องค์หญิงสิบสามรู้ข่าวเรื่องการทำบุญครั้งใหญ่ของจวนแม่ทัพจึงส่งให้คนมาจับจองพื้นที่ รู้มาว่าพื้นที่แห่งนี้เป็นคุณหนูสวี่ที่จับจองไว้ และนับเป็นพื้นที่ที่ดีที่สุด องค์หญิงสิบสามจึงให้คนส่งภาพวาดของท่านอ๋องฉางอันไปให้คุณหนูสวี่เพื่อแลกเปลี่ยนคุณหนูในห้องหอการออกจากบ้านก็ลำบากยิ่งเมื่อมีคนเสนอภาพวาดท่านอ๋องฉางบุรุษรูปงามที่มีอันดับเบียดชิดกับหยางเอ้อหลางจนไม่อาจจัดตำแหน่งระหว่างสองคนนี้ได้ นับเป็นภาพซึ่งหาดูได้ยากไปให้คุณหนูสวี่จึงไม่ปฏิเสธกลับรับไว้ด้วยใบหน้าแดงซ่านยินยอมยกพื้นที่จับจองตรงนี้ให้นางแต่โดยดีก่อนจะแอบเก็บภาพวาดเอาไว้เหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าอีกทั้งยังมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นเมื่อวันนี้เป็นวันที่พี่ชายของนางนัดหมายกับคนผู้นั้นเพื่อรับกระพรวนคืนทั้งพี่ชายยังช่วยขออนุญาตองค์ฮองเฮาให้นางออกจากวัง หลังจากบุรุษร่างใหญ่ผู้นั้นไปแล้ว สตรีทั้งสองก็เริ่มนำอุปกรณ์ออกมาลงมือวาดภาพอย่างตั้งใจทุกกิริยาท่าทางของหยางเอ้อหลางถูกองค์หญิงสิบสามบันทึกไว้ในกระดาษอย่างคล่องแคล่ว เขาแย้มยิ้ม เขาเช็ดเหงื่อ ใบหน้าอันอ่อนโยนที่ยากจะเห็นได้ ในฐานะจิตรกรแล้วองค์หญิงสิบสามทำหน้าที่ได้ดียิ่ง นอกจากนั้นนางย
หลังได้กระพรวนคืนนางมีแผนการต่อซึ่งหากสำเร็จนางจะได้รับเงินก้อนโตต่อชีวิตคนในตำหนักให้กินดีอยู่ดีอีกหลายเดือนเลยทีเดียว มุมปากขององค์หญิงสิบสามมีรอยยิ้มชั่วร้ายจางๆ เกิดขึ้นการหากินกับแม่ทัพหยางนับว่าไม่เลวเลยทีเดียวสตรีทั้งสองจึงช่วยกันเก็บภาพลงในกระบอกอย่างระมัดระวัง ด้านหน้ากระบอกเขียนชื่อคุณชายแต่ละจวนไว้อย่างคล่องแคล่วความจริงองค์หญิงสิบสามไม่รู้หรอกว่าคุณชายแต่ละท่านเป็นคนจากตระกูลใดแต่เพราะอาศัยความสอดรู้ของชาวบ้านแถวนั้นที่รู้จริงรู้ชัดยิ่งกว่าเจ้าตัว ข่าวลือจากจวนต่างๆ ไม่อาจหลุดพ้นการนินทาของชาวบ้านไปได้ วันนี้นางจึงอาศัยชาวบ้านที่มารับบริจาครู้ข้อมูลอย่างครบถ้วน แต่ที่ทำให้นางติดตรึงใจคือเรื่องของแม่ทัพหยางเอ้อหลาง“แม่ทัพผู้นี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่ความจริงจิตใจโหดเหี้ยมนัก บิดามารดาตายในสงครามต่อหน้าต่อตาเป็นผู้อื่นคงบ้าไปแล้วแต่เขายังคงใบหน้าเรียบเฉยนำทัพออกรบสังหารผู้คนได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ด้านในใจของเขานั้นอันตรายและน่ากลัวนัก”“ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ทัพนิยมบุรุษเพศเป็นพวกชอบตัดแขนเสื้อ เห็นองครักษ์ข้างกายของเขาหรือไม่ดูงดงามยิ่งกว่าสตรี ผู้นั้นคือบุรุษอุ่นเตียงของเขา
องค์หญิงสิบสามตามโจรชั่วมาจนถึงสุดกำแพงเปลี่ยวห่างไกลผู้คน โจรผู้นั้นไม่คิดว่าสตรีบอบบางที่เขาขโมยของจะวรยุทธ์ดีเพียงนี้เขาถูกนางไล่เตะไปหลายทีแต่โจรผู้นี้ยังเร็วอยู่มาก ใช้พลังหลบหนีสุดชีวิตถึงวรยุทธ์โจรร้ายจะไม่ได้เรื่อง แต่กลับหลบหนีได้ว่องไวยิ่ง จวบจนสามารถหลอกล่อนางมาจนถึงแหล่งกบดานของพวกเขา ของที่เขาขโมยมาคงมีค่ามากนางจึงไม่สนใจสิ่งใดเสี่ยงตายตามมาถึงที่นี่องค์หญิงสิบสามไล่ต้อนคนร้ายมาจนถึงมุมกำแพง ระหว่างทางนางแอบหยิบไม้กวาดด้ามยาวของชาวบ้านติดมือมาด้วย เมื่อประชิดตัวโจรผู้นั้น นางไม่เอ่ยคำใดให้มากความ เงื้อมือวาดแขนฟาดไม้กวาดลงตรงกลางศีรษะคนร้ายอย่างแรงคนผู้นั้นร้องออกมาด้วยเสียงอันดังก่อนจะยกมือกุมศีรษะตนเอง หลังจากนั้นองค์หญิงสิบสามก็ฟาดไม้กวาดลงไม้ยั้งมือจนโจรผู้นั้นนอนหมดเรี่ยวแรง ครั้นเห็นเลือดไหลหยดลงมาราวสายน้ำก็ตกใจหวาดกลัวแทบสิ้นสติลนลานคลานถอยหลังชิดกำแพงราวสุนัขจนตรอก“แม่นางข้ายอมแล้ว ยอมท่านแล้วเอาของท่านคืนไปแล้วได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถิด”องค์หญิงสิบสามเดินไปจนชิดร่างของคนผู้นั้น นางนั่งยองๆ ดึงกระเป๋าผ้าของตนคืนมาก่อนจะตรวจดูสิ่งล้ำค่าของตนด้วยความระมัดระวังจนค
พวกมันไม่พูดพร่ำอีกต่อไปต่างกรูกันเข้ามารุมทำร้ายองค์หญิงสิบสาม ยังไม่ทันที่นางจะตั้งหลักต่อสู้ คนผู้หนึ่งก็ทะยานลงมาจากที่ไหนสักแห่งแกว่งดาบไปมาโดยไม่ได้ถอดดาบออกจากฝักองค์หญิงสิบสามไม่ทันมองหน้าเขาเมื่อหนึ่งในโจรร้ายพุ่งเข้าทำร้ายนางมันฟันดาบลงมาดัง ฉับ องค์หญิงสิบสามหลบอย่างว่องไวแต่ดาบนั้นได้ตัดกระเป๋าผ้าของนางจนขาดม้วนภาพวาดของนางจึงหล่นกระจายเต็มพื้น องค์หญิงสิบสามเดือดดาลยิ่ง พวกมันบังอาจมากไปแล้ว จัดการคนจนนับได้ห้าคนกำลังจะหันไปจัดการคนต่อไปกลับพบว่าคนเหล่านั้นล้มตัวลงกองกับพื้นราวกับกองใบไม้ ต่างถูกกระบี่ตีขาหักจนลงไปร้องโอดโอยที่พื้นส่งเสียงเจ็บปวดระงมกลุ่มโจรรุมทำร้ายบุรุษผู้นั้นแต่กลับถูกเขาจัดการจนยับเยิน รวดเร็วประดุจลมพัด ช่างเป็นการตีคนที่ไร้ข้อบกพร่อง เมื่อโจรคนสุดท้ายถูกเขาจัดการเสร็จ คนของทางการก็มาถึงทันใดองค์หญิงสิบสามก้มเก็บม้วนภาพด้วยความรีบร้อน เพียงแต่หูได้ยินเขาสั่งให้นำคนร้ายไปที่สำนักตรวจความสงบของทางการก็วางใจนางในตอนนี้เห็นเพียงแต่แผ่นหลังสูงใหญ่ของเขาอีกทั้งตนเองยังมัวแต่ก้มเก็บภาพวาดที่กระจายเกลื่อนด้วยกระเป๋าถูกฟันจนฉีกขาดจึงไม่ทันได้มองหน้าเขาอ
อาชิงตามองค์หญิงสิบสามมาจวบจนครึ่งทางก็เหนื่อยหอบนางจึงได้แต่นั่งคอยอย่างสงบ เมื่อคิดว่านานพอสมควรแล้วจึงจุดดอกไม้ควันสีม่วงเป็นสัญญาณบอกตำแหน่งขึ้นบนท้องฟ้าในไม่ช้าองค์หญิงสิบสามก็ตามมาพบอาชิงที่ศาลาแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากจวนแม่ทัพพอสมควรนอกจากองค์หญิงสิบสามจะมาตามสัญญาณแล้วฉางอ๋องก็ตามมาถึงที่อย่างรวดเร็วพร้อมด้วยองครักษ์ประจำกาย"เกิดเรื่องอันใดขึ้น เจ้าทำให้ข้ากังวลรู้หรือไม่"เป็นเพราะดอกไม้ควันที่หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอาชิงจะไม่จุดเป็นอันขาด จึงทำให้อ๋องฉางอันเร่งรุดมาด้วยกลัวจะเกิดเรื่องร้าย"พี่ใหญ่ คือว่ามีโจรถ่อยบังอาจมาล้วงกระเป๋าข้า จึงได้สั่งสอนมันไปแล้ว อีกทั้งคนเยอะอาชิงเกิดหาตัวข้าไม่พบจึงได้จุดดอกไม้ควันเป็นสัญญาณเจ้าค่ะ"ครั้นได้ฟังเหตุการณ์ที่น้องสาวเล่าอ๋องฉางอันพลันมีโทสะขึ้นมา มันผู้ใดบังอาจถึงเพียงนี้"ของมีค่าของเจ้าได้กลับคืนมาครบหรือไม่""เป็นถุงเงินถุงหนึ่งผู้คนหนาแน่นข้าจึงถูกล้วงไปโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ไหวตัวทันตามจับมันได้เลยสั่งสอนเสียหน่อย ท่านไม่ต้องห่วงคนของทางการมาทันการ ข้าจึงจับมันส่งทางการไปแล้ว""คนของทางการหรือ" อ๋องฉางอันมองน้องสาวด้วยความตก
หากเป็นเช่นนั้นชื่อเสียงที่แทบจะไม่มีอยู่แล้วของนางคงยากกู้คืนแน่ ห่วงชื่อเสียงไม่พอ ยังห่วงเงินอันน้อยนิดของตนที่อาจถูกทำโทษจนโดนตัดอีก ถ้าเป็นเช่นนี้นางและคนในตำหนักคงได้อดตายจริงๆ เป็นแน่"ไม่ได้การข้าต้องหาอาวุธให้เจ้าสักอย่างแล้ว หากข้าไม่อยู่ข้างกายอย่างน้อยพกกระบี่ไว้จะได้ปลอดภัย"ความจริงอ๋องฉางอันเอ่ยมายาวเหยียดแต่องค์หญิงสิบสามฟังเข้าหูเพียงเรื่องนี้ นางดวงตาเป็นประกายแย้มยิ้มงดงามสดใสจนแสบตา อ๋องฉางอันพลันใจเต้นรัว เขากระแอมออกมาเพื่อข่มจิตใจให้สงบนิ่ง ไม่เผยความผิดปกติใดๆออกมา"ขอบคุณพี่ใหญ่นอกจากท่านแล้วไม่มีผู้ใดดีต่อข้าอีกแล้ว" นางกอดแขนเขาแล้วแนบแก้มลงบนลำแขนของฉางอ๋องอย่างน่ารัก"เจ้าประจบข้าเพราะจะได้กระบี่ที่ขอมานานใช่หรือไม่"อ๋องฉางอันเอ่ยอย่างรู้ทันท่าทางดีใจใสซื่อขององค์หญิงสิบสามยิ่งกระตุ้นให้หัวใจภายในของเขาเต้นดังขึ้น เขาตบหน้าอกตนเองเพื่อเรียกสติ เขากำลังป่วยเพราะพิษของหินจันทราในร่างกายของสิบสามเป็นแน่ แต่เรื่องนี้เขาไม่อาจให้สิบสามรู้ได้ เด็กคนนี้หากห่วงเขาขึ้นมาก็จะพลอยไม่สบายใจไปด้วย เขาทนไม่ได้ที่ต้องเห็นนางเป็นกังวล"ทูลท่านอ๋องได้เวลานัดหมายแล้วพ่
ฉางอ๋องรับกระพรวนมาถือไว้ในมือ ท่าทางของเขาที่ทะนุถนอมราวกับมันคือของล้ำค่านั้นหาได้เล็ดลอดสายตาของแม่ทัพหยางไปได้ กระพรวนธรรมดาอันหนึ่งเหตุใดจึงดูมีความสำคัญต่อฉางอ๋องขนาดนั้น"เงินหนึ่งพันตำลึงข้ารู้มาว่าท่านไม่ต้องการ ดังนั้นข้าจึงติดค้างท่านไว้หนึ่งเรื่อง ภายภาคหน้าของท่านแม่ทัพมีสิ่งใดต้องการให้ข้าช่วยเหลือได้โปรดบอก หากไม่เกินความสามารถและผิดศีลธรรมข้ายินดีช่วยเหลือท่านอย่างเต็มที่""ลำบากท่านแล้วท่านอ๋อง เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้คนกันเองอย่าได้เกรงใจ""ข้าฉางอ๋องเอ่ยสิ่งใดออกมาย่อมรักษาคำสัตย์ ถือว่าข้าติดค้างท่านแม่ทัพแล้ว วันนี้หากไม่มีสิ่งใดสำคัญข้าเห็นทีต้องขอตัวมีสิ่งที่ต้องจัดการเร่งด่วน""เชิญท่านอ๋อง"องครักษ์ฝานส่งฉางอ๋องที่หน้าประตูก่อนจะหมุนกายกลับมาหาผู้เป็นนาย"ท่านแม่ทัพเรื่องนี้ดูแปลกพิกล""กระพรวนอันนั้นย่อมเกี่ยวพันถึงองค์หญิงสิบสามกระต่ายตนนั้นย่อมเป็นกระต่ายของนาง เพราะเหตุนี้ฉางอ๋องถึงยอมออกหน้า หากความล่วงรู้ว่าองค์หญิงสิบสามแอบเลี้ยงสัตว์ในวังละก็นางคงได้โดนฝ่าบาทลงทัณฑ์เป็นแน่"นี่คือบทสรุปที่หยางเอ้อหลางมีให้แก่ตนเอง ส่วนเรื่องกระพรวนนั่นตอนนี้ผู้ที่ให้ควา
หยางเอ้อหลางถูกเรียกเข้าเฝ้า ฝ่าบาทตรัสกับเขาว่าในงานพิธีต้อนรับจะเฟ้นหาองค์หญิงผู้ที่เหมาะสมให้เป็นฮูหยินน้อยสกุลหยาง อีกทั้งทรงลำบากพระทัยที่ต้องทำเช่นนี้พระองค์เชื่อว่าไม่มีใครเก่งกาจเท่าแม่ทัพหยางที่จะควบคุมกองทัพ แต่ในเมื่อเป็นโองการสวรรค์เห็นทีว่าแม่ทัพหยางต้องวางมือเสียแล้ว"ทูลฝ่าบาท เป็นพระกรุณายิ่งแล้ว น้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ"ความจริงเรื่องวางอำนาจในมือลงและส่งคืนให้แก่ฝ่าบาทเป็นแผนในใจของหยางเอ้อหลางอยู่แล้วสกุลหยางมีเขาเพียงผู้เดียวที่เป็นทายาท เขาไม่ห่วงชีวิตตนเองที่ต้องตายในสงคราม แต่ผู้ชราเช่นท่านย่าของเขาจะทำใจได้อย่างไร เพียงแต่หยางเอ้อหลางไม่เคยคาดฝันว่าตนเองจะได้เป็นราชบุตรเขย องค์หญิงในวังล้วนสูงส่งหากแต่งเข้าไปแล้วนางผู้นั้นเอาแต่ใจอีกทั้งหากทำให้ท่านย่าของเขาลำบากใจเล่าเขาจะจัดการเช่นไรที่จะไม่บาดหมางกับฝ่าบาทเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เขาค่อนข้างให้ความสำคัญเป็นอันมาก เห็นทีว่าเขาต้องทูลขอไม่ให้ราชสำนักก้าวก่ายเรื่องภายในสกุลหยางก่อนที่จะเข้ารับสมรสพระราชทานเสียแล้ว"ข้ายินดียิ่งที่เจ้าไม่เห็นแก่ลาภยศ ยอมสละได้ง่ายดายถึงเพียงนี้อำนาจเหนือกองทัพไม่ใช่ว่าผู้ใดก
ส่วนองค์หญิงใหญ่นั้นแทบจะไม่เคยถามถึงเด็กเลยทั้งนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนั้นคือตราบาปของนาง องค์หญิงใหญ่จึงรังเกียจเด็กยิ่งกว่าไส้เดือนกิ้งกือในหัวคิดเพียงแต่เรื่องสังหารเด็กนั่นให้ตายไปเสียให้พ้น องค์หญิงสิบสามถอนหายใจคิดแล้วก็รู้สึกหดหู่ยิ่งหลังออกจากตำหนักองค์หญิงใหญ่ สามีจึงพานางเข้าร่วมงานเลี้ยง ท่านย่าของหยางเอ้อหลางพาท่านชายทั้งสองเข้าร่วมงานด้วย ทุกคนห้อมล้อมเอาอกเอาใจอีกทั้งเด็กทั้งสองยังเป็นหลานรักของฝ่าบาทและขององค์รัชทายาทยิ่ง ไม่ว่าใครต่างก็แสดงความชื่นชมออกมา ก้อนแป้งน้อยของนางทั้งสองยังเด็กแต่รู้ความนัก เมื่อเห็นมารดาเพียงแต่โผหานางเบาๆ ไม่ได้งอแงเหมือนเด็กทั่วไป ภรรยาของขุนนางใหญ่หลายคนต่างหมายตาพวกเขาเอาไว้ พยายามทาบทามตั้งแต่ยังเด็ก องค์หญิงสิบสามเอ่ยปากปฏิเสธเพราะคิดว่าบุตรยังเล็กนัก การกระทำของนางไม่ไว้หน้าผู้ใดกระนั้นก็ไม่มีใครกล้าตำหนิ กลางดึกคืนนั้นหยางเอ้อหลางนอนกอดภรรยาที่ร่างกายเปล่าเปลือยเอาไว้ในอ้อมกอด คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ องค์หญิงสิบสามหลับแล้วเขากลับยังคงต้องการ เช่นนั้นจึงจับขานางแยกออกแล้วดันกายเข้าไประหว่างขา องค์หญ
องค์รัชทายาทครั้นเห็นว่าพี่หญิงของเขาและพี่เขยมาถึงแล้ว ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวก็สดใสขึ้น องค์หญิงสิบสามยิ้มให้กำลังใจ องค์รัชทายาทที่มีชันษาแปดขวบอีกทั้งรู้ความเป็นอันมากด้วยถูกฮูหยินชราและสตรีสกุลหยางอบรมมาด้วยตนเองจึงเข้าพิธีสถาปนาอย่างกล้าหาญ องค์หญิงสิบสามเห็นน้องชายกำลังเติบโตเช่นนั้นก็ตื้นตันใจนัก นางเกือบหยุดน้ำตาไม่ได้อยู่หลายคราคิดถึงเพื่อนของนางมารดาของรัชทายาทที่จากไปก็พลันสบายใจ คนผู้นั้นคงตายตาหลับแล้วหยางเอ้อหลางเห็นภรรยาเหม่อลอย อีกทั้งมีน้ำใสคลอที่หน่วยตาจึงกุมมือของนางเอาไว้ จวบจนพิธีจบสิ้นองค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาหาพวกเขาอย่างสง่างามสิ่งที่เอ่ยออกมาคำแรกสร้างความตื้นตันให้กับองค์หญิงสิบสามยิ่ง นางรู้สึกว่าองค์รัชทายาทช่างกตัญญูนักไม่เสียแรงที่นางปกป้องซาลาเปาน้อยก้อนนี้ด้วยชีวิต"พี่หญิงเมื่อข้าโตแล้ว ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของข้าข้าจะยกให้ท่าน"เพราะรัชทายาทพูดแบบนี้นางจึงซาบซึ้งจนไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป หยางเอ้อหลางได้แต่ส่ายหน้าโรคบ้าสมบัติของภรรยาเห็นทีว่าจะรักษาไม่หายจริงๆ หลังจากนั้นแฝดผู้น้องของซาลาเปาน้อยพลันวิ่งมาหานางวันนี้เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้รับ
ในขณะที่หยางเอ้อหลางจุมพิตประกบขยี้ไปบนริมฝีปากงามอีกทั้งนิ้วมือของเขายังไต่ลงไปบดขยี้ปลายเกสรเพิ่มความต้องการกระสันอยากให้ภรรยามากขึ้นอีกทั้งยังจ้วงแทงลงมาใช้แรงกระแทกนางถี่ยิบ อ้าปากคว้าเต้าอวบกลมใหญ่ของนาง ปากดูดกลืนสองเต้าเต็มรัก สะโพกแข็งแรงซอยกระแทกรุนแรงจนทำให้ร่างกายขององค์หญิงสิบสามเต้นระริกองค์หญิงสิบสามกอดศีรษะของเขาไว้ ก่อนที่เขาจะจับนางพลิกร่างให้หันหลังอีกทั้งยังขยับสะโพกของนางเข้าหาตน แนบร่างลงมาหานางจากด้านหลัง ให้นางคุกเข่าอยู่บนเก้าอี้กอดตระกองรวบร่างบางเอาไว้ในอ้อมแขนหยางเอ้อหลางดูดแผ่นหลังของนางแรงๆ อีกทั้งยังลากลิ้นเลียนางจนทั่วแผ่นหลังเนียนนุ่มในขณะที่เร่งจังหวะของสะโพกตนอัดร่างลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปากครางบอกรักภรรยา เนื้อนุ่มนิ่มในอ้อมกอดหอมกรุ่นทำให้มัวเมายิ่ง เขาจุมพิตแผ่นหลังนางจนทั่ว ฝากรอยแดงเอาไว้แทบทุกตารางผิวองค์หญิงสิบสามแหงนใบหน้าหาเขา อ้าปากเย้ายวน หยางเอ้อหลางประกบปากของตนลงมาทันใด สองลิ้นพัวพันต่างคนต่างสูบลมหายใจซึ่งกันและกันแลกจุมพิตหวานฉ่ำรุนแรง ยิ่งจุมพิตยิ่งมัวเมาส่วนสะโพกบดเบียดและจ้วงแทงลงมาจากด้านหลัง นางบีบรัดเขาจนเขาต้องห่อปาก กระนั
หยางเอ้อหลางสัมผัสได้ถึงกลีบอวบอูมที่เต็มปากของตน น้ำหวานพรั่งพรูออกมา เขาสูดปากแรงๆ พร้อมดูดนางเต็มรัก นางบิดกายเร่งเร้า หยางเอ้อหลางหยอกเย้ากลีบนุ่มของนางจนอิ่มเอม ลิ้นร้อนของเขาห่อเป็นแท่งกระแทกเข้าไปในร่องลึก ไซร้สัมผัสกับปลายเกสรสีแดงที่สั่นระริกอยู่ที่ปลายลิ้น ก่อนจะดุนลิ้นตนเองลงมาหนักๆ จนภรรยาแทบจะแดดิ้นอยู่เบื้องล่างองค์หญิงสิบสามที่กำลังสติกระเจิงไปกับรสสวาทบัดนี้หาได้สนใจสิ่งใดไม่ นางยกสะโพกค้างให้เขาใช้ลิ้นรักนางอย่างเต็มที่ ความงดงามอวบอูมของภรรยาทำให้เขาฉ่ำเยิ้มเช่นกัน พูเนื้อของนางช่างเย้ายวนใจโดยแท้"ตรงนี้ของท่านงดงามมากรู้หรือไม่" เขากล่าวจบพลันสูดปากลากลิ้นแทงลงมาเต็มๆ องค์หญิงสิบสามกำเก้าอี้แน่น เขากำลังทำให้นางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว"อ๊า ท่านพี่ อื้อ" นางครางไม่หยุดปากในขณะที่สามีละเลงลิ้นลากดุนวนไซร้ไปตามกลีบเกสร ดูดกลืนปลายสีแดงสดที่สั่นระริกเต้นเร้า หญิงงามที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่เบื้องหน้าดวงตาฉ่ำเยิ้มประดุจมีหมอกจาง ๆ อยู่ด้านในดวงตาคู่งามนั้นช่างยั่วยวนเขายิ่งนักเขาเงยหน้าเพ่งพิศที่เต้าคู่งาม ขยับกายว่องไวอ้าปากแล้วดูดรวบปลายถันไว้ในปาก ดูดแรงๆคล้ายกลั่นแกล
เขาเอ่ยเสียงพร่า พร้อมทั้งแลบลิ้นปาดเลียกลีบเกสรหอมหวานล้ำค่าของภรรยาอย่างเอร็ดอร่อยเมื่อเห็นภรรยาบิดกายร้อนรุ่ม อีกทั้งส่งเสียงครางแผ่วเบาออกมาหยางเอ้อหลางเร่งเติมเชื้อไฟสวาทด้วยการลากไล้นิ้วมือเรียวไปตามโคนขาอ่อนขาวเนียนแผ่วเบา ร่างงามสั่นสะท้านระทดระทวยเอนหลังพิงกำแพงเพื่อช่วยพยุงกายของตนไม่ให้ล้มลงด้วยพลังปลายลิ้นของเขา"ทะท่านพี่ อือ อือ"ปากงดงงามครางครวญ หยางเอ้อหลางยิ่งปลุกเร้าลงบนเนื้ออูมตรงหน้า ร่างของนางกระตุกบิดไปมาอีกทั้งยังอ้าขาของตนให้เขาดูดกินได้ลึกขึ้น จากเดิมที่หวังจะให้เขากระทำการอย่างว่องไวบัดนี้กลับไม่คิดจะเร่งรัดแล้ว ปล่อยให้เขากระทำการอ้อยอิ่งกับร่างกายของตนเองเช่นนี้โดยไร้ซึ่งสติเมื่อเห็นว่าตนเองจู่โจมภรรยาจนนางยืนไม่ติดแล้ว เขาจึงอุ้มนางขึ้นแล้วพานางมานั่งยังเก้าอี้บุขนแกะนุ่ม จับขาของภรรยาแยกออกให้พาดไปที่พนักเก้าอี้ทั้งสองข้าง เผยความงดงามสีแดงสดเบื้องหน้าอย่างเต็มที่ในเวลานี้เป็นเวลากลางวันจึงมองเห็นนางแจ่มชัดเต็มสองตาประตูด้านหน้าถูกปิดแน่นหนาชนิดที่เรียกว่าไม่อาจมีแม้แต่แมลงสักตัวที่สามารถเล็ดลอดเข้ามาได้ หยางเอ้อหลางจึงกระทำกับภรรยาอย่างหย่ามใจอีกทั้ง
คิดแล้วก็ต้องขอบคุณสามีเช่นเขา ทำให้ชะตาชีวิตของนางเปลี่ยนได้ดุจพลิกฝ่ามือนางจึงอดขยับกายจุมพิตปลายคางของเขาอย่างขอบคุณไม่ได้ อีกทั้งมือน้อยยังสอดเข้าไปในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสความอบอุ่นด้านในอย่างแนบชิดแม้จะอยู่ในชุดคลุมที่มิดชิดจึงไม่มีผู้ใดเห็นการกระทำอุกอาจไร้ยางอายของนาง แต่หยางเอ้อหลางนั้นรับรู้อีกทั้งยังถูกนางลูบคลำอกของตนไปมาไม่หยุดเช่นนี้ ใบหน้าจึงแดงก่ำ สิ่งที่ควรอ่อนลงกลับผงาดแข็งกร้าวมากกว่าเดิมเพราะนางลูบไล้อกของเขาอีกทั้งซุกอยู่ในอ้อมกอด กลิ่นกายของนางก็หอมยิ่งหอมจนทำให้เขากลัวว่าผู้อื่นจะได้กลิ่นจนทำให้รู้สึกหึงหวงขึ้นมา เขากอดนางแน่นขึ้น เห็นสายตาทหารหลายคนแอบลอบมองภรรยาตนแล้วก็รู้สึกโมโหนัก กระนั้นก็ไม่อาจปัดเรื่องอยากกินนางในตอนนี้ออกจากสมองได้ หัวหน้าขันทีนำพวกสองสามีภรรยาไปยังตำหนักปีกรับรอง อีกทั้งยังรายงานกำหนดการต่าง ๆ ในพิธีแต่งตั้งองค์รัชทายาทอย่างละเอียดให้พวกเขาฟังหยางเอ้อหลางทั้งพยายามควบคุมตนเองจึงทำท่าสนใจข้อมูลที่หัวหน้าขันทีรายงาน แต่องค์หญิงสิบสามนั้นไม่สนใจฟังแม้แต่น้อย สามีพาทำสิ่งใดนางก็แค่ปฏิบัติตามเท่านั้น มือของนางจึงยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวหัวนมเล
หยางเอ้อหลางพลันอมยิ้ม เขาชอบที่นางชอบเขาที่สุด แม้จะเป็นสิ่งของเขาก็อดหึงหวงไม่ได้กล่าวจบพลันนางโน้มคอเขาลงมาจุมพิตดูดดื่ม เนื้อตัวของนางนุ่มนิ่ม แม้จะมีบุตรถึงสองคนแล้วร่างกายหาได้เปลี่ยนแปลงไปเช่นสตรีอื่น ที่ควรมีก็มีมากขึ้น อีกทั้งยังตึงแน่นยิ่งกว่าเดิม นับวันเขายิ่งหลงใหลภรรยาจนทนแยกห่างจากนางนานๆ ไม่ได้ยามที่เขาห่างนางต้องไปทำงานต่างเมือง หลายครั้งที่มีสตรีมากมายพยายามปีนขึ้นเตียงส่งสายตาหวานเยิ้มให้ ในใจหยางเอ้อหลางมองพวกนางเหล่านั้นแล้วรู้สึกว่าช่างดูน่ารำคาญ ในสายตาของเขามีเพียงภรรยาผู้เดียวที่สำคัญยิ่ง เขาไม่มีวันชายตาแลสตรีอื่นให้นางน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาดองค์หญิงสิบสามเบียดกายเข้าหาเขา หยางเอ้อหลางใช้ผ้าห่มขนสุนัขจิ้งจอกห่อร่างเขาและนางเข้าด้วยกัน พันกายหนาแน่นด้วยกลัวว่านางจะต้องลมเย็นจากด้านนอกจนเจ็บป่วย ร่างกายของเขาแข็งแรง อึกทั้งยังอบอุ่นองค์หญิงสิบสามชอบซุกในอกแข็งแกร่งยิ่งมือของนางซุกซนล้วงเข้าไปในกางเกงเขาแล้วลูบอาวุธเขาเล่นจนผงาดแข็งชัน หยางเอ้อหลางปล่อยให้นางซนเสมอ นางชอบทำอะไรเขาล้วนตามใจโดยเฉพาะเรื่องนี้ เขายิ่งตามใจนางยิ่งกว่าเรื่องใด“ท่านพี่มันโตแล้ว”“
ผู้ช่วยหมอทำคลอดพลันเปิดประตูออกมา หยางเอ้อหลางไม่รอช้า ผลักประตูเข้าไปด้านในแม้คนจะทัดทานเขาก็ไม่สนใจแล้วเขาโผไปหาภรรยาที่เหนื่อยจนหมดสติไปแล้วอย่างว่องไว กุมมือนางไว้ด้วยใบหน้าซีดเซียว"หมินเออร์ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง""องค์หญิงปลอดภัยดีเจ้าค่ะ เพียงแต่เหนื่อยมากจึงหลับไป"หมอหญิงผู้เก่งกาจประจำจวนเอ่ยขึ้น หยางเอ้อหลางพยักหน้าแต่ไม่วางใจ เขาดึงภรรยามากอดไว้ สำรวจร่างที่ยังเปียกชื้นด้วยเหงื่อของนางปากก็พร่ำขอโทษภรรยาที่ทำให้นางเจ็บปวดด้วยสำนึกผิดเป็นอย่างยิ่ง"ข้าจะไม่ให้ท่านท้องอีกแล้ว ขอสัญญา ข้าขอโทษ"ความเจ็บปวดของภรรยาในวันนี้ทำให้เขารู้สึกปวดร้าวยิ่ง เขาจะไม่มีวันยอมให้นางเป็นเช่นนี้อีกจวบจนแม่นมอุ้มก้อนแป้งอวบก้อนหนึ่งมาหาเขา หยางเอ้อหลางเห็นหน้าบุตรเป็นครั้งแรก พลันตื้นตันจวบจนน้ำตาจะไหล ความรู้สึกรักและผูกพันท่วมท้นในอก บัดนี้เขาเข้าใจลึกซึ้งแล้ว ว่าบิดามารดารักเขาเพียงใด เขาค่อย ๆ วางร่างภรรยาลงบนเตียงให้ท่านหมอดูแลเต็มที่ ส่วนตัวเองยื่นมือไปรับห่อผ้าสีแดงนั้นมาไว้ในอ้อมกอด"เป็นท่านชายเจ้าค่ะ" แม่นมเอ่ยด้วยความยินดี"ดีมาก ดีจริงๆ "หยางเอ้อหลางหัวเราะทั้งน้ำตาแล้ว ความตื้
กินเสร็จได้ไม่นาน องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกอยากอาบน้ำ"ท่านพี่นอกจากเขาจะเลือกกินแล้ว ยังรักสะอาดยิ่ง อากาศหนาวเช่นนี้ข้ากลับอยากอาบน้ำวันละหลายรอบ"หยางเอ้อหลางจึงสั่งอาชิงให้เตรียมน้ำอุ่น หลังจากนั้นเขากลับเป็นฝ่ายดูแลนางด้วยตนเอง ถอดอาภรณ์ให้นาง ค่อยๆ พานางลงอ่างอย่างระวัง ผิวขององค์หญิงสิบสามเปล่งประกายบอบบาง ส่วนข้อเท้าเนียนนุ่มเล็กๆ ของนาง ยิ่งไม่อาจรับร่างกายที่หนักอึ้งของครรภ์ได้ หยางเอ้อหลางจึงต้องระวังเป็นพิเศษอาบน้ำยังไม่ทันเสร็จ องค์หญิงสิบสามกลับรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติยิ่ง มีเลือดไหลออกมาจากช่องทางลับของนาง ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บปวดจะวิ่งจากท้องน้อยถึงไขสันหลัง นางจับข้อมือของหยางเอ้อหลางแน่นห่อปากด้วยความเจ็บปวด"ท่านพี่ ข้าเจ็บ"เพียงเห็นเลือดที่เริ่มไหลออกมาปนกับน้ำในอ่าง เทพสงครามเช่นหยางเอ้อหลางแทบเป็นลมหมดสติยิ่งเห็นนางเจ็บปวดยิ่งรู้สึกคล้ายหายใจไม่ออก ช่วงท้องบิดมวน ปากร้องตะโกนให้อาชิงที่รออยู่ด้านนอกรีบตามหมอตำแยที่เขานำมาเลี้ยงดูในจวนตั้งแต่เดือนก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมให้ภรรยาหยางเอ้อหลางตั้งใจจะอุ้มนางขึ้นจากอ่างน้ำ แต่กลับถูกองค์หญิงสิบสามทั้งข่วนทั้งตบตี