" นาย นายครับนาย นายครับ"
อาชวีลืมตาขึ้นมาเห็นลูกน้องยืนมองอยู่ มองไปรอบๆตัวนี่มันห้องนอนเขาที่บ้านใหญ่นี่นา
" ใคร ใครพากูกลับมา"
" เอ่อ ก็พวกเพื่อนๆนายนั่นแหละครับ"
" นี่กี่โมงแล้ว"
" 6โมงครึ่งครับนาย"
" 6โมงครึ่ง พึ่งจะ6โมงครึ่งแล้วพวกมึงมาปลุกกูทำไม ห๊า หรือพวกมึงอยากตกงานกัน"
" ไม่ ไม่อยากครับนาย คือพวกผมมีเรื่องด่วนจึงรีบมารายงานนายครับ"
" เรื่องอะไร"
" นี่ครับนาย"
อาชาส่งแท็บเเลตที่เปิดหน้าข่าวค้างไว้ อาชวีอ่านข่าวแล้วแสยะยิ้มหัวเราะลั่น ผบ.ตรทัดเทพ พ่อของอัญญาอร ถูกจับข้อหาทุจริตและเอี่ยวการพนันออนไลน์ ถูกส่งเข้าคุกและยึดทรัพย์ทั้งหมดที่มี สมน้ำหน้า ชอบทำตัวกร่างเบ่งอำนาจดีนัก
" ยังมีอีกเรื่องครับนาย"
อาชวีรีบขับรถมาที่สถาบันวิจัยทันทีที่ลูกน้องรายงานว่าธารธาราอยู่ที่นี่ เขาเหยียบเกือบมิดไมล์ เมื่อรถเลี้ยวเข้าสถาบันก็สวนทางกับรถตู้คันหนึ่งที่ขับออกไป โดยไม่รู้ว่าธารธาราก็นั่งอยู่ในรถตู้คันนั้น และกำลังจะเดินทางไปหุบเขามรณะ
บรืนน เอี๊ยดดดด ปัง
อาชวีเปิดประตูลงจากรถก็เจอศาสตราจารย์ที่กำลังจะเดินเข้าข้างในศาสตราจารย์หันกลับมามองดูอาชวี
" ผมมาหาธารธารา"
" เธอไม่ได้อยู่ที่นี่"
" อย่ามาโกหก คิดว่าผมจะเชื่อเหรอ หลีกไป"
" น้ำ น้ำครับ ผมมารับแล้ว น้ำกลับไปกับผมเถอะ น้ำ น้ำ"
อาชวีไม่สนใจเดินกระแทกบ่าศาสตราจารย์เข้าไปข้างในร้องเรียกหาธารธาราแต่ก็ไม่พบ
" ผมบอกคุณแล้วว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่"
" เป็นไปไม่ได้ เธอต้องอยู่ที่นี่แน่ คนของผมบอกว่าเธอเข้าทำงานที่นี่ บอกมาว่าคุณเอาเธอไปซ่อนไว้ที่ไหน"
" เธอทำงานที่นี่จริงๆแต่เธอไปแล้ว"
" ไปไหน "
" เธอเดินทางไปเก็บชิ้นงานมาทำวิจัย"
" ผมไม่สนว่าเธอจะไปเก็บอะไร บอกมาว่าเธอไปที่ไหน"
" หุบเขามรณะ"
" ห๊า หุบเขาอะไรนะ"
" หุบเขามรณะ"
" ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คุณเห็นผมเป็นเพื่อนเล่นเหรอผมไม่ตลกด้วยนะ"
" ทีมงานของเรากำลังจะเดินทางไปตามหากล้วยไม้สีรุ้ง ที่เชื่อว่ามีสรรพคุณยับยั้งเซลล์มะเร็ง แล้วกล้วยไม้นั่นก็อยู่ในหุบเขามรณะ ที่มีส่วนหนึ่งอยู่ฝั่งพาม่า พวกเขาพึ่งออกเดินทางไปเมื่อกี้ น่าจะสวนกับคุณพอดี"
" เมื่อกี้"
อาชวีนึกถึงรถตู้คันนั้นที่สวนทางออกไปตอนเขาขับเข้ามา
" รถตู้คันนั้นใช่ไหม"
ศาสตราจารย์พยักหน้า
" แล้วไอ้หุบเขามรณะเนี่ยมันต้องไปที่ไหน"
" ต้องไปเริ่มต้นที่ชายแดนจังหวัดตาก พวกเขาต้องไปจ้างพรานที่เคยไปให้นำทาง"
ลูกน้องเข้ามากระซิบข้างหูอาชวี
" นายครับไอ้หุบเขาที่ว่าเนี่ยผมเคยได้ยินปู่ผมเล่าให้ฟัง ว่าคนที่ไปไม่มีใครเคยกลับออกมาเลยนะครับ แล้วป่าแถบชายแดนตะวันตกมันเป็นป่าดิบเต็มไปด้วยอันตราย"
อาชวีได้ฟังก็ใจหายวาบชี้หน้าด่าศาสตราจารย์
" ไอ้แก่มึงหลอกให้เธอไป รู้ทั้งรู้ว่าที่นั่นมีแต่อันตรายไปแล้วก็อาจไม่ได้กลับมา แต่ก็ยังให้เธอไป"
" เธอเต็มใจไปเอง ทุกคนที่เดินทางไปล้วนเต็มใจไม่มีการบังคับ แล้วก็ลงชื่อยินยอมในเอกสารกันทุกคน ถ้าคุณไม่เชื่อผมจะเอาเอกสารให้คุณดู"
อาชวีมองดูลายเซ็นของธารธาราในเอกสารยินยอมก็แทบคุมสติไม่อยู่ เธอหนีเขามา ยอมเข้าป่าไปเสี่ยงอันตรายเพราะไม่อยากจะพบเจอเขาอีก เขาไม่ยอมให้เธอมีอันตราย เขาไม่ยอมให้เธอไป ใช่ ถ้าตามไปตอนนี้น่าจะยังทัน
" มึงขับให้มันเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไงวะ"
" เร็วกว่านี้จะเกิดอันตรายนะครับนาย สองข้างทางมีแต่เหว ถ้าขับเร็วกว่านี้นายจะตายก่อนจะได้เจอเมียนายนะครับ อุ๊ย"
ดำรงหุบปากแทบไม่ทัน เมื่อหันไปเห็นอาชวีทำตาขวางใส่ ก็เขาพูดผิดที่ไหนหล่ะ เร็วกว่านี้ก็หลุดโค้งไปนอนอยู่ใต้หุบเหวแล้ว
" อีกไกลไหมกว่าจะถึงไอ้หมู่บ้านปะปะอะไรวะที่ว่าเนี่ย"
" หมู่บ้านปะละทะครับนาย"
อาชาบอก
" เออนั่นแหละชื่อห่าอะไรเรียกยาก ใกล้จะถึงรึยัง"
" ใกล้แล้วครับ ใกล้แล้วอีกประมาณ100กว่ากิโลเอง"
" _ "
คณะทีมวิจัยเดินทางมาถึงช่วงบ่ายรถตู้จอดลงที่ชายป่า ข้างหน้ามีธารน้ำขวางอยู่
" อ้าว จอดทำไมหล่ะถึงแล้วเหรอ"
" ยังครับ แต่รถเข้าได้แค่นี้ที่เหลือพวกคุณต้องไปกันเอง"
" ไปกันเอง ไปยังไงอ่ะ เดินไปเหรอ"
" ก็เดินไปสิ ยังไงก็ต้องเดินอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ กล้วยไม้มันอยู่ในป่าในหุบเขาลึกนะ ยังไงรถก็เข้าไปไม่ถึงอยู่ดี"
ดุษฎีพูดขึ้นมา
" ก็รู้แล้วว่าต้องเดิน แต่ไม่คิดว่าจะต้องเดินตั้งแต่ยังไม่ถึงหมู่บ้านแบบนี้ แล้วนี่อีกไกลไหมอ่ะกว่าจะถึงหมู่บ้าน"
" ถ้าพวกคุณไม่เดินก็หาแพล่องไปตามน้ำสักประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงหมู่บ้าน"
" แล้วพวกเราจะไปหาแพมาจากที่ไหนหล่ะ"
" ถ้าโชคดีจะมีชาวบ้านเข้าเมืองมาซื้อของก็ขอติดแพพวกเขาไปได้ แต่ถ้าไม่เจอพวกชาวบ้าน พวกคุณก็เดินเท้าเข้าไป ข้ามน้ำนี่ไปแล้วเดินไปประมาณ3-4ชั่วโมงเดี๋ยวก็ถึง ผมส่งพวกคุณได้แค่นี้แหละ"
ทุกคนมองดูรถตู้ที่วิ่งออกไปไกลลับตา แล้วมองดูรอบตัวที่เงียบสงัด มองไปทางไหนก็มีแต่ป่าความรู้สึกเหมือนถูกนำมาปล่อยทิ้งยังไงยังงั้น
" เอาไงกันดีวะกรุ๊ป ตอนนี้จะบ่ายสองแล้วเราจะเสี่ยงดวงรออยู่ที่นี่เผื่อมีแพชาวบ้านผ่านมา หรือว่าจะเดินไปเลย"
ภาสกรเดินเข้าไปถามกิตติศักดิ์ในฐานะที่กิตติศักดิ์เป็นหัวหน้าทีม
" แต่ถ้าเรารออยู่ที่นี่แล้วไม่มีแพชาวบ้านมาเราจะเสียเวลาเปล่า ลุงคนขับรถบอกว่าต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ3-4ชั่วโมง นั่นเท่ากับว่าถ้าเราเริ่มเดินทางตอนนี้ก็จะถึงหมู่บ้านช่วงเย็นประมาณ5-6โมง แต่ถ้าช้ากว่านี้กว่าจะถึงหมู่บ้านก็จะค่ำ ฉันคิดว่าเราควรรีบเดินไปกันตอนนี้เลย"
ธารธาราออกความเห็น
" อือผมก็เห็นด้วยกับน้ำนะ ยิ่งค่ำมืดก็ยิ่งอันตราย ที่นี่ในป่า4โมง5โมงก็มืดแล้ว ทุกคนคิดว่าไง"
กิตติศักดิ์พูดขึ้นและถามความเห็นของคนอื่นๆ ทุกคนต่างก็เห็นด้วยจึงพากันเดินข้ามธารน้ำไปอีกฝั่ง มุ่งตรงไปหมู่บ้านปะละทะ
" พี่กรุ๊ป แล้วพี่รู้ทางเหรอว่าหมู่บ้านมันไปทางไหน โทรศัพท์ก็ไม่มีสัญญาณใช้จีพีเอสนำทางก็ไม่ได้"
" รู้สิ ศาสตราจารย์ให้แผนที่มาด้วย"
" ศาสตราจารย์ทำแผนที่ขึ้นมาเองเหรอ งั้นแสดงว่าเขาก็ต้องเคยไปที่หมู่บ้านใช่ไหม"
" ก็ต้องเคยอยู่แล้ว เพราะศาสตราจารย์รู้จักกับพรานมู่เลที่จะเป็นคนนำทางพวกเรา"
" นายครับ นั่นใช่รถตู้คันที่สวนกับเราตอนเข้าไปสถาบันวิจัยไหมครับ"
อาชวีมองตามรถตู้สีขาวที่สวนทางกันอีกครั้ง
"ขับตามไปปาดหน้ามัน"
"จัดไปครับนาย"
บรืนนเอี๊ยดด
" เฮ้ย ขับรถภาษาอะไรวะ นี่มึงจงใจปาดหน้ากูใช่ไหม"
อาชากับลูกน้องอีกสามคนลงจากรถ เข้ามาใช้ปืนจ่อให้คนขับรถตู้ลงมา
" อย่า อย่าทำอะไรผมเลย นี่ นี่เงินผมมีแค่นี้เอาไปเอาไปให้หมดเลย ขออย่างเดียวอย่าทำอะไรผมเลยลูกผมยังเล็กเมียผมก็ยังรออยู่ที่บ้าน"
" หุบปาก พวกกูไม่ได้จะมาปล้นมึง นายของพวกกูแค่มีเรื่องจะถามมึงนิดหน่อย ตามมา"
ทุกคนในแพมองหน้ากันเลิกลั่ก แพสองลำแข่งขันถ่อแพเร็วกันอยู่รึไง กิตติศักดิ์กับภาสกรและดุษฎีสลับกันเร่งความเร็วแพพยายามแซงแพอีกลำให้พ้น แต่เร่งยังไงก็แซงไม่พ้นสักที ขณะที่แพของอาโบพวกลูกน้องก็สลับกันถ่อ พวกเขามืออาชีพอยู่แล้วแถมยังเป็นนักรบชนเผ่า พวกกิตติศักดิ์สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แถมยังส่งสายตาเยาะเย้ยมาให้อีก สุดท้ายทั้งสามคนก็พากันนั่งเหนื่อยหอบ มูเล่ต้องมาถ่อแพแทน กิตติศักดิ์เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ยิ่งเห็นธารธารากับอาโบส่งสายตาหวานเยิ้มให้กันก็ยิ่งหมดแรง" เธอกับผู้ชายคนนั้น"" หือ"" คนที่เป็นหัวหน้าฐานหน่ะยังไง"ดารินกระซิบถามธารธารา แล้วแอบมองไปที่อาโบ" ก็"" ใช่อย่างที่คิดใช่ไหม"ธารธารายิ้มพยักหน้า" ถึงว่าพวกเราตามหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ที่แท้ก็ถูกเขาพาไปอยู่ที่ฐานนี่เอง ว่าแต่แซ่บไหม"ธารธาราพยักหน้าแล้วพากันหัวเราะคิกคักกับดาริน ก่อนจะเล่าเรื่องที่พลัดหลงกันจนไปเจอกับอาโบให้ฟัง โมรีที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็เงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ ตะวันบ่ายคล้อยอาโบมองธารธาราไม่ละสายตา เห็นเธอพูดคุยหัวเราะกับเพื่อนไม่หยุด พอเธอหันมาสบตา เขาก็ส่งสายตาพยักพเยิดหน้าให้มาหาเขา เธอลุกขึ้นโพโรโรกับจ่อจ่อ
อาโบตรวจดูข้าวของที่จะเอาไปก่อนให้ลูกน้องขนลงแพ แล้วเดินไปรับธารธาราที่กระท่อม" อาโบ"พอเปิดประตู เธอก็พุ่งเข้ามากอดเขาไว้แน่นเขาถามเสียงอ่อนโยน" เตรียมตัวพร้อมรึยัง"เธอส่ายหน้า" หือ ไหนดูซิมีตรงไหนยังไม่พร้อมอีก"เขาสำรวจทั่วตัวของเธอ ก่อนนึกขึ้นมาได้ล้วงเอาสร้อยคอเขี้ยวเสือไฟ ที่เขาทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวเองเมื่อหลายคืนก่อนออกมา แล้วสวมใส่ให้เธอ" อะไร"" เขี้ยวเสือไฟ ใส่เอาไว้ป้องกันอันตราย ฉันทำพิธีปลุกเสกทั้งคืนเลยนะ"" แล้วของนายหล่ะ"" ฉันมีคาถาอาคมอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ของพวกนี้"" อาโบ"เธอกอดรัดเขาแน่นออดอ้อนไม่ยอมปล่อยอยากกอดเขาไว้นานอีกสักหน่อย อยู่กันสองคนแบบนี้ เพราะจากนี้ไปต้องมีคนอื่นอีกหลายคน คงไม่มีโมเม้นต์แบบนี้อีกนานเลยพอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก็ถูกประกบจูบ เธออ้าปากแลบลิ้นออกมาพันเกี่ยวกับลิ้นของเขา ดูดดุนกันอยู่พักใหญ่ อาโบอุ้มเธอขึ้นไปบนแคร่ถอดเสื้อผ้าตัวเองออก เธอก็ถอดของตัวเองออก เมื่อสองร่างเปลือยเปล่าก็กอดรัดโรมรันกัน สลับกันขึ้นบนลงล่างโยกกันเมามันส์จนลืมไปว่ามีใครอีกหลายคนรอพวกเขาอยู่โพโรโรกับจ่อจ่อยืนชะเง้อรออยู่นาน ก็ยังไม่มีวี่แววว่าอาโบกับธารธาราจะมา
ก็ดี ก็ดี ในเมื่อเขาอยากให้เธอไปพ้นหูพ้นตาเขานัก เธอก็จะไปไม่กลับมาอีก ทำไมนะเวลารักใครต้องทุ่มให้หมดใจไม่เหลือเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง คิดเอาไว้ซะดิบดีว่าตามหากล้วยไม้พบจะอยู่กับเขาที่ในป่า ยอมเป็นคนชนเผ่า คิดอะไรอยู่ เขาไม่เอาเธอแล้ว ที่ผ่านมาเธอมันก็แค่ที่บำบัดความใคร่เท่านั้นแหละ ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจน้ำตารื้นขึ้นมา" ไม่ต้องลำบากนายหรอก ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องการอะไรเลย ไม่ต้องไปส่งฉันให้เสียเวลาด้วย พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านใช่ไหม เดี๋ยวฉันไปหาพวกเขาเอง"" ลำบากอะไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น ฉันเต็มใจ"เขายื่นมือจะเช็ดน้ำตาให้ แต่เธอปัดออกขยับตัวลุกหนีไปนั่งอีกมุม อาโบมองตามด้วยใจที่เจ็บปวด เขาอธิบายไปหมดแล้วแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เชื่อเขาเลย เขาต้องทำยังไง เขาเตรียมทุกอย่างเพื่อเดินทางไปกับเธอ เขาฝึกคนใหม่ให้ขึ้นมาแทนที่เขา เพราะตั้งใจว่าเขาจะตามเธอไปทุกที่ เขายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเธอ แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ต้องการให้เขาไปด้วย ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็จะไปส่งเธอให้กับพวกของเธอ แล้วจะแอบตามเธอไปปกป้องเธออยู่ห่างๆ จนกว่าเธอจะได้เจอสิ่งที่เธอตามหาโพโรโรวิ่งตามจนทันนั่งเหนื่อยหอบอยู่ฝั่งตร
อาโบดันตัวผู้หญิงที่โผเข้ากอดเขาออก อยู่ดีๆเธอก็เข้ามากอดเขา ก่อนหน้าพ่อของเธอได้มาหาเขาเพื่อเอาของที่เขาสั่งมาให้ เธอตามพ่อของเธอมาด้วย ส่วนพ่อของเธอพอคุยธุระและมอบของให้เขาเสร็จก็ขอไปคุยกับลูกชาย เขากำลังจะไปเธอก็บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่ก็ไม่ได้คุยอะไร เธอเอาแต่ยืนบิดไปบิดมายิ้มเขินอาย จะพูดอะไรก็ไม่พูด เขาเลยบอกว่าถ้าไม่มีอะไรเขาจะไปแล้ว เธอก็พุ่งมากอดเขาเลย " อย่าทำแบบนี้อีกฉันไม่ชอบ เธอก็รู้ว่าฉันมีเมียแล้ว ถ้าอยากมีผัวนักก็อดใจรอหน่อยอีกไม่กี่เดือนก็จะมีงานเลือกคู่ แต่ถ้ามันอดไม่ได้จริงๆ"อาโบมองไปที่ต้นมะเขือยาวแล้วเด็ดมายื่นให้" ให้ฉันทำไม"" แก้คัน"พูดจบก็เดินออกมา เธอมองดูมะเขือยาวในมือ เธอคันตรงไหน แล้วมะเขือยาวแก้คันได้ด้วยเหรออาโบรีบเดินกลับกระท่อม พอเปิดประตูเข้าไปก็ไม่เห็นธารธารา หรือว่าจะไปห้องน้ำนะ เขาวางของในมือลงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนั่งรอเธอ หลายวันมานี้เขาเตรียมตัวสำหรับเดินทางไปกับเธอ จึงต้องให้คนเตรียมของหลายอย่าง ทั้งของป้องกันตัว อาหารแห้งและของใช้อื่นที่จำเป็น ที่สำคัญคือการฝึกคนใหม่มาแทนที่เขาในช่วงที่เขาไม่อยู่ เขาต้องสอนทักษะหลายๆอย่างให้ แล้วยังมีงาน
กลับถึงกระท่อมอาโบมีท่าทีเงียบขรึมอย่างเห็นได้ชัด ธารธาราไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรจึงเข้าไปกอดเขา จูบแก้มหนักๆไปหนึ่งที" มีเรื่องอะไรรึเปล่าหรือว่าพวกEUจะโจมตีอีก"" ไม่ใช่ น้ำ"" หือ"" กล้วยไม้นั่นยังไงก็ต้องตามให้ได้ใช่ไหม"" อือใช่ มันสำคัญมากต้องได้มันมาถ้างานวิจัยสำเร็จ เราจะช่วยคนที่เป็นโรคร้ายได้ยังมีอีกหลายชีวิตที่รอคอยอย่างมีความหวังว่าพวกเขาจะหาย มันเป็นงานสำคัญมากเลยนะ แล้วฉันก็ตั้งใจว่าจะต้องทำมันให้สำเร็จ"อาโบถอนหายใจ เขาไม่เคยคิดถึงวันที่ต้องจากเธอเลย เขาคิดแค่ว่าวันนี้ตอนนี้พรุ่งนี้เขาแค่มีเธอในอ้อมกอด ได้รักเธอดูแลเธอมีความสุขกับเธอในทุกๆวัน แต่เขาลืมคิดไปว่าเธอมาในป่าทำไม เธอมีสิ่งที่ต้องทำมีภารกิจหน้าที่ ไม่ใช่มาอยู่กับเขา เขาเองก็เช่นกันมีหน้าที่ต้องปกป้องดินแดน ตอนนี้สถานการณ์สู้รบยังสงบอยู่ แต่อนาคตไม่รุ้วันใดจะเกิดการปะทะกันขึ้นมาอีก เธอจะมาอยู่กับเขาที่นี่ไม่ได้ ไม่ปลอดภัย ไม่มีอนาคต ไม่ยุติธรรมกับเธอหากเขาจะรั้งให้เธออยู่ที่นี่ แต่เขารักเธอ รักมาก แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆที่อยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่อยากแยกจากเธอแม้สักสิบวินาทีเดียว แต่อนาคตของเราเขามองไม่เห็น เมื่อต่างคน
" เสือที่มันอาละวาดเมื่อคืนมันมาจากไหนพรานรู้ไหม"กิตติศักดิ์ถามขึ้นมา" ไม่แน่ใจ แต่มันคือเสืออาคมแน่ๆแต่จะเป็นของใครอันนี้ก็ไม่รู้ "" แสดงว่าเจ้าของเสือคงจะใช้ให้เสือตัวนั้นเข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้านแน่ๆ"" งั้นก็แสดงว่าเจ้าของเสือต้องมีปัญหากับใครสักคนในหมู่บ้านหรือไม่ก็เป็นฝ่ายตรงข้ามที่พวกเขาเคยสู้รบกัน อ่าอันนี้ผมเดาเอานะ"ภาสกรพูด" ก็อาจเป็นไปได้ "" แต่ข้าคิดว่าน่าจะเป็นเสืออาคมของพวกเล่นของที่หลุดออกมา หรือไม่ก็ถูกปล่อยทิ้งเพราะขี้เกียจเลี้ยง หรือเจ้าของมีอันเป็นไปมันถึงได้ดุร้ายทำร้ายคนไม่เลือกหน้า ที่สำคัญเสือตัวนี้หัวหน้าฐานบอกว่าก่อนจะมาที่หมู่บ้านมันไปที่ฐานมาก่อน เมื่อเช้าข้าก็พึ่งรู้จากลูกชายว่าหลายวันก่อนที่ฐานอียูก็ถูกมันเข้าไปอาละวาดมา"ตาลิบอกทุกคน" ถ้าเป็นอย่างที่หัวหน้าหมู่บ้านเล่า งั้นข้อสงสัยที่ว่าฝั่งอียูจะใช้เสืออาคมมาเล่นงานเราก็ปัดตกไปได้เลย"ตาลิพยักหน้า " ตามแพลนเราต้องออกเดินทางวันนี้ แต่พรานมูเล่กับพรานเซโพบาดเจ็บ เรื่องไปหุบเขามรณะคงต้องยืดวันออกไปก่อน รอจนกว่าพวกพรานจะหายดี"กิตติศักดิ์บอกทุกคน โมรีทำหน้าเซ็งเดินฮึดฮัดกลับเข้ากระท่อมไป" อยู่ต่อก็ดี