“ท่านแม่ เสียวเป่าติด รีบเอาเสียวเป่าออกไป”“เหอะๆ เอ่อ…ขายหน้าต่อหน้าท่านอ๋องแล้ว”ซูเนี่ยนเดินจากข้างหลังฉู่อี้หานไปตรงหน้ารูนั่น จากนั้นออกแรงดึงเสียวเป่าออกมาอย่างสุดฤทธิ์ เห็นฉู่อี้หานจ้องที่รูใหญ่นั่น แล้วหันไปมองเสี่ยวฮุยที่เหม่ออยู่ซูเนี่ยนคิดในใจว่าแย่แล้ว จึงส่งสายตาให้กับเสี่ยวฮุย“เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าหนูสีเทาตัวนี้นัก” ฉู่อี้หานค่อยๆ กวาดสายตาไปที่ซูเนี่ยนกับเสียวเป่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง“จี๊ดๆ” ฉู่อี้หานกล่าวจบ เสี่ยวฮุยตัวสั่นทันที จากนั้นวิ่งหนีไปด้วยความเร็วสุดขีดของตน“มั่วหลิง จับหนูสีเทานั่นไว้ซะ” ฉู่อี้หานสั่งการ“พ่ะย่ะค่ะ”ซูเนี่ยน “…”เสียวเป่า “เสี่ยวฮุย ตามเวรตามกรรมเถิดนะ”“เชอะ” เสียวเป่าเห็นว่าฉู่อี้หานกำลังจ้องตนอยู่ จึงสะบัดหน้าไปด้านข้าง ทว่าสายตายังคงแอบมองฉู่อี้หานอยู่บ่อยๆซูเนี่ยนเม้มริมฝีปาก แล้วกอดเสียวเป่าแน่น“คือว่า…ฮ่าๆ ท่านอ๋อง ข้าจะชดใช้ค่าเสียหายของห้องตำรานี้ให้” เมื่อเห็นฉู่อี้หานยังคงจ้องรูนั่นอยู่ ซูเนี่ยนจึงลองคำนวณดู น่าจะเสียเงินไม่มากนัก“พระชายาจะเอาเงินมาจากไหน” ฉู่อี้หานกล่าว หลายปีมานี้ ไม่มีเขาสั่งให้คนดูแลควา
มั่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างรีบร้อน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“เป็นไปได้อย่างไร ซูเนี่ยนคนไร้ประโยชน์นั่นจะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร” ซูเยียนหรันไม่เชื่อ หลายปีมานี้ซูเนี่ยนอยู่ภายใต้การยกยอชมเชยของท่านแม่ นางเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่เป็นคนหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาแพทย์เลย“หลิวหมัวมัวล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง” ซูเยียนหรันฟื้นคืนความใจเย็น“ได้ยินว่าถูกท่านอ๋องจับตัวไปคุมขังที่คุกจวนอ๋องเจ้าค่ะ”“หลิวหมัวมัวเชื่อใจได้หรือไม่”“คุณหนูวางใจได้ ครอบครัวของหลิวหมัวมัวยังอยู่ในมือของฮูหยิน นางไม่กล้าพูดจาเหลวไหลหรอกเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อเพียงคำพูดของคนตายเท่านั้น” ซูเยียนหรันกล่าวอย่างดุร้าย“มั่วเอ๋อร์ หาวิธีส่งจดหมายไปให้ไท่จื่อ บอกให้ท่านคิดหาวิธีจัดการหลิวหมัวมัวนี้ซะ”“เจ้าค่ะคุณหนู” มั่วเอ๋อร์รับคำ แล้วเดินออกไปซูเยียนหรันเม้มปาก ถึงแม้นางจะเข้ามาในจวนอ๋องหลีเพราะคำสั่งของไทเฮา แต่ทว่านางก็เป็นคนขององค์รัชทายาท และมีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้วด้วยเมื่อสามปีก่อน ก็เป็นเพราะการช่วยเหลือของไท่จื่อ นางถึงได้สร้างตัวปลอมขึ้นมา ทำให้อ๋องหลีเชื่อว่านางเป็นคนถอนพิษ จากนั้นค่อยใส่ร้า
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ฉู่อี้หานหยุดเก้าอี้ล้อเอาไว้เขาไม่เคยสังเกตรูปลักษณ์หน้าตาของเจ้าก้อนน้อยนั่นดีๆ เลย เพราะส่วนใหญ่ดูคล้ายซูเนี่ยนมากกว่า แต่ทว่าทุกครั้งที่เห็นเด็กนั่น ในใจเขามักจะมีความรู้สึกแปลกๆ ฉุดวาบขึ้น“ส่งคนไปเฝ้าสังเกตเรือนลั่วสุ่ยต่อไปพร้อมสืบเรื่องเมื่อสามปีก่อนไปด้วย แล้วก็เรื่องบ่าวรับใช้นั่นด้วย” ฉู่อี้หานขมวดคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พ่ะย่ะค่ะ”ฉู่อี้หานเปลี่ยนชุดมงคลเป็นชุดคลุมดำขนนุ่ม เขากลมกลืนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นหนึ่งเดียว แผนหลังดูโดดเดี่ยวมากมั่วอีเจ็บปวดใจ มีเพียงอยู่กับพระชายาเท่านั้น ท่านอ๋องถึงจะมีชีวิตชีวาบ้าง พระชายามีคารมคมคายไม่เกรงกลัวท่านอ๋อง สามารถทำให้ท่านอ๋องหน้าบูดบึ้งทุกครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วก็คุณชายเจ้าก้อนน้อย หากตัดเรื่องสถานะออก เขาเป็นเด็กที่น่ารักน่าชังคนหนึ่งจริงๆ ช่วงหลายปีมานี้ จวนอ๋องช่างเงียบเหงาเกินไปแล้วเมื่อมีแผนอยู่ในใจ มั่วอีจึงเข็นฉู่อี้หานตรงไปยังเรือนลั่วสุ่ยไม่หยุดพัก“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมกัน” ฉู่อี้หานเหลือบมองมั่วอี“กลับ…”ยังไม่ทันกล่าวจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากเรือนลั่วสุ่ยเสียงชัดเจนไ
“ท่านอ๋อง เสร็จแล้ว คีบผักจิ้มเครื่องปรุงนี้ ทานคู่กันนะเพคะ” เฟิ่งเอ๋อร์กล่าวหลังจากแสดงให้ฉู่อี้หานดู“อืม” ฉู่อี้หานปฏิบัติตามที่เฟิ่งเอ๋อร์กล่าว เขาคีบผักแล้วจิ้มที่เครื่องปรุงรสหลังจากที่คีบผักเข้าปากแล้ว ดวงตาของฉู่อี้หานพลันเป็นประกาย ผักนี้ช่างเลิศรสยิ่ง“ลวกผักในหม้อนี้” หลังจากที่ทานผักในถ้วยหมดแล้ว ฉู่อี้หานก็มองไปยังหม้อเผ็ดอีกฝั่งหนึ่ง“ท่านอ๋อง ฝั่งนี้เป็นหม้อเผ็ด หากท่านทานแล้วท้องเสียขึ้นมา อย่ามาโทษหม้อไฟนี้นะเพคะ” ซูเนี่ยนตักเตือนฉู่อี้หานทานเผ็ดไม่ได้ หากท้องเสียขึ้นมาแล้วมากล่าวหานาง นางไม่ยอมแน่“หม้อไฟ? ที่แท้ก็เรียกว่าหม้อไฟนี่เอง” ฉู่อี้หานพยักหน้า แล้วส่งสัญญาณให้เฟิ่งเอ๋อร์ลวกผักต่อไปมั่วอียืนมองจนน้ำลายไหล นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นท่านอ๋องทานมากเพียงนี้ ของที่เรียกว่าหม้อไฟนี้ต้องรสชาติดีเยี่ยมมากแน่นอนเฟิ่งเอ๋อร์ลวกผักเพิ่มอีกมากมาย เสียวเป่ากับฉู่อี้หานทานอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มูมมาม พวกเขาทานไปเยอะมาก เมื่อรู้สึกแน่นท้องแล้วจึงจะวางตะเกียบเสียวเป่าวางตะเกียบลง แล้วยกแก้วที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง สีหน้าดูอิ่มเอมใจถึงที่สุด“เจ้าดื่มน้ำอะไร
“พระชายา เฟิ่งเอ๋อร์ไร้ความสามารถเองเพคะ ป้าจางที่อยู่ในครัวบอกว่าไม่มีสำรับเช้าสำหรับพระชายา พวกนางมัวยุ่งแต่ปรนนิบัติพระชายารองเพคะ” เฟิ่งเอ๋อร์ก้มหน้ากำชายเสื้อแน่น“งั้นรึ จวนอ๋องอันกว้างใหญ่เพียงนี้ ไม่มีสำรับสำหรับข้างั้นรึ” ซูเนี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาซูเนี่ยนหยิบยยารักษาบาดแผลออกมาให้เฟิ่งเอ๋อร์ทา จากนั้นมองไปที่เสียวเป่า “เสียวเป่า เจ้ารอแม่อยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวเราจะกินข้าวพร้อมกัน”“ขอรับ” เสียวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง“ไปกันเถอะ” ซูเนี่ยนจุมพิตที่หน้าผากของเสียวเป่าทีหนึ่ง แล้วพาเฟิ่งเอ๋อร์ไปที่ครัวเช้าวันนี้ ทุกคนในจวนอ๋องต่างก็ได้ยินเรื่องที่ฉู่อี้หานค้างที่เรือนลั่วสุ่ยเมื่อคืนนี้ ขณะที่กำลังตะลึงตกใจอยู่ ทุกคนต่างก็คาดเดาว่า ซูเนี่ยนได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหลีแล้วใช่หรือไม่ทุกคนต่างกำลังรอดูเรื่องสนุก รอให้มีคนเปิดก่อน ไม่คาดคิดว่าป้าจางจะหาเรื่องด้วยตัวเองก่อนเช่นนี้หากถามว่าเหตุใดป้าจางถึงต้องรังแกซูเนี่ยนเช่นนี้ เช่นนั้นต้องเล่าตั้งแต่เรื่องหลานชายของนาง หลิวหมัวมัวที่อยู่ข้างกายซูเนี่ยนไม่ถูกกันกับป้าจาง ทั้งสองทะเลาะกัน หลิวหมัวมัวอ้างชื่อของซูเนี่ยนมา
ซูเนี่ยนมองจิตสังหารในดวงตาของซูเยียนหรันนิ่งๆ ในใจยิ้มเยาะ“ไอ้หยา พูดถึงเรื่ององค์หญิงใหญ่จิ้งคังแล้ว ข้าไม่พูดไม่ได้เลย น้องสาว เมื่อวานเป็นวันมงคลของเจ้า แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังเจอกับสีเลือดด้วย นี่มันไม่เป็นมงคลเลยจริงๆ อี๋เหนียง[footnoteRef:1]ก็ถูกเจ้ากดจนไม่สามารถมีบุตรได้อีก แล้วยังเกิดเรื่องเช่นนี้กับองค์หญิงใหญ่อีก เฮ้อ” [1: อี๋เหนียง คำใช้เรียกอนุ ] ซูเนี่ยนสาดน้ำเสียให้กับซูเยียนหรัน จะว่าน้ำเสียก็ไม่ได้ เพราะใครให้ซูเยียนหรันใส่ร้ายตนก่อนล่ะ“พี่สาวล้อเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเหมือนกัน” ซูเยียนหรันหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงเบาๆ จากนั้นเอ่ยโทษตัวเองว่า“พระชายา ท่านพูดเช่นนี้เกินไปแล้ว พระชายารองเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน เมื่อคืนพระชายารองของเรายังสวดขอพรให้องค์หญิงใหญ่จนดึกดื่นถึงจะได้นอน” มั่วเอ๋อร์เอ่ยปกป้องฝูงชนเห็นใจซูเยียนหรัน มิน่าล่ะขอบตาถึงได้คล้ำ“งั้นหรือ เช่นนั้นเหตุใดข้าถึงได้ยินว่าตำหนักน้องสาวดับไฟตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ หรือว่าน้องสาวมีนิสัยสวดขอพรแบบหลบๆ ซ่อนๆ”เพื่อป้องก
ป้าจางนั่งพยุงจางสือโถ่วอยู่ข้างเตียง สีหน้าของจางสือโถ่วซีดเผือด มีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ชุ่มอยู่บริเวณหน้าผาก“ย่า ข้าไม่เป็นอะไร”“แค่กๆ…”คำพูดปลอบโยนยังไม่ทันกล่าวจบ จางสือโถ่วก็ไอขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้ไอเป็นเลือดออกมา“ย่าจะไปทูลขอท่านอ๋อง ท่านอ๋องจะต้องมีวิธีแน่” ป้าจางตกใจจนจิตใจไม่เป็นสุข สีหน้าเทาขาว“ไม่มีประโยชน์หรอก อาการไข้ข้า ข้ารู้ดี อย่าไปรบกวนท่านอ๋องเลย” จางสือโถ่วพิงพักอยู่บนเตียงอย่างอ่อนล้า“ฮือๆๆ ย่าผิดเองที่ดูแลเจ้าไม่ดี ย่าทำผิดต่อพ่อเจ้า ทำผิดต่อตระกูลจาง” บนใบหน้าของป้าจางไร้ความโหดเหี้ยมเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป เพียงแค่ร้องไห้อยู่ข้างเตียง“ข้าขอดูอาการเขาที” ซูเนี่ยนเดินเข้าไป“ไม่ต้อง ที่สือโถ่วเป็นหนักถึงเพียงนี้ต้องขอบคุณพระชายามากจริงๆ พระชายาช่วยปล่อยเขาไปทีเถิด ถือเสียว่าทำความดีแล้วกัน” ป้าจางเงยหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้องทุกข์คนเป็นบ่าวจะอยู่หรือจะตายล้วนขึ้นอยู่กับคำพูดของนายเพียงประโยคเดียวเท่านั้น แต่ทว่าคนตระกูลจางของพวกเขาทั้งสามรุ่นล้วนรับใช้จวนอ๋อง แต่กลับต้องตกอยู่ในสภาพนี้ นางรับไม่ได้จริงๆ สวรรค์ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!“อาการของเขายังไม่ถ
โชคดีที่ไม่ใช่วัณโรค เพียงแค่เลือดคั่งในปอดเท่านั้น เพราะเลือดสะสมเป็นก้อน ทำให้มีอาการไอเรื้อรัง ทั้งยังส่งผลให้ร่างกายไม่ดูดซับสารอาหาร ทำให้ผอมซูบเหมือนกิ่งไม้“ทานยานี้ซะ” ซูเนี่ยนหยิบยาแก้ไอที่ปรุงขึ้นเองจากกล่องยา แล้วยื่นให้ป้าจางป้าจางเทน้ำ แล้วให้จางสือโถ่วทานยานี้ทันที เม็ดยานั้นไหลลงไปจากลำคอ จางสือโถ่วรู้สึกเย็นชุ่มในคอ สบายเป็นที่สุดคนที่ยังไอไม่หยุดเมื่อครู่นี้ หลังจากทานยานี้เข้าไปกลับไม่ไออีกแล้วซูเนี่ยนโล่งใจ เพราะเดิมนางยังกังวลว่ายาที่ปรุงขึ้นในสมัยโบราณจะสู้สมัยใหม่ไม่ได้ ทว่าดูท่าแล้วจะไม่มีปัญหา“นี่มัน…” ป้าจางดีใจ “พระชายา บ่าวปฏิบัติไม่ดีต่อพระชายา บ่าวยอมมอบชีวิตนี้ให้พระชายาได้ระบาย ขอพระชายาได้โปรดช่วยสือโถ่วด้วยเถิด”ป้าจางคุกเข่าต่อซูเนี่ยน วินาทีนี้ นางถึงจะเชื่อว่าซูเนี่ยนสามารถรักษาสือโถ่วได้จริงๆ“ลุกขึ้นเถิด เรื่องนี้ข้าไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้ โรคของสือโถ่ว ข้าจะรักษาให้หายแน่นอน”ซูเนี่ยนพยุงตัวป้าจางขึ้น “เพียงแค่ว่า ยานี้ช่วยบรรเทาอาการไอได้ก็จริง แต่ทว่าไม่สามารถรักษาที่ต้นเหตุได้ หากต้องการรักษาที่ต้นเหตุจำต้องผ่าตัดเปิดทรวงอกระบายเล