37ธิดาดอยดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าองค์รัชทายาท เพราะนี่คือครั้งแรกในชีวิตที่ได้ท่องราตรีในต่างยุคต่างสมัย ความอยากรู้อยากเห็นก็มีมาก ธิดาดอยกับองค์รัชทายาทพากันเดินไปยังจุดที่มีงานโยนลูกท้อ ทำตัวเหมือนชาวบ้านทั่วไป เดินเที่ยวงานโดยไร้คนอารักขา ไร้ยศศักดิ์ ได้ดูวิถีชีวิตของชาวบ้านในอีกรูปแบบหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็น ทั้งคู่จึงเดินเที่ยวงานกันอย่างมีความสุขการออกมานอกวังในค่ำคืนนี้ องค์รัชทายาทได้เห็นและได้รู้อะไรหลายอย่างมาก ราษฎรในเมืองหลวง เมืองที่ขึ้นชื่อว่ารุ่งเรืองที่สุดกว่าทุกเมืองในแคว้น แต่กลับมีคนยากจนให้เห็น ขอทานก็มีเช่นกัน ซึ่งเขาไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้ และไม่มีใครเคยรายงานเรื่องนี้ให้เขารู้ด้วย“เรื่องบางเรื่องท่านต้องออกมาดูให้เห็นด้วยตาตัวเอง ได้ยินด้วยหูตัวเอง ท่านถึงจะได้รู้ว่า ความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นยังไง” เธอบอกขณะเดินในงาน “ท่านก็ไม่ต้องโทษตัวเองที่เห็นความลำบากของราษฎร เพราะไม่ว่ายุคสมัยใด และสมัยนั้นจะรุ่งเรืองรุ่งโรจน์มากแค่ไหนก็ต้องมีราษฎรทั้งจนและร่ำรวย อย่างเมืองที่ข้าจากมาก็เช่นกัน มีทุกระดับชั้น คนชั้นสูง ชนชั้นกลางและรากหญ้า”“คนชั้นสูง คนชั้นกลางข้าพอเข้าใจ ร
36เป็นอีกประโยคที่องค์รัชทายาทไม่เข้าใจ“ก็ประมาณว่า ดีกว่าไม่ได้อะไรเลยไงล่ะ พวกนั้นคงยอมได้เงินคืนแม้ว่าจะได้ไม่ได้ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้คืนมาเลย”ธิดาดอยอธิบายให้เขาเข้าใจ“ความคิดเจ้าก็ดีนะ ข้าจะทำตามที่เจ้าบอก”“ส่วนเรื่องสร้างเขื่อนเมืองลู่หยาน ท่านให้ใครสักสองคนที่ท่านไว้ใจได้ ไปเมืองลู่หยานเพื่อตรวจสอบการสร้างเขื่อน ตรวจสอบงบประมาณที่ทางการส่งมา ทำแบบไม่ให้คนที่ดูแกลการสร้างเขื่อนรู้ตัว เราก็จะได้หลักฐานที่ต้องการ แล้วก็เอาหลักฐานการโกงกินทั้งสองเรื่องมามัดตัวอำมาตย์ซ้ายกับพวก” ธิดาดอยบอกแผน “ส่วนข้ากับเหล่านกในสมาคมก็จะหาหลักฐานที่บ้านพวกกิงฉิน มัดตัวอีกทางหนึ่ง แต่ถ้าหลักฐานยังไม่แน่นพอเราก็หาเพิ่ม หาให้มากพอที่จะมัดตัวพวกเขาไม่ให้ดิ้นหลุด”องค์รัชทายาททึ่งในความฉลาดและมากแผนของธิดาดอย แล้วยังรู้สึกว่า ตนโชคดีที่ได้เจอธิดาดอยหรือดอกเหมยของตน เพราะมันทำให้เขาตาสว่าง มองเห็นอีกด้านหนึ่งของอำมาตย์ซ้าย“เจ้าฉลาดจัง มิเสียแรงที่เป็นคนโปรดของข้า” พูดจบก็หอมแก้มเธอฟอดใหญ่ “สงสัยต้องให้รางวัลทั้งคืนซะแล้ว”“เดี๋ยวก่อนเลย หยุดคิด” ธิดาดอยห้าม “ข้าอยากออกไปเที่ยวนอกวังต
35ธิดาดอยสวมใส่ชุดตามยุคที่ตนย้อนมาอยู่ด้านหลังฉากกั้น ทว่าฉากกั้นก็บางเสียเหลือเกิน ทำให้คนที่นั่งมองอยู่บนเก้าอี้ถึงกับน้ำลายไหล อยากจะเข้าไปช่วยนกน้อยเปลี่ยนชุด “ท่านไม่ต้องมาทำหน้าหื่นใส่ข้าเลยนะ วันนี้เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันยาว แล้วตอนนี้ข้าก็หิวมากด้วย” ธิดาดอยพูดดักคออย่างรู้นิสัยองค์รัชทายาท ชายจอมหื่นยิ้มหวาน ตบหน้าขาเบาๆ ธิดาดอยเดินไปนั่งบนตักเขา ก่อนใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ปาก เคี้ยวตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย ไม่ลืมที่จะคีบอาหารใส่ปากองค์รัชทายาทด้วย “วันนี้พระชายาเสี้ยวหลานมาหาท่าน มีเรื่องอะไรเหรอ เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ ข้าอยากรู้” ธิดาดอยที่ไม่ค่อยพูดคำราชาศัพท์กับเขาเท่าไหร่ เธอมักติดภาษาไทยในยุคปัจจุบันมากกว่า “เสี้ยวหลานเอายาบำรุงมาให้ข้า แล้วก็เล่าเรื่องที่ขุนนางหลายคนไปคุยเรื่องที่ข้ายกเลิกการสร้างพระตำหนักในโรงเตี้ยม เสี้ยวหลานไปที่นั่นด้วย นางได้ยินเลยพูดให้ข้าฟัง แล้วยังออกความคิดเห็นว่า ข้าควรสร้างตำหนักด้วย” พระชายาเสี้ยวหลานพูดปด นางไม่ได้ไปโรงเตี้ยม ไม่มีขุนนางไปพูดคุยกันในโรงเตี้ยมด้วย ที่เสี้ยวหลานกล่าวอ้างจึงเป็นเร
34 “ไม่น่าเป็นไปได้พ่ะย่ะค่ะ พระองค์ให้เหตุผลว่า ไม่ได้แปรพระราชฐานบ่อยนัก สร้างไปก็สิ้นเปลือง ให้นำงบไปปรับปรุงโรงหมอแทน กระหม่อมอยากให้พระชายาพูดกับองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมองไม่เห็นใครที่จะช่วยเรื่องนี้ได้ นอกจากพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์ซ้ายมองไม่เห็นใคร “จะว่าไป เราลืมคิดช่องโหว่ข้อนี้ไป ข้อที่ว่าเสด็จพี่ไม่ชอบแปรพระราชฐาน การสร้างพระตำหนักใหม่เสด็จพี่อาจไม่เห็นด้วย เอาเป็นว่า ข้าจะลองพูดกับพระองค์ดู ตอนนี้ท่านก็นิ่งไว้ก่อน อย่าทำตัวส่อพิรุธ รอข้าบอกอีกที” เสี้ยวหลานสั่ง “เรื่องงบสร้างเขื่อนไปถึงไหนแล้ว” ได้ยินประโยคนี้อำมาตย์ซ้ายรีบหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อ ก่อนวางลงบนโต๊ะตรงหน้าพระชายาเสี้ยวหลาน “ตั๋วแลกเงินพ่ะย่ะค่ะ” เสี้ยวหลานหยิบขึ้นมาดู “เงินจำนวนนี้ เป็นส่วนแบ่งของพระชายาพ่ะย่ะค่ะ” “ท่านตามที่ข้าบอกหรือเปล่า” เสี้ยวหลานถาม พับตั๋วเงินแล้ววางไว้ที่เดิม “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทำตามที่พระชายาบอก แบ่งงบในการสร้างเขื่อนให้ดูสมน้ำสมเนื้อ แล้วดึงส่วนนี้ออกมาพ่ะย่ะค่ะ” “ดีแล้ว คนอื่นจะได้ไม่สงสัย กินมากเกินไปมั
33 องค์รัชทายาทเปิดสมุดออกดู แล้วดูแบบผ่านๆ ไม่ได้อ่านจริงจังทุกตัวอักษร ทว่าแค่เพียงดูผ่านตา เขายังมองเห็นจำนวนเงินที่ระบุไว้ แต่ละราคาที่ดินที่ต้องจ่าย สูงไม่ใช่เล่น ทั้งที่ไม่น่าจะแพงขนาดนี้ อำมาตย์ซ้ายกับพวกคิดจะโกงกินจนพุงแตก เงินทองใช้ไปถึงชั่วลูกชั่วหลาน องค์รัชทายาทปิดสมุด เงยหน้ามองอำมาตย์ซ้ายและเหล่าขุนนางทั้งหลาย “ข้ายกเลิกการสร้างตำหนักที่เมืองเจียงยาง เพราะเห็นว่ามีพระตำหนักของฮ่องเต้อยู่แล้ว ข้าขึ้นเป็นฮ่องเต้หากอยากไปเมืองเจียงยางก็ไปอยู่ที่นั่นก็ได้ จะได้ไม่ต้องเสียงบสร้างใหม่ สู้เอางบไปทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่าดีกว่า”องค์รัชทายาทตรัสเสียงเรียบ วิธีแก้เกมอำมาตย์ซ้ายเป็นความคิดของธิดาดอย นางบอกองค์รัชทายาทว่า ให้ทำทีเป็นคล้อยตามอำมาตย์ซ้าย รอให้อีกฝ่ายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยค่อยตลบหลัง ปฏิเสธไม่สร้างพระตำหนักใหม่ ซึ่งก็ตรงกับความคิดองค์รัชทายาทที่คิดว่า การสร้างตำหนักหลังนั้นเป็นการสิ้นเปลือง เนื่องจากเขาไม่ได้แปรพระราชฐานบ่อยนัก นานปีจะไปสักครั้งหรือไม่ก็หลายปี สร้างไปก็ปล่อยทิ้งร้างไว้เสียเปล่า หากเขาไปเมืองเจียงยางไปพักพระตำหนักของบิดาก็ได้
32นกเหมยเหมยยังคงออกหาข่าวให้องค์รัชทายาททุกวัน แต่ก็ไม่ได้ความคืบหน้าอะไรมาก ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว ราวกับว่าพวกเขาต้องการให้งานที่วางแผนไว้สำเร็จเป็นเรื่องๆ ถึงจะเริ่มงานโกงกินบ้านเมืองชิ้นใหม่ส่วนการลอบปลงพระชนม์ลูกในครรภ์พระชายารองฮุ้ยเตียว หลังจากพระชายาเสี้ยวหลานรู้ข่าวว่า นกอินทรีย์ขององค์ฮ่องเต้บินเข้ามาในห้องยา และชนเข้ากับถังไม้ที่หลิวเอ๋อซ่อนซองยาไว้ นางเกิดความกังวล สั่งให้มู่ฮัวนำความไปบอกหลี่ลี่จิงให้หายาพิษชนิดนี้มาอีก แต่คงไม่ลงมือช่วงนี้ ในความคิดนกเหมยเหมย เสี้ยวหลานกำลังประเมินสถานการณ์ หาจังหวะและโอกาสลงมืออีกครั้ง ซึ่งยังคงวางใจไม่ได้เมื่อวางใจไม่ได้ นกเหมยเหมยให้นกในสมาคมคอยจับตามองคนหลายคน โดยกระจายกันหาข่าวและดูความเคลื่อนไหว นกหลินติดตามอำมาตย์ซ้าย นกอินทรีย์ดูความเคลื่อนไหวตำหนักพระชายาเสี้ยวหลาน นกแก้วเฝ้ามองพระชายารองฮุ้ยเตียว พระชายาอีกพระองค์หนึ่งก็ละทิ้งไม่ได้ หน้าที่สอดแนมตำหนักพระชายาสามเห้อเหนียวเป็นของนกพิราบแสนรู้ถังที่ขาดไม่ได้คือ ต้องมีนกติดตามดูหลิวเอ๋อ เหมยเหมยคิดว่านกที่รับหน้าที่นี้ต้องตัวใหญ่ เผื่อนางยกถ้วยยาไปให้พระ