ทีมงานเดินทางมาถึงหมู่บ้านก็ช่วงหัวค่ำพอดี หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางป่าโอบล้อมด้วยหุบเขา ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก มีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านที่นี่คงใช้วิธีออกจากหมู่บ้านด้วยการล่องแพ ซึ่งเป็นวิธีที่ประหยัดเวลาและรวดเร็วกว่าเดินเท้า บ้านทุกหลังใช้ใบไม้ทำเป็นหลังคาและฝาบ้าน ทุกคนดีใจแทบหายเหนื่อยเลยทีเดียว พอก้าวขาเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็พากันมองมาที่ทุกคนด้วยสายตาแปลกๆ
" ทำไมพวกเขามองเราแบบนั้นวะ"
" ก็คงเห็นว่าพวกเราเป็นคนแปลกหน้าล่ะมั้ง"
" แต่ฉันว่าสายตามันดูแปลกๆอ่ะ หวังว่าหมู่บ้านนี้คงจะไม่ใช่แบบหมู่บ้านกินคนหรอกนะ"
ได้ฟังดุษฎีพูดทุกคนก็ลังเลที่จะเดินต่อ ดารินกับโมรีขยับเข้าหากันจับมือกันแน่นสายตามองดูรอบๆตัวด้วยความหวาดระแวง
" เฮ้ยไอ้กรุ๊ป มึงแน่ใจนะว่าพาพวกเรามาถูกหมู่บ้านหน่ะ "
ภาสกรที่เดินนำหน้าเข้าหมู่บ้านพร้อมดุษฎีถอยหลังกลับไปถามกิตติศักดิ์
" ไม่ผิด ที่นี่แหละกูมาตามแผนที่ที่ศาสตราจารย์ให้มาเลย "
" ศาสตราจารย์ได้บอกไหมว่าแถวนี้มันมีกี่หมู่บ้าน เราอาจจะมาผิดหมู่บ้านก็ได้นะ"
ดารินถามขึ้นมา
" ไม่ได้ถาม แต่ถึงยังไงเราก็มาถึงที่นี่แล้วถึงต่อให้ผิดยังไง คืนนี้เราก็คงต้องพักที่นี่ทุกคนดูสินี่มันค่ำแล้วนะ เราไปต่อไม่ได้แล้ว"
" งั้นเราก็ลองชาวบ้านแถวนี้ดูว่าใช่ไหม"
ธารธาราพูดจบ ก็เดินเข้าไปหาชาวบ้านคนหนึ่งที่นั่งจ้องมองพวกเขาอยู่ กิตติศักดิ์กลัวว่าธารธาราจะมีอันตรายจึงรีบเดินตามไปด้วย
" ป้าคะ ที่นี่ใช่หมู่บ้านปะละทะไหมคะ"
" _ "
เงียบไม่มีคำตอบ กิตติศักดิ์จึงถามใหม่
" คือพวกเราจะไปที่หมู่บ้านปะละทะหน่ะครับ ไปบ้านของพรานมูเล่"
พอได้ยินชื่อมูเล่ หญิงวัยกลางคนก็พยักหน้าชี้มือไปอีกทาง
" ตกลงป้าคนนั้นว่าไงเรามาถูกใช่ไหม"
ดุษฎีถามรอลุ้นคำตอบเหมือนกับทุกคน
" เขาฟังเราไม่ออก"
" อ้าว"
"แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่เขาก็ชี้มือบอกทางอย่างที่เห็น ไปกันเถอะ"
" เดี๋ยวๆ เดี๋ยวก่อน ไอ้กรุ๊ปในเมื่อเขาฟังเราไม่ออกแล้วจะแน่ใจได้ยังไงว่าที่เขาชี้หน่ะเป็นทางไปบ้านพรานมูเล่"
ทุกคนมองหน้ากัน ต่างเห็นด้วยกับคำพูดของภาสกร
" เราคงต้องเสี่ยงดู ไปเถอะ เดี๋ยวไปหาถามคนข้างหน้าก็ได้ ต้องมีสักคนนึงแหละที่ฟังภาษาเราออก"
กิตติศักดิ์เดินนำหน้าทุกคนไป ตลอดทางก็ถามชาวบ้านคนนั้นคนนี้ แม้พวกเขาจะฟังไม่ออก แต่พอพูดชื่อพรานมูเล่กลับชี้มือบอกทางกันทุกคน จนมาถึงบ้านหลังหนึ่งที่มีเด็กชายคนหนึ่งกำลังเล่นอยู่
" หนู หนูจ๊ะ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่ไหม"
เด็กน้อยไม่ตอบแต่รีบวิ่งขึ้นบ้าน
" อ้าวหนู เดี๋ยวก่อนสิ พี่ไม่ได้จะทำอะไรสักหน่อยหนูกลับมาก่อน"
สักพักหญิงคนหนึ่งก็ออกมาจากบ้าน ส่วนเด็กชายคนนั้นได้แต่โผล่หัวออกมามองอยู่ที่หลังประตู
" คือพวกเรามาจากกรุงเทพนะครับ มาหาพรานมูเล่ ที่นี่ใช่บ้านพรานมูเล่มั๊ย"
หญิงคนนั้นพูดภาษากาเหรี่ยง ที่ทุกคนก็ฟังไม่ออกว่าหมายความว่ายังไง ในขณะที่ทุกคนกำลังยืนงงกันอยู่นั้น ก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
" พ่อของข้าไม่อยู่"
" อ่าห้า นี่ไงเราเจอคนที่พูดภาษาเราได้แล้ว"
" คืองี้นะ เรามาตามหาพรานมูเล่ ที่นี่คือบ้านของพรานมูเล่ใช่ไหม"
" ใช่ ต้องการเจอเขาทำไม"
" พวกเราต้องการให้พรานมูเล่นำทาง"
" เอ่อ พวกเรามาตามคำแนะนำของศาสตราจารย์ ท่านเป็นเพื่อนกับพรานมูเล่"
" พ่อข้าไม่เคยมีเพื่อนเป็นคนเมือง"
" อะ อ๋อ แต่ แต่ว่าศาสตราจารย์บอก หรือว่าศาสตราจารย์โกหกพวกเราวะ"
" ศาสตราจารย์ไม่น่าจะโกหกนะ ถ้าไม่รู้จักจริงๆจะบอกให้เรามาที่นี่ถูกได้ไง"
" ไว้พ่อของข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน ตอนนี้ค่ำแล้วพวกเอ็งก็พักที่นี่ละกัน"
" ได้ๆ ขอบคุณมาก ว่าแต่พรานมูเล่จะกลับมาตอนไหนเหรอ"
" พรุ่งนี้ "
" แล้วคุณชื่ออะไร เอ่อ เราจะได้เรียกถูก"
" เซโพ นั่นนอนายเมียของข้า แล้วก็ซำซาลูกชายข้า"
เซโพหันไปคุยกับลูกเมียก่อนจะกวักมือเรียกทุกคนขึ้นไปบนบ้าน นอนายยกสำรับข้าวมาวางทำมือบอกให้ทุกคนกิน
" กินข้าวกันก่อน ที่นี่มีแต่อาหารธรรมดาง่ายๆคงกินกันได้ กินเสร็จแล้วใครอยากอาบน้ำก็นู่นเลย"
ทุกคนมองตามที่เซโพชี้มือ
" ไหนอ่ะห้องน้ำ"
" ไม่มี ที่นี่ทุกคนอาบน้ำในแม่น้ำ ทั้งกินทั้งอาบทั้งซักผ้า ถ้าใครปวดหนักเบาก็เข้าป่าเลือกมุมตามใจชอบ"
" รีบกินเถอะจะได้รีบไปอาบน้ำ"
กินข้าวเสร็จซำซาก็ส่งตะเกียงให้1อันส่วนเด็กชายถือไว้1อันเดินนำหน้าไปที่แม่น้ำ หลังอาบน้ำเสร็จขึ้นบ้านมาก็เห็นว่านอนายใช้ผ้าบางๆปูไว้เตรียมให้เป็นที่นอนของทุกคน เซโพผายมือบอกและพูดขึ้น
" นอนเบียดๆกันหน่อยนะ บ้านหลังเล็ก หรือถ้าใครอยากนอนสบายจะลงไปนอนนอกบ้านก็ได้"
" พวกเรานอนได้ขอบคุณมาก"
ธารธาราพูดแล้วหันไปเปิดกระเป๋าหยิบเอาขนมสองสามห่อส่งให้ซำซา
" รับไปสิพี่ให้ขนมอร่อยนะ"
ซำซาแหงนมองดูหน้าผู้เป็นพ่อ เมื่อเซโพพยักหน้าก็รีบวิ่งไปคว้าขนมในมือของธารธารา
" อ้อ ถ้าไม่จำเป็นอย่าออกจากบ้านตอนกลางคืน ไม่ว่าจะได้ยินเสียงอะไรก็ห้ามทัก "
" เดี๋ยวก่อน แล้วถ้าเกิดปวดท้องขึ้นมากลางดึกหล่ะ"
ดารินถามขึ้นมา เธอยิ่งชอบปวดฉี่ตอนกลางคืนบ่อยๆอยู่ เซโพที่กำลังจะเดินไปหันกลับมาตอบ
" หน้าบ้านมีตะเกียงแขวนไว้อยู่หยิบมันไปส่องทางได้ ขอเตือนว่าอย่าไปคนเดียวให้หาเพื่อนไปด้วย"
ดารินพยักหน้าหงึกๆ ใครจะกล้าไปคนเดียวกันเล่า ยิ่งกลางป่ากลางเขาแบบนี้ด้วยน่ากลัวจะตาย
พอหัวถึงหมอนดุษฎีกับภาสกรก็หลับเป็นตาย กิตติศักดิ์กำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงหมาหอนไม่หยุด เขาผุดลุกขึ้นเห็นเพื่อนสองคนหลับไม่กระดิก มองดูธารธารา แสงจากดวงจันทร์ที่สาดส่องมาเห็นว่าเธอนอนลืมตาอยู่ เขาย่องเบาๆไปหาเธอ
" น้ำ น้ำ"
" พี่กรุ๊ป"
" นอนไม่หลับเหรอ"
" อืม คงแปลกที่หน่ะ "
" พี่ก็เหมือนกัน ยิ่งเสียงหมาหอนด้วยเลยไม่หลับเลย"
" พี่คงไม่คิดว่าหมาหอนมันจะเห็นผีหรอกใช่ไหม"
" ฮ่าฮ่า ก็คิดอยู่นะ แต่ที่นี่คงไม่มีหรอกมั้ง"
โมรีนอนฟังทั้งสองสนทนากันเงียบๆ เธอเองก็นอนไม่หลับเหมือนกัน ได้ยินเสียงหมาหอนก็ยิ่งกลัวจนนอนไม่หลับ ได้แต่ข่มความกลัวด้วยการนอนนิ่งๆ ดารินลืมตาขึ้นมาสบตากับโมรี บวกกับเสียงหมาหอนที่ดังต่อเนื่องต่างคนต่างตกใจสะดุ้งลุกขึ้นมา
" แก แกเองเหรอ"
" ก็ฉันหน่ะสิแกคิดว่าใครหล่ะ"
บรู้ววววว
" เสียงหมาหอน ทำไมมันต้องมาหอนตอนนี้ด้วยเนี่ย จริงสิวันนี้มันวันพระด้วยนะ "
" คงไม่ใช่มันเห็นผีหรอกใช่ไหม"
" ไม่มีหรอก มันก็หอนไปตามเรื่องตามราวมันนั่นแหละไม่ต้องกลัว ผีเผอที่ไหนจะมี"
กิตติศักดิ์พูดปลอบใจทั้งที่ในใจของเขาก็กลัวเหมือนกัน
ทุกคนในแพมองหน้ากันเลิกลั่ก แพสองลำแข่งขันถ่อแพเร็วกันอยู่รึไง กิตติศักดิ์กับภาสกรและดุษฎีสลับกันเร่งความเร็วแพพยายามแซงแพอีกลำให้พ้น แต่เร่งยังไงก็แซงไม่พ้นสักที ขณะที่แพของอาโบพวกลูกน้องก็สลับกันถ่อ พวกเขามืออาชีพอยู่แล้วแถมยังเป็นนักรบชนเผ่า พวกกิตติศักดิ์สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แถมยังส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้อีก สุดท้ายทั้งสามคนก็พากันนั่งเหนื่อยหอบ มูเล่ต้องมาถ่อแพแทน กิตติศักดิ์เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ยิ่งเห็นธารธารากับอาโบส่งสายตาหวานเยิ้มให้กันก็ยิ่งหมดแรง" เธอกับผู้ชายคนนั้น"" หือ"" คนที่เป็นหัวหน้าฐานหน่ะยังไง"ดารินกระซิบถามธารธารา แล้วแอบมองไปที่อาโบ" ก็"" ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม"ธารธารายิ้มพยักหน้า" ถึงว่าพวกเราตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ที่แท้ก็ถูกเขาพาไปอยู่ที่ฐานนี่เอง ว่าแต่แซ่บไหม"ธารธาราพยักหน้าแล้วพากันหัวเราะคิกคักกับดาริน ก่อนจะเล่าเรื่องที่พลัดหลงกันจนไปเจอกับอาโบให้ฟัง โมรีที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ตะวันบ่ายคล้อยอาโบมองธารธาราไม่ละสายตา เห็นเธอพูดคุยหัวเราะกับเพื่อนไม่หยุด พอเธอหันมาสบตา เขาก็ส่งสายตาพยักพเยิดหน้าให้มาหาเขา เธอลุกขึ้นโพโรโรกับจ่อจ่อ
อาโบตรวจดูข้าวของที่จะเอาไปก่อนให้ลูกน้องขนลงแพ แล้วเดินไปรับธารธาราที่กระท่อม" อาโบ"พอเปิดประตู เธอก็พุ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่นเขาถามเสียงอ่อนโยน" เตรียมตัวพร้อมรึยัง"เธอส่ายหน้า" หือ ไหนดูซิมีตรงไหนยังไม่พร้อมอีก"เขาสำรวจทั่วตัวของเธอ ก่อนนึกขึ้นมาได้ล้วงเอาสร้อยคอเขี้ยวเสือไฟ ที่เขาทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวเองเมื่อหลายคืนก่อนออกมา แล้วสวมใส่ให้เธอ" อะไร"" เขี้ยวเสือไฟ ใส่เอาไว้ป้องกันอันตราย ฉันทำพิธีปลุกเสกทั้งคืนเลยนะ"" แล้วของนายหล่ะ"" ฉันมีคาถาอาคมอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ของพวกนี้"" อาโบ"เธอกอดรัดเขาแน่นออดอ้อนไม่ยอมปล่อยอยากกอดเขาไว้นานอีกสักหน่อย อยู่กันสองคนแบบนี้ เพราะจากนี้ไปต้องมีคนอื่นอีกหลายคน คงไม่มีโมเม้นต์แบบนี้อีกนานเลยพอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก็ถูกประกบจูบ เธออ้าปากแลบลิ้นออกมาพันเกี่ยวกับลิ้นของเขา ดูดดุนกันอยู่พักใหญ่ อาโบอุ้มเธอขึ้นไปบนแคร่ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เธอก็ถอดของตัวเองออก เมื่อสองร่างเปลือยเปล่าก็กอดรัดโรมรันกัน สลับกันขึ้นบนลงล่างโยกกันเมามันส์จนลืมไปว่ามีใครอีกหลายคนรอพวกเขาอยู่โพโรโรกับจ่อจ่อยืนชะเง้อรออยู่นาน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอาโบกับธารธาราจะมา
ก็ดี ก็ดี ในเมื่อเขาอยากให้เธอไปพ้นหูพ้นตาเขานัก เธอก็จะไปไม่กลับมาอีก ทำไมนะเวลารักใครต้องทุ่มให้หมดใจไม่เหลือเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง คิดเอาไว้ซะดิบดีว่าตามหากล้วยไม้พบจะอยู่กับเขาที่ในป่า ยอมเป็นคนชนเผ่า คิดอะไรอยู่ เขาไม่เอาเธอแล้ว ที่ผ่านมาเธอมันก็แค่ที่บำบัดความใคร่เท่านั้นแหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจน้ำตารื้นขึ้นมา" ไม่ต้องลำบากนายหรอก ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องไปส่งฉันให้เสียเวลาด้วย พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปหาพวกเขาเอง"" ลำบากอะไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น ฉันเต็มใจ"เขายื่นมือจะเช็ดน้ำตาให้ แต่เธอปัดออกขยับตัวลุกหนีไปนั่งอีกมุม อาโบมองตามด้วยใจที่เจ็บปวด เขาอธิบายไปหมดแล้วแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อเขาเลย เขาต้องทำยังไง เขาเตรียมทุกอย่างเพื่อเดินทางไปกับเธอ เขาฝึกคนใหม่ให้ขึ้นมาแทนที่เขา เพราะตั้งใจว่าเขาจะตามเธอไปทุกที่ เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องการให้เขาไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็จะไปส่งเธอให้กับพวกของเธอ แล้วจะแอบตามเธอไปปกป้องเธออยู่ห่างๆ จนกว่าเธอจะได้เจอสิ่งที่เธอตามหาโพโรโรวิ่งตามจนทันนั่งเหนื่อยหอบอยู่ฝั่งตร
อาโบดันตัวผู้หญิงที่โผเข้ากอดเขาออก อยู่ดีๆเธอก็เข้ามากอดเขา ก่อนหน้าพ่อของเธอได้มาหาเขาเพื่อเอาของที่เขาสั่งมาให้ เธอตามพ่อของเธอมาด้วย ส่วนพ่อของเธอพอคุยธุระและมอบของให้เขาเสร็จก็ขอไปคุยกับลูกชาย เขากำลังจะไปเธอก็บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ก็ไม่ได้คุยอะไร เธอเอาแต่ยืนบิดไปบิดมายิ้มเขินอาย จะพูดอะไรก็ไม่พูด เขาเลยบอกว่าถ้าไม่มีอะไรเขาจะไปแล้ว เธอก็พุ่งมากอดเขาเลย " อย่าทำแบบนี้อีกฉันไม่ชอบ เธอก็รู้ว่าฉันมีเมียแล้ว ถ้าอยากมีผัวนักก็อดใจรอหน่อยอีกไม่กี่เดือนก็จะมีงานเลือกคู่ แต่ถ้ามันอดไม่ได้จริงๆ"อาโบมองไปที่ต้นมะเขือยาวแล้วเด็ดมายื่นให้" ให้ฉันทำไม"" แก้คัน"พูดจบก็เดินออกมา เธอมองดูมะเขือยาวในมือ เธอคันตรงไหน แล้วมะเขือยาวแก้คันได้ด้วยเหรออาโบรีบเดินกลับกระท่อม พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เห็นธารธารา หรือว่าจะไปห้องน้ำนะ เขาวางของในมือลงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรอเธอ หลายวันมานี้เขาเตรียมตัวสำหรับเดินทางไปกับเธอ จึงต้องให้คนเตรียมของหลายอย่าง ทั้งของป้องกันตัว อาหารแห้งและของใช้อื่นที่จำเป็น ที่สำคัญคือการฝึกคนใหม่มาแทนที่เขาในช่วงที่เขาไม่อยู่ เขาต้องสอนทักษะหลายๆอย่างให้ แล้วยังมีงาน
กลับถึงกระท่อมอาโบมีท่าทีเงียบขรึมอย่างเห็นได้ชัด ธารธาราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจึงเข้าไปกอดเขา จูบแก้มหนักๆไปหนึ่งที" มีเรื่องอะไรรึเปล่าหรือว่าพวกEUจะโจมตีอีก"" ไม่ใช่ น้ำ"" หือ"" กล้วยไม้นั่นยังไงก็ต้องตามให้ได้ใช่ไหม"" อือใช่ มันสำคัญมากต้องได้มันมาถ้างานวิจัยสำเร็จ เราจะช่วยคนที่เป็นโรคร้ายได้ยังมีอีกหลายชีวิตที่รอคอยอย่างมีความหวังว่าพวกเขาจะหาย มันเป็นงานสำคัญมากเลยนะ แล้วฉันก็ตั้งใจว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จ"อาโบถอนหายใจ เขาไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องจากเธอเลย เขาคิดแค่ว่าวันนี้ตอนนี้พรุ่งนี้เขาแค่มีเธอในอ้อมกอด ได้รักเธอดูแลเธอมีความสุขกับเธอในทุกๆวัน แต่เขาลืมคิดไปว่าเธอมาในป่าทำไม เธอมีสิ่งที่ต้องทำมีภารกิจหน้าที่ ไม่ใช่มาอยู่กับเขา เขาเองก็เช่นกันมีหน้าที่ต้องปกป้องดินแดน ตอนนี้สถานการณ์สู้รบยังสงบอยู่ แต่อนาคตไม่รุ้วันใดจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาอีก เธอจะมาอยู่กับเขาที่นี่ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย ไม่มีอนาคต ไม่ยุติธรรมกับเธอหากเขาจะรั้งให้เธออยู่ที่นี่ แต่เขารักเธอ รักมาก แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่อยากแยกจากเธอแม้สักสิบวินาทีเดียว แต่อนาคตของเราเขามองไม่เห็น เมื่อต่างคน
" เสือที่มันอาละวาดเมื่อคืนมันมาจากไหนพรานรู้ไหม"กิตติศักดิ์ถามขึ้นมา" ไม่แน่ใจ แต่มันคือเสืออาคมแน่ๆแต่จะเป็นของใครอันนี้ก็ไม่รู้ "" แสดงว่าเจ้าของเสือคงจะใช้ให้เสือตัวนั้นเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้านแน่ๆ"" งั้นก็แสดงว่าเจ้าของเสือต้องมีปัญหากับใครสักคนในหมู่บ้านหรือไม่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาเคยสู้รบกัน อ่าอันนี้ผมเดาเอานะ"ภาสกรพูด" ก็อาจเป็นไปได้ "" แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเสืออาคมของพวกเล่นของที่หลุดออกมา หรือไม่ก็ถูกปล่อยทิ้งเพราะขี้เกียจเลี้ยง หรือเจ้าของมีอันเป็นไปมันถึงได้ดุร้ายทำร้ายคนไม่เลือกหน้า ที่สำคัญเสือตัวนี้หัวหน้าฐานบอกว่าก่อนจะมาที่หมู่บ้านมันไปที่ฐานมาก่อน เมื่อเช้าข้าก็พึ่งรู้จากลูกชายว่าหลายวันก่อนที่ฐานอียูก็ถูกมันเข้าไปอาละวาดมา"ตาลิบอกทุกคน" ถ้าเป็นอย่างที่หัวหน้าหมู่บ้านเล่า งั้นข้อสงสัยที่ว่าฝั่งอียูจะใช้เสืออาคมมาเล่นงานเราก็ปัดตกไปได้เลย"ตาลิพยักหน้า " ตามแพลนเราต้องออกเดินทางวันนี้ แต่พรานมูเล่กับพรานเซโพบาดเจ็บ เรื่องไปหุบเขามรณะคงต้องยืดวันออกไปก่อน รอจนกว่าพวกพรานจะหายดี"กิตติศักดิ์บอกทุกคน โมรีทำหน้าเซ็งเดินฮึดฮัดกลับเข้ากระท่อมไป" อยู่ต่อก็ดี