หลังจากที่กลับมาจากเรือนของเซี่ยหรันเซียนแล้ว นางก็มิได้กลับเข้าเรือนในทันที หรูอวี้กระโดดออกจากกำแพงจวน มุ่งหน้าไปยังจวนของบรรดาคุณหนูที่มาร่วมงานกันในวันนั้น
ตามความทรงจำเดิมของนาง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเซี่ยหรันเซียนผลักเซี่ยหรูอวี้ตกน้ำ นางเพียงแค่คิดจะไปเอาคืนให้เซี่ยหรันเซียนเล็กๆ น้อยๆ พอให้หายแค้นใจบ้าง
จวนทั้งสามแม้มีองครักษ์เช่นจวนตระกูลเซี่ยแต่ก็มิได้มีมากมายเท่า ทำให้นางเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก แต่กว่าจะหาเรือนของคุณหนูแต่ละคนพบก็เล่นเอาเวลาของหรูอวี้ไปไม่น้อย
ภายในห้องพักล้วนมีสาวใช้เข้ามานอนเฝ้าคุณหนูด้วย หรูอวี้กลัวว่าพวกนางจะตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน จึงได้ทำเพียงใส่ยาเสียโฉม ที่นางมีในห้องเก็บของของนาง โรยไปที่ใบหน้าเท่านั้น
ยาตัวนี้มิได้รุนแรงมากนัก เพียงจะทำให้เกิดสิวหนองบนใบหน้า นางขอให้ห้องทดลองทำขึ้น เพื่อไว้เปลี่ยนรูปลักษณ์ยามที่ออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้จึงไม่รู้ว่าจะเกิดสิวหนองเพิ่มมากเพียงใด
กว่าจะจัดการคุณหนูทั้งสามเสร็จ หรูอวี้ก็ไม่อาจไปที่จวนตระกูลสวีได้ แต่ละจวนมิได้อยู่ใกล้กัน ร่างกายของนางในร่างนี้ก็เพิ่งจะฟื้นตัว นางยังหมดเรี่ยวแรงที่จะไปจัดการต่อ จึงได้เร่งรีบกลับจวนตระกูลเซี่ยก่อนที่ฟ้าจะสว่าง
นางเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวใหม่ก่อนจะขึ้นไปนอนลงบนเตียงอย่างพอใจ “หวังว่าของขวัญที่ข้ามอบให้ พวกเจ้าคงพอใจ” นางยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะนอนหลับไปอย่างสบายใจ
รุ่งเช้า หรูอวี้ถูกเสี่ยวซีปลุกให้ลุกขึ้นเตรียมตัวตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
“เจ้าไปบอกมารดาข้าสักคำว่าข้าจะพาเจ้าไปด้วย” เรื่องนี้นางยกให้มารดาของนางเป็นผู้จัดการเสียเลย
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวซียิ้มรับก่อนจะถอยออกไป
หรูอวี้ที่ไล่ให้เสี่ยวซีไปที่เรือนของมารดาแล้ว นางก็กลับเข้าไปในมิติเพื่ออาบน้ำ ก่อนจะตรวจดูของที่นางเก็บเข้ามาเล็กน้อยแล้วออกไปที่เรือนของผู้เป็นมารดา
นางเห็นเซี่ยถงวู่อยู่ที่เรือนของมารดาด้วย ไม่รู้เขาพูดสิ่งใด เห็นเพียงแต่ใบหน้าของมารดานางเรียบเฉยอยู่ตลอดเวลา
“อวี้เออร์เรียบร้อยแล้วรึ” ตู้เหลียนเดินมาหาบุตรสาวทันที
“เจ้าค่ะ” หรูอวี้หันไปมองผู้ที่ได้ชื่อว่าบิดาอย่างเฉยชา ก่อนจะเก็บสายตากลับคืนมา
เซี่ยถงวู่ก็ไม่รู้จะพูดสิ่งใดกับบุตรสาว เมื่อวานเขาก็ไม่ได้ไปดูนางที่จวน แม้รู้ว่านางตกน้ำจนล้มป่วยก็ตาม
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด เรื่องสาวใช้ของเจ้าแม่จัดการให้เรียบร้อยแล้ว” ตู้เหลียนส่งใบซื้อขายตัวของเสี่ยวซีให้หรูอวี้เก็บไว้
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” นางเข้าไปช่วยประคองมารดาเดินไปที่หน้าประตูจวน
เซี่ยหยวนที่เตรียมรถม้าอยู่ที่หน้าจวนก็เดินเข้ามาทางทั้งสองอย่างรวดเร็ว
“ไปกันเถิดท่านแม่ อวี้เออร์” เขาจูงมือหรูอวี้เดินไปคุกเข่าคำนับให้เซี่ยถงวู่สามครั้ง “คำนับนี้ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ท่านให้กำเนิดพวกข้าสองพี่น้องขอรับ” เซี่ยหยวนกดไหล่ของหรูอวี้ให้คำนับเซี่ยถงวู่
“หวังว่าพวกเจ้าจะใช้ชีวิตกันอย่างดี” เขาปวดใจไม่น้อยที่ต้องยอมปล่อยให้ทั้งสามออกไป หวังว่าสักวันทั้งสามจะกลับมาขอให้ตนช่วยเหลือ หากไม่มีหนทางให้ไปแล้ว
เซี่ยหยวนประคองมารดาขึ้นนั่งบนรถม้า เสียงม้าที่ควบมาอย่างรวดเร็วทำให้คนที่อยู่หน้าตระกูลเซี่ยชะงักนิ่งหันไปมองอย่างสนใจ
“ช้าก่อน แม่นางตู้” เสียงขันที ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังของทหารเอ่ยเรียกรั้งนางไว้
“พานกงกง” ตู้เหลียนเอ่ยเรียกเขาอย่างแปลกใจ เพราะคนที่มาเป็นถึงขันทีข้างกายของฮ่องเต้ นางรู้จักมักคุ้นเขาอยู่ไม่น้อย
“ฝ่าบาทมีของกำนัลมอบให้ท่านก่อนออกเดินทางขอรับ” เขาอมยิ้มมองนาง พร้อมทั้งปรายตาไปทางเซี่ยถงวู่อย่างดูแคลน
หากนางเลือกถวายตัวเข้าวังหลวง ชีวิตของตู้เหลียนคงไม่ต้องมีจุดจบเช่นนี้ ด้วยฮ่องเต้ก็พึงใจต่อนางอยู่ไม่น้อย
“สิ่งใดเจ้าคะ” ตู้เหลียนเดินมาหาพานกงกงอย่างแปลกใจ
แม้จะรู้เรื่องดีอยู่แล้ว แต่นางก็ยังต้องทำเหมือนว่านางไม่รู้เรื่องที่พานกงกงมาในวันนี้ เมื่อวานตอนที่แม่นมได้หนังสือตัดขาดจากเซี่ยถงวู่มาแล้ว นางให้แม่นมเข้าวังเพื่อขอให้ฮ่องเต้ช่วยจัดการเรื่องเปลี่ยนแซ่ให้สามคนแม่ลูก
“หนังสือรับรองแซ่ของท่านกับบุตรทั้งสองขอรับ ฝ่าบาทยังฝากมาอีกเรื่อง หากท่านต้องการจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง ฝ่าบาทจะเป็นผู้จัดการให้ท่านตนพระองค์เอง” เซี่ยถงวู่ใบหน้าไร้สีเลือดไปแล้ว
หากมิใช่พานกงกงพูดสิ่งนี้ออกมา เขาคงได้สังหารในดาบเดียว ตู้เหลียนก้มหน้าลงเล็กน้อย นางยังไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ทั้งยังไม่คิดหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว
“ขอบพระทัยในความเมตตาของฝ่าบาทยิ่งนัก” นางหันไปคุกเข่าคำนับไปทางวังหลวง เซี่ยหยวนก็จับหรูอวี้ทำตามมารดาเช่นกัน
“การเดินทางไปเป่ยหานครั้งนี้ลำบากไม่น้อย ท่านแม่ทัพจ้าวจะเดินทางกลับชายแดนเหนือเช่นกัน ฝ่าบาทจึงให้ท่านแม่ทัพไปส่งท่านกับบุตรทั้งสองที่เป่ยหานเสียก่อนขอรับ”
“จะไม่รบกวนแม่ทัพจ้าวเกินไปหรือเจ้าคะ” นางเม้มปากแน่น
หากย้อนกลับไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน แม่ทัพจ้าวก็เป็นหนึ่งในศิษย์ของบิดานาง นางไม่ได้พบเขาตั้งแต่แต่งเข้าจวนตระกูลเซี่ย เพราะเขาย้ายไปประจำการอยู่ที่ชายแดนเหนือ เรื่องของเขานางจึงรู้เพียงแค่ว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้แต่งงาน ผู้คนลือไม่น้อยว่าเขาเป็นบุรุษตัดแขนเสื้อ
แต่ตู้เหลียนรู้ดีกว่าใคร ด้วยก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนตระกูลเซี่ย เขาขอเข้าพบนางที่จวนเพื่อขอร้องให้นางเปลี่ยนใจ เมื่อเห็นว่านางไม่เปลี่ยนใจ เขาจึงไม่ได้ติดต่อนางอีกเลย
“ไม่ขอรับ เรื่องนี้ท่านแม่ทัพก็เต็มใจ ตอนนี้ท่านแม่ทัพรอท่านอยู่ที่หน้าประตูเมืองแล้ว รีบออกเดินทางเถิดขอรับ” พานกงกงหันไปมองเยาะเย้ยเซี่ยถงวู่ที่ยืนใบหน้าเขียวคล้ำตั้งแต่ได้ยินชื่อของแม่ทัพจ้าวแล้ว
ตู้เหลียนไม่สนใจใบหน้าของเขาในตอนนี้ นางเดินขึ้นไปนั่งรถม้า พร้อมกับหรูอวี้ โดยมีเซี่ยหยวนขี่ม้าตามอยู่ด้านข้างของรถม้า
เซี่ยถงวู่เดินก้าวไปด้านหน้า เพื่อเอ่ยรั้งตู้เหลียนไว้ แต่เสียงที่ร้อนรนของพ่อบ้านเซี่ยที่อยู่ด้านหลังก็ทำให้เขาชะงักฝีเท้า แม้แต่ขบวนเดินทางของตู้เหลียนกูหยุดลงไปด้วย
“แม่นางตู้จะออกเดินทางไม่ได้!!!” เขาวิ่งไปขว้างหน้ารถม้าไว้
“เพราะเหตุใด” เซี่ยหยวนเอ่ยถามเสียงเย็น
“สมบัติในคลังหายไปเสียเกือบครึ่ง ทั้งฮูหยินสวีนางก็ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุ คุณหนูใหญ่ใบหน้าของนางเสียโฉมด้วยขอรับ” พ่อบ้านตู้รายงานเซี่ยถงวู่อย่างตื่นตระหนก
ตู้เหลียนปรายตามองไปที่หรูอวี้อย่างสงสัย แต่เมื่อเห็นสายตาของนางที่เลี่ยงมองออกไปนอกหน้าต่างก็รู้ได้ทันทีว่าบุตรสาวของนางเป็นผู้กระทำอย่างแน่นอน
“หากท่านสงสัยว่าข้าขโมยไปก็ตรวจค้นรถม้าเสียเถิด” ตู้เหลียนเอ่ยเสียงเรียบเฉยอย่างไม่ร้อนใจออกมา
พ่อบ้านเซี่ยไม่ฟังคำสั่งของเซี่ยถงวู่ เขารีบนำกำลังบ่าวเข้าตรวจค้นทันที
“จวนของท่านผู้ตรวจการครึกครื้นยิ่งนัก” พานกงกงเหยียดยิ้มที่มุมปาก
ชาวบ้านเริ่มมามุงดูเหตุการณ์ที่หน้าตระกูลเซี่ยไม่น้อยแล้ว หรูอวี้ที่เห็นเช่นนั้นนางจึงเดินลงจากรถม้าไปคุกเข่าอยู่ที่หน้าเซี่ยถงวู่
“ท่านผู้ตรวจการเซี่ย แม้ยามนี้ข้าจะมิใช่บุตรของท่านแล้ว แต่เมื่อก่อนข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นบุตรของท่านเช่นกัน เรื่องที่ข้าตกน้ำยังมิได้รับความเป็นธรรม มายามนี้ยังให้บ่าวในจวนมาใส่ความข้าสามคนแม่ลูกก่อนจะออกเดินทางอีกรึ” นางสะอื้นไห้จนตัวโยน
ตู้หยวนที่ยืนรอน้องสาวอยู่ภายในโรงพักม้า พอเห็นนางเดินเข้ามาจึงได้เอ่ยถามนางเรื่องที่เหตุใดถึงไม่ยอมเข้ามาเสียที“เจ้าทำสิ่งใดอยู่”“ข้าเอ่ยถามทหารเรื่องจะกลับเข้าเมืองเจ้าค่ะ”“เจ้าจะเข้าเมืองไปเพื่ออันใดอวี้เออร์!!!” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจด้วยเรื่องภายในจวนตระกูลเซี่ยที่เกิดขึ้น หากพิจารณาดีๆ แล้ว คงไม่แคล้วน้องสาวตัวดีของตนเป็นแน่ที่สร้างเรื่องวุ่นวายไว้"ข้าจะกลับไปเอาของอย่างไรเล่าท่านพี่”“เจ้าลืมสิ่งใด” ตู้หยวนมองน้องสาวอย่างระแวง“ข้าลืมของไว้ที่จวนตระกูลสวี” นางกระซิบบอกที่ข้างหูของตู้หยวน ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินขึ้นที่พักไปจ้าวลู่ฉือที่เดินมาทันเห็นแผ่นหลังของหรูอวี้เพิ่งจากไป พอเห็นใบหน้าที่ยังตกตะลึงของตู้หยวน เขาก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมา“น้องสาวเจ้าจะกลับเข้าเมืองหลวงเพื่ออันใด”“เอ่อ...นางลืมของขอรับ” เขาจะบอกได้อย่างไรว่าของที่นางลืมไว้ อยู่ที่จวนตระกูลสวี“เตือนนางด้วย ว่าอย่าได้กลับไป มิเช่นนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยากได้” ในยามนี้ภายในเมืองหลวงวุ่นวายไม่น้อยจ้าวลู่ฉือรู้มาจากเจ้าหน้าที่ทางการ จวนตระกูลเซี่ยโดนโจรเข้าปล้นคลังเก็บสมบัติ ทั้งฮูหยินและบุตรสา
คำถามของจ้าวลู่ฉือ ทำให้ตู้เหลียนใบหน้าหมองเศร้าลง นางยังไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้บิดาได้รู้ นับตั้งแต่ออกเรือนก็ไม่เคยได้รับข่าวจากผู้เป็นบิดามารดาอีกเลย แม้จะส่งจดหมายไปขอขมาหลายครั้งแล้วก็ตาม“ยังเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ตอบจดหมายข้าเลยสักครั้ง” นางเอ่ยเสียงเบาราวกับยุงบินผ่านออกมา“เจ้าอย่าได้กังวล ท่านอาจารย์ตู้มิได้โกรธเคืองเจ้าแล้ว”“ท่านรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” ตู้เหลียนเงยหน้าขึ้นมองจ้าวลู่ฉืออย่างสงสัย“ข้าหาเวลาแวะไปดูพวกท่านเสมอ เจ้าควรจะเขียนจดหมายส่งม้าเร็วไปแจ้งข่าวพวกท่านเสียหน่อย”“ขอบคุณท่านเจ้าค่ะ” นางมองเขาอย่างซาบซึ้งใจหรูอวี้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักล้วนได้ยินทุกสิ่งที่ทั้งสองพูดคุยกัน หากมารดานางจะเปิดใจให้ท่านแม่ทัพจ้าวอีกครั้ง นางก็ไม่ขัดข้องด้วยเขาดูจะปักใจกับมารดาของนางไม่น้อย ถึงขั้นยังมิได้แต่งฮูหยินเข้าจวน“เอ่อ...ข้าเสียมารยาทแล้ว นี่บุตรสาวของข้าหรูอวี้ ส่วนนั้นบุตรชายข้าอาหยวนเจ้าค่ะ” ตู้เหลียนเห็นสายตาของจ้าวลู่ฉือที่มองไปทางหรูอวี้หลายหนจึงได้เอ่ยแนะนำนางขึ้นมา“คารวะท่านแม่ทัพจ้าวเจ้าค่ะ” นางย่อกายเล็กน้อย“อืม ไม่ต้องมากพิธี ข้าก็เหมือนกับพี่ชายของแม่เจ้า เรีย
ชาวบ้านที่เห็นต่างมองดูด้วยความสงสาร หรูอวี้เห็นเช่นนั้น นางก็ร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเดิม“ทะ ท่านดู สินเดิมของท่านแม่เหลือติดตัวไปเพียงน้อยนิด ที่ผ่านมาข้ากับท่านพี่ล้มป่วยก็เป็นท่านแม่ที่นำสินเดิมออกมาใช้จ่าย เงินเดือนที่สมควรได้ก็มิได้เช่นผู้อื่น แล้วพวกข้าจะขโมยของท่านได้อย่างไร”“ท่านตรองดูสักนิดเถิด ข้าถูกสั่งให้อยู่แต่ภายในจวน เหตุใดเรื่องความร้ายกาจของข้าและท่านแม่ถึงได้ถูกชาวเมืองเอาไปนินทากันจนสนุกปาก ข้ากับท่านแม่เคยร้องขอความเป็นธรรมหรือไม่”“วันนี้ที่ต้องออกจากจวนตระกูลเซี่ย กลับเข้าตระกูลตู้ ก็ด้วยข้าถูกรังแกจนเกือบจะรักษาชีวิตไม่ได้ ท่านแม่เห็นใจข้า กลัวว่าหากมีครั้งหน้าข้าคงต้องกลายเป็นวิญญาณจึงได้ขอร้องท่านให้ปล่อยพวกเราสามแม่ลูกไป” หรูอวี้ยังเล่นงิ้วของนางไม่เลิก ยิ่งมีคนเพิ่มขึ้น นางก็ยิ่งพูดสิ่งที่อยู่ในใจของเซี่ยหรูอวี้คนเดิมออกมาทั้งหมดภายในของหรูอวี้กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง นางไม่เคยแสดงด้านนี้ออกมาให้ผู้ใดได้เห็น เมื่อลองทำแล้วจึงรู้สึกแปลกใหม่และสนุกไม่น้อยเซี่ยหยวนแทบจะไปดึงน้องสาวกลับขึ้นรถม้า แม้รู้ดีว่านางกำลังเรียกร้องความเป็นธรรม พร้อมทั้งทิ้งปัญหาก้อ
หลังจากที่กลับมาจากเรือนของเซี่ยหรันเซียนแล้ว นางก็มิได้กลับเข้าเรือนในทันที หรูอวี้กระโดดออกจากกำแพงจวน มุ่งหน้าไปยังจวนของบรรดาคุณหนูที่มาร่วมงานกันในวันนั้นตามความทรงจำเดิมของนาง มีเพียงสามคนเท่านั้นที่เข้ามาช่วยเซี่ยหรันเซียนผลักเซี่ยหรูอวี้ตกน้ำ นางเพียงแค่คิดจะไปเอาคืนให้เซี่ยหรันเซียนเล็กๆ น้อยๆ พอให้หายแค้นใจบ้างจวนทั้งสามแม้มีองครักษ์เช่นจวนตระกูลเซี่ยแต่ก็มิได้มีมากมายเท่า ทำให้นางเข้าไปด้านในได้อย่างสะดวก แต่กว่าจะหาเรือนของคุณหนูแต่ละคนพบก็เล่นเอาเวลาของหรูอวี้ไปไม่น้อยภายในห้องพักล้วนมีสาวใช้เข้ามานอนเฝ้าคุณหนูด้วย หรูอวี้กลัวว่าพวกนางจะตื่นขึ้นมาพบเสียก่อน จึงได้ทำเพียงใส่ยาเสียโฉม ที่นางมีในห้องเก็บของของนาง โรยไปที่ใบหน้าเท่านั้นยาตัวนี้มิได้รุนแรงมากนัก เพียงจะทำให้เกิดสิวหนองบนใบหน้า นางขอให้ห้องทดลองทำขึ้น เพื่อไว้เปลี่ยนรูปลักษณ์ยามที่ออกไปด้านนอก แต่ก็ยังไม่เคยได้ทดลองใช้จึงไม่รู้ว่าจะเกิดสิวหนองเพิ่มมากเพียงใดกว่าจะจัดการคุณหนูทั้งสามเสร็จ หรูอวี้ก็ไม่อาจไปที่จวนตระกูลสวีได้ แต่ละจวนมิได้อยู่ใกล้กัน ร่างกายของนางในร่างนี้ก็เพิ่งจะฟื้นตัว นางยังหมดเรี่ยวแรงที
หรูอวี้นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของมารดา เพราะนางหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว“คุณหนูท่านตื่นแล้ว รับอาหารเลยดีหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้มองสาวใช้ที่ดวงตาบวมเบ่ง เหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาอย่างสงสัยแต่เมื่อนางเห็นหีบของที่อยู่ภายในห้องนอนของนาง จึงได้รู้ทันทีว่ามารดาตัดสินใจเช่นใด“ท่านแม่ จะออกเดินทางเมื่อใด” นางยังไม่ได้จัดการเรื่องของนางเลย“พรุ่งนี้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างคาดหวัง แต่นางเป็นบ่าวของตระกูลเซี่ยจึงไม่รู้ว่าจะติดตามเซี่ยหรูอวี้ไปได้หรือไม่“เจ้าอยากไปกับข้ารึ รู้หรือไม่ข้าอาจจะพาเจ้าไปลำบากก็ได้” นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ บ่าวยินดีติดตามคุณหนู ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากเพียงใด” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน“ได้ เจ้าพูดเอง ต่อไปหากลำบากเจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า” จากความทรงจำเดิมเสี่ยวซีซื่อสัตย์กับเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย มีเพียงนางที่ออกรับหน้าแทนแทบจะทุกเรื่อง แม้จะถูกเฆี่ยนตีนางก็ไม่ปริปากตำหนิเซี่ยหรูอวี้เลยสักครั้ง“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” ที่นางร้องไห้จนตาปูดบวม
“ตามที่ท่านเขียนไว้ ข้าขอชีวิตข้าคืน ในเมื่อท่านมิอาจปกป้องข้ากับลูกตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาได้” เซี่ยถงวู่สะดุ้งตกใจกับแววตาของตู้เหลียนไม่น้อย ครั้งนี้ดูนางมิได้พูดเล่นเสียแล้ว ด้วยนางไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้มาก่อนเลยสักครั้ง“อาเหลียน เจ้าใจเย็นก่อนดีหรือไม่” เขาเดินเข้ามาจะจับแขนของนางไว้ แต่ก็ถูกนางเบี่ยงตัวหนี“ไม่ ข้าเกือบเสียอวี้เออร์ไปแล้ว!!! ผู้ใดจะบอกได้ว่าครั้งหน้านางจะยังอยู่เป็นบุตรของข้าได้อีกหรือไม่” นางกรีดร้องออกมาสุดเสียง พร้อมทั้งร่ำไห้ออกมาอย่างปวดใจแม้จะรักผู้เป็นสามีมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเท่ากับความรักที่มีให้กับบุตรไปได้ หากนางต้องเลือกเสียใครไป ขอเลือกเสียผู้เป็นสามีเสียยังจะดีกว่า“แต่อวี้เออร์ก็ปลอดภัยแล้วมิใช่รึ” เขาขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ ทุกครั้งนางจะยอมอยู่เงียบๆ แต่เหตุใดครั้งนี้ถึงได้คิดจะพาบุตรออกจากตระกูลเขาไปได้“ท่านยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” นางเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา แล้วยิ้มเยาะความโง่เขลาของตนที่เลือกบุรุษเช่นเซี่ยถงวู่“เกิดสิ่งใดขึ้นเจ้าคะ” เสียงหวานใสดังขึ้นที่หน้าประตูห้องโถงเรือนของตู้เหลียน เป็นสวีเหมยลี่ที่รู้เรื่องว่าทั้งสองคนมีปากเสียงกันจากบ่าวก