LOGIN" นาย นายครับนาย นายครับ"
อาชวีลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องยืนมองอยู่ มองไปรอบๆตัวนี่มันห้องนอนเขาที่บ้านใหญ่นี่นา
" ใคร ใครพากูกลับมา"
" เอ่อ ก็พวกเพื่อนๆนายนั่นแหละครับ"
" นี่กี่โมงแล้ว"
" 6โมงครึ่งครับนาย"
" 6โมงครึ่ง พึ่งจะ6โมงครึ่งแล้วพวกมึงมาปลุกกูทำไม ห๊า หรือพวกมึงอยากตกงานกัน"
" ไม่ ไม่อยากครับนาย คือพวกผมมีเรื่องด่วนจึงรีบมารายงานนายครับ"
" เรื่องอะไร"
" นี่ครับนาย"
อาชาส่งแท็บเเลตที่เปิดหน้าข่าวค้างไว้ อาชวีอ่านข่าวแล้วแสยะยิ้มหัวเราะลั่น ผบ.ตรทัดเทพ พ่อของอัญญาอร ถูกจับข้อหาทุจริตและเอี่ยวการพนันออนไลน์ ถูกส่งเข้าคุกและยึดทรัพย์ทั้งหมดที่มี สมน้ำหน้า ชอบทำตัวกร่างเบ่งอำนาจดีนัก
" ยังมีอีกเรื่องครับนาย"
อาชวีรีบขับรถมาที่สถาบันวิจัยทันทีที่ลูกน้องรายงานว่าธารธาราอยู่ที่นี่ เขาเหยียบเกือบมิดไมล์ เมื่อรถเลี้ยวเข้าสถาบันก็สวนทางกับรถตู้คันหนึ่งที่ขับออกไป โดยไม่รู้ว่าธารธาราก็นั่งอยู่ในรถตู้คันนั้น และกำลังจะเดินทางไปหุบเขามรณะ
บรืนน เอี๊ยดดดด ปัง
อาชวีเปิดประตูลงจากรถก็เจอศาสตราจารย์ที่กำลังจะเดินเข้าข้างในศาสตราจารย์หันกลับมามองดูอาชวี
" ผมมาหาธารธารา"
" เธอไม่ได้อยู่ที่นี่"
" อย่ามาโกหก คิดว่าผมจะเชื่อเหรอ หลีกไป"
" น้ำ น้ำครับ ผมมารับแล้ว น้ำกลับไปกับผมเถอะ น้ำ น้ำ"
อาชวีไม่สนใจเดินกระแทกบ่าศาสตราจารย์เข้าไปข้างในร้องเรียกหาธารธาราแต่ก็ไม่พบ
" ผมบอกคุณแล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่"
" เป็นไปไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่แน่ คนของผมบอกว่าเธอเข้าทำงานที่นี่ บอกมาว่าคุณเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน"
" เธอทำงานที่นี่จริงๆแต่เธอไปแล้ว"
" ไปไหน "
" เธอเดินทางไปเก็บชิ้นงานมาทำวิจัย"
" ผมไม่สนว่าเธอจะไปเก็บอะไร บอกมาว่าเธอไปที่ไหน"
" หุบเขามรณะ"
" ห๊า หุบเขาอะไรนะ"
" หุบเขามรณะ"
" ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คุณเห็นผมเป็นเพื่อนเล่นเหรอผมไม่ตลกด้วยนะ"
" ทีมงานของเรากำลังจะเดินทางไปตามหากล้วยไม้สีรุ้ง ที่เชื่อว่ามีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็ง แล้วกล้วยไม้นั่นก็อยู่ในหุบเขามรณะ ที่มีส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งพาม่า พวกเขาพึ่งออกเดินทางไปเมื่อกี้ น่าจะสวนกับคุณพอดี"
" เมื่อกี้"
อาชวีนึกถึงรถตู้คันนั้นที่สวนทางออกไปตอนเขาขับเข้ามา
" รถตู้คันนั้นใช่ไหม"
ศาสตราจารย์พยักหน้า
" แล้วไอ้หุบเขามรณะเนี่ยมันต้องไปที่ไหน"
" ต้องไปเริ่มต้นที่ชายแดนจังหวัดตาก พวกเขาต้องไปจ้างพรานที่เคยไปให้นำทาง"
ลูกน้องเข้ามากระซิบข้างหูอาชวี
" นายครับไอ้หุบเขาที่ว่าเนี่ยผมเคยได้ยินปู่ผมเล่าให้ฟัง ว่าคนที่ไปไม่มีใครเคยกลับออกมาเลยนะครับ แล้วป่าแถบชายแดนตะวันตกมันเป็นป่าดิบเต็มไปด้วยอันตราย"
อาชวีได้ฟังก็ใจหายวาบชี้หน้าด่าศาสตราจารย์
" ไอ้แก่มึงหลอกให้เธอไป รู้ทั้งรู้ว่าที่นั่นมีแต่อันตรายไปแล้วก็อาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังให้เธอไป"
" เธอเต็มใจไปเอง ทุกคนที่เดินทางไปล้วนเต็มใจไม่มีการบังคับ แล้วก็ลงชื่อยินยอมในเอกสารกันทุกคน ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะเอาเอกสารให้คุณดู"
อาชวีมองดูลายเซ็นของธารธาราในเอกสารยินยอมก็แทบคุมสติไม่อยู่ เธอหนีเขามา ยอมเข้าป่าไปเสี่ยงอันตรายเพราะไม่อยากจะพบเจอเขาอีก เขาไม่ยอมให้เธอมีอันตราย เขาไม่ยอมให้เธอไป ใช่ ถ้าตามไปตอนนี้น่าจะยังทัน
" มึงขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ"
" เร็วกว่านี้จะเกิดอันตรายนะครับนาย สองข้างทางมีแต่เหว ถ้าขับเร็วกว่านี้นายจะตายก่อนจะได้เจอเมียนายนะครับ อุ๊ย"
ดำรงหุบปากแทบไม่ทัน เมื่อหันไปเห็นอาชวีทำตาขวางใส่ ก็เขาพูดผิดที่ไหนหล่ะ เร็วกว่านี้ก็หลุดโค้งไปนอนอยู่ใต้หุบเหวแล้ว
" อีกไกลไหมกว่าจะถึงไอ้หมู่บ้านปะปะอะไรวะที่ว่าเนี่ย"
" หมู่บ้านปะละทะครับนาย"
อาชาบอก
" เออนั่นแหละชื่อห่าอะไรเรียกยาก ใกล้จะถึงรึยัง"
" ใกล้แล้วครับ ใกล้แล้วอีกประมาณ100กว่ากิโลเอง"
" _ "
คณะทีมวิจัยเดินทางมาถึงช่วงบ่ายรถตู้จอดลงที่ชายป่า ข้างหน้ามีธารน้ำขวางอยู่
" อ้าว จอดทำไมหล่ะถึงแล้วเหรอ"
" ยังครับ แต่รถเข้าได้แค่นี้ที่เหลือพวกคุณต้องไปกันเอง"
" ไปกันเอง ไปยังไงอ่ะ เดินไปเหรอ"
" ก็เดินไปสิ ยังไงก็ต้องเดินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กล้วยไม้มันอยู่ในป่าในหุบเขาลึกนะ ยังไงรถก็เข้าไปไม่ถึงอยู่ดี"
ดุษฎีพูดขึ้นมา
" ก็รู้แล้วว่าต้องเดิน แต่ไม่คิดว่าจะต้องเดินตั้งแต่ยังไม่ถึงหมู่บ้านแบบนี้ แล้วนี่อีกไกลไหมอ่ะกว่าจะถึงหมู่บ้าน"
" ถ้าพวกคุณไม่เดินก็หาแพล่องไปตามน้ำสักประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงหมู่บ้าน"
" แล้วพวกเราจะไปหาแพมาจากที่ไหนหล่ะ"
" ถ้าโชคดีจะมีชาวบ้านเข้าเมืองมาซื้อของก็ขอติดแพพวกเขาไปได้ แต่ถ้าไม่เจอพวกชาวบ้าน พวกคุณก็เดินเท้าเข้าไป ข้ามน้ำนี่ไปแล้วเดินไปประมาณ3-4ชั่วโมงเดี๋ยวก็ถึง ผมส่งพวกคุณได้แค่นี้แหละ"
ทุกคนมองดูรถตู้ที่วิ่งออกไปไกลลับตา แล้วมองดูรอบตัวที่เงียบสงัด มองไปทางไหนก็มีแต่ป่าความรู้สึกเหมือนถูกนำมาปล่อยทิ้งยังไงยังงั้น
" เอาไงกันดีวะกรุ๊ป ตอนนี้จะบ่ายสองแล้วเราจะเสี่ยงดวงรออยู่ที่นี่เผื่อมีแพชาวบ้านผ่านมา หรือว่าจะเดินไปเลย"
ภาสกรเดินเข้าไปถามกิตติศักดิ์ในฐานะที่กิตติศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม
" แต่ถ้าเรารออยู่ที่นี่แล้วไม่มีแพชาวบ้านมาเราจะเสียเวลาเปล่า ลุงคนขับรถบอกว่าต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ3-4ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าถ้าเราเริ่มเดินทางตอนนี้ก็จะถึงหมู่บ้านช่วงเย็นประมาณ5-6โมง แต่ถ้าช้ากว่านี้กว่าจะถึงหมู่บ้านก็จะค่ำ ฉันคิดว่าเราควรรีบเดินไปกันตอนนี้เลย"
ธารธาราออกความเห็น
" อือผมก็เห็นด้วยกับน้ำนะ ยิ่งค่ำมืดก็ยิ่งอันตราย ที่นี่ในป่า4โมง5โมงก็มืดแล้ว ทุกคนคิดว่าไง"
กิตติศักดิ์พูดขึ้นและถามความเห็นของคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็เห็นด้วยจึงพากันเดินข้ามธารน้ำไปอีกฝั่ง มุ่งตรงไปหมู่บ้านปะละทะ
" พี่กรุ๊ป แล้วพี่รู้ทางเหรอว่าหมู่บ้านมันไปทางไหน โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณใช้จีพีเอสนำทางก็ไม่ได้"
" รู้สิ ศาสตราจารย์ให้แผนที่มาด้วย"
" ศาสตราจารย์ทำแผนที่ขึ้นมาเองเหรอ งั้นแสดงว่าเขาก็ต้องเคยไปที่หมู่บ้านใช่ไหม"
" ก็ต้องเคยอยู่แล้ว เพราะศาสตราจารย์รู้จักกับพรานมู่เลที่จะเป็นคนนำทางพวกเรา"
" นายครับ นั่นใช่รถตู้คันที่สวนกับเราตอนเข้าไปสถาบันวิจัยไหมครับ"
อาชวีมองตามรถตู้สีขาวที่สวนทางกันอีกครั้ง
"ขับตามไปปาดหน้ามัน"
"จัดไปครับนาย"
บรืนนเอี๊ยดด
" เฮ้ย ขับรถภาษาอะไรวะ นี่มึงจงใจปาดหน้ากูใช่ไหม"
อาชากับลูกน้องอีกสามคนลงจากรถ เข้ามาใช้ปืนจ่อให้คนขับรถตู้ลงมา
" อย่า อย่าทำอะไรผมเลย นี่ นี่เงินผมมีแค่นี้เอาไปเอาไปให้หมดเลย ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรผมเลยลูกผมยังเล็กเมียผมก็ยังรออยู่ที่บ้าน"
" หุบปาก พวกกูไม่ได้จะมาปล้นมึง นายของพวกกูแค่มีเรื่องจะถามมึงนิดหน่อย ตามมา"
แสงแดดสาดส่องมาทำให้ธารธาราค่อยๆลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตัวเองนั่งหลับไปข้างหินเจ้าแม่นางครวญ ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหนแล้ว สายตาก็เหลือบไปเห็นอีกฝั่งมีน้ำแดงและขนมวางอยู่ เอ๋ ใครเอามาวางไว้ตรงนี้หว่า ท้องก็ร้องจ้อกๆขึ้นมา สงสัยมีคนเอามาเซ่นเจ้าแม่ตั้งแต่ก่อนเธอจะมา อือเจ้าแม่กินแล้วแหละ งั้นเธอนั่งกินขนมอย่างอร่อย อีกมือก็ยกขวดน้ำแดงขึ้นมาดูด ซู้ด" ขนมอะไรไม่รู้อร่อยดีเหมือนกันนะเนี่ย ง่ำง่ำ ง่ำ"มัวแต่กินเลยไม่รู้ว่ามีกลุ่มคนเดินเข้ามาใกล้" เจ้าแม่นางครวญขอบคุณนะเจ้าคะขนมอร่อยมากเลย ฉันขอรอผัวฉันตรงนี้เป็นเพื่อนเจ้าแม่นะ ฮือฮือ "" มารอผัวเหรอ"" ใช่ ไม่รู้เขาจะกลับมามั๊ย เขาถูกยิงตกน้ำ มีแต่คนบอกว่าเขาน่าจะตายห่าไปแล้ว ฮือฮือ แต่ แต่ฉันไม่เชื่อ ฉันจะรอเขาอยู่ที่นี่ ฮือฮือ ถึงเขาเป็นผีก็ต้องมาหาฉัน "" เอาขนมอีกไหม"" อือได้ก็ดี"ธารธารารับขนมจากมือใครไม่รู้มาแกะกิน " ง่ำ ง่ำ อื้ออร่อยหวานมันส์กรอบ "" ค่อยๆกินเดี๋ยวติดคอ กินน้ำด้วย"เธอรับขวดน้ำมาดูดแล้วหยุดชะงัก เธอพูดกับใคร ใครยื่นน้ำยื่นขนมให้เธอ แล้วก็ค่อยๆหันหลังไปมอง อาโบ ผีอาโบเหรอ นี่วิญญาณของเขามาหาเธอกลางวั
อาโบทำสัญลักษณ์ให้ทุกคนถอย เมื่อออกมาห่างพอสมควรก็พูดเป็นภาษาชนเผ่าที่อาชาฟังไม่ออกว่าพูดอะไรกัน โพโรโรกับลูกน้องอีกคนรับคำสั่งแล้วรีบออกไป ที่เหลือให้ตามอาโบมา เซโพพาอาชาไปซุ่มดูอยู่หลังพุ่มไม้เห็นอาโบ จ่อจ่อ มะทูจ่อและลูกน้องอีกคนค่อยๆแอบเข้าไปที่ตั้งของพวกมัน " พวกอาร์มี่"" ห๊ะ อาอะไรนะ"" อาร์มี่"" แล้วมันเหมือนกับพวกอียูพวกอาร์เคไหม"" อือก็เป็นชนเผ่าปกครองตัวเองเหมือนกันแต่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดมากกว่า"" ห๊า แล้ว แล้วนายวีของฉันกับไอ้ดำจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ โธ่นาย"" ไม่ต้องห่วง อาโบเขาเก่ง อย่าลืมเขาเป็นถึงหัวหน้าพวกอาร์เค"ปัง ปัง ปัง ปัง เสียงปืนดังสนั่นติดๆกัน จ่อจ่อพาอาชวีวิ่งออกมา ตามมาด้วยลูกน้องอีกคนที่พาดำรงตามมาติดๆ อาโบกับมะทูจ่อช่วยกันยิงสู้ไม่ให้พวกอาร์มี่ตามมา เซโพกับอาชาออกจากที่ซ่อนยิงสู้พวกมันที่ตามมาแล้วรีบไปรับอาชวีกับดำรงปัง ปัง ปัง ปัง อาโบให้ทุกคนไปก่อน ส่วนตัวเองคอยยิงระวังหลังให้จนข้ามฝั่งมาได้ ฝั่งคนรอก็ลุ้นใจจดใจจ่อโดยเฉพาะธารธาราที่นั่งไม่ติด ชะเง้อรออาโบกลับมาพั่บ พั่บ พั่บ พั่บ" เสียงฮ.นี่ฮ.มาจากไหน"ทุกคนแหงนมองบนฟ้าก็เจอเฮลิคอปเตอร์ โพโรโร
" ไม่ใช่ ผมไม่เคยเห็นคุณเป็นของเล่น แต่ผมยังไม่รู้ใจตัวเองเลยเย็นชากับคุณ เรื่องอัญผมไม่เคยจริงจังกับเธอเลย ที่จริงผมรักคุณมาตลอด รักมานานแล้ว แต่พึ่งรู้ตัวตอนที่คุณจากไป ให้โอกาสผมอีกสักครั้งผมจะรักคุณให้ดีๆ ไม่ทำให้คุณเสียใจอีก"" ฉันให้โอกาสคุณหลายครั้งแล้วแต่คุณไม่เอาเอง โอกาสครั้งสุดท้ายคือวันที่คุณทิ้งฉันไปหาอัญญาอร ฉันขอร้องคุณแล้วแต่คุณไม่เลือกฉัน"อาชวีเข่าอ่อนแทบทรุดวันนั้นอัญญาอรโทรหาเขา บอกว่ามีคนสะกดรอยเดินตามเธอมาเธอกลัวมาก ให้เขาออกไปหาเขาเลยรีบร้อนออกไป ตอนนั้นธารธาราบอกว่าให้เขาอยู่กับเธอเธอรู้สึกไม่ค่อยสบาย อยากให้เขาอยู่เป็นเพื่อนแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ ยังตะคอกใส่เธอว่าให้เธอไปหายากินเอง ไม่ก็ไปหาหมอ เขาไม่ใช่หมอจะไปช่วยอะไรได้พูดจบก็สะบัดเธอออก เดินไปไม่หันหลังกลับมามอง แล้วเขาก็ไปหาอัญญาอรตอนเช้าอาชาโทรมาบอกว่าธารธาราป่วยเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน เขาเลยไปเยี่ยมเธอเห็นเธอนอนนิ่งให้น้ำเกลืออยู่ก็รู้สึกผิดนิดหน่อย แต่นั่นแหละเขาไม่ใช่หมอบอกไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ป่วยก็มาหาหมอก็ถูกแล้ว เธอเห็นหน้าเขาก็พูดคุยถามไถ่ปกติบอกว่าไม่เป็นอะไรให้เขากลับไปทำงานเถอะ เขาก็คิดว่าเธอ
ผีตัวหนึ่งแว่บมากอดภาสกรจากข้างหลัง " ช่วยด้วยไอ้ด้วงช่วยกูด้วย"ดุษฎีจะเข้าไปช่วย แต่ไม่รู้จะช่วยยังไงเขาก็ถูกมันดึงขาอยู่เหมือนกัน" อาโบ พวกเรามารวมพลังกันน่าจะช่วยไล่พวกมันไปได้ "มูเล่ร้องบอกอาโบ อาโบบอกให้ธารธาราอยู่ใกล้ๆเขา แล้วเดินไปนั่งหันหลังชนกันสามคนกับเซโพและมูเล่ จากนั้นก็ช่วยกันร่ายคาถาอาคม ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยตัวเองไปก่อน ธารธารานั่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากอาโบ ที่จริงเธออยากจะกอดเขาไว้แน่นๆแต่ไม่อยากรบกวนสมาธิเขา มีผีโผล่มาพยายามดึงเธอแต่มีแสงสีเขียวพุ่งออกมา มันก็ต้องรีบหดมือกลับอย่างไวแล้วหายแว่บไป ผีอีกหลายตัวที่พยายามจะเข้ามาทำร้ายเธอก็เป็นแบบเดียวกัน เธอหยิบสร้อยเขี้ยวเสือไฟที่สวมอยู่ขึ้นมาดูอย่างแปลกใจแสงสีทองพวยพุ่งขึ้นมาเหนือหัวของอาโบเซโพและมูเล่ ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ สาดส่องทะลุพวกผีห่าทุกตัว พวกมันส่งเสียงร้อนโหยหวนก่อนจะพากันสลายหายไปอาโบรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าไปหาธารธาราดึงเธอเข้ามากอดไว้แน่น" ไม่เป็นอะไรใช่ไหม"" ไม่เป็นไร สร้อยที่นายให้ช่วยฉันไว้ "อาโบจับมือธารธาราเดินเข้าไปรวมกับทุกคนก่อนจะพูดขึ้น" ทุกคนเก็บของ พวกเราต้องไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลย"
อาโบนำทางทุกคนออกมาด้านหลังหุบเขาที่มีทางเชื่อมต่อกับเทือกเขาอีกลูก ไม่ต้องไต่เชือกข้ามฝั่งเหมือนขามา เดินลัดเลาะตามสายน้ำไปเรื่อยๆ" สายน้ำนี้ใช่ธารน้ำที่อยู่ตรงกล้วยไม้สีรุ้งใช่ไหม"ธารธาราถามขึ้นมา อาโบพยักหน้า ครั้งหนึ่งเขาหนีการไล่ล่าของฝ่ายศัตรูเข้ามาซ่อนตัวอยู่แถวกล้วยไม้สีรุ้ง ทีแรกเขาคิดว่าเป็นทางตันไม่มีทางออก ตอนนั้นเขาบาดเจ็บหนัก ถึงหนีพ้นจากพวกมันแต่ที่นี่อากาศมีน้อยหายใจลำบาก เขาคิดว่าจะตายอยู่ที่นี่เสียแล้ว แต่ก็สังเกตุเห็นว่าธารน้ำไหลมีน้ำไหลออกไปข้างนอก จึงเดินตามน้ำไหลออกไป จากทางน้ำเล็กๆค่อยๆกว้างขึ้นกลายเป็นแม่น้ำ และเขาก็รอดมาได้อาโบพาทุกคนเดินตามธารน้ำเล็กๆออกมาจนกลายเป็นแม่น้ำกว้าง น้ำใสไหลเย็นมองเห็นก้อนหินและปลาตัวเล็กแหวกว่ายไปมาทุกคนพักเหนื่อยกินน้ำล้างหน้าล้างตาเย็นๆหายเหนื่อยก็เดินทางต่อ เช้าจรดเย็นเย็นจรดเช้าของอีกวัน ผ่านแดดร้อนบ้างฝนตกบ้าง จนพากันเดินมาถึงที่แห่งหนึ่งก็พลบค่ำพอดีจึงหยุดพักพวกลูกน้องของอาโบช่วยกันหากิ่งไม้มาก่อกองไฟ หลังกินอาหารเสร็จ อาโบก็เตรียมที่นอน เขาเอาผ้าผืนหนึ่งออกมาปูรองนอน หยิบเอาผ้าห่มลายแมวที่ธารธาราใช้ห่มประจำออกมาเตรียมใ
" น้ำ น้ำหมายความว่ายังไง น้ำจะไม่กลับไปทำงานที่สถาบันกับพวกเราแล้วเหรอ"กิตติศักดิ์รีบถามขึ้นมาด้วยความตกใจ" หากล้วยไม้เจอก็เป็นอันจบภารกิจ ฉันจะกลับไปกับอาโบ"ทุกคนตกใจที่ได้ยิน ดารินรีบเข้ามาจับแขนธารธารา" น้ำเธอคิดดีแล้วเหรอ ถึงจะเธอจะคบกับอาโบแต่ก็ไม่ต้องออกจากสถาบันก็ได้นี่"ธารธาราส่ายหน้า" ฉันตัดสินใจแล้ว ที่กรุงเทพไม่มีอะไรให้ฉันผูกพันธ์ ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง ฉันเหลือตัวคนเดียวไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ชีวิตนี้ฉันมีแต่อาโบ"เธอกอดแขนอาโบแน่น เขาลูบหัวเธอเบาๆปลอบโยน " เธอยังมีฉันไงเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ""ก็ใช่ แต่ "" แต่อะไร"" เพื่อนไม่เหมือนผัวนี่"" _ "เธอไม่มีเพื่อนก็ได้ แต่ไม่มีผัวไม่ได้ เธอขาดอาโบไม่ได้" ที่เราหาเป็นส่วนนอกสังเกตุไหม เมื่อมองจากที่ไกลๆเราจะเห็นมันเป็นรูปหัวกะโหลกมีตาสองตา"เมื่ออาโบพูดขึ้นมาทุกคนก็คิดตาม" เราหาบริเวณรอบนอกมาหมดแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปข้างใน"" ข้างในที่ว่านี่ใช่ตรงที่ดูคล้ายกับลูกตาโบ๋ๆเวลามองมาจากที่ไกลๆไหม"" นั่นแหละใจกลางหุบเขาแห่งนี้"มูเล่เซโพและพวกลูกน้องของอาโบ ใช้มีดฟันเครือไม้ที่ขึ้นแน่นขนัด ก่อนจะพาก







