로그인ตอนที่ 14กว่าสวีเฟิ่งเยี่ยนจะรู้สึกตัว กู้หลิงเซียวก็แน่นิ่งไปแล้ว เวลาเหมือนหยุดลง ใจแม่ทัพที่ผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วนกลับว่างเปล่าจนเหมือนถูกคว้าน เขารีบกระชากใบหน้านางขึ้นจากน้ำ นิ้วมือสั่นไม่หยุด ร่างของฮูหยินอ่อนปวกเปียก ไร้เรี่ยวแรงจนตาเขาเบิกกว้างเขาอุ้มนางขึ้นจากถังน้ำ แขนแกร่งที่เคยยกคนทั้งตัวกลับสั่นระริก หลิงเซียวเบาหวิวราวตุ๊กตาผ้า ใบหน้าซีดราวกระดาษ ดวงตาปิดสนิทไร้สัญญาณของชีวิต เมื่อวางนางลงบนพื้นไม้ ก็เห็นเพียงเงาว่างเปล่าที่สะท้อนอยู่ในสายตาตนเอง“หลิงเซียว!”เสียงของเขาแหบพร่า สั่นจนแทบไม่เหมือนตัวเอง ร่างใหญ่นั้นสั่นไม่ใช่เพราะความเย็น หากเพราะความกลัวที่พุ่งขึ้นจากอก มือที่สัมผัสแก้มนางชะงักทันทีเมื่อเจอความเย็นเฉียบ เขาตบแก้มนางเบาๆ ซ้ำๆ“ตื่นสิ… เจ้าได้ยินข้าหรือไม่!”ไม่มีเสียงตอบ มีเพียงความเงียบอัดแน่นจนเหมือนบดหัวใจเขา เฟิ่งเยี่ยนแทบลืมหายใจ ใบหน้าที่เคยนิ่งเหมือนหิน กลับเต็มไปด้วยความตระหนกไม่อาจปิดบังเฟิ่งเยี่ยนแทบหยุดหายใจไปพร้อมนาง ใบหน้าที่ปกติแข็งเหมือนศิลากลับเต็มไปด้วยความตระหนกและความกลัว ไม่ปิดบังแม้เสี้ยวเดียว หัวใจที่เคยแข็งเหมือนเหล็กกล้ากลับสั่
ตอนที่ 13“ท่านเสียสติหรือเฟิ่งเยี่ยน!”เสียงตวาดถามแหบแห้งของหลิงเซียวพุ่งออกจากริมฝีปากสั่นระริกทันทีที่นางกระชากศีรษะขึ้นจากน้ำแล้วยืนมั่นคง ใบหน้าซีดเผือดเพราะขาดอากาศยังไม่กลับคืนสีของ เลือดฝาดแทบไม่มี แต่ดวงตาหงส์คู่งามของนางก็เบิกกว้างแดงก่ำด้วยความโกรธที่ถูกกดทับจนแทบระเบิด ริมฝีปากสั่นเทาเพราะทั้งหนาว ทั้งหวาดหวั่น ทั้งเดือดดาล ระคนกันจนไม่รู้ว่าอันไหนแรงกว่ากัน“ท่านมาทำร้ายข้าด้วยเหตุอันใด?”หลิงเซียวยืนเกาะขอบถังอีกฟากห่างจากสวีเฟิ่งเยี่ยนไปสองช่วงแขนเพราะไม่วางใจเขาอีกแล้ว เนื้อตัวของนางสั่นเทา เส้นผมเปียกแนบแก้มเหมือนสายโซ่ที่ย้ำเตือนว่าตนเพิ่งถูกคนตรงหน้าจบกดลงน้ำจนเกือบไม่รอด นางหอบจนหน้าอกกระเพื่อมแต่ก็ยังถามหาสาเหตุที่ตนเองถูกทำร้าย“เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือสตรีแพศยาทำเรื่องต่ำทรามมากจนจำไม่ได้แล้วกระมัง”นอกจากไม่ตอบสวีเฟิ่งเยี่ยนยังถามนางกลับขณะที่เอ่ยปากเขาก็ขยับเข้ามายืนตรงหน้าของหลิงเซียวอีกสองก้าว ดวงตาคมเกรี้ยวกราดที่ปกติหนักและนิ่งราวเหล็กกล้า ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นประกายมืดวาววับราวกับคนเสียสติ“ข้าแพศยาอย่างไร ข้าไม่รู้ตัว ท่านแม่ทัพช่วยชี้แนะข้าให้รู้ด้ว
ตอนที่ 12เมื่อเฟิ่งเยี่ยนมาถึงหน้าเรือนเหลียนฮัว เขาก็รีบก้าวเข้าในเรือนด้วยฝีเท้าที่หนักแน่นแต่มั่นคง น้ำหนักของรองเท้าหนังทหารที่กระทบพื้นทำให้พื้นเรือนสั่นทีละก้าว ราวกับเสียงเตือนภัยที่ดังก้องเข้าหูของทุกคนในเรือน ดวงตาเข้มขรึมของเขากวาดมองไปรอบโถงเรือนทันที ราวกับนักล่าที่กำลังมองหาเหยื่อที่ต้องเจอ เขาหวังจะพบร่างของหลิงเซียวที่มักออกมายืนรอรับเขาเป็นประจำ ไม่ว่าแดดจะร้อนหรือหิมะจะตก นางก็มักมารอด้วยรอยยิ้มบาง ๆ กับสายตาที่สงบเยือกเย็น แต่วันนี้…...วันนี้ราวกับนกรู้ เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง!ในอกของเขาถึงกับสะท้านวูบ คล้ายมีไอเย็นคืบคลานขึ้นจากสันหลัง ไม่ใช่เพราะความหนาวเย็น แต่เป็นเพราะความโกรธระคนความคับแค้นที่ตีขึ้นมาจนล้นอก“ทะ…ท่านแม่ทัพ”แวบแรกที่กุ้ยหนิงหันมาพบกับร่างสูงใหญ่ของสวีเฟิ่งเยี่ยน สาวใช้ตัวน้อยถึงกับสะดุ้ง นางรีบย่อกายคารวะอย่างลนลานจนเกือบโค้งตัวมากเกินไป ใบหน้าขาวซีดไปในบัดดล หากแต่พอเงยหน้าขึ้นเห็นดวงตาคมกล้ากระทบกับแสงอาทิตย์อัสดง ดวงตาที่มืดลึกไร้ก้นบึ้งราวกับหลุมเหวสีดำมืด นางถึงกับแข้งขาสั่นแทบล้มลงเดี๋ยวนี้“ท่าน…กะ…กลับมาแล้ว…หรือเจ้าค่ะ”เสียงเด็กสา
ตอนที่ 11เมื่อเดินผ่านสวนหญ้าหน้าห้องหนังสือ แสงแดดยามบ่ายสาดเข้าหากระเบื้องเคลือบสีเข้มจนเป็นประกายงามจับตา เฟิ่งเยี่ยนที่สวมชุดแม่ทัพสีดำเข้มขลิบเงิน คิ้วเข้มขมวดแน่น ใบหน้าคมดุดันดั่งหยกสลักหยุดหน้าประตูไม้เก่าอย่างชั่วครู่ สายตาของเขาแข็งกร้าวนิ่งงันอยู่ที่บานประตูราวกับต้องการจะส่องทะลุเข้าไปในห้อง เขายกมือขึ้นเคาะสามครั้งดังถี่ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!ก่อนจะตามมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยให้คนภายในห้องทราบถึงการมา “ท่านปู่ เป็นเฟิ่งเยี่ยนขอรับ”เสียงท่านโหวจากด้านในดังออกมาอย่างหนักแน่น ราวกับคนที่ถือชะตาของบ้านทั้งหลัง “เข้ามาเถิด เยี่ยนเอ๋อ ข้ารอเจ้าอยู่”เฟิ่งเยี่ยนก้าวเข้าไปทันที ราวกับทหารเข้าสู่สนามหน้าศึก สีหน้าเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยแรงกดดัน เขาสูดกลิ่นน้ำหมึกกับไม้พยุงที่อบอวลในอากาศเต็มปอด กลิ่นเก่าแก่ของหนังสือ ตำราบัญชี เศษกระดาษที่ทับซ้อน หยดน้ำหมึกที่ซึมบนผิวโต๊ะ ไอความเก่าแก่เหล่านั้นทับถมประสาทสัมผัสของเขา ทั้งหมดทำให้ความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ ในใจค่อยๆ ถูกขับออกมาเขาประสานมือคำนับ กิริยาแข็งแรงสมกับเป็นคนเดียวในตระกูลที่เป็นทหาร ก่อนดวงตาคมจะเหลือบเห็นกองบัญชีและตำราย
ตอนที่ 10ยามเช้าวันถัดมา แสงแดดสีทองอ่อนสาดลงเหนือจวนติ้งถิงโหว คล้ายจะผลักความเงียบสงบให้ปนกลิ่นความวุ่นวายบางเบาในสายลม แต่ความนิ่งเรียบของลานด้านนอกมิได้เข้าไปถึงห้องหนังสือ ท่านโหวผู้ชรานั่งอยู่ในห้องหนังสือมาตั้งแต่ก่อนยามเฉิน เขานั่งหลังตรงอย่างผู้ทรงอำนาจ แม้ผมหงอกจะแทรกครึ่งศีรษะและกระดูกเริ่มอ่อนล้า แต่แววตายังคมกริบราวดาบเก่าแก่ที่ผ่านศึกมาไม่รู้กี่ครา ทั้งเช้านั้นเขาใช้เวลากับกู้หลิงเซียวในห้องบัญชีเก่าของสกุลสวีกองสมุดบัญชีซ้อนกันบนโต๊ะไม้สักจนเป็นป้อมปราการแห่งตัวเลขและจำนวนเงิน กลิ่นหมึกเก่าและชาหอมลอยคลุ้งชวนให้นึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมากว่าครึ่งชีวิตที่เขาดูแลตระกูลนี้ เสียงพู่กันลากผ่านแผ่นไม้ไผ่ได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบ“หากไม่เข้าใจเรื่องตัวเลขเจ้าถามท่านปู่ได้” ผ่านไปครู่ใหญ่ชายชราจึงเอ่ยกับหลานสะใภ้เสียงอ่อนโยน“ขอบคุณท่านปู่ที่เมตตาเซียวเซียวเจ้าค่ะ” หลิงเซียวรีบวางลูกคิดกับสมุดบัญชีประสานมือคำนับท่านปู่ของสามีจากใจสีหน้าของเด็กสาวท่าทางสงบ แต่ลึกในดวงตาแฝงประกายแห่งการจดจำแม่นยำและความมุ่งมั่น นางมิได้ทำเพียงเพื่อเอาใจ หากจริงจังเรียนรู้ ทุกตัวเลขที่อ่านผ่า
ตอนที่ 9แต่สุดท้ายหลิงเซียวก็ได้รู้ว่าตัวบัดซบนามสวีเฟิ่งเยี่ยนไม่เคยรักษาคำพูด เพราะทันทีหลังมื้อค่ำ เขาก็จับนางกินแทนของหวานล้างปากอย่างไม่ปรานี และนับแต่นั้น หากเขาไม่มีงานราชการให้ค้างในค่ายแม่ทัพหนุ่มก็กลับเรือนติ้งถิงโหวทุกคืน ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่เขาเสพติดร่างกายนางนัก ชอบร่วมรักกับนางจนนางแทบจะหมดแรงอยู่ทุกวัน ตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เขาจับนางร่วมรักทุกคืนจนรู้แม่นว่าแต่ละเดือนระดูของนางมาวันใดหมดวันไหนแต่งเข้าจวนมาสามเดือนเศษ ชีวิตของหลิงเซียวกลับตั้งหลักได้เร็วกว่าที่คาด แม้นางไม่คาดหวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น เพราะเคยคิดว่าจะถูกญาติของสามีรังเกียจ แต่ภายในเวลาเพียงสามเดือน บ่าวไพร่ในเรือนเหลียนฮัวต่างยอมรับนางแล้ว ส่วนญาติบ้านรอง บ้านสาม บ้านสี่ก็ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายกับนางเลย แถมน้องสามีเช่นสวีเฟิ่งหยวนยังดีกับนางมากส่วนท่านโหวคงไม่ต้องเอ่ยเอ่ยถึงอีกฝ่ายสนับสนุนมาตั้งแต่ก่อนแต่งงานแล้วจะติดก็เพียงสามีแม่ทัพของนางที่ยังตั้งแง่ไม่เลิก โชคยังดีที่งานของเขาสุมหัวจนแทบไม่มีเวลาหาเรื่องใส่นาง นอกจากกลับมาอาบน้ำ กินข้าว แล้วก็ลากนางเข้าห้องไปร่วมรักจนค่อนคืน ในฐานะแม่ทัพอวี้หลิน







