“ทีรามิสุเพคะ”“อะไรสุ ๆ นะ?”“พระองค์จะเรียกว่าเค้กมิสุก็ได้เพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์กล่าว“ไม่เลวเลย” ฮ่องเต้กินอย่างปิติยินดี เรียวคิ้วเลิกขึ้นไม่หยุด เห็นได้ชัดเจนว่า พึงพอใจกับรสชาตินี้อย่างยิ่ง“เสด็จพ่อ เห็นแก่ที่เค้กรสชาติดี พระองค์พอจะยอมรับฟังได้หรือไม่?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เห็นว่าเขาอารมณ์ดีไม่เล
ฮ่องเต้ริมฝีปากสั่นเขาเคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่าเจวี๋ยเอ๋อร์กำลังฝึกเดินมาได้สักพัก และเริ่มเห็นผลได้บ้างแล้ว ระยะนี้ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด จู่ ๆ เจวี๋ยเอ๋อร์ก็ทรุดโทรมลง วันทั้งวันเอาแต่ร่ำสุราคลายความเศร้าโศก หมดอาลัยตายอยากในบรรดาโอรสเหล่านี้ เจวี๋นเอ๋อร์เหมือนเขาในตอนวัยหนุ่มมากที่สุด และก็เป็นบ
“โอ้ ที่แท้เสด็จพ่อก็ไม่อยากเสวยของหวานนี่เอง” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน หม่อมฉันจะได้ให้เจ้าเก้ากับเจ้าสิบลองชิมดู”“ฉินเหยี่ยนเย่ว์!”“เพคะ”“เจ้ามีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วหรืออย่างไร?”“ไยเสด็จพ่อทรงตรัสเช่นนี้เล่าเพคะ? ของอร่อยมีอยู่มากมายเพียงนั้น ทิวทัศน์ที่งดงามยังมีอีกนับไม่ถ้วน ลูก
พระสนมเหยาและพระสนมอวิ๋นกำลังรออยู่ข้าง ๆ ครั้นเห็นว่าฮ่องเต้มาถึง คนหนึ่งก็ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้ ส่วนอีกคนหนึ่งก็เตรียมน้ำร้อนและผ้าขนหนูไว้ให้เขาวันนี้ไม่นับว่าเป็นงานเลี้ยงในครอบครัว ฮ่องเต้ก็มิได้มาในฐานะของฮ่องเต้ จึงหาได้มีกฎมากมายเพียงนั้นไม่ทว่าฮ่องเต้อยู่ในตำแหน่งสูงส่งมาเป็นเวลาหลายปี จึง
ทันทีที่นึกถึงเจ้าใหญ่ขึ้นมาได้ อารมณ์ของเขาก็เปลี่ยนเป็นขุ่นมัวขึ้นมา จึงใช้มือต่างหมอน ก่อนจะเอนกายลงไป เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าตงฟางหลีเองก็มิอาจพูดมากได้เช่นกัน บรรยากาศจึงเปลี่ยนเป็นเงียบงันขึ้นมา“พวกท่านทำอะไรอยู่บนหลังคา?”ขณะที่กำลังเงียบงัน เสียงของฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็ได้ดังขึ้นฉินเหยี่ยนเย่ว์
“เสด็จพ่อ พี่เจ็ด พวกท่านขึ้นไปทำอะไรอยู่บนหลังคากัน?” ตงฟางอิงตามหาพวกเขาไปทั่วหากแต่ไม่เจอพวกเขา ตามหาได้สักพักหนึ่งถึงค้นพบว่าพวกเขาอยู่บนหลังคา“ทิวทัศน์บนหลังคางดงามกว่าหรือ? ข้าเองก็อยากขึ้นไปดูเหมือนกัน พี่เก้า พวกเรามาประลองกัน ดูสิว่าใครจะไปถึงบนหลังคาก่อนกัน?”เจ้าเก้าจึงพยักหน้า โดยไม่รอใ