ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเมลลี่คือตัวร้ายในนิยายเรื่องนี้ แน่นอนว่าที่เมลลี่เติบโตไปเป็นคนร้ายกาจส่วนหนึ่งก็เพราะว่าโรวีนาที่ทำร้ายนางทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่คงจะไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกต่อไปแล้วเพราะว่าฉันคนนี้อยู่ที่นี่แล้วยังไงล่ะ นิยายเรื่องนี้ฉันไม่ได้อ่านแค่รอบเดียวเพราะแบบนั้นนี่มันง่ายมากในเรื่องการหาเงินและการดำเนินเรื่อง ฉันกระชับเสื้อคลุมของตัวเองให้แน่นหนามากกว่าเดิมก่อนจะรีบเดินไปยังลานประมูล ฉันไม่มีเงินสักเหรียญแต่ที่เข้ามาที่นี่ได้เพราะตราประทับของขุนนาง..โชคดีจริงๆ ที่โรวีนาไม่ได้เอามันไปจำนำหรือว่าขายเพื่อแลกกับการไปซื้อชุดเดรสสวยๆ ของนาง เรื่องความสวยไม่เถียงเลยเพราะว่าโรวีนางงดงามมากจริงๆ แต่เรื่องทักษะเอาตัวรอดโรวีนามีมันน้อยไปหน่อย สมบัติของอิไลมีมากมายแต่ถูกญาติและมารดาของอิไลเอาไปจนหมด อีกทั้งอิไล..ติดการพนันอย่างหนักในช่วงหลังๆ เขาเองก็ผลาญสมบัติของตระกูลตัวเองหลงเหลือเศษเงินเอาไว้ให้โรวีนานิดหน่อยแค่นั้น “เราจะเริ่มการประมูลชิ้นแรกกันเลยนะครับ..สร้อยเพชรสีชมพู..” เมื่อเริ่มเปิดลานประมูลก็เริ่มมีผู้คนแย่งชิงกันใส่ราคา เรื่องเครื่องประดับฉันไม่ได้สนใจอยู่แล้ว ในวันนี้มีของสิ่งหนึ่งที่จำเป็นที่ฉันจะต้องประมูลให้ได้ กฎของการประมูลคือหลังจากประมูลไปแล้ว24ชั่วโมงจะต้องเตรียมเงินมาจ่ายให้ครบโดยการนำตราขุนนางของตัวเองวางมัดจำเอาไว้ เมื่อหาเงินมาจ่ายครบถ้วนก็จะสามารถนำตราขุนนางของตัวเองกลับไปได้ เนื่องจากตราขุนนางนั้นสำคัญมากทีเดียวเพราะออกให้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เหล่าขุนนางหรือว่าผู้ประมูลไม่มีทางที่จะยินยอมสูญเสียตราขุนนางของตัวเองไปอย่างแน่นอน แบบนั้นแล้วจึงไม่มีใครประมูลเล่นๆ หรอก “ชิ้นต่อไปต้นมาเบียน..” เสียงที่เงียบกริบนั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าไม่มีใครต้องการต้นไม้ที่มีฤทธิ์เย็นเช่นนั้นหรอก ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง “10 เหรียญ” มุมปากของฉันหยักยิ้มขึ้นมาในทันทีที่มีคนเริ่มเปิดประมูล “12 เหรียญ” ฉันเอ่ยออกไปพร้อมกับยกป้ายขึ้นมา แน่นอนว่าอีกฝ่ายมองมาที่ฉันด้วยแววตาไม่พอใจเท่าไหร่นัก “20 เหรียญ” “50เหรียญ” “70....” “นี่ไม่ดีแล้วนะครับนายท่าน เราไม่สามารถสู้ราคาให้มากกว่านี้ได้แล้ว” เจโรมพ่นลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เขามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้ต้นไม้นั้นไปปรุงยา แต่หากเกินราคา70เหรียญแล้ว มันจะมีปัญหาตามมามากมายหากเขาใส่ราคาเพิ่ม “เช่นนั้นแล้วเราไปขอซื้อต่อจากผู้ประมูลท่านนั้นดีไหมครับ ต้นไม้มีตั้งหลายต้นหากว่าเราขอซื้อในราคา50เหรียญเขาจะต้องยอมขายให้อย่างแน่นอน” “ปิดประมูลที่70เหรียญครับ” ดวงตาสีโทแพซมองไปยังสตรีที่กำลังสวมเสื้อคลุมสีดำ เขายกมือขึ้นลูบคางตัวเองเบาๆ แล้วมองการต่อสู้ของสตรีปริศนากับเจโรมแห่งเวลลิงตันที่กำลังแย่งชิงต้นไม้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ แน่นอนว่าคราแรกฟลอยด์มาที่นี่เพื่อมาเที่ยวเฉยๆ แต่ในยามนี้ดูเหมือนว่าเขาจะพบเจอเรื่องน่าสนใจแฮะ ต้นไม้ที่มีราคาไม่ถึง30เหรียญแต่ทว่าในยามนี้ราคาของมันกลับพุ่งขึ้นสูงไปถึง70เหรียญได้ เขามั่นใจว่าทุกคนในลานประมูลแห่งนี้จะต้องสงสัยเหมือนกับที่เขาสงสัยอย่างแน่นอน “ใครกันนะ สตรีที่ทำให้ลานประมูลแห่งนี้ปั่นป่วนขึ้นมา..” เมื่อมีการกล่าวปิดจบการประมูลการประมูลต้นมาเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้นในทันทีเพื่อเดินไปยังที่ทำการของการประมูล “ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้ที่แข่งขันการประมูลกับเลดี้เมื่อครู่นี้ ทางเรามีความจำเป็นอย่างมากในการที่จะต้องใช้ต้นมาเบียนเพื่อทำยา หากไม่เป็นการรบกวนมากจนเกินไปเลดี้สามารถแบ่งขายต้นมาเบียนให้ข้าสักหน่อยได้ไหมครับ” เจโรม เวลลิงตันนักเวทที่เก่งกาจที่สุดในจักรวรรดิ อีกทั้งยังพ่วงตำแหน่งของเจ้าของโรงพยาบาลกว่าสิบแห่งในจักรวรรดิอีกต่างหาก เท่าที่จำได้ยูนีกบอกกล่าวออกมาว่านางไปตามหมอแต่เพราะไม่มีเงินหมอพวกนั้นเลยไม่ตามมารักษาโรวีนาที่อยู่ในสภาพเจียนตาย บอกตามตรงหากว่ามีทางเลือกแล้วละก็ ฉันไม่มีความคิดที่จะขายของสิ่งนี้ให้กับหมอนี่อย่างเด็ดขาด แต่เพราะการเงินของเรากำลังอยู่ในช่วงวิกฤติแบบสุดๆ “เรื่องนั้นข้ามีน้ำใจอยู่แล้วค่ะ อันที่จริงปริมาณของต้นมาเบียนนั้นมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ..หากว่าท่านต้องการข้ายินดีที่จะแบ่งปันให้อยู่แล้ว” เจโรมพ่นลมหายใจยาวเหยียดออกมาด้วยความโล่งใจ “เช่นนั้นเราแยกไปพูดคุยกับเรื่องราคาดีกว่านะครับ เลดี้ต้องการขายในราคาเท่าไหร่กัน ข้ายินดีรับซื้อ..” เพราะใส่วิกอีกทั้งยังสวมเสื้อคลุมนั่นทำให้ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีใครจดจำโรวีนาได้อย่างแน่นอน “80 เหรียญต่อมาเบียนหนึ่งต้นค่ะ..ข้าคือนักเดินทางที่ท่องไปทั่วจักรวรรดิ อีกทั้งนี่คือต้นมาเบียนที่วิเศษมากกว่าต้นอื่นเพราะมันถูกส่งมาจากทางเหนือ ต้นมาเบียนจากทางเหนือนั่นถูกตัดจนหมดแล้ว ถึงแม้ว่าทางใต้จะมีต้นมาเบียนเหมือนกันแต่คุณภาพห่างชั้นจากทางเหนือมากทีเดียว ข้ามาที่นี่เพื่อประมูลต้นมาเบียนไปให้นายท่านของข้าที่เป็นพ่อค้าคณะละคร..” เจโรมกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากของเขา พร้อมกับกำมือแน่น “80เหรียญ..นั่นมันมากกว่าราคาที่ท่านประมูลอีกนะครับ” เขาจะซื้ออย่างแน่นอนเพราะว่าเขาให้คำมั่นเอาไว้ว่าจะต้องรักษาสตรีผู้หนึ่งให้หาย..และต้นมาเบียนจากทางเหนือคือส่วนประกอบที่สำคัญที่สุด “ข้าบอกท่านไปแล้วว่าข้าไม่ใช่เจ้าของตัวจริง นายท่านของข้าจะขายมันในราคา100เหรียญอย่างแน่นอน และที่น่าประหลาดมากกว่านั้นคือผู้คนจะแย่งชิงกันซื้อเมื่อมันถูกวางขายในคณะละคร..” เจโรมกำมือแน่นอย่างเหลืออด เขาพยายามปกปิดมานานมากและทำการผูกขาดต้นมาเบียนเพียงผู้เดียวที่นี่เพื่อไม่ให้มีใครล่วงรู้ราคาและความสรรพคุณที่แท้จริงของมัน “นายท่านของข้ากำลังเดินทางมาที่นี่และ..เขาจะมาวางขายต้นมาเบียนที่ประมูลได้ในคืนนี้ที่เมืองหลวงแห่งนี้อย่างแน่นอนค่ะ อีกทั้งคณะละครของเรามีการแปรรูปต้นมาเบียนเป็นยาด้วย..และมีการสอนทำยารักษาโรคกามจากต้นมาเบียน..เมื่อถึงเวลานั้นโรงพยาบาลของท่านคงจะว่างเปล่าไปหมดเพราะมียาที่สามารถรักษาโรคที่ท่านบอกว่ามันรักษาไม่ได้..” นี่คงเป็นครั้งแรกที่เจโรมรู้สึกโกรธมากจริงๆ เราร่ำรวยแต่มันมีเหตุผลที่เขาไม่สามารถประมูลแข่งขันกับสตรีผู้นี้ได้อย่างออกหน้าออกตาเพราะเขาต้องการปิดบังมูลค่าที่แท้จริงของมัน “..ช่วยคิดราคาเหมาทั้งหมดให้ข้าด้วยครับ..ข้าจะซื้อต้นมาเบียนทั้งหมดต่อจากเลดี้เอง” ริมฝีปากของโรวีนาแสยะยิ้มออกมา “ต้องอย่างนั้นสิ..เราถึงจะได้พูดคุยกันง่ายหน่อย” เป็นไงล่ะ..ไอ้เจ้าของโรงพยาบาลที่เห็นแก่เงินเจอคนเห็นแก่เงินมากกว่ารู้สึกยังไงบ้างล่ะโว้ย!!“หนังสือมาส่งแล้วครับ..”เจ้าของร้านหนังสือรีบออกมารับหนังสือที่ถูกส่งมาในทันที นี่คือหนังสือเดินทางที่ขายดีมากๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าเขาจะสั่งมาขายมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเพียงพอต่อความต้องการของผู้คนได้เลยเจ้าของหนังสือคือบุรุษผู้หนึ่งที่เขียนแทนตัวเองว่าเมล เขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกดินแดน แล้วเขียนเรื่องเล่ามากมายพร้อมแนบรูปวาดมาในหนังสือด้วย การเขียนที่สนุกเหมือนกับได้ฟังนักเล่าเรื่องเล่า และรูปวาดที่สวยงามเหมือนกับได้มองสถานที่ที่ถุกกล่าวถึงด้วยสายตาของตัวเอง มันยิ่งยกระดับให้หนังสือเล่มนี้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น“รีบๆ ยกเข้ามาได้เลย..แล้วสั่งเพิ่มมาอีกสองร้อยเล่มนะ ชาวเมืองชอบหนังสือการเดินทางนี้มากเลย..”เด็กส่งหนังสือก้มหน้าขอบคุณ“ได้เลยครับนายท่าน..”เพียงแค่วางหนังสือพวกนั้นที่หน้าร้าน ผู้คนมากมายก็เดินทางเข้ามาจับจองหนังสือกันอย่างคับคั่งเมลลี่กำลังยืนมองหนังสือของตัวเองที่ถูกขายออกอย่างรวดเร็ว เธอยกยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะสวมหมวกเพื่อปิดบังใบหน้าเธอออกเดินทางครั้งแรกตั้งแต่ตอนอายุสิบห้า มันคือการออกเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีแมทสันกับท่านตา และหลังจากนั้นเธอก็พบกับท่านลุงอาเดน พี่ชาย
“นี่มันอะไรกันอาริ?”โรวีนาเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่ออารีเอนส่งบัตรเชิญมาให้เธอ มันเป็นบัตรเชิญการแต่งงานระหว่างอาริเอนและลอร์ดเวนสัน เธอไม่คิดว่ามันจะกะทันหันมากขนาดนี้ นี่ทั้งสองคนไปตกหลุมรักกันตอนนี้ก่อน“กับบางคน ที่ใช่มันจะใช่เลยโรวี่ ท่านบาทีอัสนั้นไม่เรื่องมาก ท่านเป็นคนดี ไม่นอกใจและยกเรื่องเงินทั้งหมดในเวนสันให้ฉันเป็นผู้จัดการ ท่านบอกเกี่ยวกับการใช้ชีวิตสามีภรรยาของเราเอาไว้อย่างชัดเจน ท่านไม่ใช่คนขี้หึงและไม่มีเหตุผล แต่ท่านก็ห้ามไม่ให้ฉันไม่ร่วมงานเลี้ยงโดยที่ไม่มีท่านไปด้วย ท่านยินดีจะไปงานเลี้ยงทุกงานที่ฉันอยากไป และหากว่าเรามีลูกจะใช้ชื่อตระกูลเวนสันก่อน ส่วนลูกคนที่สองจะใช้ชื่อตระกูลแรนเซล โรวี่..เจ้าคิดว่ามีกี่คนกันที่คุยเรื่องการแต่งงานชัดเจนมากขนาดนั้น ฉันคิดว่าฉันหาพ่อของลูกเจอแล้วเพราะแบบนั้นก็เลยตกลงแต่งงานกับเขาในทันที”โรวีนายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ส่วน เบียงก้าเธอกำลังหัวเราะอยู่“เรื่องนั้นก็สมกับที่เป็นอารินะคะ ขอให้อาริมีความสุขมากๆ กับการแต่งงานในครั้งนี้”เบียงก้าหย่ากับบารอนลัคเน่แล้ว ตอนนี้นางคือมาดามเจ้าของร้านตัดเสื้อเท่านั้น ไม่ใช่ชนชั้นสูงหรือว่าบ
ฟลอยด์กุมมือของโรวีนาเอาไว้ เขามองท่านพ่อตาที่กำลังอุ้มลูกสาวของเราอยู่ ก่อนจะส่งยิ้มให้ท่าน..“มีใครจะขัดขวางงานแต่งในครั้งนี้ของข้าอีกรึเปล่า หากมีก็ก้าวเท้าออกมาได้เลย!!”เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเพื่อให้ทุกคนได้ยินหลังจากที่ทหารของพระราชคุมตัวของอิไลออกไปแล้วเจโรมมองฟลอยด์และโรวีนาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย แผนการของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะถูกฟลอยด์อ่านแผนการออกจนหมด นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่ฟลอยด์จะงัดหลักฐานการหย่าและหลักฐานการจดทะเบียนสมรสของเขาออกมา เขาเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีขัดขวางไม่ได้จริงๆ สินะ งานแต่งในครั้งนี้ เขาไม่สามารถดึงรั้งสตรีผู้นั้นมาอยู่ข้างกายได้เลยจริงๆ ..เขาแพ้แบบไม่เป็นท่าเลย พ่ายแพ้แบบที่ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้โรวีนาแม้แต่นิดเดียว คู่แข่งของเขานั้นน่ากลัวมากจริงๆ“ท่านเคาน์เวลลิงตันครับ นี่เป็นเช็คเงินสดที่ท่านดยุคฝากมาให้พร้อมกับจดหมายครับ”ไมเนอร์เดินเข้าไปส่งมอบของที่ท่าน ดยุคสั่งให้เขาจัดเตรียมเอาไว้ ให้แก่ท่านเคาน์เวลลิงตันเจโรมเปิดจดหมายออกก็พบว่าในจดหม
คาดินันกระแอมออกมาเบาๆ เพราะว่าในยามนี้ท่านดยุคและท่านดัชเชสกำลังแสดงความรักที่มากมายต่อกัน ซึ่งมันอาจจะทำให้เขาทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างลำบากโรวีนาละริมฝีปากออกจากกลีบปากของฟลอยด์ด้วยความนึกเสียดาย เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนที่เราจะกอบกุมมือกันแน่น“พิธีสาบานของคู่บ่าวสาวทั้งสองเสร็จสิ้นแล้วครับ มีใครจะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้รึเปล่า? ..”นั่นคือสิ่งที่ฟลอยด์กังวล เขาปรายสายตามองไปที่ยังที่นั่งของแขกที่มาร่วมงาน ราวกับกำลังรอคอยบางอย่างอยู่“ข้าขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ครับ!!..”เจโรมแสยะยิ้มออกมาเมื่ออิไลแสดงตัวในการคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ แน่นอนว่าฟลอยด์ไม่ได้คิดยินยอมให้อิไลเข้ามาในงานนี้โดยง่าย รอบๆ วิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มไปด้วยทหารของฮาวคลาวที่กำลังเฝ้าประตูเพื่อตรวจสอบแขกที่เข้ามา หากว่าเขาไม่ให้อิไลปลอมตัวมาก็คงไม่มีทางเข้าในนี้ได้อย่างแน่นอนและเมื่ออิไลซึ่งเป็นสามีเก่าของโรวีนาแสดงตัวออกมา เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นในทันทีท่านดยุคแมทสันจับดาบที่เอว เขาตั้งใจว่าจะพุ่งเข้าไปจัดการ อิไลให้สาสมกับที่ไอ้คนสารเลวนั่นทำให้ลูกสาวของเขาเจ็บปวด แต่ทว่าไมเนอร์จับมื
ฉันกำลังนั่งอยู่ที่ด้านหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ในห้องแต่งตัวภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งหรูหราและคุ้นตาเอาซะเลย สาวใช้จากพระราชวังสามารถทำงานของพวกนางได้อย่างคล่องแคล่วจนน่าตกใจ ในเวลาไม่นานการแต่งกายที่แสนยากลำบากก็เสร็จสิ้นลง มีชุดที่ต้องสวมทับหลายชั้นมากๆ ชุดแต่งงานของดัชเชสนั้นยุ่งยากมาทีเดียว จะต้องสวมกระโปรงที่มีโครงด้านในเพื่อให้กระโปรงบานออกและเป็นรูปทรงที่สวยงาม อีกทั้งยังต้องสวมใส่คลอเซ็ตเพื่อรัดเอวที่เล็กอยู่แล้วในคอดกิ่วยิ่งกว่าเดิม และยังมีการดันทรงชุดชั้นในเพื่อให้เนินอกโผล่พ้นออกมานอกชุดเล็กน้อย แต่การพยายามอย่างหนักของสาวใช้ก็ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่า ภาพที่สะท้อนในกระจกดูเหมือนกับเทพธิดาที่งดงามราวกับไม่มีอยู่จริง จากเดิมที่โรวีนานั้นงดงามมากๆ อยู่แล้ว แต่ในยามนี้ดูท่าว่าผู้ที่พบเห็นใบหน้านี้ของเธอจะต้องจดจำความงดงามนี้ไปตลอดแน่ๆ“เสร็จเร็วกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะโรวี่..”ท่านพ่อของเธออยู่ในชุดดยุคเต็มยศ ท่านแย้มยิ้มออกมาด้วยความอารมณ์ดี..“ลูกงดงามมากจริงๆ ให้ตายเถอะ..ลูกเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ เลย”นางฟ้าตัวน้อยงั้นเหรอ? ทั้งๆ ที่เธอโตมากพอที่จะมีลูกและมีสามีแล้วแต่
“ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องเป็นกังวลนะครับคุณหนู แค่ท่านยิ้มออกมา แล้วโปรยดอกไม้ไปตามทางเดินเท่านั้นเอง..ท่านดัชเชสจะต้องดีใจมากๆ ที่คุณหนูเป็นผู้โปรยดอกไม้ตามทางเดินของท่าน”โลแวนกำลังให้กำลังใจคาเรนที่แสดงท่าทีประหม่า เขารู้มาว่าคุณหนูตัวน้อยไม่เคยออกงานหรือว่าอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ มาก่อน เพราะแบบนั้นจึงหลีกเลี่ยงอาการตื่นเต้นและประหม่าของเด็กชายอายุห้าขวบไม่ได้“...ท่านแม่..จะดีใจมากๆ เลยใช่ไหมโลแวน หากท่านแม่เห็นข้ากำลังโปรยดอกไม้”โลแวนพยักหน้า“เพราะว่าคุณหนู..คือแก้วตาดวงใจของท่านดัชเชสไงครับ วันนี้คือวันที่ท่านดยุคและท่านดัชเชสแต่งงานกัน วันที่ทั้งสองท่านจะประกาศให้ทุกคนล่วงรู้ว่าทั้งสองท่านเป็นครอบครัวเดียวกันโดยสมบูรณ์..”คราแรกที่ท่านดัชเชสบอกกับเขาว่างานของเขามันคือการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก บอกตามตรงว่าโลแวนกังวลมากๆ เพราะเขากับเด็กไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ เขาเติบโตมาในเส้นทางที่เปียกปอนไปด้วยเลือด ต้องต่อสู้เท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้หายใจต่อไป..แล้วเขาจะมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ยังไงกันแต่เมื่อเขาได้พบเจอคุณหนูทั้งสอง มันเหมือนกับว่าโลแวนได้พบเจอนางฟ้าและเทพบุต