ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงฝ่ามือทุบประตูไม้จนแทบหลุดกระเด็น ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกจนแสบแก้วหู
“นังตัวขี้เกียจ ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อใด”
หญิงสาววัยสิบห้าดีดเด้งร่างขึ้นพลันนั่งเหยียดตรง ผ้าห่มผืนเก่าถูกเลิกออกไปกองตรงเอว เส้นผมสีดำเงาดุจดั่งน้ำหมึกพันกันยุ่งเหยิง
“รู้แล้ว ท่านมองท้องฟ้าบ้างหรือไม่นี่มันเพิ่งยามอิ๋น [1] จะเร่งให้ข้าตื่นหาสวรรค์วิมานใดมิทราบ” เสียงใสโต้กลับ
ผู้ที่ยืนเท้าเอวอีกด้านก็ไม่ยอมกัน “นังเด็กปากดี หากไม่เพราะแม่ของเจ้าสำส่อนไม่รักดีจะให้กำเนิดมารร้ายเช่นเจ้าได้อย่างไร”
ผัวะ!
ประตูที่งับเมื่อครู่ถูกเปิดออกไม่ทันตั้งตัว หญิงร่างท้วมถึงกับเบิกตาค้างตระหนกตื่น เพราะเมื่อครู่นางลงแรงไปกับการเคาะบานประตูอย่างหนัก เป็นเหตุให้ร่างที่กลมดั่งอึ่งอ่างแม่ไข่กลิ้งหลุน ๆ ไปนอนหงายท้องพังพาบที่พื้นเย็นเยียบ
หญิงสาวยกมือปิดปาก เสียงใสหัวเราะคิกคักด้วยความสาแก่ใจ
“เจ้า! นังตัวดี กล้าทำร้ายข้ารึ ข้าจะไปฟ้องลุงของเจ้า”
นัยน์ตากลมโตกลอกมองบนไม่แยแส “เชิญท่านขี่ม้าสามศอกไปฟ้องท่านลุงของข้าได้เลย ข้าถูกทำโทษจนเคยชินเสียแล้ว ครั้งนี้จะให้ข้าทำอะไรอีกเล่า คุกเข่าสองชั่วยาม หรือว่าโบยข้าให้หลังขาด”
“เจ้า เจ้า…” หญิงร่างท้วมชี้นิ้วพลางกัดฟันพูดไม่ออกจนตัวสั่นเทิ้ม
เสียงที่แผดตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าเป็นเสียงของป้าสะใภ้ใหญ่นามว่าเฉินเจีย ส่วนหญิงสาวที่แค่นหัวเราะสาแก่ใจอยู่ไม่ไกลกันก็คือเฉินอิ้งถง
อันที่จริงเฉินอิ้งถงผู้นี้คือหญิงสาววัยยี่สิบปีจากยุคสองพันหาใช่คนในโลกใบนี้ ทว่าคืนหนึ่งเฉินอิ้งถงนอนดูซีรีส์อยู่เพลิน ๆ กลับเผลอหลับไปให้จอดูคน ลืมตาตื่นอีกทีจิตวิญญาณก็มาสวมร่างนางร้ายที่มีชื่อแซ่คล้ายตัวเองในซีรีส์เรื่องนั้นอย่างน่าอัศจรรย์
ที่ชวนปวดหัวยิ่งกว่านั้น โลกใบนี้ไม่ใช่กองถ่ายละครทว่ามันกลับประหนึ่งโลกคู่ขนานในอีกมิติ หนำซ้ำเฉินอิ้งถงเข้ามาอยู่ในร่างนางร้ายตั้งหลายเดือนแล้ว และไม่มีทีท่าว่าตนจะสามารถทลายมิติกลับไปยังโลกใบเดิมได้ ทั้งยังต้องมาอยู่อาศัยในแถบกันดารอย่างอำเภอฉีหลิน ในเมื่อเป็นเช่นนี้หญิงสาวจึงทำได้เพียงปล่อยวางและใช้ชีวิตในโลกใบใหม่ให้ดีต่อไป
เฉินอิ้งถงส่ายหน้าระอิดระอาเพราะดูเหมือนคงไม่มีใครดวงกุดเท่านางอีกแล้ว แทนที่จะได้เข้ามาเป็นนางเอกดันโผล่มาอยู่ในร่างนางร้ายช่วงวัยปักปิ่นไปเสียได้ ซ้ำยังเกิดในตระกูลแร้นแค้น มีป้าสะใภ้ใจทรามกับลูกพี่ลูกน้องจอมรั้น โชคดีนิดหน่อยที่ลุงแท้ ๆ ของนางยังเห็นแก่เยื่อใยจากสายเลือดเดียวกัน เฉินอิ้งถงจึงไม่ถูกสองแม่ลูกตามรังแกมากจนเกินไป อันที่จริงเฉินอิ้งถงคนใหม่นี้ก็แค่รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางต่างหาก
นางร้ายเฉินอิ้งถงในเมื่อก่อนหากว่ากันตามบทบาท นางเป็นคนหัวอ่อน ถูกกดขี่รังแกจากป้าสะใภ้แต่เล็กจนโต กระทั่งถูกขายออกไปเป็นอนุเศรษฐีอย่างไม่เต็มใจ และดูเหมือนว่าเหตุการณ์คล้ายกันนี้กำลังใกล้เข้ามาแล้วเสียด้วย เฉินอิ้งถงจากอีกมิติจึงต้องคิดวิธีรับมือเอาไว้อยู่ทุกวัน
เนื่องจากเฉินอิ้งถงคนก่อนเติบโตมาพร้อมความชิงชังเคียดแค้น ในใจอัดแน่นไปด้วยเพลิงอาฆาต ทำให้ตอนที่นางถูกขายออกไปเลือกกระทำการอุกอาจ กระทั่งกล้าลอบวางยาเศรษฐีหม่าจนตาย จากนั้นนางก็หนีไป ทำให้ฮูหยินของเศรษฐีหม่าหวนกลับมาเอาเรื่องคนสกุลเฉิน
ในตอนที่ทุกคนถูกสั่งสอนจนเอาชีวิตไม่รอด เฉินอิ้งถงก็แอบมองคนตระกูลเฉินล่มจมไปต่อหน้าต่อตาด้วยสีหน้าเลือดเย็น จากหญิงสาวอ่อนแอไร้กำลังก็แปรผันเป็นคนเกรี้ยวกราดไร้หัวใจ หลังจากกำจัดศัตรูที่ชิงชังได้แล้ว นางจึงตัดสินใจมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองหลวง
กระทั่งได้พบกับจินเหยียนหรือเหยียนอ๋องเข้าโดยบังเอิญ ทำให้นางตกหลุมรักเขาอย่างจัง ทว่าคนผู้นี้เป็นถึงชินอ๋องอีกทั้งยังมีสัญญาหมั้นหมายกับคุณหนูตระกูลลู่ซึ่งก็คือนางเอกของเรื่องนามว่าลู่หลันหลิง
เป็นเหตุให้เฉินอิ้งถงเกิดความริษยา นางจึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตนสามารถคว้าหัวใจพระเอกคนนี้มาให้ได้ ทั้งยังยัดเยียดตัวเองสารพัดวิธีจวบจนได้พบเหยียนอ๋องอีกครั้งที่โรงน้ำชา แน่นอนว่านางเกือบสมปรารถนาเพราะเบื้องหลังของนางร้ายผู้นี้ย่อมมิใช่ธรรมดา ต่อให้นางเกิดมาในตระกูลสามัญก็ตาม แต่ใครจะล่วงรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของนางได้กันเล่าเพราะนั่นคือปมที่ชวนซับซ้อนเสียเกินจะกล่าว ทว่าท้ายที่สุดนางร้ายก็ไม่อาจฝืนดวงชะตา ในเมื่อเฉินอิ้งถงถูกวางตัวให้เป็นนางร้ายจะหมายเคียงคู่พระเอกได้อย่างไร
ดังนั้นเฉินอิ้งถงที่เข้ามาสวมบทบาทเป็นนางร้ายในตอนนี้ ย่อมรู้ซึ้งถึงจุดจบของตนเองดีว่าไม่มีทางสมหวังกับพระเอกไปได้ อีกทั้งยังเป็นการเอาคอไปแขวนบนผ้าขาวโดยใช่เรื่อง
ในเมื่อตนได้โผล่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้แล้ว เฉินอิ้งถงจะไม่ยอมกลายเป็นนางร้ายที่มีชีวิตสุดอาภัพแน่นอน อีกอย่างเหยียนอ๋องคนนี้ก็ไม่ใช่พระเอกที่นิสัยดีเด่อะไร
เฉินอิ้งถงชอบพระเอกธงเขียว หาได้ชมชอบพระเอกธงแดง ต่อให้กลับตัวกลับใจแล้วอย่างไร ในบทบาทช่วงแรกเขาก็ร้ายยิ่งกว่าปีศาจไม่ใช่หรือ
ดังนั้นเป้าหมายใหม่ของเฉินอิ้งถงก็คือ การแต่งงานกับตัวประกอบของเรื่องเช่นองค์ชายห้านอกจากช่วยให้หลีกหนีชะตาที่น่าอดสู ก็ยังสามารถเปลี่ยนช่วงวิกฤติของชีวิตให้เป็นโอกาส
ที่นางจงใจเลือกเขานั่นเพราะองค์ชายห้าจินชางหลงเป็นน้องชายสุดรักของเหยียนอ๋อง ชายหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเฉินอิ้งถงในตอนนี้ อาจจะราวสิบหกสิบเจ็ด หนำซ้ำเขายังสุขภาพไม่ดีขี้โรคอีกต่างหาก บิดามารดาหมางเมินมีเพียงจินเหยียนและไทเฮาเท่านั้นที่เอาใจใส่เขาดุจไข่ในหิน
นั่นยิ่งทำให้เฉินอิ้งถงมั่นใจได้ว่าในอนาคตนางจะไม่ถูกสามีข่มเหง อีกอย่างบุรุษที่อ่อนแอไร้กำลังจะมีตระกูลใดอยากส่งบุตรีเข้าไปหมั้นหมายด้วยกันหรือ ต่อให้เป็นถึงองค์ชายก็ตามทว่าตำแหน่งนี้ก็หาได้มีประโยชน์ เช่นนั้นองค์ชายห้าย่อมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดในการพลิกบทนางร้ายสุดอนาถ
ทว่าตอนนี้เฉินอิ้งถงเป็นเพียงหญิงสาววัยกระเตาะต่อให้มีปัญญาแต่ไร้กำลังก็ดูจะลำบาก ทั้งยังติดแหง็กอยู่ที่อำเภอฉีหลินสุดแร้นแค้น แล้วอย่างนี้นางจะไปคว้าองค์ชายตัวประกอบผู้สูงส่งมาทำสามีได้อย่างไร ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนปวดสมอง
“ท่านแม่!”
เฉินอิ้งถงหลุดจากภวังค์ ดวงตากลมโตจดจ้องภาพบุตรสาวประคองมารดาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“นังตัวแสบ เจ้ารังแกท่านแม่ข้ารึ”
เฉินจิงลูกสาวแท้ ๆ ของเฉินเจียขบฟันแน่น นางเขม้นมองเฉินอิ้งถงแววตาเจือความมาดร้าย
สองแม่ลูกคู่นี้เมื่อก่อนก็กดขี่เฉินอิ้งถงคนก่อนอย่างหนัก มีสิทธิ์ใดมาชักสีหน้าใส่นาง
“ผู้ใดรังแกป้าสะใภ้กันเล่า ก็แม่ของเจ้ากินจนขึ้นอืด ทรงตัวไม่อยู่เลยล้มกลิ้งลงไปเอง แร้นแค้นเพียงนี้ไม่ช่วยกันประหยัด เล่นยัดของกินไม่แบ่งก็สมควรแล้ว”
เฉินเจียโดนต่อว่าก็โมโหจนหน้าสั่น
“กรี๊ด…นังเด็กเหลือขอ วันนี้ข้าจะเอาเลือดหัวเจ้ามาล้างเท้า แล้วจะถลกหนังเอาเกลือทาตัวเจ้าส่งไปให้เศรษฐีหม่าเสียวันนี้เลย”
เฉินอิ้งถงมองอีกฝ่ายกระทืบเท้าเร้า ๆ ก็ขบขัน ทว่าหูของนางกลับได้ยินเสียงฝีเท้าใครบางคนมุ่งตรงมาอย่างเร่งร้อน
“โอ๊ย…ท่านป้า ข้าเจ็บนะเจ้าคะ” เฉินอิ้งถงแสร้งล้มลงไปกองบนพื้น
“เกิดอะไรขึ้น!” เสียงทุ้มดังแทรกที่หน้าประตู
ชายวัยกลางคนปรากฏกายพร้อมสีหน้าคร่ำเคร่ง
สองแม่ลูกอ้าปากค้างพูดไม่ออก
“ท่านพ่อ นังเด็กนี่มัน…”
“ท่านลุงเจ้าคะ ข้ากำลังจะลุกไปเตรียมตัวทำหมั่นโถวขาย แต่อยู่ ๆ ท่านป้าสะใภ้กับอาจิงก็พรวดพราดเข้ามาผลักข้า ข้ายังไม่รู้เลยว่าทำสิ่งใดผิด” เฉินอิ้งถงตัดบทแสร้งตีหน้าสลด
ชายวัยกลางคนหน้าหม่นทะมึนลงเดี๋ยวนั้น เขาช่วยประคองหลานสาวเพียงหนึ่งให้ยืนเคียงกัน “ถงเอ๋อร์ เจ็บตรงไหนหรือไม่”
สองแม่ลูกแทบกรีดร้อง เฉินจิ้นซงเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของมารดาเฉินอิ้งถง ตั้งแต่น้องสาวของเขาตายจากไปก็สัญญาจะดูแลหลานสาวคนนี้ให้ดี แต่บ่อยครั้งที่เขาหูเบาเชื่อคำยุแยงตะแคงรั่วของภรรยาจนเผลอทำร้ายหลานสาวโดยไร้เหตุผล
หนำซ้ำเฉินจิ้นซงยังไม่เคยระแคะระคายเลยว่าในตอนที่ตนออกไปทำงาน เฉินอิ้งถงนั้นถูกสองแม่ลูกคู่นี้เอาเปรียบอย่างไร เฉินอิ้งถงคนก่อนก็หัวอ่อนจนไม่กล้าปริปากฟ้อง ในเมื่อนางร้ายได้เปลี่ยนไปแล้ว เช่นนั้นเฉินอิ้งถงผู้นี้จึงขอพลิกบทบาทให้ใหม่เสียเลย หลังจากเฉินจิ้นซงพบเหตุวิวาทของภรรยาและหลานสาวซ้ำ ๆ เขาจึงแน่ใจแล้วว่าเฉินอิ้งถงนั้นเป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
“ท่านพี่ นังเด็กนี่มันโกหก ข้ายังไม่ได้…”
“พอได้แล้ว! พวกเจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ยามที่ข้าออกไปทำงานเจ้าก็เอาแต่รังแกนาง เฉินเจีย นางเป็นหลานข้าก็เหมือนหลานของเจ้า ไยไม่พูดจากันให้ดี เจ้าให้ข้าลงโทษนางมาตั้งกี่ครั้งกี่ครายังไม่สาแก่ใจอีกรึ เช่นนั้นวันนี้เจ้าสองคนแม่ลูกก็ทำงานส่วนของถงเอ๋อร์ทั้งหมด”
“กรี๊ด…ท่านพ่อลำเอียง”
“หุบปาก! เป็นข้าเอง ข้าผิดเองที่ตามใจเจ้าจนเสียคน”
สองแม่ลูกตาค้างตะลึงลาน หลายเดือนมานี้พวกนางไม่สามารถรังแกเฉินอิ้งถงได้เหมือนเมื่อก่อน ไม่รู้ว่านางถูกปีศาจตนใดมาสิงร่างนิสัยจึงได้พลิกกลับดุจคนละคน พวกนางหาเรื่องเฉินอิ้งถงมากเท่าใด ก็ถูกโต้กลับมากยิ่งกว่านั้น ช่างสร้างความประหลาดใจให้สองแม่ลูกยิ่งนัก
“ถงเอ๋อร์ วันนี้เจ้านอนพักเถิด งานที่เจ้าต้องทำก็ให้จิงเอ๋อร์กับป้าสะใภ้เจ้าทำแทนแล้วกัน ถือซะว่าเป็นการขอโทษเจ้า”
เฉินจิงกระทืบเท้าเร้า ๆ ทว่ากลับถูกบิดาตวัดตามองเข้ม เพราะยุคสมัยนี้อำนาจบุรุษยิ่งใหญ่ดุจฟ้า ครั้นเฉินเจียเห็นแววตาสามีเต็มไปด้วยไอสังหารก็ไม่คิดล่วงเกินอีก
มืออวบอั๋นดึงบุตรสาวมายืนขนาบข้าง ตอบรับสามีลอดไรฟัน “ข้ารู้แล้ว”
สองแม่ลูกกระฟัดกระเฟียดจากไป เฉินอิ้งถงมองตามจนลับสายตา ริมฝีปากสีกุหลาบกดลึกเป็นรอยยิ้ม
ในเมื่อข้าเป็นนางร้าย ก็ต้องร้ายให้สุด เพียงแต่ใครดีมาข้าดีตอบ ใครร้ายมาข้าก็ร้ายตอบเท่านั้นเอง
เชิงอรรถ
^ยามอิ๋น (寅:yín) คือ 00 – 04.59 น.
จากที่คิดว่าปัญหาเล็กน้อยก็ตาลปัตรเป็นเรื่องราวใหญ่โต เฉินอิ้งถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่กลางห้องโถงท่ามกลางสายตาของผู้คนนับร้อย ฝานฟ่านกระฟัดกระเฟียดเพราะไม่พอใจที่บิดากล้าตบเขาต่อหน้าคนหมู่มาก“ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการนางให้ข้า”“เจ้าทำผิดยังไม่รู้จักสำนึก หุบปากของเจ้าไปซะ หากวันนี้ข้ามาไม่ทันเจ้ารู้หรือไม่ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร”“ก็แค่ผู้หญิงชั้นต่ำ นางกล้ามาทำร้ายข้า ท่านยัดเงินให้เจ้าหน้าที่ไปก็จบ”“หุบปากของเจ้าไปเสียเรื่องนี้ข้าจัดการเอง”เฉินอิ้งถงมองสองพ่อลูกตาขวาง เพราะขนมที่กินเข้าไปไม่เพียงเพิ่มพละกำลังทั้งยังทำให้นางหูดีมากด้วย กระทั่งเสียงกระซิบของพวกเขานางยังได้ยินชัดเจน“นายท่านพวกเขาคิดเล่นสกปรกเจ้าค่ะ” เสียงเล็กกระซิบจากเหนือศีรษะ“ข้าได้ยินแล้ว”เจ้าหน้าที่นายหนึ่งวิ่งไปยังเบื้องหลังของผู้ว่าความ เขากระซิบข้างหูเสียงเบาหวิว“นายท่านฝานบอกว่าให้รีบจบเรื่องนี้โดยเร็วขอรับ”เจ้าหน้าที่วัยกลางคนพยักหน้า เขาหลุบเปลือกตามองบางอย่างที่ถูกยัดใส่ฝ่ามือก็ยิ้มมุมปาก จากนั้นย้ายสายตาไปยังฝานหงจื้อ ทั้งสองสบตากันพ
นัยน์ตาคมเข้มเหลียวมองต้นเสียง “ไม่มีอะไร เจ้าอย่าได้ใส่ใจ”“อ้อ” จินชางหลงลดสายตามองสตรีที่นั่งคลุกฝุ่นด้วยสีหน้าประหลาดใจ นางจับจ้องเขาแทบไม่วางตาแววตาหวานเชื่อมเช่นนี้เป็นเหตุให้เขาขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ชายหนุ่มเร่งปล่อยม่านลงด้วยความรวดเร็ว มือถูกย้ายมาวางบนตักพร้อมกับขยำผ้าเนื้อดีจนเกิดรอยยับย่น“องค์ชาย เกิดประชวรตรงไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ” กงกงที่คอยปรนนิบัติองค์ชายห้าจินชางหลงอย่างใกล้ชิดมองสีหน้าแปลกประหลาดของเขาด้วยความเป็นห่วง“เปล่า”ได้ยินเช่นนี้กงกงก็ผ่อนลมหายใจโล่งอกเสียงจากด้านนอกดังขึ้นอีกครั้ง“จะทะเลาะกันข้าไม่ว่า แต่เหตุใดต้องมาขวางทางข้า หากเกิดเรื่องกับน้องชายข้า ข้าจะตัดศีรษะพวกเจ้าทุกคน”ฝานฟ่านที่กำลังคิดแก้ต่างพลันหมอบกายลงอีกครั้ง “ท่านอ๋องกระหม่อมไม่รู้ว่าท่านจะเสด็จผ่านทางนี้ ก็เลย…”นัยน์ตาคมกริบตวัดมองเข้ม “…เจ้าก็เลยรังแกสตรีไร้ทางสู้ไม่สนถูกผิดอย่างนั้นหรือ”เฉินอิ้งถงที่แสร้งค้อมศีรษะกายสั่นสะท้านลอบอมยิ้มเหยียนอ๋องผู้นี้แม้จะเป็นพระเอกธงแดงทว่ากลับไม่ไร้ศีลธรรมเสียทีเดียว แน่น
เฉินอิ้งถงเร่งร้อนเข้าไปยังตัวอำเภอตั้งแต่เช้าตรู่ ประการแรกนางไม่อยากโต้ฝีปากกับสองแม่ลูกให้เสียอารมณ์ อีกประการเฉินอิ้งถงอยากนำขนมที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ โดยเสริมพลังวิญญาณความอร่อยจากเสี่ยวฮวาไปทดลองขายแต่เดิมเฉินอิ้งถงนั้นเปิดร้านขายหมั่นโถวซึ่งกำไรแต่ละวันก็ได้เพียงหยิบมือแทบไม่พอยาไส้สำหรับคนทั้งบ้าน บางคราได้กินเพียงโจ๊กใสดั่งคันฉ่องจนส่องเห็นหน้าคน ยิ่งอาศัยในพื้นที่แห้งแล้งกันดาร คุณภาพชีวิตที่คิดใฝ่ฝันก็พลันสลายไปในพริบตา“นายท่าน ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ” เสียงเล็กงัวเงียดังมาจากเหนือศีรษะ“ช้าไม่ได้ หากข้าหาเงินได้มากหน่อยจะออกไปใช้ชีวิตอิสระตามใจ” แม้จะเอ่ยเช่นนั้นทว่าการขายขนมที่กำไรต่อชิ้นน้อยนิดแทบไม่สามารถเปลี่ยนชีวิตของใครได้ทั้งสิ้นเหตุใดจึงไม่ทะลุมิติเข้ามาเป็นลูกเศรษฐีกันนะ ปัดโธ่…นางร้ายเรื่องอื่นเป็นลูกคุณหนูเอาแต่ใจ ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้เหตุใดนางร้ายเรื่องนี้ชะตาถึงได้อเนจอนาถนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งหดหู่“เช่นนั้นเสี่ยวฮวาของีบอีกหน่อยนะเจ้าคะ”“ช้าก่อน”“เจ้าคะ”“เสี่ยวฮวา เจ้าบอกว่าสามารถเสริ
เช้านี้จึงเป็นวันที่บรรยากาศสดใสนัก เพราะเฉินอิ้งถงไม่ต้องเร่งทำหมั่นโถวไปขายในตลาดเฉกเช่นทุกวัน นางจะนั่งกินนอนกินให้หนำใจไปเลยงานบ้านในส่วนของเฉินอิ้งถงสองแม่ลูกก็ทำจนเรียบร้อย ทว่าอยู่เช่นนี้มาครึ่งค่อนวันก็รู้สึกเบื่อหน่ายอยู่บ้าง“ถงเอ๋อร์ จะไปที่ใดหรือเหตุใดเจ้าไม่พักผ่อนให้ดี ๆ”วันนี้เฉินจิ้นซงหยุดงานหนึ่งวัน เขาจึงไม่ได้ออกไปทำหน้าที่อาลักษ์ที่ท่าเรืออีก ส่วนสองแม่ลูกเร่งทำงานบ้านเสร็จก็ร้องโอดโอยดั่งหมูถูกเชือดวันนี้จึงไม่มีผู้ใดออกไปหาเงินสักอีแปะ ทั้งที่ข้าวสารกรอกหม้อก็แทบไม่มีจะกิน“ท่านลุงข้าอยากขึ้นเขาเจ้าค่ะ เผื่อว่าจะได้ของป่ามาขาย”“เช่นนั้นให้จิงเอ๋อร์ไปเป็นเพื่อนดีหรือไม่”เฉินอิ้งถงเร่งปฏิเสธ “ข้าไปผู้เดียวคล่องตัวกว่า นางไปก็รังแต่เป็นตัวถ่วง”เฉินจิงขบฟันแน่น “ท่านพ่อ ดูนางสิเจ้าคะ ทำอย่างกับข้าอยากไปกับนางอย่างนั้นแหละ”เฉินอิ้งถงแค่นยิ้มจากนั้นก็แบกตะกร้าไม้ไผ่สานจากไปโดยไม่คิดเหลือบแลผู้ใดอีก เฉินจิงยังคงฟ้องบิดาไม่หยุดปาก เสียงโหวกเหวกเช่นนี้หญิงสาวได้ยินจนเกิดเป็นความเคยชินเสียแล้ว“อ้าว อาถงจะไปไหนหรือ” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นเฉินอิ้งถงยิ้ม “ข้ากำล
ปัง!ปัง!ปัง!เสียงฝ่ามือทุบประตูไม้จนแทบหลุดกระเด็น ตามมาด้วยเสียงโหวกเหวกจนแสบแก้วหู“นังตัวขี้เกียจ ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อใด”หญิงสาววัยสิบห้าดีดเด้งร่างขึ้นพลันนั่งเหยียดตรง ผ้าห่มผืนเก่าถูกเลิกออกไปกองตรงเอว เส้นผมสีดำเงาดุจดั่งน้ำหมึกพันกันยุ่งเหยิง“รู้แล้ว ท่านมองท้องฟ้าบ้างหรือไม่นี่มันเพิ่งยามอิ๋น [1] จะเร่งให้ข้าตื่นหาสวรรค์วิมานใดมิทราบ” เสียงใสโต้กลับผู้ที่ยืนเท้าเอวอีกด้านก็ไม่ยอมกัน “นังเด็กปากดี หากไม่เพราะแม่ของเจ้าสำส่อนไม่รักดีจะให้กำเนิดมารร้ายเช่นเจ้าได้อย่างไร”ผัวะ!ประตูที่งับเมื่อครู่ถูกเปิดออกไม่ทันตั้งตัว หญิงร่างท้วมถึงกับเบิกตาค้างตระหนกตื่น เพราะเมื่อครู่นางลงแรงไปกับการเคาะบานประตูอย่างหนัก เป็นเหตุให้ร่างที่กลมดั่งอึ่งอ่างแม่ไข่กลิ้งหลุน ๆ ไปนอนหงายท้องพังพาบที่พื้นเย็นเยียบหญิงสาวยกมือปิดปาก เสียงใสหัวเราะคิกคักด้วยความสาแก่ใจ“เจ้า! นังตัวดี กล้าทำร้ายข้ารึ ข้าจะไปฟ้องลุงของเจ้า”นัยน์ตากลมโตกลอกมองบนไม่แยแส “เชิญท่านขี่ม้าสามศอกไปฟ้องท่านลุงของข้าได้เลย ข้าถูกทำโทษจนเคยชินเสียแล้ว ครั้งนี้จะให้ข้าทำอะไรอีกเล่า คุกเข่าสองชั่วยาม
“เห็นกงกงบอกว่าอาหารพวกนี้เจ้าเป็นคนทำทั้งหมด”“เพคะ หม่อมฉันทำเอง รสชาติไม่ถูกปากองค์ชายหรือเพคะ”“แม่นางเฉินเข้าใจผิดแล้ว รสชาติที่เจ้าทำถูกปากข้ามาก แต่เดิมข้าคิดว่าเป็นพ่อครัวของทางโรงเตี๊ยม เสด็จย่าของข้าชื่นชอบการชิมอาหารและขนมหวานเป็นที่สุด เดิมทีหากเสร็จเรื่องข้าคิดจะเชิญพ่อครัวเดินทางไปวังหลวงด้วยกัน แต่ในเมื่อเป็นเจ้า ข้าเองก็ไม่อยากรบกวน เพียงแต่สูตรอาหารเหล่านี้สามารถขายให้ข้าได้หรือไม่”“องค์ชายเพคะ อาหารที่หม่อมฉันทำไม่มีสูตรตายตัว จึงไม่อาจทำตามพระประสงค์ของท่านได้”กงกงได้ฟังก็หน้าถอดสี “เจ้านี่ช่างเหิมเกริมนัก องค์ชายอุตส่าห์ลดตัวออกปากตรัสกับเจ้า แต่เจ้ากลับ…”“กงกง” จินชางหลงปรามกงกงค้อมศีรษะพลางหลุบเปลือกตาลงหน้าสลดเฉินอิ้งถงยิ้มไปจนถึงดวงตา “ข้าน้อยยังพูดไม่จบ กงกงก็เร่งตัดสินเสียแล้ว”เหยียนอ๋องที่นั่งเงียบมานานพลันเอ่ย “เจ้าช่างลูกไม้เยอะจริงเชียว เรื่องขวางขบวนวันก่อนอย่าคิดว่าข้าดูไม่ออกว่าเจ้าจงใจ”เฉินอิ้งถงไม่ได้ตกใจที่เหยียนอ๋องมองออก นางทราบอยู่แล้วว่าเขาเป็นพระเอกธงแดงที่มองผู้อื่นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง“อย่างไรหม่อมฉันก็ต้องขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไม่ละเลยช