LOGINหลิงอันกำลังคิดหนักว่าจะทำอะไรก่อนดี ถึงนางจะมีความรู้มากมายจากโลกก่อนด้วยเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะสามารถนำมาใช้ในโลกนี้ได้ แถมตอนนี้เงินในมือก็ยังไม่รู่ว่ามีถึงหนึ่งตำลึงเงินหรือเปล่า
ผู้ใหญ่ในร่างเด็กน้อยวัยหกขวบนั่งมือเท้าคางบนขอนไม้ข้างบ้าน ตรงหน้านางคือที่ดินสองหมู่ที่มารดาได้รับมาจากชายผู้นั้น
“เฮ้อ...ถึงจะมีหลายอย่างที่คิดว่าทำได้ก็เถอะ แต่ไม่มีเงินแบบนี้จะทำอะไรก่อนดีละ”
“อันเอ๋อร์ทำอะไรอยู่หรือลูก ?”หลิงซุนที่ร้อนใจเพราะไม่เห็นบุตรสาวอยู่ในบ้านรีบเดินตาหา หลังพบว่าบุตรสาวของตนนั่งเหม่ออยู่ข้างบ้าน สายตาเลื่อนลอย ความร้อนรนพลันเหือดหายไป ขยับเท้าก้าวเข้าไปใกล้
“ลูกยังอยากกลับไปหาพ่อเจ้าอยู่หรือ ?”น้ำเสียงไม่มั่นใจของมารดาทำเด็กน้อยหันสายตามอง กระโดดลงจากขอนไม้เดินไปหยุดตรงหน้า
“ท่านแม่ข้าไม่คิดถึงบุรุษใจร้ายคนนั้นแล้วเจ้าค่ะ และไม่คิดจะกลับไปด้วย คนที่สามารถทิ้งลูกทิ้งภรรยาได้ไม่เหมาะจะมาเป็นพ่อของข้า !!”
น้ำเสียงจริงจังและสายตาเด็ดเดี่ยวของหลิงซุนระรื่นขึ้นมาอีกแล้ว
ท่านแม่นี่ก็กระไร ร้องไห้เก่งเสียจริง แต่จะโทษว่านางร้องไห้ง่ายก็ไม่ได้ เพราะเมื่อคืนตนก็ไม่ได้พูดออกไปให้ชัดเจน
“ท่านแม่ไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ถึงครอบครัวเราตอนนี้จะลำบากไปบ้างแต่อันเอ๋อร์เชื่อว่าครอบครัวเราจะต้องดีขึ้น”มือเล็กที่แทบจะไม่มีน้ำมีนวลยกขึ้นจับมือมารดา ใช้สายตาสุกสกาวจ้องมองใบหน้าอีกฝ่าย
“วันนี้แทนที่ท่านแม่จะอยู่บ้านปักผ้าขาย เราสองแม่ลูกลองขึ้นเขากันดีหรือไม่เจ้าคะ ลองไปหาอะไรมากินกัน”
ถึงความจริงแล้วหลิงอันจะอยากขึ้นไปดูว่ามีอะไรพอจะนำมาใช้ได้ก็ตาม
“แต่บนภูเขาอันตรายนะลูก ไปกันสองคนแม่ลูกคงไม่ดี”
“ไม่ต้องกลัวเจ้าค่ะ เราแค่ขึ้นเขาไปเฉย ๆ ไม่ต้องเข้าไปลึกมาก ไม่ใช่ว่าชาวบ้านแถวนี้ก็ขึ้นเขากันไปบ่อย ๆ เหมือนกันหรือ ? เจ้าคะ”
หลิงอันรู้ว่าที่นางไม่อยากขึ้นเขาไม่ใช่เพราะบนเขาอันตรายแต่สตรีคนนี้ไม่อยากออกไปรับสายตารังเกียจพวกนั้นต่างหาก และนางก็ไม่อยากให้บุตรสาวต้องทนฟังเสียงนินทาล้อเลียนของเด็กคนอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนเป็นอย่างมากที่ทำให้เด็กน้อยกลายเป็นเช่นที่ผ่านมา
“ลูกแน่ใจใช่ไหม ?”
“แน่ใจเจ้าค่ะ หากท่านแม่กังวลว่าลูกจะรู้สึกไม่ดีเพราะคำพูดของชาวบ้านไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ ลูกทำเป็นไม่สนใจคนเหล่านั้นได้แล้วเจ้าค่ะ ถึงจะสนใจไปคนพวกนั้นก็ใช่ว่าจะทำให้ชีวิตลูกดีขึ้นเพราะอย่างนั้นก็ทำเป็นเมินไปก็ได้แล้ว”
หลิงซุนมองรอยยิ้มกว้างของบุตรสาว แม้ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้นางเปลี่ยนมาเข้มแข็งได้ขนาดนี้ ทว่าสำหรับคนเป็นมารดา ความรู้สึกของบุตรสาวมีส่วนในการตัดสินใจของนางมากจริง ๆ
“แม่ขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องมาลำบากเช่นนี้”
“ท่านแม่ไม่ต้องขอโทษเจ้าค่ะ เพราะต่อจากนี้อันเอ๋อร์จะช่วยงานท่านแม่และต่อไปในภายภาคหน้าครอบครัวก็จะมีเงินมาก ๆ ”
หลิงซุนยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาว ยกมือขึ้นลูบหัวด้วยความรักใคร่ แม้ใจจริงจะรู้ว่าครอบครัวของพวกนางคงไม่มีทางมีกินมีใช้มากไปกว่านี้ แต่ด้วยคนเป็นแม่ไม่อยากเอ่ยปากทำร้ายความรู้สึกลูกจึงตอบกลับไปว่า
“แม่จะรอวันที่อันเอ๋อร์ช่วยแม่จนบ้านเราร่ำรวยขึ้นมา”หลิงอันเห็นความไม่เชื่อในแววตาตรงหน้า แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะรู้อยู่แล้วว่าคำพูดเด็กน้อยอย่างคนหนึ่ง ไม่มีทางทำให้อีกฝ่ายเชื่ออย่างแน่นอนจึงกล่าวออกไปอีกว่า
“ท่านแม่รอได้เลยเจ้าค่ะ ชีวิตเราสองคนแม่ลูกจะต้องดีขึ้นมาอย่างแน่นอน !”
เมื่อคิดจะทำก็ต้องทำทันที
หลังสองแม่ลูกพูดคุยกับเรียบร้อยแล้วก็พากันออกจากบ้าน และไม่ลืมที่จะลงกลอนประตูที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ช่วยอะไร ลงกลอนประตูเสร็จแล้วสองแม่ลูกก็หันหลังให้บ้านหลังโทรม ๆ มุ่งหน้าสู่ภูเขาสูงใหญ่
หวังว่าจะมีอะไรพอให้เธอเก็บกลับมานะ
เด็กชายถูกใจกับคำว่า สหายมากถึงขั้นยิ้มกว้างไม่หุบ หยิบห่อเห็ดมาถือแล้วเดินจากไปแต่โดยดี ทว่าก็ยังมิวายหันมาโบกมือให้“พรุ่งนี้หลังข้าเรียนเสร็จแล้วจะมาเล่นกับเจ้า !”หลิงอันส่ายหัว ยกมือขึ้นโบกตอบ“ไม่ต้องรีบร้อน บ้านข้าต้อนรับเจ้าเสมอ”“ไว้เจอกันไหมนะ”เคลียเรื่องหยงซ่านเปาเสร็จแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาบอกลาจางเหวินเสียที“ไม่ต้องพูดอะไร ลุงจะเอาของไปส่งให้เจ้าที่บ้านก่อน แล้วจะกลับบ้าน”“ขอบคุณท่านลุงเจ้าค่ะ”ของที่ขนลงมาจากภูเขานั้นมีเยอะมาก ตอนแรกหลิงอันแค่คิดว่าจะขึ้นไปเก็บของป่าเล็กน้อย ขึ้นไปดูว่ามีอะไรพอให้นำกลับมาใช้ได้บ้าง ไม่คิดว่าจะเจอของดีเข้าจริง ๆเด็กสาวตัวน้อยมีความสุขมากที่การเริ่มต้นชีวิตไม่ได้แย่มากนัก จึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุข แต่เหมือนว่าพระเจ้าจะไม่ได้ใจดีมากขนาดนั้นถึงได้ส่งคนมาทำลายความสุขของนาง“จางเหวินอย่าหาว่าป้ายุ่งเรื่องของเจ้าเลยนะ การที่เจ้าเข้าไปยุ่งกับสตรีแต่งงานแล้วเช่นนี้ดูจะไม่เป็นผลดีอันใดต่อเจ้าเลย มีแต่จะทำให้เจ้าดูแย่ในสายตาคนอื่น”หลิงอันเหลือบสายตามองอีกฝ่าย พอจะมองเจตนาของนางออกหญิงสูงวัยคนนี้คือคนเดียวกับที่แนะนำบุตรสาวให้ท่านลุงจาง เด็กสาวที
เมื่อได้ของที่พอจะหาเงินได้แล้ว หลิงอันก็มองหาของที่พอจะกินได้ก่อนเดินกลับลงจากเขาวันนี้เด็กสาวรู้สึกว่าตนเองโชคดีมาก นอกจากจะพบเจอเกาลัด องุ่น ยังได้หน่อไม้และเห็ดกลับมาด้วยคนที่ไปด้วยต่างตกใจกับความรู้มากมายของนาง ทว่าหลังหลิงอันอธิบายออกไปว่า หลายวันมานี้มีเทพธิดามาสอนสั่งความรู้บ่อย ๆ อีกทั้งเมื่อก่อนยังเคยได้อ่านตำรามากมายความสงสัยเหล่านั้นพลันเหือดหายไป ทั้งสามคนถึงกับเปลี่ยนสายตาสงสัยเป็นสายตาชื่นชม“หลิงอันวันหน้าหากมีอะไรที่ข้าไม่รู้ข้ามาสอบถามเจ้าได้หรือไม่ ความรู้เจ้ามากมายยิ่งนักจนข้านึกอิจฉาขึ้นมา”หยงซ่านเปา“ได้ แต่ต้องเป็นตอนที่ข้าว่าง และหากเจ้าต้องการให้ข้าช่วยเจ้าเองก็ต้องช่วยข้าด้วย”“ได้สิ เรื่องแค่นี้ง่ายมาก ขอเพียงข้าสามารถเพิ่มพูนความรู้ของตนได้มากกว่านี้ไม่ว่าอะไรข้าสามารถทำได้ทั้งหมด”หลิงอันประหลาดใจกับท่าทางของเด็กชายคนนี้จริง ๆ เริ่มแรกนึกว่าเป็นเพียงลูกคนมีเงินธรรมดา แต่เหมือนว่านิสัยใจจริงจะไม่เป็นเช่นนั้นถือว่าเป็นเด็กที่นิสัยดีคนหนึ่งส่วนท่านลุงจาง หลังนางเห็นเขาเข้ามาทดสอบพิษในองุ่นแทนมารดา ความรู้สึกดีที่มีต่ออีกฝ่ายพลันเพิ่มขึ้นมาหลายส่วนอย่างน้
“ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้วเจ้ายังมีหน้ามายิ้มให้ข้าอีก ข้าจะตายไหม ขาข้าไม่รู้สึกอะไรเลย”หลิงอันยังคงยิ้ม เห็นสีหน้ากังวลของเขาแล้วในใจพลันรู้สึกอยากกลั้นแกล้งขึ้นมา“เห็นทีจะอันตรายแล้ว ขาเจ้าอาจจะต้องตัดทิ้ง”“เจ้าพูดจริงหรือ ขะ...ข้าจะกลายเป็นคนพิการแล้ว ฮึก”ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ออกมาจริง ๆ หลิงอันที่รู้ตัวว่าทำเกินกว่าเหตุรีบเอ่ยอธิบายออกไปใหม่ เป็นจังหวะเดียวกับที่ผู้ใหญ่ทั้งสองเดินเข้ามาใกล้“ข้าล้อเล่นเจ้าไม่เป็นอะไรมาก แค่เจ็บมากเกินไปเท่านั้น เจ้าสิ่งนี้ไม่มีพิษ”“เจ้าพูดจริงใช่ไหม ?”หยงซ่านเปายังมีทีท่าไม่เชื่อ จ้องหน้าหลิงอันเขม็ง“ข้าพูดจริง ทำใจเย็น ๆ แล้วมุ่งความสนใจไปที่ขาเจ้าดี ๆ ความเจ็บเจ้าหายไปแล้วใช่ไหม”เด็กชายที่ตกใจกลัวจนสติเตลิดไปพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ ก้มลงมองขา“จริงด้วยไม่เจ็บแล้ว”เมื่อสติกลับคืนมาแล้วถึงได้เงยหน้ามองคนตรงหน้า“เจ้า ! เจ้าหลอกข้า !”“ใครใช้ให้เจ้าน่าแกล้งกันเล่า เผลอเหยียบกองเกาลัดเองแท้ ๆ”“เกาลัด ? เจ้าสิ่งมีหนามนี่เรียกว่าเกาลัดหรือ ?”ดูเหมือนหยงซ่านเปาจะไม่ติดใจเอาความกับหลิงอันแล้ว สายตาอยากรู้อยากเห็นจึงหันไปสนใจผลไม้เปลือกแหลมตรงหน้
จางเหวินเห็นการกระทำของนาง ใบหน้าเขาถึงกับเผยความประหลาดใจ หันไปคุยกับสตรีข้างกาย“แม่นางหลิงบุตรสาวเจ้าฉลาดยิ่งนัก รู้จักระวังอันตรายใช้กิ่งไม้ตรวจทางดูก่อน”เขากล่าวยิ้ม ๆ ยามหันสายตามองเด็กสาวตัวน้อย นัยน์ตาจางเหวินเคลือบความอบอุ่นจาง ๆหลิงซุนเห็นสายตาเขาจึงมองตามสายตาไปยังบุตรสาวตัวน้อยวันสองวันมานี้หลิงอันของนางรู้ความขึ้นมากจริง ๆ ช่างพูดมากกว่าเมื่อก่อน ทั้งยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศของผู้ใหญ่คนหนึ่ง จนนางเผลอคิดไปว่า นี่ใช่บุตรสาวของตนหรือไม่ ทว่าพอได้รับอ้อมกอดความสงสัยเหล่านั้นพลันหายไปจนหมดไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไง หลิงอัน ก็คือบุตรสาวที่นางคลอดออกมาอยู่ดี“อันเอ๋อร์ให้แม่ช่วยเจ้าหา ช่วยกันจะได้พบเจอของป่าเร็วขึ้น”หลิงซุนเดินเข้าใกล้ ก้มหน้าลงคุยกับบุตรสาว“เจ้าค่ะท่านแม่ อันเอ๋อร์ให้”“ขอบใจอันเอ๋อร์มาก”หลิงซุนจับกิ่งไม้ที่บุตรสาวยื่นมาให้มาถือ ยกมือข้างที่ว่างลูบศีรษะเล็กด้วยความรักใคร่เอ็นดู“เจ้าหักให้ข้าสักไม้หน่อยสิ”เสียงหยงซ่านเปาเอ่ยขัดบรรยากาศระหว่างแม่ลูก“ทำเอง เจ้ามีมือหากต้องการก็ต้องทำเอง”“แม่เจ้าก็มีมือ เหตุใดถึงทำให้ได้”“เพราะนางคือแม่ของข้า ! ข้าให้ของแม่ข้า
“เจ้า เจ้าชื่อหลิงอันใช่หรือไม่ เมื่อก่อนข้าเคยเห็นเจ้าครั้งหนึ่ง ตอนนั้นท่าทางของเจ้าไม่เหมือนตอนนี้เลย อะไรทำให้เจ้าเปลี่ยนไปหรือ ?”“...”“เจ้าผอมแห้งแรงน้อยขนาดนี้แต่มีความอดทนมากยิ่งนัก เดินขึ้นเขามาตั้งไกลแล้วยังไม่บ่นเหนื่อยสักคำ”“...”“เจ้า ข้ากำลัง อึก กำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เหตุใดถึงเอาแต่เมินเฉยข้า อึก”“...”“เจ้า ! รอเดี๋ยว อึก พักกันก่อนดีหรือไม่”หลิงอันเหลือบสายตามองเด็กน้อยที่ตลอดการเดินทางเอาแต่พูดไม่หยุดหย่อน ตนละเชื่อเด็กน้อยคนนี้จริง ๆ ไม่รู้เอาแรงมากมายจากไหนมาพูด ทั้งที่แสดงออกชัดเจนว่าเหนื่อยมากที่เขาบอกว่าเด็กมักมีพลังงานเหลือล้นคืออย่างนี้เองสินะ“เจ้าหันมาสนใจข้าแล้ว !”หยงซ่านเปาที่มีสีหน้าอิดโรยเปลี่ยนมาเป็นยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าสายตาที่เอาแต่มองตรงไปข้างหน้ามองมาที่ตน“เจ้าควรจะพูดให้น้อยแล้วเดินให้มากจะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป”“ข้าก็อยากจะทำเช่นนั้น แต่ข้าก็อยากจะคุยกับเจ้าด้วย”หลิงอันอยากจะกลอกตามองบนเสียเหลือเกิน แต่เพราะเห็นใจเด็กชายที่ยืนหอบอยู่ตรงหน้าจึงเอ่ยขึ้นมาว่า“นั่งพักก่อนแล้วค่อยเดินต่อ ระหว่างนี้ข้าจะเดินหาดูว่ามีของอะไรพอจะเก็บกลับบ้านได้หรื
หลิงอันหันมองผู้มาใหม่ สิ่งที่นางเห็นคือเด็กชายตัวน้อยคนหนึ่ง อีกฝ่ายมีท่าทางถือดีแต่งตัวภูมิฐาน เขาหยักริมฝีปากขึ้นเลียนแบบพฤติกรรมผู้ใหญ่ สองมือไขว้หลัง“ข้าชอบคำพูดเจ้ายิ่งนัก ในเมื่อคนเหล่านั้นกล่าวหาเจ้าเช่นนั้นเจ้าจะพูดออกไปบ้างหาใช่เรื่องไม่สมควร”กล่าวจบดวงตาคู่นั้นก็เหลือบมองสตรีสูงวัย อีกฝ่ายสะดุ้งกับสายตาคู่นั้น ท่าทีพลันเปลี่ยนเป็นเกรงใจหลายส่วนเหอะ คนพวกนี้หวาดกลัวเฉพาะคนที่มีบารมีมากกว่าสินะหลิงอันคิดพลางส่ายหัวไปมา“ท่านแม่พวกเราไปกันเถิดเจ้าค่ะ”ขยับปากเอ่ยพร้อมยกมือดึงมารดาเดินออกจากบริเวณนี้ นางไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง !“จางเหวินข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”หลิงซุนเอ่ยกับบุตรชายตระกูลจางด้วยท่าทีขออภัยเดินตามการจับจูงของบุตรสาวไปยังทางขึ้นเขา“เดี๋ยว ! เจ้าจะไปที่ใด ไม่เห็นหรือว่าข้าเข้ามาพูดคุยกับเจ้า”หลิงอันยังคงไม่สนใจ จนกระทั่งเด็กชายตัวน้อยวิ่งมากางแขนออกขวางไม่ให้เดินต่อไปได้อีก“ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่ !”สายตาเขากลับมาเป็นเหมือนเด็กปกติแล้ว ไม่ได้วางมาดเหมือนคุณชายใหญ่บ้านใด“แต่ข้าไม่มี หลบเจ้ากำลังขวางทางข้า”“เจ้ากล้าออกคำสั่งกับข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเ







