ชายชราไปแล้วจางซูฉีเดินเข้าไปในกระท่อม อืมมีห้องนอนหนึ่งห้องอีกห้องเป็นห้องเก็บสมุนไพร ห้องตำรานึกอะไรก็ได้หรืองั้น อยากได้กระดาษกับดินสอมีไหม ไม่นานก็ปรากฏกระดาษกองใหญ่ แต่เป็นกระดาษในยุคนี้แผ่นใหญ่ๆ
"แม่เจ้า มีกระดาษมีดินสอ ขอสีด้วยมีหรือไม่" สักพักปรากฏสีสำหรับวาดภาพหนึ่งกล่อง จางซูฉี่ดีใจรู้แล้วว่าจะทำมาหากินอะไร ก่อนจะหยิบแบบเครื่องประดับเมื่อคืนออกมาลงสีดูสิว่าสิ่งนี้ทำเงินได้ไหม งานอดิเรกคือเขียนนิยายวาบหวิวเดือนหนึ่งมีรายได้กว่าแปดหมื่นถึงหนึ่งแสนหยวน ที่นี่น่าจะมีพวกคุณหนูที่ชอบแอบอ่านตำราต้องห้ามเหล่านี้ เงินจ๋าเงินเจ๊มาแล้ว จางซูฉีออกจากมิติตรงไปตลาดมาถึงหลังร้านผ้าก็ค่อยๆเดินไป ลองมองร้านค้าตามทางดูเหมือนเงินที่พวกเขาใช้จะคล้ายกันกับที่อยู่ก้นหีบ
"เอ่อท่านน้า ข้าขอซาลาเปาสองลูกเจ้าค่ะกี่อีแปะเจ้าคะ" คนขายบอกราคานางจึงจ่ายเขาไป ไม่มีการมองหน้าแปลว่าใช้ได้
สังเกตคนอื่นจ่ายเงินแล้วแปลว่าเงินก้นหีบนี้สามารถซื้อของได้ จากนั้นก็ตระเวณซื้อข้าวสารสามสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เนื้อหมูติดมันสิบชั่ง มันหมูสิบชั่ง กระดูกซี่โครงห้าชั่ง ยุคนี้เป็นยุคอาหารการกินค่อนข้างสมบูรณ์มีอาริยะพอสมควร เครื่องในมีราคาแพงเช่นกัน ไม่เหมือนในนิยายทะลุมิติที่เคยอ่านที่บอกกันว่ากินไม่เป็น เนื่องจากเป็นนักเขียนและยังเป็นนักอ่านด้วยจางซูฉีจึงปรับตัวได้ไวนางซื้อหมั่นโถวสามสิบลูกซาลาเปาหมูสับสามสิบลูก ไส้ผักยี่สิบลูกบอกคนขายว่าจะเอาไปไหว้บรรพบุรุษวันนี้วันครบรอบวันตายสามีนาง หาที่ลับตาคนจับทุกอย่างยัดลงมิติก็มายืนอยู่หน้าร้านเครื่องประดับที่ชื่อว่า *งามเหนือกาลเวลา* แม่เจ้าชื่อนี้มันเฮ้อโบราณเกิ้น
"เอ่อ ท่านป้าขอรับไม่ทราบว่าท่านจะซื้อเครื่องประดับแบบใดดีขอรับ จะปิ่นหรือกำไล ต่างหูสร้อยคอที่ร้านงามเหนือกาลเวลาของเรามีทุกอย่างเลยขอรับ" จางซูฉีเดินวนจนคนงานเริ่มไม่พอใจ
"นี่ท่านป้า ถ้าไม่มีเงินก็เชิญออกไปเถอะเดินวนมาสามรอบแล้วแต่ไม่หยิบสักชิ้น เพ้ย วางท่าอะไรกันทำเป็นแต่งตัวดีแต่ไม่มีตำลึงในมือ" คนงานดูถูกนางเสียงดังจนหนานกงเยี่ยที่เมื่อคืนเขาพักที่ร้านถึงกับต้องลุกออกมาดู เห็นสตรีอายุราวสี่สิบยืนอยู่ได้ยินนางกล่าว
"ข้าไม่ชอบแบบมันเชยเกินไป ช่างเถอะไม่เต็มใจขายข้าไปร้านอื่นก็ได้ข้าแค่คิดว่าเจ้าจะสามารถทำเครื่องประดับตามแบบที่ข้าวาดได้ไหม ในเมื่อดูถูกขนาดนี้คงต้องขอตัว" ใบหน้านางอายุสี่สิบแต่เสียงที่เปล่งออกมากลับคล้ายเด็กสาวหนานกงเยี่ยเดินลงมา
"ท่านป้า ขอข้าดูแบบนั้นได้หรือไม่ หากเราทำได้ข้ายินดี"
จางซูฉีหันไปเจอหน้าเจ้าของเสียงฉิบหายแล้ว มาร้านใครไม่มาดันมาร้านไอ้หน้าโบทอกซ์หรือ ไม่ๆไปร้านอื่นเถอะจางซูฉีแต่ขาเจ้ากรรมมันก้าวไม่ออกนี่สิ
"ท่านป้าว่าอย่างไร ข้าขอดูแบบนั่นได้ไหมขอรับ"หนางกงเยี่ยเอ่ยอีกครั้งจางซูฉีที่ไม่คิดว่าจะเจอตาบ้านี่เริ่มตั้งสติได้แล้วจึงเอ่ย
"เฮ้อ พ่อหนุ่มเอ๊ยป้าเนี่ยนะเคยค้าขายเครื่องประดับมาก่อน หลายปีก่อนสามีข้าล้มป่วยแล้วจากไปข้าพอมีฝีมือวาดภาพนิดหน่อยก็แค่อยากรู้ว่าร้านประดับใหญ่ๆจะถูกใจฝีมือต่ำต้อยของข้าหรือไม่ ไม่คิดว่าจะให้คนดูถูกเพียงนี้ ตาเฒ่าต้องโทษเจ้าที่ทิ้งข้าให้ลำบากเลี้ยงลูกคนเดียวจูจูของข้าเพิ่งจะสิบขวบเองฮือๆๆ"
หนานกงเยี่ยหันไปตำหนิคนงานก่อนจะมาจับมือจางซูฉีประคองไปนั่ง คนตัวเล็กถึงกับขาแข็งไอ้บ้านี่ถึงเนื้อถึงตัวเจ๊ได้ไงกัน หนานกงเยี่ยเห็นนางขัดขืนก็แปลกใจเหมือนท่านป้าคนนี้จะไม่ชอบเขา จางซูฉีเห็นเขามองมาจึงแสร้งปาดน้ำตาแล้วยอมให้เขาประคองไปนั่ง
"ไปเอาน้ำชามารับรองแขก คนงานร้านข้าไม่สามารถดูถูกผู้ใดได้หากมีครั้งหน้าก็เก็บของไปหางานที่อื่น ท่านป้าข้าขอดูได้หรือไม่หากพอใจข้ายินดีซื้อ"
ประโยคหลังหันมากล่าวอย่างอ่อนโยนกับจางซูฉี
จางซูฉีหยิบกระดาษลงลวดลายมาให้เขา หนานกงเยี่ยเห็นแบบเครื่องประดับที่นางวาดก็ตะลึง นี่ฝีมือน้อยนิดหรือ นี่มันงามมากนักหากทำออกมาครบชุดเช่นที่นางวาดแน่นอนว่าต้องขายดี แคว้นอู่มีแต่คนร่ำรวย แต่แค่แปลกใจทำไมรู้สึกคุ้นเคยกับหญิงกลางคนตรงหน้านักโดยเฉพาะกลิ่นกายนางเหมือนเพิ่มได้กลิ่นเช่นนี้ผ่านมาไม่นาน
"ไปตามคุณชายสวีมาหน่อย"เขาสั่งคนงานอีกคนไม่นานสวีไค่เฉิงก็มาถึง บุรุษรูปงามอันดับสองของแคว้นอู่รองจากหนานกงเยี่ย เมื่อมาถึงหนานกงเยี่ยส่งแผ่นกระดาษให้เขาดู ทั้งคู่ถือกระดาษใบเดียวยืนคู่กันมือสวยสองคู่นั้นชี้ตัวอักษรและภาพวาดไปมาบางครั้งส่งสายตาให้กัน ปิ้ง!!
"แม่เจ้าฉันแต่งนิยายเรื่องขบถหัวใจแม่ทัพไร้พ่ายนี่นา พระเอกเป็นแม่ทัพนายเอกเป็นกุนซือ โอ๊ยภาพนี่ละมุนมากอีอ๋องกับคุณชายคนนี้ตรงคอนเซปนิยายเจ๊เลย นิยายเรื่องนี้ในแคว้นอู่ต้องเกิดแล้วปะใส่ภาพสีสักหน่อยตอนที่โจ๊ะพรึมๆกัน เหอะๆเงินจ๋าเจ๊มาแล้ว"
แดนเซียนควันสวีทองลอยขึ้นมายังด้านบนก่อนจะลอยเข้าสู่หว่างคิ้วของหนานกงเยี่ยเทพสงครามที่นั่งรอพระชายาตนอยู่ปากถ้ำ ทันทีที่ดวงจิตเข้าสู่ร่างเขาก็รู้ทันทีว่ามหาเทพถือกำเนิดในแดนมนุษย์แล้วชายาของเขานางกำลังจะออกมาจากการกักตนเพื่อหนีหน้าเขาแล้ว ประตูหินค่อยเลื่อนออกควันสีทองลอยเข้าไปยังด้านในเข้าสู่กลางหว่างคิ้วของเทพบุปผา ไม่นานชิงเหลียนที่หน้าตาเหมือนกันกับจางซูฉีที่แดนมนุษย์ก็เดินออกมาจากด้านใน นางเห็นสวามียืนรอก็เดินตรงมาหา เทพสงครางกางแขาออกให้ชายารักเดินเข้ามาสู่อ้อมกอดเทพบุปผาซบหน้ากับอกกว้าของเขาพร้อมเอ่ยเบาๆ"ฝ่าบาท หม่อมฉันผิดไปแล้ว ที่ผ่านมาหนีหน้าพระองค์ ไร้เหตผลต่อจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วเพคะ ตอนอยู่แดนมนุษย์เคยเกือบเสียพระองค์ไปหม่อมฉันรู้แล้วว่าความเจ็บปวดนั้นเป็นเช่นไร""ข้าไม่โกรธเจ้า คนงามของข้าๆเตรียมเรือเรียบร้อยแล้ว รอเจ้าออกมาจากด่านเราจะไปล่องเรือกัน เราจะล่องจากตำหนักเหลียนฮวาาจนไปถึงดินแดนประจิม แล้วจากนั้นข้าจะพาเจ้าไปทะเลตะวันออกดีหรือไม่ หืม""เพคะ หม่อมฉันตามใจพระองค์ ฝ่าบาทชิงเหลียนรักพระองค์เพคะ""คนงามข้าก็รักเจ้า ชิงเหลียนคนดีของข้า"ทั้งคู่ล่องเรือไปตามสระบั
ท้องฟ้าเหนือแคว้นอู๋มีสายรุ้งปรากฎถึงเก้าสาย อีกยังมีเหล่านกน้อยบินวนรอบตำหนักเหมยฮวา ท้องฟ้าเป้นสีทองก้อนเมฆสีรุ้งงามตานัก จากนั้นด้านในจางซูฉีก็คลอดเด็กกออกมา อุแว้ๆๆๆๆ ไม่นานก็มีเสียงทารกดังออกมา"ท่านอ๋อง ไท่จื่อเป็นซื่อจื่อน้อยเพคะ หน้าตาละม้ายท่านอ๋องยิ่งนักเพียงแต่ว่า" แม่นมพูดค้างไว้จนทุกคนมองหน้ากัน หนานกงเยี่ยร้อนใจจึงเอ่ยถาม"แต่ว่าอะไรแม่นมเฟิ่ง ท่านพูดออกมาให้หมด""แต่ว่าเส้นผมของซื่อจื่อน้อยไม่ได้ดกดำเพคะ แต่เป็นสีเงินยวงราวกับหิมะเลยเพคะ เสียงร้องดังมากแปลว่าแข็งแรงดี""ทันทีที่แม่นมเอ่ยจบหนานกงเยี่ยก็รู้ทันทีว่าหน้าที่ของพวกเขาในแดนมนุษย์นั้นสมบูรณ์แล้ว รอเวลาจิตวิญญาณเขาและนางกลับแดนเซียนเท่านั้นหนึ่งชั่วยามต่อมาทุกคนจึงได้รับอนุญาตให้เข้าไปดูจางซูฉีกับบุตรชายได้ หนานกงเยี่ยเห็นหน้าบุตรชายก็ถอนหายใจ เขาต้องเป็นบิดาของคนที่เอาแต่ใจที่สุดในแดนสวรรค์จริงๆหรือ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตหน้าผากน้อยๆเบาก่อนจะกระซิบ"ฝ่าบาท อย่างไรก็เป็นบุตรกระหม่อม ดื้อรั้นให้น้อยลงหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันมีสิทธิ์ตีก้นพระองค์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ"ก่อนที่ทารกน้อยจะลืมตาทันทีจ้องหน้าคนที่เพิ่งข่มขู่เ
หนานกงเช่อไปแล้วบรรดาสาวนั่งจับกลุ่มคุยกันไม่หยุด แต่ละคนอุ้ยอ้ายจนดูน่ารักไปหมด เฉินลี่จูที่ถูกเยี่ยผิงอันอุ้มลงจากรถม้าเดินมาส่งที่ด้านในตำหนักก็อายหน้าแดง"ท่านอาปล่อยข้าลงเดินเองก็ได้นะเจ้าคะ ไม่ได้ไกลสักนิด""เมียจ๋า ดูพื้นสิขรุขระขนาดนี้ หากไม่ระวังอาจหกล้มได้ ไม่รู้ว่าเยี่ยอ๋องทรงคิดเช่นไรถึงได้ปูหินให้มีร่องห่างกัน พื้นไม่เสมอพระชายาก็กำลังตั้งครรภ์ไม่รู้จักระวังเลย"จางซูฉีขำกับความห่วงเมียคลั่งรักเมียของเยี่ยผิงอันหากบอกว่าท่านอาลู่จงได้เมียเด็กก็ไม่ถูกนัก อาลู่อายุสี่สิบ จูชุ่ยชุ่ยอายุย่างสิบแปด แต่เยี่ยผิงอันสี่สิบห้าย่างสี่สิบหก ส่วนเฉินลี่จูอายุสิบหก นางเด็กที่สุดในบรรดาเมียๆของเหล่าบุรุษแห่งวังหลวงเลยล่ะ"ใต้เท้าเยี่ย หากพื้นปูติดๆกันไม่มีร่อง ยามหิมะตก หรือฝนตกพื้นจะลื่น ร่องช่วยให้เวลาเดินไม่ลื่นน่ะ ลี่จูมานั่งกับพี่ก่อน เสี่ยวหรันกับชิงชิงน่าจะกำลังมา""เพคะพระชายา อ้อพี่ผู่เย่วท่านตั้งครรภ์อีกแล้วหรือเจ้าคะ ใต้เท้าสวีจะขยันเกินไปหรือไม่ คนโตยังไม่ได้ขวบเลย คิกๆๆ"ในบรรดาเด็กรุ่นน้องสามสาวแห่งสกุลจิน สกุลเฉินและสกุลว่านนี่คือแสบที่สุด ต่อยตีกับบุรุษไม่เว้นแต่ละวัน"พ
เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับไหล โคมไฟเรียงรายห้อยเต็มหน้าร้านหน้าบ้านที่ปลูกติดกันยามลมพัดแกว่งไกวไปมาบรรยากาศในเมืองหลวงมีแต่ความสุข ฮ่องเต้กำเนิดพระธิดาสองพระองค์ อีกทั้งตอนนี้ฮองเฮาก็กำลังทรงพระครรภ์ได้สามเดือนแล้วตั้งแต่มาถึงเมืองหลวง ตระกูลหลักหลายตระกูล ตระกูลหลี่ ตระกูลว่าน ตระกูลสวี ตระกูลจิน และตำหนักอ๋องทั้งสอง รวมถึงตำหนักบูรพาขององค์รัชทายาท ต่างจัดเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เพราะพระชายาไท่จื่อ พระชายาเยี่ยอ๋อง และชินอ๋องรวมถึงบรรดาฮูหยินของใต้เท้าทั้งหลายนั้นตั้งครรภ์พร้อมกันตำหนักบูรพารัชทายาทหนานกงอินกำลังรักเมียสาวอยู่อย่างนุ่มนวลอ่อนโยน เสียวครางแสนหวานของเจียงฟางซินทำให้เขายิ่งรักนางยิ่งขึ้น"ไท่จื่อ เมียไม่ไหวแล้วเพคะพอเถอะ อื้อ ลูกดิ้นอีกแล้วพระองค์ก็ไม่ยอมเลิกสักที ลูกในท้องงอแงแล้วนะเพคะ อร๊าย หนานกงอินเสียวนะ อย่างัดแบบนี้สิคนบ้าข้าตั้งครรภ์อยู่นะ""บอกมาก่อนว่ารักพี่เด็กดีพูดเร็ว ตั้งแต่เข้าหอมาจนถึงวันนี้ยังไม่บอกว่ารักพี่เลย พูดมาคนดี อืม เสียวจริงๆเมียจ๋า อยากให้ผัวเลิกต้องบอกรักผัวก่อน อ่าา""อื้อ รักเพคะ หม่อมฉันเจียงฟางซินรักหนานกงอิน อร๊าย หม่อมฉันเสร็จอีกแล้ว
ขบวนเดินทางมาได้ครึ่งเดือนแล้ว แวะพักบางจุดเนื่องจากทำผักดองแบะเนื้อรมควันไว้มากมาย อาหารการกินจึงไม่ลำบากมมากนักจางซูฉีไม่ต้องการให้หนานกงเยี่ยไปล่าสัตว์บนเขา ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้คืนนี้พวกเขาแวะพักตรงริมน้ำใกล้เชิงเขา แต่จางซูฉีสั่งเดินทางต่อ หนานกงเช่อจึงไม่เข้าใจเหตุผลของนาง"ฉีเอ๋อร์ พ่อไม่เข้าใจที่เจ้าให้พวกเราเดินทางต่อ นี่ยามเซินแล้วกว่าจะสร้างกระโจมอีก ตรงนี้มีลำธารด้วยสะดวกสบายกว่าไม่ใช่หรือ""เสด็จพ่อ หากเป็นแม่น้ำลำธารที่ไม่อยู่ใกล้เชิงเขาลูกคงไม่ขัดหรอกเพคะ แต่ว่าลำธารนี้ทรงทอดพระเนตรสิเพคะ มีรอยเท้าสัตว์เต็มไปหมด แปลว่านี่เป็นแหล่งน้ำของพวกมัน อีกทั้งยังมีคราบเลือดเป็นจุดๆทั้งรอยเก่ารอยใหม่ แปลว่ามีสัตว์นักล่าด้วย ในขบวนมีคนท้องถึงเจ็ดคน แม้ว่าเหล่าบุรุษจะมีวรยุทธ แล้วนางกำนัลเหล่านั้นเล่าเพคะพวกนางอ่อนแอ เราเสียเวบาเดินทางอีกหน่อยก็ไม่ต้องเสี่ยง ลูกแค่ห่วงความปลอดภัยของทุกคน"เมื่อจางซูฉีชี้แจงเหตุผลจบ ทุกคนก็ยิ่งรีบเดินให้พ้นลำธารไวขึ้น ไม่นานก็เลยเชิวเขามาห้าลี้และเจอเข้ากับแม่น้ำเล็กๆสายหนึ่ง แม่น้ำสายนี้เรือเล็กสามารถสัญจรได้ จึงพากันหยุดพักที่ตรงนั้น"ฉีเอ๋อร์เหนื
ผ่านไปเดือนกว่ารถม้าที่สั่งทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตอนี้กำลังฝึกม้าที่จะนำมาใช้กับรถม้าอยู่ ใช้เวลาฝึกนานประมาณเกือบเดือน เพราะบรรดาคนที่นั่งในรถม้าคือเหล่าสตรีที่กำลังตั้งครรภ์จินเสี่ยวหรันที่ตอนนี้ไม่ต้องดูแลสวีไค่ไหยุนแล้ว เพราะเขาเริ่มไม่มีอาการแพ้ท้องแบบที่อาเจียนไม่หยุดแล้ว เหลือเพียงแค่ความอยากอาหารเท่านั้นส่วนว่านชิงชิงทุกวันนี้นางกลุ้มใจมาก ว่านอันสุ่ยไม่ยอมห่างนางเลยไม่ยอมให้เดิน ไปไหนก็อุ้มตลอดเวลา บางครั้งเขาก็งอแงเป็นเด็กน้อยห่างนางไม่ถึงชั่วยามก็ตามหาอีกแล้ว จนถูกฮ่องเต้เรียกไปต่อว่าหลายครั้งเพราะเสียงานเสียการ"ใต้เท้าว่าน เราว่าท่านรักเมียเกินไปหรือไม่ งานการมีไม่สนใจทำงานอยู่ดีๆหาเมียไม่เจอก็ทิ้งงาน เจ้ามันตาแก่หลงเมียเด็กจริงๆ""ฝ่าบาท กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกพ่ะย่ะค่ะ"ว่านอันสุ่ยเสียงอ่อย แต่ฮ่องเต้ตรัสถูกต้องเขาหลงเมียจริงๆแต่แค่ไม่อยากยอมรับ"ใต้เท้าว่าน ข้าเองก็รักเมียไม่แพ้ท่าน แต่งานส่วนงานท่านต้องแยกแยะสักหน่อยนะ"หนานกงอินเยาะว่านอันสุ่ย เขาเถียงไม่ได้เพราะหนานกงอินเป็นถึงรัชทายาท ได้แต่บ่นอุบอิบๆเท่านั้น"ไท่จื่อ ทรงหลงพระ