ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ แต่รู้ตัวอีกทีฉันก็เดินเข้ามาในงานเลี้ยงพร้อมกับท่านดยุคฮาสคลาวซะแล้ว แน่นอนว่าสายตาของเหล่าสตรีที่มองมานั้นราวกับต้องการจะแผดเผาฉันทั้งเป็นให้ได้ ก็แน่ล่ะนี่คือบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอันดับหนึ่งของจักรวรรดินะ จะไม่ให้พวกนางแค้นได้อย่างไรกัน
“ไม่ยักรู้เลยนะคะว่าเคาน์เตสจะควงท่านดยุคฮาสคลาวเข้ามาในงานเลี้ยง..ไม่อย่างนั้นฉันคงมาพร้อมกับท่านเคาน์เตสแล้วค่ะ” อารีเอนกล่าวพร้อมกับส่งยิ้มพิมพ์ใจให้ฟลอยด์ “อ่า..เราไม่ได้มาด้วยกันค่ะ พอดีว่าฉันนั่งอยู่ในสวนและได้พูดคุยกับท่านดยุค ..หัวใจของฉันนั้นเต้นแรงราวกับว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก เราไม่เคยพูดคุยทำความรู้จักกันมาก่อนเพราะแบบนั้นแล้วพอได้ลองเปิดใจก็พบว่าท่านดยุคและฉันนั้นมีหลายๆ อย่างที่คล้ายคลึงกัน..ใช่ไหมคะ” ฉันหันไปมองหน้าฟลอยด์พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเพื่อให้เขาตอบรับ “..ครับ ตามที่เคาน์เคสว่ามาเลย” “...เหรอคะ ดีจังเลยนะคะ” อ้าก!! หมั่นไส้ชะมัดเลย เกิดมาสวยแล้วยังคว้าท่านดยุคที่สตรีทุกคนในจักรวรรดิหมายตาไปเป็นคู่ควงอีกงั้นเรอะ ฉันไม่ควรแนะนำให้เคาน์เตสมาที่งานนี้เลยแม้แต่น้อย ไม่ควรบอกนางตั้งแต่แรกเลย!! อารีเอนได้แต่ด่าตัวเองในใจ เธอมองตามท่านดยุคที่ควงแขนเคาน์เตสไปทางนั้นที ทางนี้ที ด้วยสายตาละห้อย แล้วทำไมทั้งสองคน..เหมาะสมกันขนาดนั้นนะ มันควรจะไม่เหมาะสมสิ ควรจะค้านสายตา ไม่ควรรู้สึกแบบนี้เลยสิพับผ่าเถอะ “งดงามมากเลยนะคะ ข้าเคยเห็นเคาน์เตสจากไกลๆ ครั้งหนึ่ง เมื่อได้ลองมายลโฉมใกล้ๆแล้ว หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะเลยขนาดว่าข้าคือสตรี ไม่น่าแปลกใจหรอกค่ะที่ท่าน ดยุคจะตกหลุมรักเคาน์เตสตั้งแต่แรกเห็น” เธอกำลังทะเลาะกับตัวเองอยู่และยัยนี่เป็นใครถึงมาเห็นดีเห็นงามกับทั้งสองคนกันฟะ “แต่เคาน์เตสเคยต่างงานมาแล้วนะคะ” “ท่านดยุคก็เคยแต่งงานมาแล้วค่ะ..ในบางทีบุตรของทั้งสองท่านอาจจะดีใจที่พวกเขากำลังจะมีพี่น้อง” ...เออ ท่านดยุคเองก็เคยแต่งงานมาแล้วนี่หว่า “เคาน์เตสกำลังอยู่ในช่วงหมดตัวนะคะ เรื่องใบหน้าและฐานะทางสังคมอาจจะเหมาะสมกันแต่เรื่องเงินทอง..หากมีการแต่งงานกันจริงๆ เคาน์เตสอาจจะไม่มีสินสอดติดตัวไปเลยก็ได้ค่ะ” ควรจะหาคนที่อยู่ในฐานะเดียวกันสิ กล้าดียังไงถึงได้เอื้อมมือที่สกปรกของหล่อนไปคว้าท่านดยุคลงมาคลุกโคลนตมกัน อารีเอนมองหน้าของบารอนเนสเบียงก้าที่ช่วยเถียงแทนเคาน์เตสซารังต์ “เรื่องนั้น..ข้ามองว่าท่านเคาน์เตสสู้มามากแล้วนะคะ เดิมทีนางคือบุตรีของท่านดยุคจากแดนใต้แต่ต้องแต่งงานกับเคาน์ที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร อีกทั้งก่อนที่เคาน์ซารังต์จะตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเขาก็สร้างปัญหาเอาไว้เยอะแยะมากมายทีเดียวทั้งเรื่องการพนันและสตรี..ไม่ผิดหรอกนะคะที่แม่หม้ายจะสู้เพื่อตัวเองและลูก ท่านเคาน์เตสก็แค่ไปหาความรักที่ดีกว่าเท่านั้นเอง..นางกำลังต่อสู้เพื่อลูกสาวของนางนะคะ แทนที่จะมองด้วยสายตาริษยา เลดี้ลองมองนางใหม่เถอะนะคะว่านางจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งแค่ไหน..ครอบครัวสามีก็ทอดทิ้ง ครอบครัวตัวเองก็กลับไปหาไม่ได้..” อารีเอนชะงักในทันทีที่เบียงก้ากล่าวจบ เธอยังไม่ได้แต่งงานจึงไม่เข้าใจบทบาทของภรรยาขุนนางมากนัก แต่เมื่อได้ลองมองตามมุมที่บารอนเนสเบียงก้าเล่ามานั้น..ชีวิตของหญิงงามอย่างเคาน์เตสเองก็น่าสงสารมากเลยนี่ ท่านเคาน์เตสมาหาเธอเพื่อถามว่าทำอย่างไรจะสามารถหาสามีใหม่ได้..นั่นคือการยินยอมละทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเองเพื่อลูกสาวแล้ว ยัยนั่น..ไม่ได้มีดีแค่ใบหน้านั้นสินะ ยิ่งมองก็ยิ่งไม่ชอบ..ชิ! ....................... “ข้าเหนื่อยแล้วค่ะ..ข้าอยากจะไปพัก..” โรวีนากระซิบบอกท่านดยุคอย่างแผ่วเบาแต่ทว่าในขณะที่เธอกำลังบอกกล่าวนั้นเคาน์เจโรมกลับเดินเข้ามาทักทายท่านดยุค “ดูสิครับ เมื่อครู่ตอนที่ท่านดยุคเดินเข้ามาในงานท่านยังอยู่คนเดียวอยู่เลย แต่ทว่าในยามนี้ท่านกลับพบเจอสาวงามที่จะใช้ค่ำคืนนี้ด้วยกันแล้วอย่างนั้นหรือครับ..ยินดีที่ได้รู้จักนะครับเลดี้ข้ามีชื่อว่า..เจ..โรม” เขายื่นมือมาให้โรวีนาแต่ทว่ามือของเจโรมกลับแข็งค้างอยู่กลางอากาศพร้อมกับใบหน้าที่ตื่นตะลึงของเขา เขาไม่เคยเห็นเลดี้ผู้นี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะงานเลี้ยงไหนๆ ที่เมืองหลวง นางงดงามชนิดที่ว่าเพียงพบเจอใบหน้านั้นเขาแทบลืมการหายใจไปชั่วขณะ เจโรมเบนสายตามองหน้าของฟลอยด์ด้วยแววตาไม่พอใจเท่าไหร่นัก สายตาของเขานั้นมันทั้งแข็งกร้าวและไม่ยอมแพ้ “นางมิใช่เลดี้หรอกเจโรม นี่คือเคาน์เตสซารังต์..” บางอย่างในแววตาของเจโรมยิ่งแตกต่างไปจากเดิมเมื่อเขาล่วงรู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นใคร นี่คือเคาน์เตสซารังต์ หญิงหม้ายที่ได้ชื่อว่าเป็นสตรีชั่วช้าแห่งยุค คบชู้ ผลาญเงินสามีและทุบตีลูกสาว.. นี่ฟลอยด์กำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสตรีที่มีข่าวลือไม่ดีเช่นนั้นกัน จริงอยู่ที่ว่านางงดงามแต่แค่ความงามเพียงอย่างเดียวมันคุ้มค่าให้เสี่ยงหรือ? “ข้ามีนามว่าโรวีนาค่ะ..ท่านเคาน์จัดงานได้อย่างยอดเยี่ยมเลยนะคะ” สายตาของเจโรมมันสะท้อนทุกความรู้สึกดูถูกเธอออกมาโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำพูด เขากำลังดูแคลนเธอทางสายตาพร้อมกับมองหน้าของฟลอยด์ด้วยท่าทีหัวเราะเยาะที่ท่านดยุคเลือกเธอเป็นคู่ควง แต่..สายตาพวกนั้นกลับเปลี่ยนไปอีกครั้งเมื่อเขาได้ยินเสียงของโรวีนา น้ำเสียงที่คุ้นหูและรอยยิ้มที่คุ้นเคยเช่นนี้ “เราเคย..พบเจอกันมาก่อนไหมครับเลดี้..อ่าไม่สิ เคาน์เตส” อันที่จริงเจโรมคือบุรุษรูปงามมากทีเดียว หากเธอบอกว่าเขาไม่หล่อสายตาของเธอดูน่าจะมีปัญหาแต่ทว่า..เขาเลวไปหน่อยแถมยังไม่ทันคนอีกต่างหาก “อ่า ข้าไม่เคยออกนอกคฤหาสน์ซารังต์เลยนะคะ ดูท่าว่าท่านเคาน์คงจะจำคนผิดซะแล้ว หรือว่านี่คือมุกจีบสตรีของท่านเคาน์กันคะ..ข้าจะได้ตอบสนองถูกว่าควรจะปฏิเสธหรือว่าตอบรับ..คำกล่าวนั้น” สายตาของฟลอยด์เฉียบคมขึ้นมาเมื่อเขามองเห็นบางอย่างที่ผิดปกติ ท่าทีของเจโรมดูผิดแปลกไปจากเดิมมากทีเดียว แววตาที่เขามองโรวีนาไม่เหยียดหยามอีกต่อไปแต่มันคือแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง ในขณะที่โรวีนามองเจโรมด้วยสายตาที่เชือดเฉือนไม่ยอมใคร มุมปากของฟลอยด์กระตุกยิ้มขึ้นมาด้วยความสนุก นานแล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นเจโรมโกรธ..ท่าทางว่าคืนนี้จะมีเรื่องสนุกแล้วละสิ“หนังสือมาส่งแล้วครับ..”เจ้าของร้านหนังสือรีบออกมารับหนังสือที่ถูกส่งมาในทันที นี่คือหนังสือเดินทางที่ขายดีมากๆ ในช่วงนี้ ไม่ว่าเขาจะสั่งมาขายมากแค่ไหนก็ไม่สามารถเพียงพอต่อความต้องการของผู้คนได้เลยเจ้าของหนังสือคือบุรุษผู้หนึ่งที่เขียนแทนตัวเองว่าเมล เขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วทุกดินแดน แล้วเขียนเรื่องเล่ามากมายพร้อมแนบรูปวาดมาในหนังสือด้วย การเขียนที่สนุกเหมือนกับได้ฟังนักเล่าเรื่องเล่า และรูปวาดที่สวยงามเหมือนกับได้มองสถานที่ที่ถุกกล่าวถึงด้วยสายตาของตัวเอง มันยิ่งยกระดับให้หนังสือเล่มนี้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น“รีบๆ ยกเข้ามาได้เลย..แล้วสั่งเพิ่มมาอีกสองร้อยเล่มนะ ชาวเมืองชอบหนังสือการเดินทางนี้มากเลย..”เด็กส่งหนังสือก้มหน้าขอบคุณ“ได้เลยครับนายท่าน..”เพียงแค่วางหนังสือพวกนั้นที่หน้าร้าน ผู้คนมากมายก็เดินทางเข้ามาจับจองหนังสือกันอย่างคับคั่งเมลลี่กำลังยืนมองหนังสือของตัวเองที่ถูกขายออกอย่างรวดเร็ว เธอยกยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะสวมหมวกเพื่อปิดบังใบหน้าเธอออกเดินทางครั้งแรกตั้งแต่ตอนอายุสิบห้า มันคือการออกเดินทางไปที่แกรนด์ดัชชีแมทสันกับท่านตา และหลังจากนั้นเธอก็พบกับท่านลุงอาเดน พี่ชาย
“นี่มันอะไรกันอาริ?”โรวีนาเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจเมื่ออารีเอนส่งบัตรเชิญมาให้เธอ มันเป็นบัตรเชิญการแต่งงานระหว่างอาริเอนและลอร์ดเวนสัน เธอไม่คิดว่ามันจะกะทันหันมากขนาดนี้ นี่ทั้งสองคนไปตกหลุมรักกันตอนนี้ก่อน“กับบางคน ที่ใช่มันจะใช่เลยโรวี่ ท่านบาทีอัสนั้นไม่เรื่องมาก ท่านเป็นคนดี ไม่นอกใจและยกเรื่องเงินทั้งหมดในเวนสันให้ฉันเป็นผู้จัดการ ท่านบอกเกี่ยวกับการใช้ชีวิตสามีภรรยาของเราเอาไว้อย่างชัดเจน ท่านไม่ใช่คนขี้หึงและไม่มีเหตุผล แต่ท่านก็ห้ามไม่ให้ฉันไม่ร่วมงานเลี้ยงโดยที่ไม่มีท่านไปด้วย ท่านยินดีจะไปงานเลี้ยงทุกงานที่ฉันอยากไป และหากว่าเรามีลูกจะใช้ชื่อตระกูลเวนสันก่อน ส่วนลูกคนที่สองจะใช้ชื่อตระกูลแรนเซล โรวี่..เจ้าคิดว่ามีกี่คนกันที่คุยเรื่องการแต่งงานชัดเจนมากขนาดนั้น ฉันคิดว่าฉันหาพ่อของลูกเจอแล้วเพราะแบบนั้นก็เลยตกลงแต่งงานกับเขาในทันที”โรวีนายกมือขึ้นมานวดขมับเบาๆ ส่วน เบียงก้าเธอกำลังหัวเราะอยู่“เรื่องนั้นก็สมกับที่เป็นอารินะคะ ขอให้อาริมีความสุขมากๆ กับการแต่งงานในครั้งนี้”เบียงก้าหย่ากับบารอนลัคเน่แล้ว ตอนนี้นางคือมาดามเจ้าของร้านตัดเสื้อเท่านั้น ไม่ใช่ชนชั้นสูงหรือว่าบ
ฟลอยด์กุมมือของโรวีนาเอาไว้ เขามองท่านพ่อตาที่กำลังอุ้มลูกสาวของเราอยู่ ก่อนจะส่งยิ้มให้ท่าน..“มีใครจะขัดขวางงานแต่งในครั้งนี้ของข้าอีกรึเปล่า หากมีก็ก้าวเท้าออกมาได้เลย!!”เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเพื่อให้ทุกคนได้ยินหลังจากที่ทหารของพระราชคุมตัวของอิไลออกไปแล้วเจโรมมองฟลอยด์และโรวีนาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเลย แผนการของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะถูกฟลอยด์อ่านแผนการออกจนหมด นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ที่ฟลอยด์จะงัดหลักฐานการหย่าและหลักฐานการจดทะเบียนสมรสของเขาออกมา เขาเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าเป็นอย่างดีขัดขวางไม่ได้จริงๆ สินะ งานแต่งในครั้งนี้ เขาไม่สามารถดึงรั้งสตรีผู้นั้นมาอยู่ข้างกายได้เลยจริงๆ ..เขาแพ้แบบไม่เป็นท่าเลย พ่ายแพ้แบบที่ไม่ได้เฉียดเข้าใกล้โรวีนาแม้แต่นิดเดียว คู่แข่งของเขานั้นน่ากลัวมากจริงๆ“ท่านเคาน์เวลลิงตันครับ นี่เป็นเช็คเงินสดที่ท่านดยุคฝากมาให้พร้อมกับจดหมายครับ”ไมเนอร์เดินเข้าไปส่งมอบของที่ท่าน ดยุคสั่งให้เขาจัดเตรียมเอาไว้ ให้แก่ท่านเคาน์เวลลิงตันเจโรมเปิดจดหมายออกก็พบว่าในจดหม
คาดินันกระแอมออกมาเบาๆ เพราะว่าในยามนี้ท่านดยุคและท่านดัชเชสกำลังแสดงความรักที่มากมายต่อกัน ซึ่งมันอาจจะทำให้เขาทำหน้าที่ต่อไปได้อย่างลำบากโรวีนาละริมฝีปากออกจากกลีบปากของฟลอยด์ด้วยความนึกเสียดาย เธอส่งยิ้มให้เขาก่อนที่เราจะกอบกุมมือกันแน่น“พิธีสาบานของคู่บ่าวสาวทั้งสองเสร็จสิ้นแล้วครับ มีใครจะคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้รึเปล่า? ..”นั่นคือสิ่งที่ฟลอยด์กังวล เขาปรายสายตามองไปที่ยังที่นั่งของแขกที่มาร่วมงาน ราวกับกำลังรอคอยบางอย่างอยู่“ข้าขอคัดค้านการแต่งงานในครั้งนี้ครับ!!..”เจโรมแสยะยิ้มออกมาเมื่ออิไลแสดงตัวในการคัดค้านการแต่งงานครั้งนี้ตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ แน่นอนว่าฟลอยด์ไม่ได้คิดยินยอมให้อิไลเข้ามาในงานนี้โดยง่าย รอบๆ วิหารศักดิ์สิทธิ์นั้นเต็มไปด้วยทหารของฮาวคลาวที่กำลังเฝ้าประตูเพื่อตรวจสอบแขกที่เข้ามา หากว่าเขาไม่ให้อิไลปลอมตัวมาก็คงไม่มีทางเข้าในนี้ได้อย่างแน่นอนและเมื่ออิไลซึ่งเป็นสามีเก่าของโรวีนาแสดงตัวออกมา เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นในทันทีท่านดยุคแมทสันจับดาบที่เอว เขาตั้งใจว่าจะพุ่งเข้าไปจัดการ อิไลให้สาสมกับที่ไอ้คนสารเลวนั่นทำให้ลูกสาวของเขาเจ็บปวด แต่ทว่าไมเนอร์จับมื
ฉันกำลังนั่งอยู่ที่ด้านหน้ากระจกเงาบานใหญ่ ในห้องแต่งตัวภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งหรูหราและคุ้นตาเอาซะเลย สาวใช้จากพระราชวังสามารถทำงานของพวกนางได้อย่างคล่องแคล่วจนน่าตกใจ ในเวลาไม่นานการแต่งกายที่แสนยากลำบากก็เสร็จสิ้นลง มีชุดที่ต้องสวมทับหลายชั้นมากๆ ชุดแต่งงานของดัชเชสนั้นยุ่งยากมาทีเดียว จะต้องสวมกระโปรงที่มีโครงด้านในเพื่อให้กระโปรงบานออกและเป็นรูปทรงที่สวยงาม อีกทั้งยังต้องสวมใส่คลอเซ็ตเพื่อรัดเอวที่เล็กอยู่แล้วในคอดกิ่วยิ่งกว่าเดิม และยังมีการดันทรงชุดชั้นในเพื่อให้เนินอกโผล่พ้นออกมานอกชุดเล็กน้อย แต่การพยายามอย่างหนักของสาวใช้ก็ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมานั้นคุ้มค่า ภาพที่สะท้อนในกระจกดูเหมือนกับเทพธิดาที่งดงามราวกับไม่มีอยู่จริง จากเดิมที่โรวีนานั้นงดงามมากๆ อยู่แล้ว แต่ในยามนี้ดูท่าว่าผู้ที่พบเห็นใบหน้านี้ของเธอจะต้องจดจำความงดงามนี้ไปตลอดแน่ๆ“เสร็จเร็วกว่าที่คิดเอาไว้อีกนะโรวี่..”ท่านพ่อของเธออยู่ในชุดดยุคเต็มยศ ท่านแย้มยิ้มออกมาด้วยความอารมณ์ดี..“ลูกงดงามมากจริงๆ ให้ตายเถอะ..ลูกเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ เลย”นางฟ้าตัวน้อยงั้นเหรอ? ทั้งๆ ที่เธอโตมากพอที่จะมีลูกและมีสามีแล้วแต่
“ไม่มีเรื่องอะไรที่จะต้องเป็นกังวลนะครับคุณหนู แค่ท่านยิ้มออกมา แล้วโปรยดอกไม้ไปตามทางเดินเท่านั้นเอง..ท่านดัชเชสจะต้องดีใจมากๆ ที่คุณหนูเป็นผู้โปรยดอกไม้ตามทางเดินของท่าน”โลแวนกำลังให้กำลังใจคาเรนที่แสดงท่าทีประหม่า เขารู้มาว่าคุณหนูตัวน้อยไม่เคยออกงานหรือว่าอยู่ในที่ที่คนเยอะๆ มาก่อน เพราะแบบนั้นจึงหลีกเลี่ยงอาการตื่นเต้นและประหม่าของเด็กชายอายุห้าขวบไม่ได้“...ท่านแม่..จะดีใจมากๆ เลยใช่ไหมโลแวน หากท่านแม่เห็นข้ากำลังโปรยดอกไม้”โลแวนพยักหน้า“เพราะว่าคุณหนู..คือแก้วตาดวงใจของท่านดัชเชสไงครับ วันนี้คือวันที่ท่านดยุคและท่านดัชเชสแต่งงานกัน วันที่ทั้งสองท่านจะประกาศให้ทุกคนล่วงรู้ว่าทั้งสองท่านเป็นครอบครัวเดียวกันโดยสมบูรณ์..”คราแรกที่ท่านดัชเชสบอกกับเขาว่างานของเขามันคือการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก บอกตามตรงว่าโลแวนกังวลมากๆ เพราะเขากับเด็กไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่ เขาเติบโตมาในเส้นทางที่เปียกปอนไปด้วยเลือด ต้องต่อสู้เท่านั้นถึงจะมีชีวิตรอด ต้องดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองได้หายใจต่อไป..แล้วเขาจะมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กได้ยังไงกันแต่เมื่อเขาได้พบเจอคุณหนูทั้งสอง มันเหมือนกับว่าโลแวนได้พบเจอนางฟ้าและเทพบุต