ใต้เท้าลู่หันไปมองพระพักตร์ท่านอ๋องอย่างนึกประหลาดใจ ท่านอ๋องคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้ประหลาด เขาจึงหยิบยาที่หลิงเฟยให้เขาออกมาหนึ่งเม็ดและส่งให้ท่านหมอลู่
“นี่มัน…ใช่จริง ๆ ยาต้าหรงจริง ๆ แต่ผู้ใดกันที่ทำยานี้ออกมาได้ หรือว่า….”
ท่านหมอลู่และลู่หยวนลี่หันมามองหน้ากัน พวกเขารู้ดีว่าหลิงเฟยศึกษาวิชาแพทย์อย่างแตกฉานแต่นางไม่เคยแสดงออกเรื่องนี้มาก่อน
“ท่านอ๋อง พระองค์รีบกินเถิดพ่ะย่ะค่ะ พิษในพระวรกายจะได้ถูกขับออกมา”
ท่านหมอลู่ส่งยาคืนให้ท่านอ๋อง เขาจึงรับและกลืนลงไปในทันที แม้ว่าจะยังไม่ได้คำตอบแต่ในตอนนี้ที่เขาเห็นว่าลู่หลิงเฟยกลับมาถึงจวนอย่างปลอดภัยนั่นก็นับว่าโล่งใจไปได้แล้ว
“อาการของนาง…”
“กระหม่อมรักษาได้พ่ะย่ะค่ะ นางเพียงแค่ตกใจและ…ทำใจไม่ได้ชั่วครู่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยที่ทรงถามไถ่”
“นางช่วยชีวิตข้าไว้ มิอาจเพิกเฉยได้ ครั้งนี้หากไม่ได้นาง….(ห้ามบอกผู้ใดว่าพบข้าที่นี่)…ที่ให้ยาถอนพิษ ข้าคง…”
เขารักษาคำมั่นที่นางบอกเอาไว้ว่าจะไม่เอ่ยเรื่องที่นางช่วยเขากำจัดคนร้ายด้วยวิชายุทธ์ที่แกร่งกล้านั้น เขาเองก็นึกอยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเช่นกัน
“เร็วเข้า ไปต้มยาตามที่ข้าบอกให้ท่านอ๋อง”
“ขอรับ ข้าจะสั่งให้คนต้มเดี๋ยวนี้เลย”
“ท่านอ๋องโปรดประทับตรงนี้สักครู่ รอยาต้มเสร็จก็ดื่มตาม ช่วยปรับธาตุในร่างกายหลังที่ขับพิษออกมาพ่ะย่ะค่ะ”
“ขอบคุณท่านหมอลู่มาก”
“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมต้องขอตัวไปฝังเข็มให้บุตรสาวก่อน อีกไม่นานจะกลับมาพบพระองค์อีกครั้ง”
“ท่านอ๋อง เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา”
“รองแม่ทัพเฉิน วันนี้ขอบคุณท่านมากเช่นกัน”
“เป็นหน้าที่ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเป่าหลิงเดินออกจากจวนสกุลลู่ แม้ว่าเขาอยากจะอยู่จนแน่ใจว่าลู่หลิงเฟยจะอาการดีขึ้น แต่เขายังทำภารกิจไม่เสร็จสิ้น เขาต้องนำตัวคนร้ายส่งเข้าคุกหลวงก่อน
สามเดือนถัดมา
พิธีศพของอาลี่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายแต่ก็สมเกียรติที่นางได้รับใช้สกุลลู่มาโดยตลอด แม้ว่างานศพจะล่วงเลยไปแล้วกว่าสองเดือนแต่ความโศกเศร้าของลู่หลิงเฟยยังคงไม่ได้ลดละลงไป นางมักจะฝันและสะดุ้งตื่นกลางดึกเกือบทุกคืนและลุกขึ้นมาร้องไห้ทุกครั้ง ภาพของอาลี่ที่รับดาบแทนนางนั้นยากที่จะสลัดออกไป
“แม้แต่ข้าก็ไม่พบหรือ”
“ขออภัยคุณหนูจางด้วยเจ้าค่ะ”
“ช่างเถอะ ๆ ข้าเข้าใจ เช่นนั้นก็ฝากขนมนี่ให้นางด้วยก็แล้วกัน”
“เจ้าค่ะ”
ฟางชิงชิงออกมาจากจวนสกุลลู่ ดูเหมือนว่านางจะสวนกับรถม้าอีกคันซึ่งไม่ทันมองว่าเป็นรถม้าจากจวนใด นางทำราวกับว่าเป็นห่วงอาการของลู่หลิงเฟยแต่ที่จริงแล้วเพียงแค่มาดูว่านางเป็นดังที่ข่าวลือกันหรือไม่
ทีแรกลือว่านางเจอคนร้ายและถูกทำร้ายและล่วงเกินจนสาวใช้ตาย ในภายหลังข่าวนี้ก็เงียบกริบราวกับมีคนตั้งใจให้ปิดข่าว กลายเป็นข่าวซุบซิบที่พูดกันไม่กี่คนแต่ก็รู้กันไปจนถึงในวัง
จวนสกุลลู่
“หลิงเฟย ข้าเอง”
“พี่สาม ท่านมาได้เช่นไรเจ้าคะ พี่สาม…ฮือ!!!”
“เด็กดีพี่กลับมาแล้ว ไม่ร้องแล้วนะคนเก่ง”
“ลู่หลิงฟาง” บุตรคนที่สามของสกุลลู่กลับมาจากแคว้นเหลียงเพราะพี่ใหญ่ของนางส่งข่าวไปบอกถึงความโศกเศร้าของน้องสาวคนเล็กที่เสียสาวใช้คนสนิทไปกะทันหัน นางแทบไม่กินไม่นอนตลอดเวลาสามเดือนนี้ หลิงฟางจึงขอพระสวามีเพื่อมาเยี่ยมนาง
“พี่สามข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”
“เจ้าน่ะโตถึงเพียงนี้แล้วยังร้องไห้เป็นเด็ก ๆ เช่นนี้ผู้อื่นจะไม่ห่วงเจ้าได้เช่นไร”
“อาลี่….”
“หากเจ้ายังเศร้าโศกถึงนางไม่หยุดเช่นนี้ วิญญาณนางจะไปอย่างสงบได้อย่างไร ปล่อยให้นางไปเถอะนะหลิง เฟยนางจะได้หมดกังวล”
“พี่สาม ท่านพูดถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้าควรจะต้องปล่อยนางไปเสียที”
สภาพจิตใจของหลิงเฟยดีขึ้นเมื่อพี่สามของนางมาพักอยู่ด้วย สองสามวันนี้นางพูดคุยได้มากขึ้นและยังกลับมายิ้มได้ดังเดิมแล้ว
ท่านพ่อและพี่ใหญ่ต่างก็คลายกังวลไปได้บ้างแล้ว อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงน้ำชาชมดอกท้อในวังหลวง ครั้งนี้ลู่หลิงฟางก็จะอยู่ร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
“ไปด้วยกันเถอะหลิงเฟย เจ้าจะได้ออกไปพบผู้คนบ้าง”
“ข้า…”
“เชื่อพี่นะ ไม่มีอะไรดีไปกว่าก้าวเดินไปข้างหน้า อาลี่ไม่ต้องการให้เจ้าเดินถอยหลังหรอกนะ นางอยากให้เจ้าจดจำแต่สิ่งที่ดี ๆ ของนางเอาไว้”
“เจ้าค่ะพี่สามข้าจะเชื่อฟังท่าน”
“ต้องแบบนี้สิ ไปเถอะ วันนี้ข้าจะพาเจ้าไปเลือกชุดใหม่”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
จวนท่านอ๋อง
“นางยังไม่ออกจากจวนอีกงั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ นี่ก็สามเดือนแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ส่งของไปหรือยัง”
“ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปด้วยตนเองสักครั้ง อย่างไรก็ต้องขอบคุณนาง”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเร่งเตรียมของขวัญให้”
“อืม”
ท่านอ๋องขึ้นรถม้าออกจากจวนมาแต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อผ่านตลาดกลับเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่ที่ด้านหน้าตลาดพร้อมกับบุตรสาวสกุลลู่สองคนเดินลงมาจากรถม้า
“หยุดรถ”
เขาเดินลงมาพร้อมกับเดินตามพวกนางไปห่าง ๆ เสียงซุบซิบทั้งหลายยังคงติดตามนางไปทุกที่ บุตรคนเล็กสกุลลู่ถูกคนร้ายล่วงเกินในตรอกจนสาวใช้ตาย
เขาให้จื่อรุ่ยตามสืบผู้ที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือเท็จนี้อยู่ แต่ข่าวกลับพูดปากต่อปากจนยากที่จะจับหาต้นตอได้
ร้านเสื้อผ้าสตรี
“เอาล่ะได้ชุดใหม่แล้วเครื่องประดับก็เตรียมแล้ว น้องสี่ เจ้าอยากได้สิ่งใดเพิ่มหรือไม่”
“หลิงเฟย เจ้าจริง ๆ ด้วย”
จางชิงชิงนั่นเอง นางเดินมาเพราะเห็นรถม้าของสกุลลู่จอดอยู่แต่นึกไม่ถึงว่าจะพบหลิงเฟยเข้าจริง ๆ มีหรือจะไม่หาโอกาสเข้ามาทักทายนาง หลิงเฟยเห็นชิงชิงและทักทายเช่นกัน
“ชิงชิง ไม่พบกันนานเลยนะ”
“เจ้าน่ะสิ น่าตีเสียจริงข้าไปหาเจ้าตั้งหลายครั้งแต่ก็ไม่ออกมาพบสักครั้งข้าเป็นห่วงเจ้าแทบตาย นี่ออกมาได้เช่นไร อุ๊ย คารวะพระชายาเพคะ”
“ตามสบายเถิด วันนี้ข้ามาในนามพี่สาวของนาง มิใช่พระชายาท่านอ๋อง พวกเจ้าคุยกันไปนะข้าขอไปเลือกเครื่องประดับทางนั้นก่อนครู่หนึ่ง”
ชิงชิงดึงนางออกมาหน้าร้านเพื่อจะสอบถาม ที่จริงนางจงใจเพราะจะได้มีคนได้ยิน
“หลิงเฟย ข่าวลือนั่นจริงหรือ ที่เจ้าพบคนร้ายและพวกมันทำร้ายและล่วงเกินเจ้า”
“ชิงชิง นี่เจ้า…เชื่อข่าวลือพวกนั้นงั้นหรือ”
“ไม่ใช่นะ ก็ข้าไม่ได้พบเจ้าตั้งนาน เจ้าไม่ได้บอกอะไรข้าเลยข้าจะแก้ต่างให้ก็ไม่ทราบเหตุการณ์รู้แต่ว่าสาวใช้ของเจ้าตาย แต่เรื่องอื่นไม่รู้เลย ตกลงว่าเจ้าถูกพวกมันรังแกจริงหรือไม่”
คำว่าสาวใช้ตายทำให้หลิงเฟยแทบจะไม่อยากคุยกับนางต่อ แม้ว่านางกับชิงชิงจะสนิทสนมกันพอตัวแต่เรื่องเช่นนี้นางเองก็ยังไม่พร้อมจะตอบผู้ใดแม้แต่จางชิงชิงก็ตาม
สิ่งที่นางถามออกมาราวกับกระตุ้นให้หลิงเฟยยิ่งจดจำเรื่องราวที่สูญเสียอาลี่ไปจนนางยืนแทบไม่ไหว
“หลิงเฟย เจ้านิ่งไปเช่นนี้ หรือว่าพวกคนร้ายนั่นรังแกเจ้าจริง ๆ!!”
"เหตุใดเจ้าจึงเอาแต่คาดคั้นเรื่องในคืนนั้นกับนางถึงเพียงนี้ แม่นางจาง!!"
สองเดือนถัดมา “เบ่งเพคะพระชายา อื้อ....”“กรี๊ด!!!..”“อุแว๊!!……”“เป็นองค์ชายน้อยเพคะ”สิ้นเสียงของหมอตำแยทำคลอดในวังที่แจ้งว่าพระชายาขององค์รัชทายาทคลอดบุตรชายออกมา ทำให้ จวินอวี้หยวนองค์รัชทายาทรีบลุกขึ้นและพุ่งกายเข้าไปยังห้องที่พระชายาอยู่ในทันที หลิงเฟยหันมามองพระพักตร์พระสวามีที่นั่งอยู่ข้าง“ท่านพี่ เป็นอะไรไปเพคะ”“คือว่า…ตอนเจ้าคลอด ก็จะต้อง…ร้องทรมานเหมือนกับที่….อิ๋งเซียน…”“ใช่เพคะ สตรีเวลาคลอดก็เป็นเช่นนี้ หากบุตรคลอดง่ายก็ไม่เจ็บนานเหมือนกับที่พี่หญิงเบ่งเพียงสี่ห้าครั้งบุตรก็คลอด แต่บางคนเบ่งอยู่ร่วมครึ่งวันก็ยังไม่ออกก็มี”“อะไรนะ!! เบ่งครึ่งวันงั้นหรือ เฟยเอ๋อร์ เช่นนั้นเจ้า…มิต้องทรมานแย่หรือ”“พระองค์อย่ากังวลพระทัยเกินไปเพคะ หม่อมฉันกับพี่หญิงก็ต่างเป็นสตรี เรามีบิดาเป็นหมอนะเพคะ คลอดไม่ยากหรอกเพคะ”“แต่เสียงร้องนั่นทำเอาองค์รัชทายาทแทบจะเป็นบ้าตายเจ้าก็เห็น”“นั่นเพราะพี่เขยไม่เคยได้ยินพี่หญิงกรีดร้องทรมานเช่นนี้มาก่อนก็เลยตกพระทัยน่ะเพคะ”“เช่นนั้นข้า…ไม่เป็นลมไปเลยงั้นหรือหากได้ยินเสียงเจ้าเจ็บปวดถึงเพียงนั้น ข้าจะทนไม่ได้เอาน่ะสิ”“เช่นนั้นพระองค์ก็ไม่ควรม
“เปล่าเพคะ แค่เวียนหัวเพราะคนเดินตามเกือบแปดคน ไปไหนก็เดินล้อมขนาดนี้ไม่เวียนหัวบ้างก็แปลกสิเพคะ”“เช่นนั้นให้ข้าเดินตามเจ้า อารักขาเจ้าคนเดียว จะได้ไม่เวียนหัวดีหรือไม่”พระชายาหันมามองพระพักตร์ที่จริงจังเมื่อเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา“ท่านอ๋องเพคะ พระองค์ไม่มีงานราชกิจอื่นแล้วหรือเพคะ หม่อมฉันตั้งครรภ์มิได้ป่วยนะเพคะ”“ข้าเป็นห่วงเจ้า ข้าผิดงั้นหรือ”หลิงเฟยถอนหายใจพร้อมกับดึงคอเขาเข้ามาซบที่อกนาง ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว หัวใจยังเต้นแรงเพราะวิ่งมาอย่างรวดเร็วเพราะเป็นห่วงนาง“ท่านพี่ ข้าสัญญากับท่านว่าจะดูแลตัวเอง ท่านพี่เป็นห่วงหม่อมฉันเข้าใจเพคะ แต่ว่าหม่อมฉันเองก็ไม่อยากให้พระองค์เป็นห่วงมากเกินไป ทำเช่นนี้ราวกับว่าไม่ไว้ใจหม่อมฉันนะเพคะ”“ข้าต้องพยายามปรับตัวอีกแล้วใช่หรือไม่”“เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากว่าพระองค์เป็นห่วงหม่อมฉัน พระองค์ก็ทำเท่าที่อยากทำเถิดเพคะ แต่ว่าอย่าให้เสียงานจนผู้อื่นครหาท่านเอาได้ หม่อมฉันมิอยากเป็นต้นเหตุว่าทำให้พระองค์ไม่มีความรับผิดชอบในงานอย่างอื่น”“ได้ ข้ารับปากเจ้า แล้วเจ้ากินอะไรหรือยัง พระชายาฝากยาบำรุงมาให้เจ้าด้วย นางบอกว่าได้มาเยอะช่วงที่ตั้งครรภ์เลยแบ่
สี่เดือนถัดมา“พวกเจ้ารีบย้ายของพวกนี้ออกไปอย่าให้มีของที่มีคมอยู่ในสถานที่ที่พระชายาจะเดินผ่านได้ เร็วเข้า จื่อรุ่ย!! เจ้าไปเอายาบำรุงครรภ์ที่พ่อตาข้ามาหรือยัง”“อยู่นี่แล้วพ่ะย่ะค่ะ กำลังจะรีบนำไปต้มพ่ะย่ะค่ะ”“รีบไปเลยเร็ว ๆ พระชายาจะตื่นแล้ว ข้าวละ เสร็จหรือยัง”“หลินอี้!!”เสียงของหยางหลิงเฟย พระชายาดังขึ้นเพื่อเรียกพระสวามี นางตื่นขึ้นมาและมองไม่เห็นเขาอยู่บนเตียง ท่านอ๋องรีบสั่งการเก็บกวาดจวนจนทั่วเพื่อมิให้หลิงเฟยเกิดปัญหาเวลาเดินในจวน“ข้ามาแล้ว ๆ”“ท่านไปที่ใดมา"“ข้า….ไปสั่งให้ทุบทำขั้นบันไดใหม่ให้เจ้า จะได้เดินง่ายขึ้น”“นี่ท่านสั่งรื้อจวนอีกแล้วงั้นหรือ!!”รอยยิ้มสำนึกผิดของท่านอ๋องหลบสายตาพระชายาไม่ได้เลย “ไม่ต้องมายิ้มเลย วันก่อนก็สั่งรื้อสวน”“ก็กลัวเจ้าเดินสะดุดหญ้าล้มนี่ มันอันตรายมากนะ”“แล้วยังสั่งไม่ให้ข้าจับเครื่องมือบดยา”“ก็มันมีทั้งมีดและครกหิน มันอันตรายทั้งนั้น เสี่ยงมากนะหลิงเฟยไม่ได้หรอก ช่วงนี้เจ้าห้ามเข้าไป”“นี่ท่านสั่งรื้อบันไดอีกแล้ว”“ซี่มันถี่และชันมากเกินไป เจ้าคิดดูสิ ช่วงครรภ์แรกท่านพ่อบอกว่าห้ามเจ้าเดินเร็ว ห้ามยกของหนัก ห้ามสะดุดล้ม มันเสี่ยงน
ห้องส่งตัวเจ้าสาว“เหนื่อยหรือไม่”“ไม่เพคะ”“เจ้าตั้งใจจะโยนลูกบอลแพรและเปลี่ยนเจ้าบ่าวจริง ๆ นะหรือเมื่อเช้านี้”ลู่หลิงเฟยหันมามองพระพักตร์ของพระสวามีอย่างนึกเคืองใจที่เขาบังอาจเล่นนอกบทที่ตกลงกับนางเอาไว้ก่อนหน้านี้จนเกือบแก้ไขไม่ทัน ยังดีที่ท่านอ๋องเป็นคนฉลาดและรู้ใจนางดีเขาจึงแก้ไขสถานการณ์นั้นได้“เป็นพระองค์ต่างหากที่เปลี่ยนบทก่อน”“นั่น ข้าก็แค่อยากจะขึ้นไปรับเจ้าเท่านั้น หากว่าเจ้าตกลงมาอีกจะทำเช่นไรเล่า ข้าน่ะตั้งใจเปลี่ยนเองเพราะอยากให้เจ้าเข้าใจหัวใจของข้ามากขึ้น”“หึ ยังดีที่พระองค์แก้ไขได้ทัน มิเช่นนั้นเจ้าบ่าวของหม่อมฉันในวันนี้คงมิใช่พระองค์แล้ว”“มีหรือว่าข้าจะยอม ต่อให้เจ้าจะเปลี่ยนเงื่อนไขอีกกี่ร้อยครั้ง เจ้าบ่าวก็ยังต้องเป็นข้าอยู่ดี เจ้าหนีไม่พ้นหรอก เหมือนในคืนนี้ที่เจ้าหนีไม่พ้นแน่ ๆ”“พระองค์ดื่มจนเมาแล้วใช่หรือไม่”“ไม่เมาเท่าสุรามงคลที่ดื่มกับเจ้าหรอก”“เช่นนั้นข้าต้องพิสูจน์ว่าจริงหรือไม่”หลิงเฟยจูบเขาทันทีพร้อมกับดึงชุดเจ้าบ่าวออกอย่างรวดเร็ว แต่ชุดเหล่านี้ตอนใส่พวกเขาแทบจะไม่ได้ใส่เอง ดังนั้นตอนถอด…..“นี่มันถอดแบบไหนละ หลินอี้ ดึงสายนั้นออกก่อนสิ ไม่ใ
ตำหนักบูรพา“พี่หญิง”“น้องสี่ เจ้ามาได้สักทีนะ เป็นอย่างไรบ้างบาดแผลของเจ้าหายดีหมดแล้วหรือไม่ แล้วนี่ตาเจ้ายังมีปัญหาอะไรอยู่หรือไม่ เจ้ามองข้าชัดใช่หรือไม่”ลู่อิ๋งเซียนเอ่ยถามลู่หลิงเฟยไม่หยุดเมื่อพบหน้ากันจนท่านอ๋องและองค์รัชทายาทแทบจะไม่มีช่วงที่ขัดจังหวะนางได้เลย จนองค์รัชทายาทต้องดึงไหล่ของพระชายาเอาไว้และให้ใจเย็น ๆ“เจ้าใจเย็นก่อนให้หลิงเฟยได้พักสักหน่อย นางพึ่งเข้าเฝ้าเสด็จพ่อมาให้นางได้หายใจก่อนสิ”“ข้า…เป็นห่วงนี่ได้ข่าวว่าทั้งถูกลักพาตัว ถูก….ขัง แล้วไหนจะโดนตบตีอีก”“พี่หญิง ท่านฟังข่าวลือมากไปแล้ว นางร้ายเช่นข้าผู้ใดจะกล้ารังแก”“แล้วข่าวที่ว่าเจ้า….ใช้ดาบฟันดวงตาองค์หญิงหลีน่าจนบอดนั่น…”“เรื่องนั้นเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะ”“ตายจริง เหตุใดเจ้า…”“เรื่องนั้นเป็นเพียงแค่การป้องกันตัว องค์ชายคุณหมิงเองก็เข้าพระทัยดี เห็นว่ามาเข้าเฝ้าฝ่าบาทและตกลงทำการค้ากับเราหลายอย่างเลยนี่”“ใช่ ๆ หลินอี้ ครั้งนี้เราได้ประโยชน์มากกว่าที่คิด อย่างน้อยก็ต้องขอบคุณพวกเจ้าละนะ องค์ชายคุณหมิงรู้สึกสำนึกผิดมากจริง ๆ ถึงกลับยอมละเว้นภาษีสินค้าที่จะนำเข้าไปขายยังแคว้นฉู่และยินยอมให้เราเก็บภาษีเต็
ท่านอ๋องหันไปมองใบหน้าที่แดงจัดนั่นและอดนึกขำไม่ได้ นางกับเขาเคยทำเรื่องเช่นนี้ก็จริงแต่การที่จะเห็นผู้อื่นทำเรื่องเช่นนี้ต่อหน้าคงมีเพียงนางที่แกล้งตาบอดเท่านั้นที่จะได้เห็น“เจ้าบอกว่า พวกเขานอนด้วยกัน…ทั้ง ๆ ที่มีเจ้า..”หลิงเฟยพยักหน้าและหันไปซุกที่อกท่านอ๋องทันทีเพราะความอายที่จะเล่าต่อ ท่านอ๋องจะโกรธนางลงได้เช่นไรในเมื่อนางน่ารักถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะทำผิดไปบ้างแต่ก็พอให้อภัยได้ แต่เรื่องก่อนหน้านี้เขารวมบัญชีเอาไว้แล้ว กลับจวนค่อยสะสางกับนางอีกครั้งก็ยังไม่สาย“แย่จริง เช่นนั้นองค์หญิงผู้นั้นก็…..”“หลินอี้ นาง….”“นางทำไมงั้นหรือ”“นาง…นอนอยู่กับผู้ชาย…สะ….สามคน”""สามคน""ซางเย่ถึงกับหันหน้าหนีไปอีกทางเช่นกัน นางรับไม่ได้เอาเสียเลย ก่อนหน้านี้นางเองก็ฟังเฉย ๆ แต่เมื่อหลิงเฟยเล่ามาถึงตอนนี้ นางเองก็รู้สึกอายแทนผู้เล่าเสียจริง ๆฮ่วนเซียวต้องลูบหลังภรรยาพร้อมกับแต่ละคนที่หน้าแดงไม่ต่างกับผู้เล่าอย่างลู่หลิงเฟย“เจ้า พูดผ่านไปเถอะนะเรื่องนี้ จากนั้นนางจึงพาเจ้าไปที่อารามงั้นหรือ”“อืม นางพาข้าไปที่นั่นในตอนดึก บอกว่าต้องให้พ้นยามห้ายไปก่อน (22.59 น.)”“เป็นช่วงที่ข้าไปพบรองแม่ทัพ”