LOGIN
ภายในหุบเขาซึ่งมีหมอกสีขาวบางเบาคอยปกปิดแดนดินแห่งนี้จากสายตาคนนอก มีสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งงดงามราวกับภาพวาดแดนสรวง ป่าเขาระแวกนี้ล้วนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ต้นหญ้าสีเขียวชอุ่ม
สัตว์น้อยใหญ่อาศัยพักพิงเขาสูงใหญ่โดยรอบด้วยความสงบสุข พืชผลงดงามไม่ขาดแคลนตลอดฤดูกาล สมุนไพรเขียวสดอายุนับพันปีชูช่อหลากหลายท่ามกลางภูเขาสูงใหญ่
จะไม่ให้หุบเขาแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร ในเมื่อสถานที่แห่งนี้เป็นที่ประทับของท่านเทพเสินจื่อ เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ผู้ปกครองดินแดนแถบนี้มานานนับหมื่นปี
ภายในหุบเขามีเรือนหลังเล็ก ๆ ตั้งอยู่ ปล่องไฟเหนือหลังคาเรือนที่มีควันพวยพุ่งบ่งบอกว่าภายในมีผู้อยู่อาศัย เรือนหลังนี้ตั้งอิงเขาดอกท้องดงาม
ขณะที่ด้านหน้าเรือนมีทิวทัศน์ม่านน้ำตก ยามเช้าสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ล้วนลงมาจากขุนเขาเพื่อกินน้ำ ที่น้ำตกแห่งนี้ ทิวทัศน์ที่งดงามตระการนี้หากใครมาเห็นต่างก็รู้สึกหัวใจสงบสุข
เสียงเคาะ ป็อก ๆ ดังขึ้นจากภายในเรือน ร่างเล็ก ๆ ของเด็กหญิงอายุราวสิบสามปีปรากฎตัวขึ้น ประตูเรือนเปิดออก ดั่งรอยยิ้มกว้างของเด็กสาว
“ท่านเทพ ดูของเล่นใหม่นี้สิเจ้าคะ” ร่างเล็ก ๆ อวบอ้วนเล็กน้อยของเด็กสาวพุ่งเข้าไปในห้อง ภายในมีโต๊ะไม้ตั้งวาง ชายหนุ่มรูปงามในชุดสีเขียวไผ่นั่งเขียนหนังสืออยู่ตรงนั้น
เด็กสาวไปถึงก็นั่งลงอิงโต๊ะไม้ วางของในมือลงไปพร้อมรอยยิ้มหวานจ้องมองใบหน้าของ ‘ท่านเทพ’ ไม่วางตา ประกายตาของนางดั่งกวางน้อย มีแววความเคารพรักต่อชายหนุ่มตรงหน้าเปล่งออกมาอย่างชัดเจน
“อ้ายปิง ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำของเล่นอันตรายเหล่านี้ นี่มันของเล่นจากแดนมนุษย์ไม่ใช่หรือ”
ชายหนุ่มเจ้าของเรือน หรือก็คือท่านเทพจื่อเสิน ยกตำราในมือขึ้นโขกหัวเด็กสาวที่ร่างกายยังคงวัยสิบสามหนาวตรงหน้าเบา ๆ พร้อมเอ่ยเตือนเสียงเบา เขาส่ายหน้าให้กับความดื้อซนของนางนัก หากไม่มีเขาดูแลอยู่ไม่รู้ว่าปานนี้นางจะมีชีวิตเป็นอย่างไร คงถูกลงโทษวันละสามเวลาแล้วกระมัง
“โอ๊ย ท่านเทพรังแกข้า” เด็กสาวเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ ดวงตาดั่งกวางแดงเรื่อสั่นระริกมีหยาดน้ำเอ่อคลอดูน่าสงสารนัก
เทพหนุ่มทอดถอนใจ เหตุใดเด็กสาวจึงไม่รู้จักโตเสียที นางเกิดมาก็ตัวเท่านี้ ผ่านมานับหมื่นปีก็ยังตัวเท่านี้ สิ่งที่ขัดไม่ได้ย่อมหมายถึงลิขิตสวรรค์ แต่เทพจื่อเสินก็ไม่รู้ว่าตนต้องรออีกนานเท่าใดเด็กน้อยจึงจะเติบโตกว่านี้
“เอาล่ะ จะเล่นก็ระมัดระวัง หากเล่นมากเกินไปเจ้าอาจโดนสวรรค์ลงโทษได้เข้าใจหรือไม่ อ้ายปิง”
“เข้าใจเจ้าค่ะท่านเทพ” หญิงสาวพยักหน้ารับหงึกหงัก ตั้งมั่นว่าจะเล่นแค่พอประมาณ ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน แค่นี้สวรรค์ก็กล่าวโทษอันใดนางไม่ได้แล้ว
ชีวิตสงบสุขของหนึ่งเทพหนึ่งเซียนน้อย ดำเนินไปเหมือนปกติราวกับนิรันดร์กาล จนกระทั่งวันแห่งลิขิตสวรรค์มาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว
วันนั้นเป็นคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์งามกระจ่าง ท่านเทพจื่อเสินออกจากการบำเพ็ญเดินผ่านห้องนอนของเด็กสาว เขารับรู้ถึงพลังที่แตกต่างของนางจึงเปิดประตูเข้าไปในทันที
“อ้ายปิง” ร่างของเด็กสาวค่อย ๆ สลายหายไปต่อหน้าต่อตา ใบหน้าหวานอาบไปด้วยน้ำตาจ้องมองมา พร้อมทั้งรอยยิ้มเศร้าที่กัดกินหัวใจเทพหนุ่ม
“อ้ายปิง!” ร่างนางสลายไปแล้ว เหลือไว้เพียงตำราเล่มหนึ่งวางอยู่ตรงจุดที่นางหายไป เทพหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ก่อนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ที่แท้ไม่ใช่ตำราใด แต่เป็นคำตัดสินจากสวรรค์ ลงทัณฑ์เทพฝึกหัด ‘อ้ายปิง’ โทษฐานที่ไปยุ่งเกี่ยวกับบางสิ่งที่แสนล้ำค่าของเทพระดับสูง นางถูกส่งลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อชดใช้กรรม
ถูกส่งลงไปปลูกผักทำฟาร์มในโลกมนุษย์...
เทพหนุ่มหยิบหนังสือคำตัดสินขึ้นมา แล้วถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มเขาคิดว่าวันนี้ต้องมาถึง แต่เมื่อมาถึงแล้วเขากลับปล่อยวางไม่ลง ร่างสูงมุ่งหน้าไปยังสวรรค์ชั้นฟ้า ยื่นคำร้องอุทรณ์ให้เด็กสาวอย่างไรเขาก็เลี้ยงดูนางมานับหมื่นปีจะให้มองนางไปรับเคราะห์เพียงคนเดียวได้อย่างไร
หลังจากยื่นเรื่องตามกฎสวรรค์เรียบร้อย จื่อเสินเทพหนุ่มที่ไม่ค่อยแยแสใครกลับตัดสินใจกระโดดบ่อเซียน กลับลงไปเกิดในแดนมนุษย์โดยไม่ลังเลแม้สักนิด...
ครึ่ก ครึ่ก ครึ่ก
เสียงเหมือนก้อนหินกลิ้งไปมานั้นทำให้อ้ายปิงได้สติกลับคืนมา ก่อนน้ำตาจะรินไหลเมื่อนึกว่าตนเองได้กระทำผิดเพียงเพราะหยิบของเล่นที่ไม่ใช่ของตนมาเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต
ใครจะคิดว่าด้านในนั้นใส่อาวุธวิญญาณขั้นสูงเอาไว้ เมื่อเปิดออกพลังของมันก็พุ่งเข้ามาหลอมรวมกับจิตวิญญาณของนางทันที ขณะที่เร่งรีบกลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านเทพ นางกลับได้รับหนังสือตัดสินโทษจากสวรรค์ชั้นฟ้า ถูกส่งมาเกิดในโลกมนุษย์เสียก่อน
อ้ายปิงถูกแม่นมเหลียนอุ้มไปที่ห้องหลัก นางยังมีแม่นมเหลียนคอยป้อนอาหารเด็กอ่อน ยังมีน้ำเต้าหู้ให้ดื่มทั้งเช้าและเย็น บ่งบอกว่าท่านแม่ใส่ใจสุขภาพของเด็ก ๆ อย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านล้วนมีรูปร่างผ่ายผอม บ่งบอกถึงความอดอยาก “ปิงเอ๋อร์ไม่ชอบกินเต้าหู้ แต่ชอบกินน้ำเต้าหู้ ต่อไปคงต้องหาอย่างอื่นมาให้นางกินนะแม่นมเหลียน” หลี่เอินผู้เป็นมารดาคอยสังเกตบุตรสาวหลายรอบแล้ว ดูเหมือนอ้ายปิงจะไม่ชอบกินเต้าหู้ หากวันใดมีเต้าหู้เป็นอาหารนางมักกินได้เพียงครึ่ง “เจ้าค่ะฮูหยิน บ่าวคิดว่าคุณหนูไม่เลือกกิน คงมีแต่เต้าหู้ที่กินได้ไม่มาก คงเพราะไม่ชื่นชอบจริงๆ” “ปิงเอ๋อร์กินผักง่ายกว่าอาหรงจริงๆ” หลี่เอินเห็นด้วยทันที อ้ายปิงได้ยินมารดาสนทนากับแม่นมก็อยากจะบอกว่านางไม่ชอบกินเต้าหู้แต่ไหนแต่ไรแล้ว ชอบกินผักผลไม้กับเนื้อสัตว์ อย่างที่มักจะกินตอนอยู่กับท่านเทพ เมื่อนึกถึงตรงนี้ดวงใจก็ปวดแปลบ คิดถึงท่านเทพเหลือเกิน ไม่รู้อีกนานแค่ไหนกว่าจะสามารถกลับไปได้ มีแต่ต้องรอให้หมดสิ้นอายุขัยเท่านั้น ซ้ำยังต้องรีบสั่งสมความอุดมสมบูรณ์เพื่อให้ภารกิจสำเร็จจึงจะกลับ
“มีเรื่องอะไรดีดีหรือเจ้าคะคุณหนู แต่น่าแปลกช่วงนี้เหมือนมีฝนปรอย ๆ ในตอนเช้า พื้นดินชุ่มฉ่ำไปหมด นายท่านกล่าวว่าปีนี้จะแล้งกว่าทุกปีแท้ๆ” “นมๆ อุ้มๆ” อ้ายปิงหันไปยิ้มยิงฟันให้แม่นมเหลียน ก่อนปล่อยให้นางช่วยแต่งตัว เสื้อผ้าที่สวมใส่ตอนนี้ก็เป็นฝีมือเย็บปักของท่านแม่ทั้งนั้น แม้เนื้อผ้าจะธรรมดาไปบ้าง แต่สีสันก็สวยงามเหมาะกับวัยเด็กจริง ๆ ตอนนี้ผมนางเริ่มยาวขึ้นมาบ้างแล้ว เนื่องจากแม่นมช่วยทาน้ำมันอะไรสักอย่างบำรุงทุกวันตั้งแต่เกิด ผมจึงดกดำดีเหลือเกิน เมื่อหันมองร่างอวบในคันฉ่องจนพอใจถึงปล่อยให้แม่นมเหลียนอุ้มไปหาท่านแม่เหมือนทุกวัน เนื่องจากเด็ก ๆ ในบ้านยังเล็ก จึงยังไปกินอาหารที่เรือนหลักทุกมื้อ กระทั่งพี่ชายอ้ายหรงซึ่งต้องไปเรียนและซ้อมวิชาต่อสู้ทุกวัน ยังต้องกลับมากินข้าวให้ทันเวลา วันนี้อ้ายปิงใช้ชีวิตอย่างสบายใจเพราะไม่ต้องคอยระแวงเพื่อเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตในเกมอีกแล้ว นางจึงตัดสินใจจะเข้าไปดูแค่ก่อนนอนเท่านั้น ลืมไปเสียสนิทว่ายังมีสิทธิ์หมุนวงล้อเหลืออยู่อีกอัน วันนี้พี่ชายได้กระรอกตัวน้อยกลับมาตัวหนึ่ง แต่เมื่อเขาปล่อ
ตอนนี้อ้ายปิงยังเล็กนักคงไม่สามารถออกไปส่งน้ำพลังปราณยังพื้นที่อื่นได้ แต่ขอเพียงที่ดินของบ้านหนี่ว์อุดมสมบูรณ์ ก็สามารถหาเงินได้มากอย่างแน่นอน แต่จะปลูกเพียงผักเพื่อดองรอขายให้กองทัพคงไม่เหมาะนัก สงสัยนางต้องออกแนวคิดใหม่ให้ท่านแม่เสียแล้ว เพราะตอนนี้มีเพียงท่านแม่ที่มีอำนาจสั่งการในบ้าน คิดแล้วก็ต้องเร่งลงมือ อ้ายปิงในวันนี้ไม่ได้เล่นกับพี่ชาย หลังอาหารเที่ยงนางก็เข้าไปเก็บเกี่ยวข้าวโพดอีกครั้ง ก่อนเอ่ยเสียงอ้อแอ้คุยกับมารดา “อ้านแอ้ อ้านแอ้” ‘บัดซบ’ อ้ายปิงพบปัญหาใหญ่เสียแล้ว ตอนนี้นางยังเด็กเกินไปจริง ๆ จึงไม่อาจสนทนาและบอกความคิดของตนกับคนอื่นได้ เมื่อมารดาเห็นลูกสาวอยากคุยด้วยก็ก้มลงมาอุ้ม ก่อนพูดคุยเรื่องต่าง ๆ ให้บุตรสาวฟัง จากนั้นก็หยิบสะดึงและเข็มปักผ้ามาจับมือสอนบุตรสาวช้า ๆ ไม่นานอ้ายปิงก็ถูกเข็มปักผ้าดึงดูด บ่อยครั้งที่นางปักโดนมือตัวเองแต่ก็เพียงสะดุ้งเท่านั้น กลับรู้สึกว่าการปักผ้าก็เพลินดีเหมือนกันนะ กว่าจะรู้ตัวนางก็กลับมานอนบนเตียงเพื่อเตรียมเข้านอนแล้ว อ้ายปิงเปิดหน้าจอขึ้นมาเก็บเกี่ยวข้าวโพดชุดสุดท้าย ก่อน
‘หมุนอีกรอบ’ นางสั่งในทันทีเพราะเริ่มหมดความอดทนแล้ว อีกทั้งยังเลิกคาดหวังเพราะอย่างไรก็ได้ของดีอย่างแหวนมิติมาแล้วชิ้นหนึ่ง แต่จะใช้ยังไงหรือให้ใครใช้ก็ค่อยคิดอีกทีหนึ่งเช่นกัน แต่คราวนี้กลับผิดคาด หัวลูกศรค่อย ๆ หยุดลงในพื้นที่สีฟ้าซึ่งนางไม่เคยได้มาก่อน ทำให้อ้ายปิงลุ้นอยู่บ้างว่าจะได้รับอะไรในรอบนี้ [ยินดีด้วยได้รับ บ่อ‘น้ำพลังปราณ’ ซึ่งสามารถนำออกไปใช้นอกพื้นที่เพื่อปรับปรุงดินให้เหมาะกับการเพาะปลูกได้ หากพื้นดินแห้งแล้งได้รับการบำรุงด้วยน้ำพลังปราณเจือจางครบร้อยวัน จะกลายเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์นับร้อยปี] คราวนี้ของที่ได้ทำอ้ายปิงอ้าปากค้างอย่างแท้จริง นี่ใช่มั้ยวิธีการหาเงินและเก็บเกี่ยวความอุดมสมบูรณ์ของนาง ‘ท่านเทพ ข้ามีวิธีกลับไปหาท่านแล้ว รอข้าอีกสักนิดนะเจ้าคะ’ ชีวิตเรียบง่ายของเทพน้อยตกสวรรค์อย่างอ้ายปิงก็เพียงใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์แรกเกิดไปวัน ๆ เท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งนางก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตนเองยังมีบางสิ่งติดมาด้วย สิ่งที่เรียกตนเองว่าระบบปลูกผักทำฟาร์มขั้นเทพ ตอนแรกนางคาดเดาไปต่าง ๆ นา ๆ ว่าระบบสามารถทำอะไรได้
แต่ว่าผลผลิตจากในเกมนั้นไม่สามารถนำออกมาด้านนอกได้ แต่สามารถขายในร้านค้าของระบบเพื่อขยายฐานการผลิตแล้วจึงจะสามารถนำเหรียญในเกมที่ได้รับมาหมุนวงล้อเพื่อสุ่มของใช้ออกมาใช้ในโลกจริงได้เท่านั้น กล่าวคือเล่นเกมเพื่อเอาเหรียญในเกม จากนั้นก็นำไปแลกกับสิทธิ์หมุนวงล้อสุ่มของวิเศษ ถึงจะนำของวิเศษออกมาใช้นอกเกมได้ [ตอนนี้มีการสุ่มวงล้อฟรีหนึ่งครั้งต่อวัน ยอดคงเหลือสี่ครั้ง เจ้านายต้องการหมุนวงล้อเลยหรือไม่] ‘ยังก่อน’ ตอนนี้อ้ายปิงให้ความสนใจกับฟาร์มอยู่ นางมองช่องที่ระบบมอบให้เริ่มต้น มีเพียงหนึ่งช่องเท่านั้น หากต้องการขยายช่องก็ต้องใช้เหรียญ หากต้องการปลูกพืชก็ต้องใช้เหรียญ ช่างเป็นระบบเกมหน้าเลือดเสียจริง ความจริงเกมที่นางสร้างขึ้นก็มีความคล้ายคลึงกัน เพียงแต่ในเกมจะใช้เหรียญเพื่อสุ่มของวิเศษและของตกแต่งฟาร์มเท่านั้น ไม่เหมือนกับตอนนี้ที่มันเป็นตัวกำหนดชีวิตของนางไปเสียแล้ว หญิงสาวดูเมล็ดพันธุ์ในร้านค้าระบบ มันมีราคาซื้อและราคาขายต่อหน่วยบอกเอาไว้ มีตั้งแต่พืชธรรมดาจนถึงพืชวิเศษ [ระบบเชื่อมต่อกับร้านค้าในแดนต่างๆและส่งสินค้าอ
เมื่อต้องติดตามท่านอ๋องผู้ถูกเนรเทศมาชายแดนทางเหนือ พวกเขาก็ตัดสินใจใช้เงินที่ขนมาจากเมืองหลวงซื้อที่ดินปลูกจวนนอกเมือง แทนที่จะซื้อจวนขนาดกลางในเมือง จวนสกุลหนี่ว์ไม่ได้ไกลจากในเมืองมากนัก ซ้ำยังเป็นทางไปยังค่ายทหาร อยู่ตรงข้ามกับหน้าด่าน ทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นเล็กน้อย แต่จวนแห่งนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก ด้านหน้ามีเรือนหลัก ด้านข้างมีเรือนรับรอง เรือนสี่ประสานของจวน ด้านตะวันออกเป็นเรือนของบุตรชาย ด้านตะวันตกเป็นของบุตรสาว ขณะที่เรือนหลักเป็นที่พำนักของนายท่านและหนี่ว์ฮูหยิน ทุกวันหนี่ว์อ้ายปิงมักถูกพาไปยังห้องอาหารในเรือนหลัก ก่อนถูกมารดาพากลับไปยังห้องนอนของมารดา วันนี้บรรยากาศในห้องอาหารคึกคัก นับตั้งแต่บิดาอย่างหนี่ว์ซวงกลับมา หนี่ว์อ้ายหรงก็ดูร่าเริงขึ้นมาก แม้จะเห็นว่ามีรอยช้ำบนร่างกายมากขึ้น แต่เขากลับมีรอยยิ้มอยู่เสมอ “น้องสาวเจ้ามาแล้ว” หนี่ว์อ้ายหรงเดินไปต้อนรับน้องสาวด้วยท่าทางยินดี อ้ายปิงทำเพียงแปะๆ มือให้เขาพอเป็นพิธี ประมาณว่าขอบคุณที่มาต้อนรับนาง ไม่นานท่านพ่อก็เริ่มกินอาหาร บนโต๊ะอาหารเงียบสนิท กระทั่งถ้วยจานเปล่าถูก







