LOGIN“เจ้าคิดจะทำอะไร คิดจะใช้กำลังกับข้าเช่นนั้นหรือ เอาสิ หากเจ้ากล้า ข้าจะไปฟ้องเรื่องนี้กับหัวหน้าหมู่บ้าน ว่าคนมาใหม่เช่นเจ้ากล้าลงมือกับคนเก่าก่อน !”
“ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก การที่มือข้าจะต้องสัมผัสกับผิวของท่านดูจะเป็นการทำให้ฝ่ามือข้าสกปรกเสียเปล่า ๆ”
เด็กสาวเงยหน้ามองมารดา ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพูดได้หนักขนาดนี้ ถูกใจนางยิ่งนัก
เอาเลยท่านแม่พูดออกไปอีก สั่งสอนออกไปเลยว่าอย่าได้มาแหยมกับพวกเราสองแม่ลูก !!
หลิงอันผู้มาใหม่ไม่รู้ตัวเลยว่าตั้งแต่เมื่อใดกันที่นางสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ เหตุใดผ่านมาเพียงแค่วันเดียวถึงได้เข้าใจจิตใจของหลิงซุนและรับมือกับการเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงได้เร็วขนาดนี้
หรืออาจจะเป็นเพราะว่าในโลกก่อนนางสูญเสียครอบครัวไปนาน พอได้มาอยู่ในร่างเด็กน้อย ได้มีชีวิตที่มีคนในครอบครัวอยู่ข้างกาย จึงสามารถทำใจยอมรับได้อย่างรวดเร็ว
“เจ้า ! เจ้ากล้าต่อว่าข้า !!”
“ท่านจะโกรธให้ได้อันใดขึ้นมา ในเมื่อคนที่เริ่มพูดจาไม่น่าฟังก่อนก็คือท่าน หากท่านไม่พูดเรื่องของข้า ไม่ทำให้บุตรสาวข้ารู้สึกแย่ มีหรือที่ข้าจะมาพูดจาโต้ตอบท่านเช่นนี้”
“อย่าได้เอาแต่จับผิดต่อว่าผู้อื่นนักเลย ก่อนท่านคิดจะสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องในบ้านของผู้อื่น ข้าอยากให้ท่านใส่ใจเรื่องในบ้านของตนให้ดีเสียก่อน”หลิงซุนไม่มีสีหน้ากรุ่นโกรธ ที่นางเลือกจะโต้ตอบกลับไปเพราะไม่ต้องการให้คนอื่นมาทำให้บุตรสาวเสียใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลิงอันเกลียดตนและเมินหน้าหนี ส่วนหนึ่งคงมาจากแม่ไม่ได้ความเช่นนางที่ยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูถูกตัวนางและบุตรสาว ทว่าตอนนี้นางไม่คิดจะทนแล้ว มารดาเช่นนางจะไม่ทนให้ใครก็ตามมาทำให้บุตรสาวและตัวนางต้องรู้สึกแย่อีกแล้ว
อย่างที่อันเอ๋อร์บอกคนเหล่านี้ไม่ได้มีส่วนใดในชีวิตพวกนางเลย สนใจมากเกินไปก็รังแต่จะทำให้ชีวิตย่ำแย่
“อันเอ๋อร์กลับบ้านกันเถอะลูก”
เด็กสาวเงยหน้ามองสบสายตามารดา ริมฝีปากอ้าออกกว้างเป็นรอยยิ้ม
“เจ้าค่ะท่านแม่”แล้วทั้งสองคนก็จับจูงกันมุ่งหน้ากลับบ้าน สตรีบ้านหวังเห็นเช่นนั้นในใจพลันไม่ยินยอม หันไปพูดกับจางเหวิน
“เจ้าดู ดูความแสบสันของสองแม่ลูกคู่นี้ เห็นเช่นนี้แล้วเจ้ายังจะเข้าหาพวกนางอีกหรือ !! เห็นหรือไม่ความร้ายกาจของพวกนาง !!”
จางเหวินมองเพื่อนบ้านก่อนจะส่ายหัวไปมากับคำพูดของอีกฝ่าย
“ป้าหวังหากท่านไม่ชอบพวกนางสองแม่ลูกท่านก็ไม่ชอบคนเดียวเถิด อย่าได้มาบอกให้ข้าไม่ชอบพวกนางไปด้วยกับท่าน ข้ามีความคิดเป็นของตนเองไม่จำเป็นต้องให้ใครมาชักจูงให้เดินไปตามทางที่พวกเขาต้องการ”
กล่าวจบบุรุษเพียงหนึ่งก็หันหลังให้ ทิ้งความวุ่นวายชวนปวดหัวไว้ด้านหลัง
หากป้าหวังไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งกับสองแม่ลูกคู่นี้ มีหรือที่พวกนางจะโต้ตอบกลับไป ตนไม่ได้ตาบอด ย่อมมองเห็นว่าความจริงนั้นเป็นเช่นไร
พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านไปกว่าครึ่งเดือน วันนี้สองแม่ลูกหลิงพร้อมจางเหวินกำลังเดินทางเข้าเมืองตั้งแต่เช้า เมื่อวานพวกเขาได้รับม้าเร็ว? จากสือกังว่าร้านหม่าล่าหม้อไฟพร้อมสำหรับเปิดกิจการแล้ว เขาต้องการให้พวกนางไปดู ไปลองชิมว่าทุกอย่างเป็นอย่างไรบ้างหลิงอันรู้สึกทึ่งในความสามารถของชายหนุ่มมาก ๆ ที่สามารถจัดการอะไรหลาย ๆ อย่างได้อย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานใช้เวลาไม่นานในการเดินทาง เมื่อรถเทียมลาหยุดนิ่งทั้งสามคนก็ก้าวลงจากรถมุ่งหน้าสู่ร้านมีสุขทันทีทันทีที่มาถึงเจ้าของร้านอย่างสือกังก็เดินออกมาต้อนรับพวกเขา ชายหนุ่มยิ้มแย้มมีความสุขก้าวเข้ามาใกล้“แม่หนูหลิงในที่สุดเจ้าก็มาวันนี้ลุงมีคนอยากแนะนำให้เจ้ารู้จักด้วย ตามลุงมาสิ” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยทักทาย ทั้งสามคนก็ต้องเดินตามหลังอีกฝ่ายไปอย่างช่วยไม่ได้เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุด สือกังที่เดินนำหน้าเข้ามาในร้านก่อนหันมาหาคนทั้งสาม ข้างกายเขามีสตรีท่าทางใจดี สวมชุดสีชมพูอ่อน ยามใบหน้าอ่อนเยาว์แย้มยิ้มบรรยากาศรอบกายพลันเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นกันเอง“น้องหญิงสองคนนี้แหละที่พี่อยากแนะนำให้น้องหญิงรู้จักสตรีคนนี้ชื่อหลิงซุนเป็นมารดาของเด็กสาวตัวน้
การซื้อมันเทศเป็นไปได้ด้วยดี เหล่าชาวบ้านเองสีหน้าก็ประดับประดาไปด้วยรอยยิ้ม พวกเขาล้วนมีความสุขที่สามารถหาเงินเข้าบ้านได้ในช่วงว่างงาน เพราะถึงจะมีกำลังในการทำงานแต่การหางานนั้นยากมาก เดินทางเข้าไปในเมืองก็ใช่ว่าจะสามารถหางานได้ทุกคน การที่อยู่ ๆ สามารถหาเงินเข้าบ้านได้เช่นนี้จึงทำให้พวกเขามีความสุข“อาหลางบ้านเจ้าคงขายได้ไม่น้อยเลยสินะ!” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยถาม ข้างกายเขามีมันเทศตะกร้าใหญ่“ไม่มากไม่น้อยตอนแรกที่ตัดสินใจปลูกเพราะคิดจะเก็บไว้กินในฤดูหนาว ไม่คิดว่าจะนำออกมาขายเพราะราคาไม่ดีนักไม่คุ้มหากต้องเดินทางเข้าไปขายในเมือง”ด้วยไม่รู้ว่านำเข้าไปในเมืองแล้วจะขายได้หรือไม่คนที่ถูกเรียกว่าอาหลางจึงไม่คิดจะนำเข้าไปขายในเมืองชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกมันเทศเพราะเป็นพืชที่เก็บรักษาได้นาน สามารถนำมากินแทนข้าวได้ ช่วยให้อยู่ท้อง ชาวบ้านที่หาเงินได้ไม่มากจึงนิยมปลูกไว้กินเอง“คนที่จะขายได้มากคงเป็นเจ้ากระมัง ในตะกร้ามีแต่ลูกใหญ่น้ำหนักคงไม่น้อยเลย!” อาหลางเอ่ยกับอีกฝ่าย“ไม่ได้คาดหวังมากนัก ขอแค่มีเงินเข้าบ้านก็พอ” อีกฝ่ายตอบกลับยิ้ม ๆ“ขอให้เจ้าโชคดี ข้าจะกลับบ้านแล้วยังมีมันเทศที่ยังไม่ขุด ข้
เรื่องในอดีตและความขุ่นมัวใด ๆ ก็เพียงพยายามปล่อยวางและทิ้งมันไป สิ่งสำคัญตอนนี้คือการทำให้ชีวิตดีขึ้น ดีจนถึงขั้นที่พวกเขาได้แต่แหงนหน้ามองขึ้นมาวันถัดมาของวันแห่งสัญญาหลิงอันได้เริ่มแผนการเพิ่มการผลิตวุ้นเส้น เด็กสาวได้เอ่ยปากขอซื้อมันเทศทั้งหมดจากบ้านจาง นอกจากนี้ยังได้ออกไปขอซื้อมันเทศจากบ้านหยงมาทั้งหมดอีกด้วยการกระทำอันเอิกเกริกของบ้านหลินเป็นที่จับตามองของชาวบ้านอีกครั้ง พวกเขาเห็นแล้วว่าหากมีความสัมพันธ์อันดีกับบ้านหลิงก็จะได้รับอานิสงส์จากพวกนาง จะมีเงินเข้ามาในบ้านไม่ขาดสายดูอย่างตระกูลหยงและตระกูลจางสิ ไม่ใช่ว่าตอนนี้พวกเขามีเงินเข้ามาอีกแล้วหรือ? ถึงขั้นสามารถขายมันเทศที่ไม่ได้มีราคามากมายอันใดได้มากขนาดนั้นแม้มันเทศจะมีราคาไม่สูงแต่หากสามารถขายออกไปได้ในจำนวนมาก ๆ เงินที่ได้มากย่อมไม่มีทางน้อยเป็นแน่ชาวบ้านหลายคนที่ปลูกมันเทศเอาไว้กินทั้งยังเก็บไว้ในชั้นใต้ดินของบ้านต่างเริ่มกระวนกระวายใจ พวกเขาอยากจะรู้ว่าบ้านหลิงยังต้องการมันเทศอีกหรือไม่ บ้านพวกเขายังมีเก็บไว้อีกมาก“ท่านลุงหยงบ้านท่านลุงยังมีเครื่องโม่หินหรือไม่เจ้าคะ?” เด็กสาวเอ่ยถาม ดูเหมือนว่าเครื่องโม่หินเพีย
รอยยิ้มเย็นชา สายตาดูแคลน ฮ่าวหยวนมองสีหน้าดูถูกจากเด็กสาวตรงหน้าจนรู้สึกเดือดดาล“เด็กไม่รู้ความ เจ้าถึงกับกล้าต่อว่าพ่อเจ้า!!” ฝ่ามือถูกยกขึ้นเตรียมจะฟาดสั่งสอนหลิงอัน ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำดั่งใจนึกข้อมือเขากับถูกหยุดเอาไว้เสียก่อน“เจ้าเป็นใคร? ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้!!” ฮ่าวหยวนจ้องตาจางเหวิน กระชากมือที่ถูกจับออก แต่ไม่สามารถทำได้“การกระทำของเจ้าไม่เหมาะจะเรียกว่าพ่อได้ พ่อที่คิดจะทุบตีบุตรสาว ทำเอาข้าพูดไม่ออกเลย”เสียงตะโกนด้วยความโมโหของฮ่าวหยวนชวนให้คนแถวนี้ออกมาดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ภาพที่พวกเขาเห็นคือบุรุษสองคนที่เหมือนกำลังจะทะเลาะกันโดยมีเด็กสาวตัวน้อยยืนตรงกลาง“แม่หนูอันเกิดอะไรขึ้น? ลูกจ้างบอกลุงว่าเจ้ากำลังเกิดเรื่อง?” สือกังวิ่งเข้ามาหาพวกเขา เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง“ท่านลุงสือทำให้ท่านต้องเป็นห่วงแล้ว ไม่มีอะไรมากเจ้าค่ะ พอดีพบเจอคนไม่สมควรเจอเข้า ทั้งยังถูกขัดขวางไม่ให้เดินทางต่อ”สือกังหันมองชายแปลกหน้าทันทีหลังได้ฟังคำพูดหลิงอัน“ท่านสืออย่าได้เชื่อคำพูดนาง นางยังเด็ก ความจริงแล้วข้าคือพ่อของเด็กน้อยคนนี้ พวกเรามีปัญหากันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”สือกังมองท่าทีลนลานข
“พ่ออย่างนั้นหรือ? ท่านกล้าพูดคำนี้ออกมาได้อย่างไร ท่านไม่มีความละอายใจเลยหรือ!? ลืมไปแล้วหรือว่าท่านทำอะไรกับพวกข้าเอาไว้บ้าง ท่านคิดว่าแค่คำพูดไม่กี่คำจะสามารถลบล้างสิ่งที่พวกข้าเผชิญมาได้อย่างนั้นหรือ!!”“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำเช่นไร? ข้าขอโทษไปแล้ว อยากจะแก้ไขทุกอย่าง อยากให้เจ้าให้อภัย เจ้าก็อย่าได้ยึดติดกับเรื่องในอดีตนักเลย คนเราต้องเดินไปข้างหน้า ข้าเองก็รู้ว่าตนมีส่วนผิด ให้อภัยกันไม่ได้เลยหรือ”หากเขากลับมาในยามที่พวกนางลำบาก บางทีหลิงซุนอาจจะให้อภัยเขา ทว่าเขากับเลือกจะเดินเข้ามาในวันที่พวกนางมีความเป็นอยู่ที่ดีเท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาต้องการนั้นคืออะไรนางไม่ได้อยากตัดสินเขาที่ภายนอกแต่เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้นางคิดไปในทิศทางนั้น“เลิกพูดมากเสียทีพูดสิ่งที่ท่านต้องการออกมาเถิด” คำกล่าวแสนห่างเหินไร้ซึ่งการรักษาน้ำใจจากหลิงอันดึงสายตาฮ่าวหยวนให้มองลงมา“ฮ่าวอันลูกได้พูดอะไรหรือไม่ พ่อฟังไม่ชัด” เขาไม่อาจทำใจเชื่อได้ว่าคำพูดเมื่อสักครู่มาจากเด็กสาวตรงหน้า“ข้าจะให้อภัยที่ท่านลุงเรียกชื่อข้าผิด เพราะท่านคงกำลังสับสนและไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วข้าชื่ออะไร เช่
ชายคนนี้ ใบหน้านี้ รอยยิ้มนี้ ใช่เลย อดีตสามีของหลิงซุน!!และยังเป็นบิดาของเด็กสาวคนนี้ด้วย“เห็นเจ้ามีความเป็นอยู่ดีเช่นนี้ข้าเองก็ดีใจ ข้าเอาแต่กังวลอยู่เสมอว่าเจ้ากับลูกน้อยจะลำบาก”ชายตรงหน้าท่าทางผู้ดี ดูภูมิฐาน เวลาเอ่ยปากพูดมุมปากจะประดับด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ เสมอ ดูไม่น่าใช่คนในใจดำ เขาเหมือนบุรุษใจดีและอบอุ่นคนหนึ่งทว่าหลิงอันรู้ เขาก็แค่คนชั่วในคราบของผู้ดี!“ท่านแม่เราไปกันเถิดเจ้าค่ะ ยังต้องไปซื้อของอีกมาก” หลิงอันเอื้อมมือไปจับมือสั่นเทาของมารดา เงยหน้ายิ้มกว้างให้อีกฝ่าย“อะ...อื้มไปกันเถิด” สองแม่ลูกทำเป็นเมินฮ่าวหยวนคนถูกเมินกำมือใต้แขนเสื้อแน่น สายตาอบอุ่นวาบผ่านความไม่พอใจชั่วขณะหนึ่ง“ฮ่าวอันลูกไม่คิดจะทักทายพ่อหน่อยหรือ? หรือลูกยังโกรธที่พ่อต้องจำใจปล่อยลูกให้ไปอยู่กับแม่”เด็กสาวชะงักฝีเท้า ฮ่าวหยวนเห็นเช่นนั้นมุมปากพลันยกยิ้ม เขาได้ข่าวมาแล้วว่าสองแม่ลูกนั้นมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมือง ทั้งยังสามารถหาเงินได้ครั้งละหลายสิบตำลึง ตอนแรกตนยังไม่เชื่อจนกระทั่งได้เห็นท่าทีสนิทสนมที่พวกเขาแสดงออกต่อกันถึงได้กล้าเข้ามาทักทายสิ่งที่ฮ่าวหยวนต้องกา







