หรูอวี้นางไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนของมารดา เพราะนางหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งฟ้าด้านนอกก็มืดสนิทเสียแล้ว
“คุณหนูท่านตื่นแล้ว รับอาหารเลยดีหรือไม่เจ้าคะ” หรูอวี้มองสาวใช้ที่ดวงตาบวมเบ่ง เหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาอย่างสงสัย
แต่เมื่อนางเห็นหีบของที่อยู่ภายในห้องนอนของนาง จึงได้รู้ทันทีว่ามารดาตัดสินใจเช่นใด
“ท่านแม่ จะออกเดินทางเมื่อใด” นางยังไม่ได้จัดการเรื่องของนางเลย
“พรุ่งนี้เจ้าค่ะ คุณหนูท่านพาข้าไปด้วยได้หรือไม่” เสี่ยวซีเอ่ยถามอย่างคาดหวัง แต่นางเป็นบ่าวของตระกูลเซี่ยจึงไม่รู้ว่าจะติดตามเซี่ยหรูอวี้ไปได้หรือไม่
“เจ้าอยากไปกับข้ารึ รู้หรือไม่ข้าอาจจะพาเจ้าไปลำบากก็ได้” นางเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย
“บ่าวไม่กลัวเจ้าค่ะ บ่าวยินดีติดตามคุณหนู ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะลำบากเพียงใด” เสี่ยวซีคุกเข่าลงอย่างอ้อนวอน
“ได้ เจ้าพูดเอง ต่อไปหากลำบากเจ้าจะกล่าวโทษข้าไม่ได้เล่า” จากความทรงจำเดิมเสี่ยวซีซื่อสัตย์กับเซี่ยหรูอวี้ไม่น้อย มีเพียงนางที่ออกรับหน้าแทนแทบจะทุกเรื่อง แม้จะถูกเฆี่ยนตีนางก็ไม่ปริปากตำหนิเซี่ยหรูอวี้เลยสักครั้ง
“ขอบคุณเจ้าค่ะคุณหนู” ที่นางร้องไห้จนตาปูดบวม ด้วยกลัวว่าจะไม่ได้ไปกับเซี่ยหรูอวี้ด้วย
“ตอนนี้เจ้าไปพักเถิด พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า ข้ายังไม่อยากกินสิ่งใดตอนนี้” หรูอวี้รีบพูด เมื่อเสี่ยวซีอ้าปากจะถามนางเรื่องอาหาร
“เจ้าค่ะ” นางรีบกลับไปเก็บของที่เรือนพักอย่างรวดเร็ว
นางเรียกเสี่ยวซีกลับมาอีกครั้งเพื่อสอบถามที่ตั้งจวนตระกูลสวี และถามถึงคุณหนูที่มาร่วมงานเลี้ยงน้ำชาในวันนั้น กว่าจะจดจำได้ครบทุกจวนก็กินเวลาเสียไปไม่น้อย
หรูอวี้เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดดำที่พอจะหาได้ ก่อนจะเร้นกายตามความทรงจำไปที่เรือนของพี่ชาย
“ท่านพี่ ท่านพี่” นางเอ่ยเรียกเสียงเบาที่ข้างหน้าต่างห้องของเซี่ยหยวน
เซี่ยหยวนเปิดหน้าต่างออกไปดู ก็ต้องตกใจ เมื่อหรูอวี้นางกระโดดเข้ามาภายในห้องนอนของเขาโดยที่ไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ย...อุ๊บ” หรูอวี้ตะครุบปิดปากพี่ชายไว้ ก่อนจะส่งเสียงร้องเรียกคนมาที่เรือนของเขา
“ท่านจะร้องเรียกคนให้มาหรืออย่างไร” นางถลึงตามองเขา ก่อนจะปล่อยมือออก พร้อมกับเช็ดหน้าลายที่เลอะมือนางอย่างรังเกียจ
“ก็เจ้าเข้ามาเช่นนี้ ผู้ใดก็ต้องตกใจ” เซี่ยหยวนถลึงตากลับอย่างไม่ยอม
“ท่านเก็บของเรียบร้อยแล้วหรือยัง” นางมองไปรอบๆ ห้องเพื่อหาของที่จะเก็บเข้ามิติ
“กองนั้น เจ้าเก็บเข้ามิติไปได้เลย” เขาชี้มือไปที่หีบข้างเตียงที่มีห้าหีบ
หรูอวี้เพียงแตะไปที่หีบทั้งห้าใบ ทั้งหมดก็หายไปอยู่ภายในมิติของนางทันที
“หากข้าไม่รู้เรื่องมิติของเจ้า คงได้ตกใจจนตาย” เขาลูบอกที่สั่นสะท้านเล็กน้อย
“ข้าจะไปที่เรือนของท่านแม่ต่อ”
“ประเดี๋ยว เจ้าอย่าได้ทำให้มารดาตกใจเล่า” เซี่ยหยวนเอ่ยเตือนนาง ก่อนจะเห็นเพียงเงารางๆ ของน้องสาวหายไปกับความมืด
“นางทำได้อย่างไร” เขาเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าตอนที่วิญญาณของหรูอวี้หลุดออกจากร่างไป นางได้รับความเก่งกาจเช่นนี้มาด้วยหรือไม่
ครั้งนี้หรูอวี้นางไม่ทำให้มารดาของนางตกใจเช่นที่ทำกับเซี่ยหยวนแล้ว นางเอ่ยเรียกมารดาก่อน จะบอกนางว่าจะกระโดดเข้าไปทางหน้าต่าง
“ท่านแม่ ของท่านมีมากเพียงนี้เลยรึ” หรูอวี้มองกองหีบที่มีมากกว่าห้าสิบใบภายในห้องด้านข้างของมารดา
“สินเดิมของแม่ หลังจากออกจากจวนตระกูลเซี่ย พวกเจ้าสองพี่น้องไม่มีทางลำบากอย่างแน่นอน” นางอมยิ้มมองบุตรสาวที่จ้องมองสินเดิมของนางอย่างตกตะลึง
“เจ้าค่ะ” นางเก็บหีบทั้งหมดไปไว้ภายในมิติ ก่อนจะขอตัวกลับออกไป
“ระวังตัวด้วยเล่า ประเดี๋ยวองครักษ์ในจวนจะพบเจ้าได้” หากพบหรูอวี้ในสภาพเช่นนี้จะต้องเกิดเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน ด้วยการแต่งกายของนางที่ราวกับโจนย่องเบา อาจจะทำให้ถูกกล่าวหาว่าคิดจะขโมยของได้
“ท่านแม่อย่าได้กังวล ท่านพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า”
“อืม เจ้าไปเถิด” ตู้เหลียนมองส่งบุตรสาวที่หน้าต่างก่อนจะเดินกลับมานอนลงที่เตียง
เหมือนนางจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงได้ลุกขึ้นมานั่งอีกครั้ง “ทางที่อวี้เออร์นางไป มิใช่ทางกลับเรือนของนาง” นางมองไปที่หน้าต่างอย่างกังวล ด้วยไม่รู้ว่าหรูอวี้นางคิดจะทำสิ่งใด
หรูอวี้ มองไปที่องครักษ์ที่เดินตรวจจวนอย่างปลงตก นางแทบจะเดินนวยนาดเข้ามาภายในห้องเก็บสมบัติอยู่แล้ว พวกเขายังไม่อาจรู้ถึงการมีอยู่ของนาง นางจะไม่แปลกใจหากมีโจรปล้นจวน องครักษ์ก็คงไม่รู้ตัวแน่นอน
(แต่ที่นางทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับโจร)
แต่เมื่อเห็นของที่อยู่ด้านในนางก็เบ้ปากออกมาทันที ด้วยมีน้อยกว่าสินเดิมของมารดานางเสียอีก
นางไม่ได้นำของมีค่าไปทั้งหมด นำเพียงตั๋วเงินหนึ่งหีบกับทองคำสามหีบเก็บเข้าไปภายในมิติของนาง ถึงจะบอกว่าของเพียงเล็กน้อย แต่ทั้งห้องเก็บสมบัติของมีค่าที่สุดก็คือสิ่งที่หรูอวี้นางนำมา
หรูอวี้เร้นกายไปที่เรือนของสวีเหมยลี่ นางเดินหาห้องเก็บสินเดิมของนางอย่างใจเย็น บ่าวที่นอนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องล้วนแต่หลับเป็นตาย ทำให้นางเดินสำรวจข้าวของได้อย่างเต็มที่
แต่ด้วยสินเดิมที่มีมาก หรูอวี้นางขี้เกียจจะสำรวจดูว่ามีสิ่งใดบ้าง นางจึงได้กวาดทั้งหมดที่เห็นเข้าไปภายในมิติของนางอย่างรวดเร็ว
“ไม่คุ้มเสียเลย” นางส่ายหัวอย่างไม่พอใจ
แต่เหมือนจะนึกอะไรออก ดวงตาของนางเปล่งประกายสู้กับความมืด นางหายเข้าไปภายในมิติ เพื่อค้นหาของที่ติดตามนางมาด้วย
ในห้องลับที่องค์กรสร้างไว้ให้นาง ด้านในมิใช่มีเพียงอาวุธเท่านั้น ยังมียาพิษหลายชนิดอยู่ด้วย ยาที่ถูกสร้างขึ้นในห้องทดลองขององค์กรไม่มียาถอนใดจะแก้ได้
แต่นางไม่คิดจะเอาชีวิตผู้ใด เพียงแค่อยากเล่นสนุกเท่านั้น ในเมื่อกลั่นแกล้งพวกนางสามแม่ลูกไว้ไม่น้อย หากนางจะเอาคืนนิดหน่อยก็คงไม่เกินไป
หรูอวี้หยิบยาที่ทำให้เป็นอัมพาตชั่วคราวออกมา นางยกยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะออกไปนอกมิติอีกครั้ง นางเข้าไปในห้องของสวีเหมยลี่ ที่ดูท่านางคงฝันหวานที่สามแม่ลูกกำลังจะออกจากจวนในวันพรุ่งนี้
“หึ สวรรค์เข้าข้างข้านัก” หรูอวี้พึมพำออกมาอย่างพอใจ
เมื่อสวีเหมยลี่นอนอ้าปากเล็กน้อย ทำให้ง่ายต่อการหยอดยาอัมพาตที่เป็นน้ำลงใส่ในปากของนาง
เพียงแค่สามหยด สวีเหมยลี่ก็จะได้นอนพักอยู่บนเตียงไปนานหลายเดือน หากร่างกายของนางอ่อนแอดีไม่ดีอาจจะต้องนอนนานกว่านั้นเป็นแน่
สวีเหมยลี่ร่างกายเมื่อได้รับยาไปแล้ว นางก็กระตุกเกร็งตัวขึ้นหลายหน ก่อนจะนอนนิ่งกลับไปเช่นเดิม หรูอวี้จึงได้ไปเยือนเรือนของเซี่ยหรันเซียนต่อไป
นางไม่คิดจะยกเค้าเรือนของเซี่ยหรันเซียน นางเพียงต้องการเอาคืนเล็กน้อยเท่านั้น ถึงแม้อยากจะสังหารนางให้ตายให้สมกับที่นางได้ทำเซี่ยหรูอวี้ไว้ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ให้นางอยู่ไม่สู้ตายเสียดีกว่า
เซี่ยหรันเซียนที่ภูมิใจกับใบหน้างดงามของนางมากนัก จะมีอะไรดีไปกว่าการที่ทำให้ความภูมิใจของนางกลายเป็นตราบาปในชีวิตของนาง
หรูอวี้ยืนมองนางนิ่งอยู่ข้างเตียง นางลองเรียกยาสลบที่อยู่ในมิติออกมา โดยที่นางไม่ต้องเข้าไปด้านใน ก็พบว่ามันสามารถออกมาปรากฏอยู่ในมือของนางได้
นางฉีดยาสลบเข้าเส้นเลือดของเซี่ยหรันเซียน ก่อนจะใช้คีมที่มีอยู่ในมิติ ออกมาถอนฟันหน้าสองซี่ของนางออก อยากจะรู้ว่ารอยยิ้มอ่อนหวานของแม่ดอกบัวขาว หลังจากนี้นางยังจะกล้ายิ้มอีกหรือไม่
เลือดไหลออกมาจากปากของเซี่ยหรันเซียนไม่น้อย แต่ด้วยฤทธิ์ของยาสลบที่รุนแรงทำให้นางไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ ยังนอนฝันหวานที่กำจัดเซี่ยหรูอวี้ไปจากจวนได้อย่างสบายใจ
“ความจริงแล้วข้า อยากจะกรีดหน้าเจ้าให้เป็นแผลเสียสองสามรอย” หรูอวี้จ้องมองริมฝีปากบางที่เปื้อนเลือดอย่างพอใจ ก่อนจะเร้นกายหายกลับไปที่เรือนของนาง
อันอ๋อง ยอมเข้าไปอยู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจ้าวลู่ฉือตั้งแต่วัยสิบสองหนาว แม้เขาจะมิได้แสดงออกว่าพึงใจในตัวของซูซินมากนัก แต่ก็ลอบหาทางพบนางอยู่เสมอ“หึ อันอ๋องร้ายนัก ข้ารึก็มัวแต่ระวังเจ้าลูกเต่าจวนอื่น” จ้าวลู่ฉือสบถออกอย่างหัวเสียเมื่อเขารู้เรื่องจากหรูอวี้ว่า ทั้งสองเหมือนจะมีใจให้กัน“ท่านพี่ ซินซินนางถึงวัยออกเรือนแล้ว อันอ๋องเองก็อยู่ในสายตาของท่านมาตลอด ท่านยังมิวางใจอีกรึ”“พี่ยังอยากให้ซินซินอยู่กับพี่และเจ้าไปอีกหลายปี”“เหอะ ท่านจะให้นางแก่ตายคาจวนหรืออย่างไร ข้าตัดสินใจแล้ว หากซินซินนางเลือกอันอ๋องข้าก็ไม่ขัดขวาง ท่านก็ปล่อยวางได้แล้ว” หรูอวี้มองสามีที่ผมเริ่มจะขาว ของนางอย่างมีโทสะนางอยากจะถามเขาเสียเหลือเกินว่าจะต้องรอให้เขาลงหลุมก่อนรึ ถึงจะยอมให้บุตรสาวออกเรือนได้เมื่อคำเด็ดขาดหลุดออกมาจากปากของหรูอวี้ จ้าวลู่ฉือก็ไม่อาจเอ่ยแย้งได้ พออันอ๋องมาเอ่ยเรื่องทาบทามที่จวน จ้าวลู่ฉือจึงบังคับให้เขาสาบานต่อฟ้าดินว่าจะมีเพียงบุตรสาวของตนเพียงหนึ่งเดียวในตำหนัก“เปิ่นหวางสาบานต่อหน้าฟ้าดิน ชั่วชีวิตนี้จะมีเพียงซินซินหนึ่งเดียว และจะไม่ทำให้นางต้องช้ำใจเป็นอันขาด”สามเดือนต
หรูอวี้นางคิดว่า มีเพียงฝาแฝดทั้งสองเป็นบุตรก็เพียงพอแล้ว เพียงเลี้ยงเขาน้องก็ไม่มีเวลาปลีกตัวไปทำอันใดได้ จึงมิได้คิดเรื่องที่จะมีบุตรอีกเลย“ท่านแม่จะมีน้องสาวให้ข้ารึขอรับ” จ้าวหลิงฮุ่ยเอ่ยถามออกมาด้วยใบหน้าที่ใสซื่อจ้าวหลิงเทียนก็มองมาทางหรูอวี้ด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย แม้ไม่ได้พูดออกมา ก็รู้ว่าเขาอยากจะมีน้องสาวตัวน้อยเช่นเดียวกัน“ใช่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย” นางลูบหัวบุตรทั้งสองอย่างรักใคร่“มีน้องชายก็ได้ขอรับ ข้าชอบทั้งหมดที่เป็นน้องของข้า” จ้าวหลิงฮุ่ยฉีกยิ้มกว้างอย่างน่าเอ็นดู“ยินดีด้วยขอรับท่านแม่ทัพ” ตลอดทางนับตั้งแต่เดินเข้าจวนมา เขาอดจะสงสัยไม่น้อยที่บ่าวไพร่ ต่างเข้ามาแสดงความยินดี ราวกับว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งเสียอย่างงั้นแต่จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อยามนี้เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ ที่ไม่อาจจะมีตำแหน่งใดสูงได้มากกว่านี้อีกแล้ว“เกิดเรื่องใดขึ้น” เขาเอ่ยถามบ่าวแล้ว แต่ก็ไม่ได้คำตอบ ได้แต่บอกให้เขากลับไปฟังเรื่องราวที่เรือนของฮูหยินเองเสียงพูดคุยหัวเราะของคนในเรือนของหรูอวี้ ทำให้จ้าวลู่ฉือที่เดินทางกลับมาจากค่ายทหารนอกเมืองยืนยิ้มตามไปด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ของเขา ม
เรื่องนี้ทำให้ตู้เหลี่ยงพอใจอยู่ไม่น้อย ด้วยตัวเขาเองก็เตรียมชื่อไว้ให้เหลนชายทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจ้าวลู่ฉืออยากจะตั้งเองหรือไม่“จ้าวหลิงเทียน จ้าวหลิงฮุ่ย ชอบหรือไม่เล่า” เขาเอ่ยเรียกเหลนชายทั้งสอง พร้อมทั้งมองอย่างรักใคร่จ้าวหลิงเทียนผู้พี่ จ้าวหลิงฮุ่ยผู้น้อง หัวเราะจนเห็นเหงือกของตน สร้างความอิ่มเอมใจให้กับทุกคนในห้องโถงจนมีรอยยิ้มไปตามๆ กันแต่แล้วความครื้นเครงก็หยุดลง เมื่อพ่อบ้านจ้าว เข้ามาแจ้งเรื่องที่เซี่ยถงวู่มาขอพบตู้เหลี่ยงและตู้เหลียนที่หน้าจวนตู้เหลี่ยงส่งฝาแฝดให้แม่นมพาออกไปด้านนอกทันที ก่อนจะตบโต๊ะเสียงดังอย่างมีโทสะ“เดรัจฉาน!!! ยังมีหน้ามาขอพบข้าอีกรึ”“ท่านตา อย่าได้มีโทสะเจ้าค่ะ หากท่านไม่ต้องการพบหน้าก็เพียงแค่ให้บ่าวหน้าจวนไล่ไปก็เท่านั้น ไยจะต้องทำให้ตนเองขุ่นใจด้วย” หรูอวี้เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางเหลือบมองมารดาก่อนจะพูด ก็เห็นว่านางไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นดีใจที่เซี่ยถงวู่มาขอพบ จึงได้เบาใจลง“เป็นเช่นที่อวี้เออร์นางว่า หากท่านอาจารย์ไม่ต้องการจะพบ ข้าจะออกไปจัดการให้ท่านเองขอรับ”“อืม...ลำบากเจ้าแล้ว” เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าตู้เหลี่
“สวรรค์” บ่าวไพร่และเสี่ยวฟ่านที่ได้พบเห็นคุณชายน้อยของตนก็ได้แต่อุทานออกมาอย่างแปลกใจนี่มันเด็กเพียงคลอดเสียที่ไหน ทั้งสองราวกับเด็กครบเดือนแล้ว ดวงตาที่กวาดมองไปทั่ว ราวกับรู้เรื่องราวและรับรู้สิ่งที่พวกเขาเอ่ยพูดกัน“พาไปให้อวี้เออร์นางดูก่อนเถิด” จ้าวลู่ฉือเขี่ยแก้มบุตรชายทั้งสอง ก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านในห้อง ที่สาวใช้ทำความสะอาดร่างกายของหรูอวี้เรียบร้อยแล้ว“ฮูหยินช่างมีบุญนัก แม้แต่กลิ่นน้ำคลอดของนางก็ไม่เหม็นเช่นที่ข้าเคยพบเจอ ดูเหมือนว่าจะคลายกลิ่นดอกบัวเสียด้วยซ้ำ” หมอตำแยเอ่ยพูดคุยถึงเรื่องความน่าอัศจรรย์นี้กันจ้าวลู่ฉือ เห็นหรูอวี้นั่งพิงหัวเตียงชะเง้อคอมองมาทางประตูก็อมยิ้มมองนาง“เจ้าอยากเห็นลูกใช่หรือไม่” เขารับเด็กทั้งสองคนมาจากป้าจิ้นและเสี่ยวซี ก่อนจะเดินเข้าไปหาหรูอวี้ที่เตียงหรูอวี้เม้มปากแน่น มองเด็กน้อยที่อยู่ในห่อผ้าที่แขนของจ้าวลู่ฉือ“ลูกข้า...ช่างตัวเล็กนัก” นางไม่รู้ว่าจะเอ่ยเช่นไรไม่คิดด้วยว่าในชีวิตนางจะให้กำเนิดเด็กน้อยออกมาได้ หรูอวี้มองเด็กทั้งสองด้วยดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำ ความรู้สึกแปลกใหม่เกิดขึ้นกับนาง จนนางไม่อาจจะอธิบายได้ความรัก ความหวงแหน ห
“อันใดกัน มีเรื่องที่เจ้าจัดการไม่ได้ด้วยรึ” ฮ่องเต้ไม่อยากจะเชื่อ ว่าสหายรักจะจัดการเรื่องหยุมหยิมเช่นนี้ไม่ได้“มีเพียงเรื่องของนางที่ไม่อาจจัดการได้” เขาไม่เคยเอาชนะนางได้เลย นับตั้งแต่ที่พบเจอนางในครั้งแรก“เพ้ย สตรี อย่างไรก็ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของสามี เจ้าตามใจนางเกินไปแล้ว”“พูดไป พระองค์ก็ไม่เข้าพระทัย กระหม่อมกลับจวนก่อนพ่ะย่ะค่ะ” จ้าวลู่ฉือลุกขึ้นจะเดินออกจากวังหลวง“ให้เจิ้นช่วยพูดดีหรือไม่” สตรีในวังนับร้อย เขายังจัดการได้“นางไม่ได้อยู่ให้พระองค์พูด พระองค์จะช่วยได้อย่างไร”“ห๊ะ!!! ถึงกลับหนีไปเลยรึ”จ้าวลู่ฉือส่ายหัวอย่างปลงตก แล้วเดินออกจากห้องตำราของฮ่องเต้กลับจวน หากนางหนีไปเช่นผู้อื่น เขายังตามกลับมาได้ แต่นี่ นางเล่นหายไปในมิติ เขาจะตามนางได้อย่างไรหรูอวี้ที่เก็บน้ำหวานจากดอกบัวจนเบื่อแล้ว นางจึงได้ออกมาด้านนอก พอออกมาถึงก็ถูกจ้าวลู่ฉือที่นั่งรอนางอยู่รวบตัวกอดรัดไว้แน่น“อวี้เออร์ อย่าได้ทำกับข้าเช่นนี้อีก อย่าได้หายไปโดยไม่บอกข้า เรื่องคุณหนูที่มากวนใจเจ้าวันนั้นข้าจัดการให้ตระกูลของพวกนางจับนางแต่งออกไปแล้ว ยามนี้ไม่มีผู้ใดกล้ามากวนใจเจ้าอีกแล้ว” เขาซุกใบหน้าลงก
หรูอวี้ตบไปที่ใบหน้าของคุณหนูหั่วเต็มแรง มีดสั้นถูกวางจ่ออยู่ที่คอของคุณหนูหั่ว หากนางขยับตัวเล็กน้อยคงได้เห็นเลือดอย่างแน่นอน“ข้าไม่ถือ หากเจ้าจะใช้มารยาเพื่อได้เข้าตระกูลจ้าว แต่ในเมื่อเจ้าปากกล้ากับข้าเช่นนี้ ข้าคงต้องทำให้เจ้ารู้เสียแล้วว่าข้าเป็นเช่นไร” หรูอวี้ขยับข้อมือเพียงเล็กน้อย คมมีดก็บาดเข้าคอของนางจนเลือดซึมออกมา“ขะ ข้ากลัวแล้ว ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ” นางเอ่ยขอร้องอย่างลนลาน“อวี้เออร์ ข้าจัดการเอง” จ้าวลู่ฉือเดินเข้ามาจับข้อมือของนางไว้“หึ” นางสะบัดมือของเขาออก ก่อนจะปามีดสั้นไปตรงกลางโต๊ะที่พวกคุณหนูคนอื่นนั่งอยู่ แล้วเดินออกจากห้องโถงไปอย่างไม่สบอารมณ์จะเรียกว่านางหึงหวงเขาเสียจนหน้ามืดก็ได้ที่ลงมือเช่นนั้น แต่คุณหนูหั่วก็ปากดีเสียจนนางควบคุมอารมณ์ไม่อยู่หรูอวี้ไล่ป้าจิ้นกับเสี่ยวซีที่ตามนางมาที่เรือนอย่างเป็นห่วงออกไป ก่อนจะเข้าไปสงบอารมณ์ในมิติของนางจ้าวลู่ฉือยืนมองคุณหนูที่รอพบเขาที่ละคน ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา“เป็นบิดาของพวกเจ้า หรือตัวพวกเจ้าที่ใจกล้าทาเยือนจวนของข้ากัน” เขาเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงเหยียบเย็นบางคนที่หวาดกลัวจนตัวสั่นก็โยนเรื่องราวทั้งหมดไปให้ผู้เป