Share

ตอนที่7 ถ้าเป็นเรื่องนั้น

last update Last Updated: 2025-09-04 12:36:31

ปัง ปัง ปัง!

ฉู่ชิงเฟิงกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เพราะตกใจเสียงเคาะประตู ครั้นหันมองไปรอบกาย ก็พบว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง แต่อาโต๋วกลับมาเรียกคน ถึงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างเสียมารยาทยิ่ง แต่เขาก็รีบลุกจากที่นอน เดินแบกพุงพลุ้ยๆ ของตนเองไปเปิดประตูในที่สุด

“เจ้ามาเคาะประตูเรียกข้าด้วยเหตุอันใด” ฉู่ชิงเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด

“นี่อาการเจ้าหนักมาก กระทั่งเมื่อวานคุยอะไรไว้กับคุณหนูก็ลืมไปหมดแล้ว?” อาโต๋วไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะถามเขากลับ

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ข้าย่อมจำได้”

“ถ้าเจ้าจำได้ทำไมถึงมัวแต่นอนอยู่เล่า ปล่อยให้ข้าเคาะประตูเรียกเสียนาน”

ฉู่ชิงเฟิงย่นคิ้ว พลางหันไปมองท้องฟ้าที่มืดอยู่ “ข้ามิได้ตื่นสายเสียหน่อย ฟ้ายังไม่ทันสางเลย”

“แล้วเจ้าจะรอให้ตะวันโผล่พ้นยอดไผ่ก่อนหรือไงถึงค่อยทำงาน”

“มันก็ควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ”

อาโต๋วส่ายหัวไปมา เขารู้สึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้หาคนมาช่วยงาน แต่จะเพิ่มภาระให้เขามากกว่า “คุณหนูหนอคุณหนู ดูก็รู้ว่าเจ้าคงทำอะไรไม่เป็นยังจะยื่นข้อเสนอแบบนั้นอีก ไล่ๆ ไปเสียก็หมดเรื่องแล้ว”

ฉู่ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา ขืนอาโต๋วไปบอกว่าเขาไม่ยอมทำงาน ตนเองคงไม่แคล้วถูกหลินเสี่ยวหรานไล่ออกจากบ้านก่อนเวลาอันควร

“ข้าแค่เข้าใจผิดคิดว่าเวลาเริ่มงานคือตอนตะวันขึ้นพ้นเหลี่ยมเขา หาใช่ตื่นสายเพราะความขี้เกียจ อาโต๋ว อย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรก เจ้าจะให้โอกาสข้าสักครั้งไม่ได้เชียวหรือ” เขาพูดเสียงอ่อย พยายามทำตัวให้ดูน่าสงสารมากที่สุด เพราะถึงอาโต๋วจะเป็นแค่เด็กรับใช้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้อาศัยที่อาจถูกไล่ออกไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นควรอ่อนน้อมเข้าไว้

“เอาเถอะๆ ข้าจะถือว่าเจ้าผิดพลาด เพราะความไม่รู้ ทีนี้ก็รีบไปแต่งเนื้อแต่งตัว แล้วตามข้าไปที่ห้องเก็บฟืนล่ะ” อาโต๋วพูดจบก็หมุนกายจากไป

ฉู่ชิงเฟิงปิดประตู แล้วปรี่เข้าไปหยิบชุดตัวนอกมาสวม จากนั้นก็เดินไปยังห้องเล็กๆ ที่ทำเอาไว้สำหรับให้คนที่อยู่ในเรือนล้างหน้าล้างตา

ครั้นทำธุระส่วนตัวเสร็จ ฉู่ชิงเฟิงก็รีบแล่นไปยังห้องเก็บฟืนด้วยความเร็วสุดฝีเท้า แต่ถึงบ้านหลังนี้จะมิได้มีอาณาเขตไม่กว้างขวางนัก ทว่าด้วยน้ำหนักตัวของเขา ทำให้กว่าจะถึงที่หมายก็เหนื่อยจนลิ้นห้อย หอบราวสุนัขตากแดดจัด

อาโต๋วเห็นสภาพของคนที่จะมาช่วยงานตัวเองแล้ว ก็ได้แต่ปลดปลง เพราะคุณหนูมอบหมายชายผู้นี้มาให้อยู่ในความรับผิดชอบของเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็ต้องฝึกให้เจ้าอ้วนนี่ทำงานออกแรงแบบลูกผู้ชายให้ได้

ตั้งแต่เกิดมาเป็นองค์ชาย กระทั่งได้รับตำแหน่งโซ่วอ๋อง ฉู่ชิงเฟิงเคยถูกเสด็จพ่อชวนปลอมตัวออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองอยู่บ้าง เพื่อตรวจตราความเป็นอยู่ของราษฎร ทว่าก็ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาต้องใช้แรงงานเยี่ยงนี้มาก่อน

ตั้งแต่ตะวันยังไม่พ้นเหลี่ยมเขาจวบจนลอยเด่นเหนือยอดไผ่ ฉู่ชิงเฟิงแทบไม่ได้หยุดพัก ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้ามากวาจา เพราะอาโต๋วก็มิได้หยุดมือ แล้วยังทำงานได้เยอะกว่าเขาเป็นเท่าตัวโดยที่ไม่บ่นสักคำอีกด้วย อ๋องหนุ่มที่หาเรื่องปลอมตัวเพื่ออาศัยบ้านคนอื่นอยู่จึงยอมกัดฟัน อดทนทำงานทุกอย่างที่อีกฝ่ายมอบหมายให้อย่างสุดความสามารถ

ในที่สุดอาโต๋วก็ตะโกนมาจากอีกด้านหนึ่งของแปลงผัก บอกให้พักกลางวันได้

ฉู่ชิงเฟิงทิ้งจอบขุดดิน แล้วพาร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ พลันทิ้งกายนอนแผ่หลาอยู่ตรงนั้น ส่วนอาโต๋วกลับเดินเข้ามานั่งหลบร้อนที่ด้านข้างด้วยสีหน้าและลมหายใจสงบ แตกต่างจากเขาที่ยามนี้หอบฮัก เสื้อผ้าเปียกโชกด้วยเหงื่อไปหมดราวกับเพิ่งไปตกบ่อน้ำมา

“อาโต๋วเจ้าทำงานทั้งหมดนี่เสร็จด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร ช่างเก่งกาจยิ่ง” ฉู่ชิงเฟิงชมจากใจ ที่เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ อย่างอาโต๋วทำงานเหล่านี้คนเดียวมาโดยตลอด

“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าก็แค่ทำงานไปตามปกติ บ่าวชายบ้านใดก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ” อาโต๋วพูดพลางแหวกสาบเสื้อของตนเองออกเพื่อระบายความร้อน ฉู่ชิงเฟิงหันไปมองภาพนั้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องเบิกตาด้วยความรู้สึกอิจฉา เพราะถึงอีกฝ่ายจะดูตัวเล็ก แต่กลับมีกล้ามอกและท้องเป็นลอน

‘สวรรค์ เจ้าเด็กผอมแห้งคนนี้มันซ่อนรูปชัดๆ ถ้าสาวๆ มาเห็นเข้าละก็ คงจะใจเต้นน่าดู’

อาโต๋วถูกผู้ชายด้วยกันจดจ้องจนขนลุก เขารีบดึงเสื้อมาปิดตัวเองเอาไว้ “มองอะไรหนักหนาเนี่ย ข้า…ข้าไม่ใช่พวกตัดแขนเสื้อนะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

“แล้วมันเรื่องอะไรที่ต้องมองข้าแบบนั้นกัน ขนลุกโว้ย!” อาโต๋วตวาดใส่ พลางเขยิบออกห่างอีกฝ่ายเอามือลูบแขนตนเองท่าทางขนพองสยองเกล้า

“ที่ข้ามอง เป็นเพราะสำหรับข้า เจ้านั้นทำงานเก่ง แล้วยังมีรูปร่างกำยำแข็งแรง หน้าตาก็คมคาย แตกต่างจากข้าที่อ้วนน่าเกลียดต่างหากเล่า” น้ำเสียงของฉู่ชิงเฟิงแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่รางๆ เขาเป็นถึงอ๋อง แต่รูปร่างหน้าตากลับคมเข้มสมชายสู้คนธรรมดาอย่างอาโต๋วไม่ได้สักกระผีก

“อาเปา อย่าบอกนะว่าแค่นี้เจ้าก็อิจฉาข้าแล้ว?” อาโต๋วหันไปมองคู่สนทนาด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่เกิดมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีคนนึกริษยาบ่าวในเรือนเบี้ยอย่างตนเอง ต้องเป็นเขาหรือเปล่า ที่สมควรต้องอิจฉาชายอ้วนผู้นี้ เพราะดูอย่างไรก็คงเกิดในตระกูลมีอันจะกิน

ฉู่ชิงเฟิงคิดถึงคำพูดดูแคลนของหลินผู่ซินก็ให้ปวดแปลบในใจ “บอกตามตรง ข้าอยากเป็นคนที่ทั้งบึกบึน คมเข้มสมชายชาตรีแบบเจ้า”

อาโต๋วรับรู้ได้ถึงความหดหู่ของชายอ้วนที่นอนหมดอาลัยอยู่ข้างๆ พลันนึกเห็นใจขึ้นมา เนื่องจากตอนแรกเขาคิดว่าคนอย่างอาเปาน่าจะทนทำงานหนักได้ไม่เกินครึ่งชั่วยาม แต่นอกจากจะไม่บ่นแล้ว เขายังตั้งใจทำทุกอย่างแบบสุดความสามารถ ถึงผลงานจะไม่เป็นที่น่าพอใจก็ตาม แต่คนที่ดูก็รู้ว่าไม่เคยต้องลำบากแบบนี้ ทำได้ถึงเพียงนี้ ก็นับว่าเป็นคนใช้ได้ อาโต๋วจึงนึกอยากจะช่วยขัดเกลาอาเปาให้ดีขึ้นมาจริงๆ แล้ว

“อาเปา เจ้าคงไม่รู้ว่า เมื่อก่อนข้าเป็นบ่าวชายที่ตัวเล็กที่สุดในบ้านสกุลหลิน ยามนั้นเพราะข้าอ่อนแอ จึงถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง และโยนงานของตัวเองให้ข้าทำคนเดียวอยู่เป็นประจำ ข้าจำต้องอดทนทำงานในส่วนของคนอื่น เพราะถ้าไม่ทำก็จะโดนทำร้าย ดังนั้นแม้ข้าจะเหนื่อยล้า และทุกข์ใจเพียงใด แต่ข้าก็อดทนอดกลั้นจนสามารถทำงานเหล่านั้นได้อย่างชำนาญ แน่นอนว่าการทำงานหนักทำให้ร่างกายของข้าแข็งแรงกำยำขึ้น จนสามารถต่อกรกับไอ้ขี้เกียจพวกนั้นได้ แม้ข้าจะดูตัวเล็กกว่า”

“เจ้าหมายความว่า ถ้าข้าทำงานหนัก ข้าก็สามารถเป็นอย่างเจ้าได้งั้นรึ”

อาโต๋วพยักหน้า “ใช่แล้ว”

ดวงตาของฉู่ชิงเฟิงมีประกายแห่งความหวังขึ้นมา เขารีบลุกขึ้นนั่ง มองไปยังลอนกล้ามเนื้อที่ท้องของอาโต๋วอีกครั้งอย่างชื่นชม

แต่แล้วปณิธานทั้งหมดที่อาโต๋วอุตส่าห์สร้างเสริมให้ฉู่ชิงเฟิงพลันจบลง ตอนที่หลินอ้ายเอากับข้าวของพวกเขามาส่ง…

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่11 ไร้คุณธรรม

    “ไม่ใช่นะ ผ้าพวกนี้เป็นของคุณหนูทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้นจะขายได้ราคาดีขนาดนี้ได้อย่างไร”“เจ้านั่นแหละที่ไม่รู้อะไร” ฉู่ชิงเฟิงส่ายหัว ทั้งสงสารทั้งสมเพชที่หลินอ้ายโดนเถ้าแก่ร้านตัดเย็บแห่งนี้กดราคาสินค้าอย่างหน้าด้านๆ“ของพวกนี้ต้องขายได้สองสามตำลึงเงินจริงๆ หรืออาเปา”“พูดไปแล้วอาจจะทำให้เจ็บใจ แต่หลินอ้าย เจ้าโดนเถ้าแก่ไร้คุณธรรมหลอกเข้าแล้ว”“ขะ...ข้าโดนหลอกงั้นรึ” หลินอ้ายหน้าซีด ทั้งที่คุณหนูมอบหมายให้นางมาขายของด้วยความไว้วางใจแท้ๆ แต่นางกลับพอใจจำนวนเงินที่ไม่สมกับความเหนื่อยยากของเจ้านาย“อย่าโทษตนเองไปเลยหลินอ้าย เจ้าเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ ในจวนจะไปรู้เรื่องค้าขายได้เยี่ยงไร ถ้าให้ข้าเดา ที่เจ้าพอใจในราคาที่เถ้าแก่เสนอ เพราะเขาให้ราคาเจ้ามากกว่าสินค้าทั่วไปที่ขายอยู่หน้าร้าน ทั้งยังชื่นชมงานของคุณหนูไม่ขาดปาก แล้วสัญญาว่าต่อไปหากมีของมาขายอีก เขาก็จะรับทุกชิ้นในราคาสูงแบบนี้ใช่หรือไม่”“อาเปา เจ้ารู้ได้ยังไง” หลินอ้ายตกใจที่เขาเดาถูกแทบทุกอย่าง“ส่วนคุณหนูเจ้า พอได้รับเงินก็มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้ยิ้มแย้มยินดีอะไร”“อาเปา จะ...เจ้าแอบสืบเรื่องของคุณหนูมาตั้งแต่เมื่อไร บอกมาเดี

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่10 นั่งยิ้มใจลอย

    บ้านสวนสกุลหลินตั้งอยู่ในเขตอำเภอจงมู่ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรม สวนของพวกเขาอยู่ห่างจากตัวอำเภอไกลพอสมควร จึงต้องอาศัยรถม้าในการเดินทางพอถึงตัวอำเภออาโต๋วก็บังคับม้าตรงไปยังร้านขายผ้าในตลาด ฉู่ชิงเฟิงที่ส่วนใหญ่อยู่แต่ในเมืองหลวง พอได้ออกมาเปิดหูเปิดตาจึงถือโอกาสสำรวจความเป็นอยู่ของราษฎรเสียเลย เขามองทุกที่ที่รถม้าแล่นผ่านอย่างพิจารณา แล้วพบว่าถึงจงมู่จะเป็นอำเภอเล็กๆ แต่ก็มีแผงลอย ร้านค้าเปิดอยู่หลายร้านเลยทีเดียว ชาวบ้านก็ดูมีความสุขดี แทบจะไม่เจอขอทานตามท้องถนน อ๋องหนุ่มในคราบอาเปาจึงอดยิ้มปลาบปลื้มแทนพระบิดาไม่ได้“มัวยิ้มอยู่นั่น รีบลงจากรถแล้วเอาบันไดมาวางให้คุณหนูเร็วเข้า” อาโต๋วหันไปสั่งอาเปาที่มัวแต่ใจลอยให้ลุกมาช่วยกันทำงาน“อ่า ถึงแล้วเหรอ”“ก็ถึงแล้วน่ะสิ เจ้ามัวแต่นั่งยิ้มใจลอยอยู่นั่น ไหนว่าไม่อยากมาไงเล่า”ฉู่ชิงเฟิงไม่คิดจะโต้เถียงกับอาโต๋ว จึงทำเป็นหัวเราะแหะๆ กลบเกลื่อน แล้วรีบลงจากรถม้าไปหยิบบันไดมาวางให้หลินเสี่ยวหราน ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษที่ถูกอบรมว่าต้องดูแลสุภาพสตรี เขาจึงเผลอยื่นมือออกไปให้หลินเสี่ยวหราน โดยลืมไปว่ายามนี้ตนเองเป็นเพียงคนความจำเสื่

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่9 สตรีใจดำอำมหิต

    วันคืนของการเป็นอาเปาผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ จากวันเป็นเดือน แต่เวลายิ่งผ่านไป งานที่อาโต๋วโยนมา ไม่สิ มอบหมายให้ฉู่ชิงเฟิงก็เริ่มมากมายขึ้นเป็นเงาตามตัว ด้วยเหตุผลที่ว่าเขาทำงานคล่องแล้ว ก็ควรแบ่งหน้าที่รับผิดชอบให้ชัดเจน ทำให้จากเดิมที่มีอาโต๋วคอยช่วยเวลาที่เขาหมดแรงทำงานไม่ทัน ตอนนี้เขาไม่อาจทำเช่นนั้นได้อีกแล้ว แต่อ๋องหนุ่มยังไม่มีความคิดจะกลับสู่ฐานะเดิมในเร็ววันนี้แน่นอนว่าพองานหนักขึ้น ท้องไส้ของเขาก็ยิ่งปั่นป่วน เสียงพุงน้อยๆ ร้องขออาหารใส่ท้องนั้นดังพอๆ กับเสียงโอดครวญที่ดังขึ้นอยู่ภายในใจของเขาแต่สตรีใจดำอำมหิตอย่างหลินเสี่ยวหรานกลับให้หลินอ้ายส่งแต่ข้าวแข็งๆ โปะกับข้าวที่มีแต่ผักล้วนๆ ไม่มีเนื้อผสมมาให้ทุกเมื่อเชื่อวันช่างใจจืดใจดำไร้คุณธรรมยิ่ง!ฉู่ชิงเฟิงคิดไปพลางพุ้ยข้าวเข้าปากเคี้ยวแล้วกลืนมันลงไปพลางพร้อมกับความเคียดแค้นที่พองฟูอยู่เต็มท้อง“คอยดูเถอะหลินเสี่ยวหราน หากวันใดได้กลับคืนสู่ฐานะ เปิ่นหวางจะจับเจ้าไปขังเอาไว้แล้วให้กินแต่ผักทุกมื้อเยี่ยงนี้สักปีสองปี”“เจ้าหมูอ้วน เจ้าว่าใครจะจับใครไปขังนะ” หลินอ้ายที่เดินมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้เอ่ยถาม เมื่อครู่นางยังอยู่ไกลจึง

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่7 ไม่อยากเชื่อ

    ฉู่ชิงเฟิงมองอาหารของตนเองสลับกับของอาโต๋วอย่างไม่อยากเชื่อ“ให้ตายสิ ทำไมของเจ้ามีเนื้อด้วย แต่ทำไมของข้า...ของข้ามีแค่ผักเล่า” เขาใช้ตะเกียบเขี่ยข้าวฟ่างหุงสุกกับผักในชามไปมา หวังว่าจะพบเนื้อหมูสักชิ้น ทว่าความจริงยังคงโหดร้ายเช่นเดิม“มีให้กินก็ดีแล้ว เจ้าก็อย่าเรื่องมากนักเลย” หลินอ้ายกล่าว“เจ้าโกรธเกลียดอะไรข้านักหรือ ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายเยี่ยงนี้” ฉู่ชิงเฟิงหันไปถามหลินอ้ายด้วยดวงตาแดงก่ำ ท่าทีทุกข์ระทมน่าสงสารอย่างยิ่ง เขาทำงานหนักขนาดนี้ตั้งแต่เช้า นางกลับมอบให้เพียงข้าวฟ่างชามหนึ่งกับผัดผักวิญญาณหมู แล้วแบบนี้เขาจะไปมีแรงทำงานในช่วงบ่ายได้อย่างไร“อย่ามาพูดจาเหมือนข้ากลั่นแกล้งเจ้านะ” หลินอ้ายตะหวาดแหว“ถ้าเจ้าไม่ได้กลั่นแกล้งข้า แล้วทำไมถึงมีแต่อาโต๋วที่ได้กินหมูเล่า”“เรื่องนั้นข้าจะไปรู้เหรอ บางทีอาจมีคนเห็นเจ้าเป็นตัวบัดซบกินล้างผลาญ เลยไม่อยากเจียดเนื้อให้เจ้ากินกระมัง” หลินอ้ายยกมือทั้งสองขึ้นพลางไหวไหล่“ต่อให้เจ้าไม่ชอบหน้าข้าอย่างไร อยากไล่ข้าไปให้พ้นๆ แต่การกลั่นแกล้งคนที่ทำงานหนักมาตลอดเช้าเยี่ยงนี้ เจ้าไม่นึกละอายใจหน่อยเหรอ”“ละอายใจ? คนที่ควรละอายคือเจ้าต่างหา

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่7 ถ้าเป็นเรื่องนั้น

    ปัง ปัง ปัง!ฉู่ชิงเฟิงกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เพราะตกใจเสียงเคาะประตู ครั้นหันมองไปรอบกาย ก็พบว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง แต่อาโต๋วกลับมาเรียกคน ถึงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างเสียมารยาทยิ่ง แต่เขาก็รีบลุกจากที่นอน เดินแบกพุงพลุ้ยๆ ของตนเองไปเปิดประตูในที่สุด“เจ้ามาเคาะประตูเรียกข้าด้วยเหตุอันใด” ฉู่ชิงเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด“นี่อาการเจ้าหนักมาก กระทั่งเมื่อวานคุยอะไรไว้กับคุณหนูก็ลืมไปหมดแล้ว?” อาโต๋วไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะถามเขากลับ“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ข้าย่อมจำได้”“ถ้าเจ้าจำได้ทำไมถึงมัวแต่นอนอยู่เล่า ปล่อยให้ข้าเคาะประตูเรียกเสียนาน”ฉู่ชิงเฟิงย่นคิ้ว พลางหันไปมองท้องฟ้าที่มืดอยู่ “ข้ามิได้ตื่นสายเสียหน่อย ฟ้ายังไม่ทันสางเลย”“แล้วเจ้าจะรอให้ตะวันโผล่พ้นยอดไผ่ก่อนหรือไงถึงค่อยทำงาน”“มันก็ควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ”อาโต๋วส่ายหัวไปมา เขารู้สึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้หาคนมาช่วยงาน แต่จะเพิ่มภาระให้เขามากกว่า “คุณหนูหนอคุณหนู ดูก็รู้ว่าเจ้าคงทำอะไรไม่เป็นยังจะยื่นข้อเสนอแบบนั้นอีก ไล่ๆ ไปเสียก็หมดเรื่องแล้ว”ฉู่ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา ขืนอาโต๋วไปบอกว่าเขาไม่ยอมทำงาน ตนเ

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่6 ข้าก็ยินดีจะตั้งให้

    หลินเสี่ยวหรานให้ฉู่ชิงเฟิงตามนางไปที่โต๊ะหินใต้ต้นอิงฮวา แล้วเชิญให้เขานั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จากนั้นไม่นานอาโต๋วก็ไปตามลุงชุนมาสมทบ ครั้นทุกคนภายในบ้านอยู่รวมกันครบแล้ว หลินเสี่ยวหรานถึงได้เริ่มบทสนทนา“ก่อนหน้าเป็นเพราะเจ้าป่วยอยู่ ข้าจึงมิได้พูดคุยอะไรด้วยแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่บัดนี้ร่างกายของเจ้าแข็งแรงสมบูรณ์ดีแล้ว ข้าเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่เราจะต้องพูดคุยกันเสียที ถึงแม้เจ้าจะยังจำอะไรไม่ได้ก็ตาม”“คุณหนูหลินมีเรื่องอันใดก็บอกกล่าวมาได้เลย” ใบหน้าอ้วนกลมของฉู่ชิงเฟิงดูจริงจังขึ้นสามส่วน“แต่ก่อนที่จะคุยอะไรกัน ข้าคิดว่าเจ้าควรหาชื่อให้ตนเองก่อน จะได้เรียกขานกันได้ถูก”“นั่นสินะ” ฉู่ชิงเฟิงไม่ได้คิดเรื่องนี้มาก่อน พอถูกถามก็นึกไม่ทันอยู่บ้าง เพราะในหัวมีคำมงคลมากมายลอยวนอยู่ในนั้น แต่ก็ยังหาชื่อที่ความหมายดี และถูกใจตนเองไม่ได้ทว่าคนที่รอฟังคำตอบมิได้มีใจอยากคอยเขาประดิษฐ์คำสักเท่าใด“หากเจ้ายังนึกไม่ออก ข้าก็ยินดีจะตั้งให้” หลินเสี่ยวหรานยิ้มกล่าว ท่าทางเต็มอกเต็มใจฉู่ชิงเฟิงหันไปสบตาของหลินเสี่ยวหรานที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ กอปรกับเขายังคิดไม่ออกเหมือนกันว่าควรใช้ช

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status