นในตลาดสักหน่อยเล่า เผื่อจะช่วยให้ใจเจ้าผ่อนคลายขึ้นบ้าง”หลินเสี่ยวหรานวางผ้าปักในมือลงช้าๆ พลางเงยหน้ามองเขา “เพคะท่านอ๋อง” นางตอบรับเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงเจือความห่างเหิน แม้ในใจจะรู้สึกว่าการไปเดินตลาดอาจไม่ได้ช

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่74 ถอนหายใจ

    เขาเดินโซซัดโซเซเข้าไปหาฉู่ชิงเฟิง ทรุดตัวลงคุกเข่าต่อหน้าทันที “ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉัน... หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉัน... หม่อมฉันไม่เคยคิดเลยว่าท่านอ๋องจะ... ทรงเก่งกาจถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารบ้านเมือง หรือวรยุทธ์ ท่านคือผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตกระหม่อมเอาไว้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขอสารภาพว่าตลอดมากระหม่อมอิจฉาท่าน ไม่ยอมรับในความสามารถของท่าน แต่บัดนี้... กระหม่อมยอมรับแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ท่านคือผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างแท้จริง หลี่เจิ้นขอถวายชีวิตรับใช้ท่านอ๋องตลอดไป และจะเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ของท่านอ๋องแต่เพียงผู้เดียวพ่ะย่ะค่ะ”น้ำเสียงของหลี่เจิ้นสั่นเครือด้วยความรู้สึกผิดและสำนึกอย่างแท้จริง แววตาที่มองฉู่ชิงเฟิงเปี่ยมไปด้วยความเคารพอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับเขาได้พบกับเทพเจ้าที่พร้อมจะยอมอุทิศตนเองให้ฉู่ชิงเฟิงมองหลี่เจิ้นนิ่งๆ ก่อนจะถอนหายใจ และยื่นมือไปประคองเขาให้ลุกขึ้น “ลุกขึ้นเถิดท่านรองเจ้าเมือง เพียงท่านเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่เปิ่นหวางทำเพื่อแคว้นก็พอแล้ว เรื่องที่ผ่านมาเปิ่นหวางไม่เคยติดใจ” แม้จะพูดเช่นนั้น แต่ภายในใจของฉู่ชิงเฟิงก็รับรู้ได้ถึงชัยช

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่73 หัวใจแทบหยุดเต้น!

    ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ฉู่ชิงเฟิงพลันสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมาจากเงามืดอีกครั้ง คราวนี้มันรุนแรงกว่าเดิมหลายเท่า ราวกับพายุที่พร้อมจะพัดทำลายทุกสิ่ง เขาเหลือบมองไปยังทิศทางนั้นโดยไม่ละสายตาจากศัตรูเบื้องหน้า“หลานเหมย...” เสียงของฉู่ชิงเฟิงต่ำลง แต่หนักแน่นเด็ดขาด “ไประบายโทสะของเจ้าได้”สิ้นคำสั่งนั้นเอง ร่างหนึ่งก็พลันปรากฏกายขึ้นจากเงามืด ราวกับภูตผีที่โผล่พ้นจากนรกานต์ นางสวมชุดองค์รักษ์สีดำสนิท ปกปิดทุกส่วนของร่างกาย แม้กระทั่งใบหน้าก็ถูกผ้าคลุมสีดำทมึนบดบังไว้จนมิดชิด เห็นเพียงประกายเย็นเยียบและดุดันที่ลอดผ่านช่องแคบของผ้าคลุมเท่านั้น รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างของนางเข้มข้นจนบรรยากาศโดยรอบพลันเย็นยะเยือก เสียงกรีดร้องของโจรที่ดังระงมอยู่แล้ว กลับทวีความน่าหวาดกลัวขึ้นเมื่อเงาร่างสีดำนั้นเริ่มเคลื่อนไหว การโจมตีของนางรวดเร็ว ไร้ความปรานี และเต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว ราวกับยมทูตที่มาทวงวิญญาณทันใดนั้นเอง นางก็เริ่มเคลื่อนไหว ร่างกายที่เคยสงบนิ่งบัดนี้กลับบ้าคลั่งราวกับสัตว์ร้ายที่หลุดออกจากกรงขัง นางพุ่งเข้าใส่กลุ่มโจรที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความเร็วเหนือมนุษย์ เสียง

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่72 สุราดีไม่ดื่ม อยากดื่มสุราพิษ!

    “เรียนท่านอ๋อง... พระชายาและท่านรองเจ้าเมือง... ถูกจับตัวไปพ่ะย่ะค่ะ!” เสียงของเขาขาดห้วง ร่างของเฉาเหมยในอ้อมแขนซีดเผือดไร้ชีวิตชีวา พิษกำลังแล่นเข้าสู่หัวใจทันทีที่เห็นสภาพของเฉาเหมยที่ถูกนำกลับมาในสภาพปางตาย ฉู่ชิงเฟิงพลันสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาเห็นธนูพิษที่ปักอยู่บนแขนของนาง ดวงตาคมกริบฉายแววเป็นห่วงปนโทสะ“ใครก็ได้! ไปตามหมอหลวงมาดูอาการเฉาเหมยเดี๋ยวนี้” ฉู่ชิงเฟิงตะโกนเสียงดังลั่น ในขณะที่หมอหลวงกำลังเดินทางมาอย่างเร่งด่วนในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ฉู่ชิงเฟิงก็รับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่รุนแรงจนน่าสะพรึง มันแผ่ออกมาจากเงามืดในมุมหนึ่งของห้องโถง แม้จะไร้ซึ่งเสียงและตัวตนที่มองเห็น แต่จิตสังหารนั้นก็เข้มข้นจนทำให้เส้นผมบนแขนของเขาลุกชัน เขารู้ดีว่าความรู้สึกนี้มาจากใคร หลานเหมยคงเดือดดาลอย่างถึงที่สุดที่ได้เห็นสภาพปางตายของผู้เป็นน้องสาว จิตสังหารที่แผ่ออกมานั้นไม่ใช่แค่ความโกรธแค้น แต่มันคือคำประกาศกร้าวว่า ‘จะไม่มีใครรอด’ และผู้ที่บังอาจทำร้ายน้องสาวของนางจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตอย่างสาสมจากนั้นองครักษ์ผู้รอดชีวิตก็ยื่นจดหมายที่กำแน่นในมือให้ฉู่ชิงเฟิง เขาหยิบมาคลี่ออกอ่าน แววตา

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่71 โซ่วอ๋องผู้อัญเชิญเทพปีศาจ

    หนึ่งปีแห่งความรุ่งเรืองของแคว้นหลิงหลงได้ผ่านไป ภายใต้การบริหารของฉู่ชิงเฟิงและเหล่าขุนนางผู้จงรักภักดี เมืองชิงหลิวและหัวเมืองน้อยใหญ่ต่างเต็มไปด้วยความมั่งคั่ง ผู้คนใช้ชีวิตอย่างผาสุกแต่เหรียญย่อมมีสองด้าน...ความร่ำรวยดึงดูดสายตาของเหล่าโจรป่าผู้หิวโหย ภัยร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขาเริ่มคุกคามเส้นทางการค้าและการสัญจรของชาวบ้าน สร้างความปั่นป่วนไปทั่วแคว้นภายในจวนเจ้าเมือง “กราบทูลท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ! แม้แคว้นเราจะมั่งคั่งขึ้น แต่ปัญหาโจรป่ากลับหนักหนาสาหัสขึ้นพ่ะย่ะค่ะ พวกมันกล้าดียิ่งขึ้น ดักปล้นขบวนสินค้าและชาวบ้านตามเส้นทางสำคัญๆ ทำให้การค้าชะงักงันพ่ะย่ะค่ะ” แม่ทัพซ่งยืนกรานสีหน้าเคร่งเครียดฉู่ชิงเฟิงขมวดคิ้ว “แล้วกองทัพเล่า ท่านแม่ทัพมีกำลังไม่เพียงพอหรืออย่างไร”แม่ทัพซ่งถอนหายใจหนัก “กำลังพลมีจำกัดพ่ะย่ะค่ะ ทหารหลวงหนึ่งพันนายต้องกระจายกำลังดูแลสี่หัวเมือง อีกทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างก็เริ่มชำรุดทรุดโทรม เพราะสงบศึกมานานหลายปี ทหารเองก็ขาดการฝึกฝนอย่างเข้มข้น ทำให้ความแข็งแกร่งลดลงพ่ะย่ะค่ะ”“ปัญหาใหญ่จริงๆ นั่นแหละท่านแม่ทัพ เปิ่นหวางเข้าใจดี” ฉู่ชิงเฟิงหันไปมองเหวินจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status